Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา :- บันทึกการเดินทาง ช่วงที่ 2 (วันที่ 68 - 77)



กุมภาพันธ์ 2562

ครบรอบ 12 ปี จากการอ่านครั้งล่าสุด

ถือโอกาสกลับมาแก้ไขคำที่พิมพ์ผิดและใส่รายละเอียดเพิ่มเติม


==============================================


ตัดตอนมาจาก บันทึกการเดินทางช่วงที่ 1 เพราะเด๋วมันจะยาวเกินไป

คำเตือน !!

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านและกำลังคิดว่าจะอ่าน เพชรพระอุมา ด้วยตนเอง

โปรดข้าม Blog นี้ไปซะ ด่วน!!!

แม้ว่าจะไม่ (ค่อย) spoil แต่อรรถรสของเรื่องจะลดลงไปเยอะ..เชื่อเหอะ


==============================================


อันเนื่องมาจากความอยาก...ส่วนตัว จิงๆนะ

ช่วงที่ 2 ของการเดินทางนี้ ค่อนข้างจะมีละเอียดเยอะและยาวกว่าช่วงแรก

แต่ละวันก็จะยาวมากกว่า บางวันลุงอี๊ดแกซัดไปซะครึ่งเล่ม..

บันทึกช่วงที่ 2 นี้ ก็เลยขอตัดแบ่งทีละ 10 วันก็แล้วกัน


==============================================


ภาค 1 ช่วงที่ 2 ออกจากหล่มช้าง (วันที่ 68 - 77)

วันที่ 68 (วันแรกที่ออกจากหล่มช้าง)
บุญคำทำพิธีเปิดป่า
เรื่องฮาๆ ที่ไชยยันต์ถูกถอดยศลงไปเป็นพลทหารเนื่องจากชี้ทิศผิด
แล้วพรานใหญ่ยังเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ ที่จับงูเขียวจิ้มขี้ควายเล่น
รพินทร์เจอร่องรอยการนอนพักของชด ประชากร
ตกดึก มีเรื่องงอนกันอีกแล้ว พรานใหญ่โดนตบไปหนึ่งที เลือดหยดติ๋งเลย
ถึงขั้นที่คุณหญิงสั่งแงซายให้ไปฆ่ารพินทร์

ชอบตอนที่สองเสือโต้ตอบกันจัง
- สมมุติว่าถ้าแกได้รับคำสั่งมาให้ฆ่าฉันละก็ ลงมือได้ !
- ผมจะฆ่าผู้กอง หรือผู้กองจะฆ่าผม ไม่เป็นสิ่งที่ยากนัก หากเราประจันหน้ากันสองต่อสอง
แต่ถ้าเราจะฆ่ากันในขณะนี้ ผมต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่าก่อนแน่ มันไม่เป็นสิ่งยุติธรรมนักไม่ใช่หรือ ?
- หมายความว่ายังไง ?
- ก็หมายความว่า คนที่ออกคำสั่งให้ผมมาฆ่าผู้กอง คงจะส่งลูกปืนมาเด็ดหัวใจผมเสียเอง
ก่อนหน้าที่ผมจะทันแตะต้องผู้กองแม้แค่ปลายเล็บ
- แกเป็นคนฉลาด แงซาย แต่สำหรับครั้งนี้ แกอาจโง่ก็ได้ ที่อ่านไปในรูปนี้
- ถ้าเกมนี้ไม่เสี่ยงจนถึงขั้นเอาชีวิตเป็นเดิมพันละก็ ผมอยากจะทดลองดูเหมือนกันว่าผมอ่านผิดหรือถูก..

สุดท้ายนายหญิงก็ถูกเจ้ากะล่อนแงซายซ้อนกลซะงั้น...

ตีสองฝนตกหนัก เลยแทบไม่ได้นอนกันเลย


วันที่ 69 (วันที่ 2 จากหล่มช้าง)
เจอรอยเท้าสางเขียว..ทะเลาะกันอีกแล้ว เพราะคุณหญิงอารมณ์ค้างจากเมื่อคืน
มุ่งหน้าช่องเขาหัวแร้ง เดินๆ ไปก็เจอรอยที่พักนอนของพวกมะราบรี แล้วก็โดนสางเขียวโจมตี
แต่ก็ยังเดินหน้าต่อ ระยะนี้ให้แงซายเดินนำหน้าเพราะจะได้พาไปดูร่องรอยของนายชด ที่เคยพบ

ณ ที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น ขอฝ่าฟันอุปสรรคและขวากหนาม
ถึงสิ้นชาติวาสนาชะตาทราม จะฝากนามให้โลกรู้กูก็ชาย !
ณ ที่นี้ไร้ญาติและขาดมิตร ยังก็แต่บ่าวสนิทพิศมัย
เสมอเพื่อนเสมือนญาติไม่คลาดไกล เป็นเพื่อนตายเคียงกูคู่ชีวา

ยังไม่ทันไรก็ได้ฟาดกับสางเขียวเล็กน้อยเพราะทนไม่ได้ที่เห็นนางเที๊ยะ (ตองเหลือง) ถูกฆ่า
ครึ่งบ่ายหลังกินข้าวเสร็จ ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป แล้วก็มาเจอส่างปา เดินสวนมาขอความช่วยเหลือ
คุณหญิงดารินเลยสั่งเบนเข็มไปบอกกล่าวให้ความช่วยเหลือนายเคราเหลืองและภรรยาซะก่อน
ดร.ฮอฟมัน และ มาเรีย...เฮ่อ ตัวละครเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ตกเย็นรพินทร์เตรียมรับมือกับสางเขียวซะยกใหญ่ แต่ไม่ยักกะมีอะไรเกิดขึ้น


วันที่ 70 (วันแรม 6 ค่ำ พระจันทร์ขึ้นประมาณ 5 ทุ่ม) (1075-1165)
Adam & Eve เล่นน้ำเพลินๆ สางเขียวก็ยกพวกมาฉุดหญิงผมทองไปซะงั้น
ยิงถล่มกันอีกยก แงซายยิงธนู (อีกแย้ว)
ดร.ฮอฟมันตาย ฝากมาเรียไว้กับทุกคน
ค่ำๆ เจ้าเกอะ ตองเหลืองพ่อนางเที๊ยะ มาส่งข่าวเรื่องฉุดหญิงผมดำ
แงซายงัดว่านพระอาทิตย์มาใช้ ป้องกันพิษหนังคางคกภูเขา
รพินทร์จับลูย่างไฟ..อึ๋ย..เสียว
พรุ่งนี้เตรียมออกตามมาเรีย แต่ไม่มีใครนอนหลับเพราะฤทธิ์ว่านพระอาทิตย์
แงซายกวน teen อีกแล้ว (ผู้กองเขาว่างั้น)

คุณหญิงวิเคราะห์ว่าพ่อยอดชายนายพรานของหล่อนมี 'ปมเขื่อง'
"คุณมีจุดอ่อนอะไรอยู่อย่างหนึ่งนะ นายพราน บางทีคุณอาจไม่รู้ตัวก็ได้"
"ถ้าศัลยแพทย์-สูติแพทย์-รวมทั้งบัดนี้กำลังกลายเป็นจิตแพทย์ขึ้นมาด้วย จะกรุณาบอกให้ทราบไว้บ้าง ก็ดีเหมือนกัน"
"ปมเขื่องยังไงล่ะ !"
"หมายความว่ายังไงไม่ทราบ ?"
"สำนึกบอกกับตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า ในป่าแล้วตนเองต้องเป็นใหญ่ ใครจะมาเสมอทัดเทียมไม่ได้ พอเจอคู่ปรับที่ชั้นเชิงทันกันเข้า ก็เลยเขม่นไม่ชอบหน้า คอยจ้องจะเอาเรื่องจับผิด มองในแง่ร้ายกันเสียเรื่อย"

อืมม..แล้วพ่อยอดชายของเราเลยตอบกลับไปว่า
"เข้าใจวิเคราะห์มาก คุณหมอ..บางทีมันอาจเป็นจริงอย่างที่ว่านั่นก็ได้ แต่คุณหมอจะไม่วิเคราะห์ตัวบ้างหรือว่าทำไมนะ ในฐานะของนายจ้าง ดึกดื่นค่อนคืนอันสมควรจะเป็นเวลาพักผ่อนหลับนอน กลับไม่ค่อยจะยอมนอน มักจะลุกขึ้นมาปลุกลูกจ้างขึ้นชวนทะเลาะอยู่เป็นประจำ"

แหม.ม..รพินทร์เนี่ย..คิดเหมือนเค้าเลยตัวเอง.ง...


วันที่ 71 ศึกสางเขียว (1165-1316)
โดยส่วนตัว ชอบตอนนี้มาก เพราะยิงกันอย่างกับอยู่ในสงครามจริงๆ
จนน่าสงสัยว่า แล้วหนทางข้างหน้าที่ยังไม่รู้อนาคตเนี่ย..กระสุนจะพอเหรอฟะ
อีกอย่าง มีฉากสวีทเยอะกว่าตอนอื่นๆ ด้วย..อิอิ

เริ่มจากออกเดินแต่เช้า เพราะท่าทางจะไกลพอควร เพราะเดินตั้ง 8-9 ชม.
เหลือเฝ้าแคมป์ 3 คน คือ จัน เกิด เส่ย
รพินทร์แลกเอา .30-06 CZ มาจากเส่ย ส่วนคุณชายก็แลกเอามัลลิเคอร์มาจากเกิด
แล้วก็ทำสะพานลิงข้ามเหวไปฝั่งสางเขียว
เห็นมาเรียนอนเปลือยอยู่บนแท่นบูชายัน
(คนอ่านหลายๆ คนคงนึกอยากเป็นมุมบา หรือ ซูซู ก็คราวนี้แหล่ะ..เหอ เหอ)
ทุกอย่างคงจบลงง่ายกว่านี้ถ้าคะหยิ่นไม่เผลอให้ลูหนีไปได้
เลยเกิดตะลุมบอนกันขนานใหญ่ สะบักสะบอมไปตามๆ กัน
จนกระทั่งสางเขียวเผาสะพาน รพินทร์กับคุณหญิงติดอยู่ไม่สามารถข้ามไปได้
แถมพวกตัวร้ายยังปล่อยกองทัพหมาผู้หิวโหยออกมาหมายจะหม่ำผู้กองกับนายหญิงของเราอีก..
ดีที่ผีนางเที๊ยะมาช่วยนำทางไปหลบบนถ้ำ ม่ายงั้นคงแย่
เพราะยอดชายนายพรานของเราดันจับไข้ขึ้นมาน่ะซิ (อยากเป็นดารินในฉากนี้จัง)
ก่อนจะหมดความรู้สึกไป รพินทร์ก็ยังอุตส่าห์สั่งความให้คุณหญิงระวังตัวยังไงบ้าง
นอนหนาวอยู่ค่อนคืน คุณหญิงเลยได้รับรู้ความรู้สึกของพรานใหญ่
เพราะแพรสีรุ้งที่เก็บไว้ตรงตำแหน่งหัวใจนั่นแหล่ะ..

"รู้ไหม..เสน่ห์ของเธอมันอยู่ที่ความปั้นปึ่งเฉยเมยไม่แยแส ที่เธอแสดงต่อฉันมาตลอดนั่นแหล่ะ อยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะแสดงไปได้นานสักแค่ไหน คงจะลำบากใจไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ ในการที่ใจคิดอย่างหนึ่ง การกระทำต้องแยกไปอีกอย่างหนึ่ง ฉันรู้ดี เพราะฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน !.."

แล้วก็เป็นดังว่า ตีสาม สางเขียวไต่ขึ้นมาตามผาชัน
ผีนางเที๊ยะมาปลุกคุณหญิง เลยสอยร่วงไปทีละตัว (ด้วยกระสุนที่เหลือ 28 นัด)
จังหวะนี้รพินทร์เลยได้อ้อนคุณหญิง นอนหนุนตักซะเลย (เขาไม่สบายจริงๆ นะ)

พอตีสามครึ่ง ก็ไต่มาตามไม้ล้มหน้าถ้ำ คุณหญิงเก็บไปเกือบหมด
เหลือแค่ลู ที่เดินตาโบ๋เข้ามาหา รพินทร์สร่างไข้ รู้สึกตัวขึ้นมายิงทันพอดี คุณหญิงเลยรอดไปหวุดหวิด
คราวนี้คุณหญิงเลยอาศัยอกพรานใหญ่เป็นหมอนหนุนบ้าง

- รพินทร์..
- ครับผม
- ถ้าฉันหลับโดยไม่ตื่นขึ้นอีก..
- ทาสคนนี้ก็จะขอเฝ้าเจ้าหญิงนิทรา โดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนตราบชั่วนิรันดร์ !
- จริงๆ นะ..
- จริง..
- ไม่เกลียดฉันดอกหรือ ?
- คิดอยากที่จะเกลียด แต่หัวใจมันทรยศต่อความคิด คุณหญิงเล่าครับเกลียดพรานไพรใจฉกาจคนนี้มากแค่ไหน ?
- มากเท่าๆ ที่เคยเกลียดตัวเอง..
- เดี๋ยวนี้ เราเห็นหน้ากันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ชีวิตจะแตกดับไปเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ โปรดอย่าได้จงเกลียดจงชังทาสผู้แสนจะซื่อสัตย์คนนี้อีกเลย..

แล้วดารินก็หลับไปในอ้อมกอดนั้นโดยไม่รู้สึกตัว

ผลัดกันซบ อิจฉาวุ้ย!


วันที่ 72 ศึกสางเขียว (1316-1406)
ตี 5 กว่าๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดอีกครั้ง แงซายแน่นอน
โดยบัญชาจากนายใหญ่ ทำลายล้างหมู่บ้านสางเขียวให้พินาศ
ได้ยินเสียงนี้ก็สบายใจได้ เดี๋ยวพวกนั้นก็ตามมาเจอ
สองคนก็เลยนั่งจิบกาแฟ กินขนมปังกระป๋องกันสบายใจ
ชื่อเพลง "นิ้งหน่อง" ปรากฎอีกครั้งตอนนี้เอง

อีกฉากที่รู้สึกสงสารรพินทร์มากก็คือ ตอนที่นั่งกินกาแฟมองตากัน
แล้วรพินทร์หวนนึกถึงวันแรกที่เขาและเธอได้พบกัน

บ่ายวันนั้นท่าทางของหล่อนเย่อหยิ่งไว้ตัว สายตาก็เต็มไปด้วยแววเหยียดหยาม ไม่เป็นมิตร แน่ละ คนทระนงอย่างเขาไม่สนใจแยแสกับหล่อนเลย ต่อให้เลิศลอยหยาดฟ้ามาดินสักเพียงไหน สายตาเริ่มไม่กินเกลียวนับแต่แรกพบ ทรรศนะ อารมณ์ก็ดูจะห่างไกลออกไปคนละทิศชนิดไม่มีวันมาบรรจบกันได้ ป่าดงพงไพรและความยากแค้นทุรกันดารร่วมกันแท้ๆ ที่ยอมให้เลือดต่างสีกลายมาเป็นสีเดียวกันได้ แต่นั่นมันก็มีพื้นฐานมาจากธาตุแท้ที่ตรงกัน หล่อนเป็นคนจริงเท่าๆ กับเขา ใครจะนึก หม่อมราชวงศ์หญิงคนนั้นจะมาร่วมเผชิญมหาภัยกับพรานไพรเช่นเขา

ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนมันทำให้อคติและประมาณการอย่างผิดๆของเขาสลายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่การคารวะยกย่อง

ความสุขเกิดขึ้นเงียบๆ กลางใจของคนที่มีชีวิตเกิดมาไม่เคยพบกับแก่นแท้ของความสุข แต่แล้วต่อมามันก็กลายเป็นความเศร้าเมื่อสำนึกบางสิ่งบางอย่างเตือนตนเอง สายตาดื่มด่ำที่จับนิ่งอยู่ยังใบหน้างามนั้น ลดต่ำลง...

เฮ่อ..สงสารรพินทร์จัง

พอข้ามกลับไปฝั่งโน้นได้ก็เดินทางกลับแค้มป์
คะหยิ่นเอาหัวซูซูและลูปักไว้ริมผา ให้พวกสางเขียวที่เหลือได้เห็น..หึหึ

กลับถึงแคมป์ ไรเฟิลแมน-ที่คุณชายใหญ่เรียกรพินทร์ (ดงมรณะ 4 : 1372)
ก็เปลี่ยนให้แงซายถือ .460 เวเธอร์บีแม๊กนั่ม ของดร.ฮอฟมัน (ที่มีกระสุนเพียง 35 นัด)
เพราะมาเรียไม่เอา แล้วเอา .375 ของดารินที่แงซายใช้อยู่เอาไปให้ส่างปาถือแทน

วันนั้นของเดือนของมาเรีย..


วันที่ 73 (ดงมรณะ 4 : 1406)
วันพักผ่อน
มาเรียโชว์ฝีมือการยิงปืนให้ได้ชม จนไชยยันต์แซวคุณหญิงว่า
"ฟ้าให้ดารินมาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้มาเรียมาเกิดอีกก็ไม่รู้-ฉันรำพึงแทนให้เธอ"
แงซายลองทางปืนกับต้นตะเคียน แล้วไรเฟิลแมนก็แสดงฝีมือปรับศูนย์กล้อง ..เก่งจริงๆ ผู้กองของผม..

หัวค่ำ บุญคำบอกเรื่องต้นตะเคียนให้รพินทร์รู้
ถ้าได้อ่านภาค 2 แล้วจะรู้สึกงงๆ กับตอนนี้มากเลยว่า ทำไมรพินทร์ไม่จัดการเองให้เรียบร้อย (ฟะ)
เพราะภาค 2 เนี่ย จอมพรานของเรางัดวิชาอาคมสารพัดออกมาใช้อ่ะ..ชอบ ชอบ
แต่ภาคนี้เฉยๆ ไม่ทำอะไร ตกดึกเลยเกิดเรื่องเลยมั๊ยล่ะ
พวกพรานพื้นเมืองนอนกันไม่ได้เพราะฝันร้าย ลมพายุก็พัดถล่มกันระเนระนาด
แถมนางตะเคียนอรัญญานีก็มาเอาคุณหญิงไปอีก กว่าจะแก้คืนกันมาได้ก็เล่นเอาเหนี่อย
งานนี้ได้เห็นรพินทร์งัดของดีออกมาใช้ด้วย พวกเบ็ด หวาย ข้าวสารเสก หินสะเก็ดดาว เหล็กไหล
เอาใส่ในปลอกกระสุนลูกซองยิงขึ้นฟ้า ปราบพรรคพวกนางตะเคียนลงได้
สุดท้ายเลยไม่ต้องนอนกัน..


วันที่ 74 (จอมผีดิบมันตรัย 1 : 73)
เริ่มออกเดินทางต่อ เดินๆๆๆๆ แล้วก็ เดิน .. พร้อมกับเพลง "โอ้เจ้าช่อมะนาว..." ของบุญคำ
ตัดออกทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขาจ้าว ที่แล้ง ร้อนระอุ หาแหล่งน้ำได้ยาก
พอหาที่วางแคมป์ได้ ก็เจอเรื่องตื่นเต้น (อีกแล้ว) เพราะส่างปากับคะหยิ่นดันไปเจอคราบของงูยักษ์
ทำเอาเสียเส้นหมด..ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ตกดึก คุณชายยิงกวางได้ 1 ตัว แงซายเตือนแล้วว่าถ้าไม่ตามเอามาในคืนนี้ ก็จะไม่ได้ตัวมัน
เอาเข้าจริงๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้ร้องก๋อยๆ มากันเต็มป่า แล้วก็โซ้ยเรียบ เหลือแต่หัว
รพินทร์เรียกแงซายว่า "เจ้าการเวกเสียงหวาน" เป็นครั้งที่ 2 (จอมผีดิบมันตรัย 1 : 131)


วันที่ 75 (จอมผีดิบมันตรัย 1 : 132)
เช้ามาก็เป็นตามที่แงซายบอกไว้ กวางใหญ่ที่ยิงได้เมื่อคืน เช้านี้เหลือแต่หัวกับโครงกระดูกกระจัดกระจาย
จนในที่สุด รพินทร์ก็บอกถึงเรื่องผีกองกอย และเขาลูกนี้ มังมหานรธาก็ตั้งชื่อไว้ว่าเขากองกอย
แต่ก็ยังคงเดินทางต่อไป ระหว่างทางก็เก็บพวกลูกเดือยมาต้มกินผสมไปด้วย
เพราะข้าวสารมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายที่จะได้กิน และคืนนี้ก็ได้ที่ (เหมือนจะ) เหมาะที่จะตั้งแคมป์
ระหว่างตั้งแคมป์ มาเรียกับส่างปาแยกออกไปหากับข้าวเพิ่ม
รพินทร์กับบุญคำก็ด้วย ไชยยันต์กับแงซายก็แยกไปอีกสายหนึ่ง
แต่ไม่ทันไรก็เจอเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว (นี่ลุงอี๊ดจะไม่ให้คนอ่านหยุดหายใจกันบ้างเลยเหรอเนี่ย..)
มาเรียเจ๋งว่ะ สู้กับกระทิง คุณหญิงชิดซ้ายไปเลย..แล้วก็เลยได้ความรู้เรื่องนิสัยของกระทิงด้วย...ดีจัง
ตื่นเต้นกันไปไม่ทันไรก็มีเรื่องให้พรานใหญ่ของเรายุ่งยากใจอีกแล้ว เพราะมาเรียไปหย่อนระเบิดไว้กับคุณหญิง
เรื่องที่พรานใหญ่เคยปล้ำจูบตนเอง..เฮ่อ (ตอนอ่านครั้งแรก..ไม่ชอบยัยเนี่ยเลยจริงๆ ตัวมาร!!)
เอาเข้าจริงๆ รพินทร์ของเราก็ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ป่าเปลี่ยว แล้วสาวเจ้าก็ยั่วซะขนาดนั้น..เฮ่อ..

แต่คุณหญิงก็ไม่หลงกลนะ (หรือว่าหลง แต่แกล้งไม่หลง..เอ๊ะ..หรือยังไง??)
ยังอารมณ์ดีมานั่งคุยกับพรานใหญ่สองต่อสองอีกครั้ง หลังจากที่ไปติดอยู่บนถ้ำในดงสางเขียว
จนรพินทร์อดแปลกใจไม่ได้เพราะนึกว่าทุ่นที่มาเรียหย่อนเอาไว้จะระเบิดขึ้นมาซะอีก

กลางดึก เจ้ากองกอยก็กระดืบๆ เข้ามาในผ้าห่มของคุณหญิง จนแตกตื่นกันทั้งแคมป์ ชุลมุนกันใหญ่
แล้วก็จับได้ 1 ตัว (ดูเหมือนมันก็อยากให้จับได้เหมือนกันนะ) แล้วคราวนี้ก็มาเวลาถึงคณะเดินทางขี้สงสัย แบบว่าช่างสงสัยไปซะทุกเรื่อง คราวนี้ก็อยากรู้อีกว่า เจ้ากองกอยที่จับได้เนี่ย เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด ทั้งๆ ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆมาเป็นวันที่ 75 แล้ว น่าจะเออออห่อหมกได้แล้วว่าอย่าไปพิสูจน์อะไรมันเลย ไอ้เรื่องที่ไม่เคยเชื่อ รพินทร์ก็พิสูจน์ให้เห็นมานักต่อนักแล้ว แค่ผีกองกอยยังทำให้เป็นเรื่องจนได้.. (จนจับได้ว่า ลุงอี๊ดกะลังยืดเรื่องแล้วล่ะ แต่ก็ต้องอ่าน ไม่อ่านไม่ได้ ยืดก็ยืด (ฟะ) ..)

แล้วก็มาถึงข้อสงสัยของ จขบ.เองว่า ทำไมเจ้ากองกอยถึงเลือกแงซายให้เป็นสื่อกลาง
ทำไมไม่เลือกคนอื่น ยิ่งถ้าเลือกคุณหญิง รพินทร์ก็อาจจะเชื่อมากขึ้นก็ได้นะ


วันที่ 76 (เริ่มเข้าเขตนรกดำ)
เช้านี้ ทุกคนตื่นมาตอน 10 โมงเช้า งงๆ กันไป จนหาสาเหตุได้ว่าเป็นฝีมือแงซาย
เจ้าผีกองกอยก็หายไปด้วยกัน แถมยังทำเครื่องหมายบอกอีกแน่ะว่าไปทางไหน
อันนี้ก็กึ่งๆ ว่าที่แงซายใช้ยาสะกดให้ทุกคนหลับนั้นทำโดยตั้งใจหรือโดยการควบคุมของเจ้ากองกอย
ใน Club PPU เขาก็ถามกัน แต่ที่มาตอบก็อ่านแล้วยังไม่ค่อยกระจ่างนัก

แล้วก็ได้เวลาเถียงกันอีกแล้วว่าจะเอาไง จะตามแงซาย หรือ จะเดินทางต่อ ปล่อยแงซายไป
สุดท้ายก็ต้องตามแงซาย เพราะแผนที่เดินทางมันหายไปพร้อมกับแงซายด้วย

อ่านมาถึงตอนนี้ ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นความตั้งใจของแงซายซะมากกว่าที่ต้องการช่วยพวกผีกองกอย เพราะพวกนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้คณะเดินทางเปลี่ยนทิศเพื่อมาช่วยตนเอง..ใช่มะ

ออกเดินทางตามรอยที่พวกกองกอยทำไว้ให้ เดินๆๆ กันไปจนถึงทางสามแพร่งที่มีต้นพริกยักษ์
แล้วก็เจอตะขาบตัวเท่าซุง มากินพริก..นี่นี่ ใจคอลุงอี๊ดจะให้เจอสัตว์ประหลาดกันทั้งเรื่องเลยเหรอเนี่ย
ถ้าเป็นเราเจอเข้าเองคงหัวใจวายตายไปก่อนแล้วล่ะ..บรื๋อ.อ..
และก็ด้วยกระสุนสั่งของพรานใหญ่อีกเช่นเคยที่สามารถหยุดมันลงได้
ไม่เข้าใจว่าเจ้าตะขาบยักษ์เกี่ยวข้องกับผีกองกอยยังไง เพราะเห็นมาด้วยกัน..ใครรู้ช่วยบอกทีนะ

หายใจหายคอกันทั่วท้องแล้วก็เดินทางต่อ อันนี้ไม่รู้ว่ารพินทร์ตามรอยแงซายหรือว่าเดินหาน้ำ
เพราะเห็นบอกว่าน้ำกำลังจะหมด..แล้วก็อีกนั่นแหล่ะ จะอยู่ในเส้นทางหรือออกนอกเส้นทาง
ก็ดูเหมือนพวกกองกอยจะรู้ เพราะให้แงซายเดินดักหน้า คราวนี้รพินทร์เห็นตัวเลยกำลังจะกวดทันอยู่แล้ว อยู่ๆ แงซายก็หายไปซะงั้น แล้วตะขาบยักษ์ (แต่ตัวย่อมกว่านิดหน่อย) ก็โผล่ออกมากัดไชยยันต์ปางตาย
สำหรับตัวนี้ สองสาวในคณะช่วยกันยิง หนุ่มๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย..

ไชยยันต์ทำท่าจะตายเอาจริงๆ
ช่วงที่อ่านนี่ยังนึกต่อว่าลุงอี๊ดอยู่เลยว่า..ใจร้าย (ทำเสียงให้เหมือนคุณหญิงด้วยนะ)
เรื่องนี้จะมีการตายเกิดขึ้นกับตัวละครหลักๆ เชียวเหรอ..
และแล้วจากที่หมดลมหายใจ จนตัวเริ่มเป็นสีม่วง เจ้าพรานต่องสู่-ส่างปาก็มาสะกิดบอกพรานใหญ่ว่า
พ่อเคยบอกวิธีแก้ถ้าโดนตะขาบยักษ์กัด..อ่าว.ว.. ทำไมเพิ่งมาบอกฟะ
พอดีกับที่เจ้าผีกองกอยตัวเดิมมาช่วยดูดพิษแล้วก็กวักมือเรียกหยอยๆ ให้ตามมันไป
ดูท่าจะมาดี ไม่ได้มาร้าย พรานใหญ่ก็เลยตามไปดู
แล้วก็มาดีจริงๆ ด้วย เพราะพาไปที่ต้นพริกยักษ์ ซึ่งตรงกันกับที่ส่างปาบอกไว้..
ระหว่างที่เก็บพริก เจ้ากองกอยก็โดดหายไปแล้วก็ได้ยินเสียงปืนจากทางแคมป์
เอาล่ะสิ..เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย ระหว่างรีบรุดกลับแคมป์ก็เจอค้างคาวยักษ์โจมตี..
พอรอดกลับมาถึงแคมป์ก็เลยได้รู้ว่าที่แคมป์ก็เจอเหมือนกัน..อะไรเนี่ย.ย..
เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก ช่วยไชยยันต์ก่อนดีกว่า
โดยการเอาเนื้อตะะขาบมาตำผสมกับพริกยักษ์แล้วเอามาพอกที่ปากแผล..เฮ้ย..ได้ผลฟ่ะ
พอดูดพิษออกหมด ก็หายเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย..

แล้วต่างก็ผลอยหลับกันไปด้วยความเหนื่อยล้า
คุณชายสะดุ้งตื่นอีกครั้งกลางดึก แล้วก็แว้บเห็นคนยืนอยู่ พอจะออกไปดูรพินทร์ก็ห้ามไว้เสียก่อน
แล้วก็ออกไปด้วยกัน ปรากฎว่า เป็นแงซายจริงๆ ด้วย แต่ก็ลงความเห็นกันว่ายังไม่ควรออกตามตอนนี้ รอให้สว่างก่อนดีกว่า เพราะจากที่ผ่านมา ตามกระชั้นชิดจะได้ตัวทีไร เป็นเรื่องทุกที
พอคุณหญิงตะโกนเรียก เรียกไปเท่าไรทุกครั้งทีหยุดก็จะมีเสียงหัวเราะสะท้อนกลับมาพร้อมกับเสียง
"ถึงอย่างไรพวกท่านก็ต้องไป-ไปสู่ความพินาศแห่งอาถรรพ์ของนครแห่งความหลับ หรือมิฉะนั้นก็เพื่อไปแก้บ่วงทัณฑกรรมให้แก่พวกเรา.."

เป็นอันว่านอนกันก่อนดีกว่า แต่ก็ไม่มีใครหลับลง จนมาเรียพูดถึงความฝัน ทั้งดารินและไชยยันต์ก็ฝันด้วย
มาเรียฝันว่า สเตเกลมาบอกให้กลับ อย่าไปต่อ
ดารินฝันว่านางไม้ต้นตะเคียนมาบอกให้ระวังตัว คณะเดินทางกำลังอยู่ในอันตราย
ส่วนไชยยันต์ฝันเห็นปราสาท เห็นโลงแก้ว มีผู้หญิงสวยนอนอยู่ ปากเปรอะไปด้วยเลือด..
ฝันของไชยยันต์ทำให้ทั้งคุณชายและรพินทร์ประหลาดใจมากเพราะมันเหมือนที่แงซายพูดออกมาในคืนนั้น
มันต้องมีอะไรแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้เท่านั้น

ฉากที่รพินทร์แสดงความจริงใจออกมาก็ตอนนี้แหล่ะ
"เมื่อแรกทีเดียว ผมรับนำทางมาในครั้งนี้ก็ด้วยค่าจ้างเป็นหลักใหญ่ หวังไว้ด้วยว่าเวลาใดก็เวลาหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว คณะนายจ้างของผมจะทนต่อความยากแค้นทุรกันดารในการเดินทางต่อไปไม่ไหวและตัดสินใจกลับ ซึ่งนั่นเป็นโอกาสของผม แต่สำหรับเดี๋ยวนี้ ถ้าแม้ว่าคณะนายจ้างของผมจะคิดหันหลังกลับ ผมก็จะขอวิงวอนว่า จงก้าวต่อไปข้างหน้าเถิดครับ ก้าวไปจนกว่าเราจะประสบผลสมดังเจตนาที่เราตั้งไว้ หรือมิฉะนั้น ก็ไม่เหลือพวกเราเลยแม้แต่ชีวิตเดียว.....ผมจะไม่มีความสุขเลย ถ้าการเดินทางครั้งนี้ล้มเหลว ต้องกลับเสียก่อนโดยเข้าไม่ถึงเจตนาเดิมที่เราวางเข็มไว้"


วันที่ 77 ว่านเสน่ห์จันทร์
โผเผกันเต็มทีเช้านี้ เพราะเมื่อคืนได้นอนกันไม่เต็มที่
ยกเว้นไชยยันต์คนเดียวที่ดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อวานนี้
วันนี้ก็ออกตามต่อ เดินกันท่ามกลางความร้อนระอุ แหล่งน้ำเป็นพิษจากใบไม้พิษ
แล้วก็มีสิ่งที่แทรกซ้อนเข้ามาอีกคือเจ้าเสือแมลงภู่ เสือโคร่งดำปลอด สูงท่วมอกพรานใหญ่
เกือบจะได้ตัวกันอยู่แล้วเชียว ถ้าคุณหญิงไม่ยิงกิ้งก่าประหลาดช่วยมาเรียไว้เสียก่อน
พอออกตามต่อ แงซายก็พาไปเจอกับซากละมั่งที่โดนดูดเลือดไปหมดแล้ว..ได้เสบียงแล้ว..ดีจัง
สองชั่วโมงต่อมา รพินทร์กวดตามแงซายทันแต่ก็โดนจับทุ่มน็อคไปเลย ฟื้นมาก็ยังงงๆ ซึมๆ ไป
คืนนั้นพรานใหญ่ก็โดนหมอดารินสะกดด้วยยานอนหลับอย่างแรง
แล้วก็จัดที่นอนใหม่ รพินทร์นอนตรงกลาง ขนาบด้วยสองสาวและสองหนุ่ม

คะหยิ่นบอกคุณชายว่า ได้กลิ่นเกสรว่านเสน่ห์จันทร์
ถ้าว่านนี้ขึ้นใกล้แหล่งน้ำไหน น้ำนั้นจะกินได้ แถมยังบอกอีกว่า
"กลิ่นของมันมีมนต์อาถรรพ์นัก กล่าวกันว่าถ้าหนุ่มสาวอยู่ใกล้ชิดกันที่ใด หากเรนูของมันขจรขจายไปถึง จะมีการเสียตัวเกิดขึ้นที่นั่น !" ท่าจะจริงแฮะ..เพราะไชยยันต์เสียให้มาเรียไปซะแล้ว.ว....เหอ เหอ..

แล้วเจ้าค้างคาวยักษ์ก็มารังควานตามคาด ดีที่ชัยภูมิการตั้งแคมป์คืนนี้ดีมาก
เป็นป่าหินล้อมรอบ แคบเกินกว่าที่เจ้าค้างคาวยักษ์จะโฉบลงมาได้ถนัด
แล้วก็เปิดศึกยิงกันสนั่นหวั่นไหน แต่พรานใหญ่ก็ยังคงไม่รู้สึกตัว
ยิงสกัดจนเจ้าค้างคาวบินหนีไปพร้อมกับเสียงเหมือนผู้หญิงกรีดร้อง!!

= = = = = To be Continue บันทึกการเดินทางช่วงที่ 2 (วันที่ 78 - 87) = = = = =






Create Date : 13 ตุลาคม 2550
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2562 8:34:32 น. 6 comments
Counter : 2553 Pageviews.

 
ผมเพิ่งอ่านจบเองครับ อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ สมัครเข้าแฟนคลับเพชรพระอุมาหรือยังครับ


โดย: ERECTUS วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:13:12:15 น.  

 
ขยันดีจริงๆ คุณการเวก


โดย: พินรดา IP: 58.8.40.247 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:20:21:16 น.  

 
ฤกษ์งามยามดี Office ไฟดับ.. ย้าย ย้าย ย้าย ที่อยู่ให้ใหม่สำหรับ blog ที่เกี่ยวกับหนังสือจ้า


โดย: เจ้าการเวกเสียงหวาน วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:15:29:52 น.  

 
อ่านแล้วเหมือนกันค่ะ...ชอบมากๆเลย


โดย: ellaper วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:17:12:35 น.  

 
รับรองอ่านล่วงหน้าก็ไม่หมดหนุกหรอกสำหรับพี่น่ะ เพราะว่าคนแต่งๆได้อารมณ์มาก ลุงแกเจ๋งจริงๆ


โดย: พี่แหม่ม (Chulapinan ) วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:17:37:42 น.  

 
ฮิ ฮิ กำลังอ่านอยู่เลย ไปดีกว่าไปอ่านต่อแล้ว


โดย: พี่แหม่ม (Chulapinan ) วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:20:52:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.