Group Blog
 
<<
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 มีนาคม 2562
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา 2 :- บันทึการเดินทาง (วันที่ 10 : 5)

มีนาคม 2562


**ถ้าเมื่อวานนี้ ดารินเดินรวดเดียวถึงห้วยเสือร้อง ก็จะย่นระยะห่างไปได้ 3 วัน (ช่วงที่รพินทร์เสียไป 3 วันกับ ป่าไผ่ระหว่างทางรักษาสะเอิง, หน้าผาตะเคียนทองที่นอนเจ็บ, เนินสักดำวันที่ผาผีร้องถล่ม) แต่สุดท้ายก็ตั้งแค้มป์ที่เนินสักดำ สรุปว่า ย่นระยะห่างไปได้เพียง 2 วัน-จขบ.

"สัจจะ" แปลว่า ความสัตย์ ความซื่อ
ถ้าขยายความตามศัพท์แยกได้ 3 ลักษณะคือ ความจริง ความตรง และความแท้
จริง คือ ไม่เล่น
ตรง คือ ความประพฤติทางกาย วาจา ตรง ไม่บิดพลิ้ว ไม่บ่ายเบี่ยง
แท้ คือ ไม่เหลวไหล
ตรงข้ามกับคำว่า อสัจ ซึ่งแปลว่า ไม่จริง บิดพลิ้ว

แต่ถ้าในทางปฏิบัติ สัจจะ คือ ความรับผิดชอบ
หมายความว่า ถ้าจะทำอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำจริง มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำทุกอย่าง ไม่ปล่อยผ่านกับสิ่งที่ได้รับมา จะทำทุกสิ่งที่มาถึงมืออย่างสุดกำลัง และทำอย่างสุดความสามารถให้เป็นผลสำเร็จ

ลักษณะของสัจจะ มี 5 ประการ คือ
1. สัจจะต่อความดี
2. สัจจะต่อหน้าที่
3. สัจจะต่อการงาน
4. สัจจะต่อวาจา
5. สัจจะต่อบุคคล
 

วันที่ 10 (เล่ม 37 : นาคเทวี 1 น.4187)
รพินทร์ - วันที่ 10 : นรกดำ (ยอดเขาปีกซ้ายของเขานกอินทรี-ทะเลสาบบนยอดเขา)
ดาริน - วันที่ 5 : เนินสักดำ-ห้วยเสือร้อง

จขบ.-นังแม่มดคริสติน่า ฉันเกลียดแก (น.4198-4200)

สางห่า โผล่ขึ้นมาจากบ่อโคลนเดือด (น.4210)
ข้าพเจ้า รอที่จะได้พบเห็นท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าก็ได้พบแล้ว
มาตรแม้นว่าข้าพเจ้าเคยมีบาปเวรใดๆ กับท่านมาก่อน ไม่ว่าแต่ชาติใดภพใดก็ตาม
ขอท่านจงเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะชดใช้กรรม
แต่จงปลดปล่อยทุกชีวิตที่มากับข้าพเจ้าในครั้งนี้ไปโดยความสวัสดี
ขออย่าให้เกิดภัยใดๆ แก่เขาเหล่านี้เลย
อิติปิโส ภะคะวา ยมราชะโน
ท้าวเวสสุวรรณโณ มระณังสุขัง
อะระหังสุขะโต นะโมพุทธายะ


แงซายมาอีกแล้ว..
จขบ.-ถึงจะมาครั้งละ 3 หน้า 5 หน้า แต่ก็เป็นส่วนที่น่าอ่านที่สุด เพราะไม่มีใครที่จะพูดจาประชดประชัน แดกดัน เหน็บแนม หลอกด่า ขนาดทำให้รพินทร์เถียงไม่ออกได้เหมือนแงซาย (น.4214-4219)

"ไม่ต้องไปเรียกร้องมันหรอก ความตายน่ะ ไม่ช้าก็เร็วมันต้องมาถึงผู้กองอยู่วันยังค่ำ หมดกรรมในชาติภพนี้เมื่อไหร่ก็ไปรับกรรมใหม่ในภพอื่นต่อไป ชาตินี้ก็กัดฟันเสวยทุขเวทนาไปก่อนให้ครบเทอมก็แล้วกัน คนอย่างผู้กองมีบาป แต่บุญก็มาช่วยบังไว้ จะดับขันธ์ไม่รู้สักกี่ครั้งแล้ว แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มาช่วยให้รอดพ้นอยู่ทุกครั้งไป คนอื่นๆ เขามักจะปลงว่า 'บุญมี แต่กรรมมาบัง' ผู้กองเป็นตรงข้ามกับคนอื่นเขา คือต้องปลงว่า 'กรรมมี แต่บุญมาบัง' เกิดมาเป็น รพินทร์ ไพรวัลย์ มันมีอะไรสวนทางกับคนอื่นเขาหมดยังงี้แหละ"

จขบ.-ชอบตอนนี้ แงซายสาธยายตัวตนของ รพินทร์ ไพรวัลย์ ได้หมดจดมาก
"เรียนมาในโลกที่เจริญทางวิทยาศาสตร์ แต่ผ่ากลับมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืดเร้นลับที่ครอบงำด้วยไสยศาสตร์..
ปากนอกท่องสูตรเคมีฟิสิกส์ ปากในดันท่องบ่นภาวนาพระสูตรไสยเวทคาถาอาคม..
อาชีพเป็นพรานป่าล่าสัตว์ แต่น้ำใจกมลสันดานแท้จริงกลับเมตตาปรานีต่อทุกชีวิต..
มือถือปืน ใจถือคัมภีร์มุ่งมั่นอยู่ในธรรมะ.. ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ มันค้านกันเอง สวนทางกันทั้งนั้น แม้กระทั่งรักผู้หญิงสักคนหนึ่ง..แทบจะกลืนกิน แต่ก็ดันผ่าผละจากมาได้อย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ไม่เรียกว่าผิดมนุษย์มนา สวนทางกับคนอื่นเขาหรือ"

อีกช็อตที่ฮาคือ
"แล้วนี่แกจะยืนค้ำหัวพูดอยู่กับฉันยังงี้นะหรือ?"
"แล้วจะให้ผมทำยังไง รำยี่เกไปพลางพูดไปพลางงั้นรึ?"
จขบ.-ภาคนี้แงซายน่ารักน่าถีบมากเลยค่ะผู้กอง

รพินทร์ ฟื้นขึ้นมาโดยไม่เป็นอะไรเลย
คะมิโต เยนะ สัทธัมโม คะมาปิโต สะเทวะกัง
คัจฉะมาโน สิวัง ธัมมัง คะมะยัญญัง นะมามิหัง


ไม่อยากจะพูดถึง แต่คณะนายจ้างขอร้องให้เล่าเรื่องของ สางห่า ให้ฟัง
กลับลงมานอนอีกครั้งก่อนสว่าง แงซายก็มาร้องเพลงกล่อมให้ฟังพร้อมๆ กับดาริน

************

ที่เนินสักดำ ดารินตื่นมาเรียกแงซาย
ไชยยันต์ว่า "..มันก็แปลกนะ ระหว่างเธอ..กับรพินทร์ จะต้องมีแงซายมาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงเสมอ เธอไม่ได้ฝันเห็นรพินทร์เลย เห็นแต่แงซาย และขณะที่เห็นแงซายก็หมายถึงว่า เขาเป็นสื่อกลางเหมือนจะสื่อความนัยอะไรไปถึงรพินทร์ทุกครั้งไป.." (น.4289)

"ไอ้เรามันคนใจอ่อน ขี้สงสาร.. แล้วก็บอกตรงๆ เคย 'รัก' มาก่อน แต่พรหมลิขิตมันหักเห เลยต้องแยกทางรักกันออกไปคนละทาง เพราะไอ้ความรู้สึกลึกซึ้งที่มันฝังอยู่นี่แหละ ทำให้ฉันพลอยทุกข์ร้อนไปกับเธอด้วย หนักกว่าพี่ชายสองคนของเธอเสียอีก ... คนเราฝืนลิขิตชีวิตไม่ได้หรอก ฉันรักเธออย่างคนรัก เธอรักฉันอย่างเพื่อน ก็ดีแล้วที่เธอไม่ฝืนใจตัวเองมาคิดแต่งงานกับฉัน.." (น.4293)

หนานอินบอกว่า ฝันเห็นแงซายมาเดินอยู่ในปางพัก (น.4306)
เล่าถึงตอนที่เดินป่าหาแรดหาช้างอยู่ด้วยกัน และก็พอจะบอกได้ว่า แงซายก็ศิษย์มีครู มีวิชาอาคมพอตัว แต่ถ้าจะส่งดวงจิตไปติดต่อบอกความแก่คนอื่นๆ ก็จะต้องมีฌาณขั้นสูงทีเดียว

มันตรัยย่องมาหา แต่เข้าไม่ได้
"ขณะนี้ อัคนีรุทร์ อยู่ที่ไหน?"
"มันกำลังก้าวไปสู่กาลวิบัติหายนะ ไม่มีสิ่งใดจะช่วยมันได้เลย.."
"แลกกันได้ไหม? เจ้าจงมาเอาชีวิตของ 'ข้า' ไป แล้วละเว้นปลดปล่อย 'เขา' เสีย อย่าได้ทำอะไรแก่เขาเลย ข้ายอมไปกับเจ้าแล้ว ไม่ว่าสู่นรกขุมไหน ขอเพียงอย่างเดียว จงยุติการตามล่าเขาให้หมดสิ้นเสียที" (น.4323)

(เล่ม 38 : นาคเทวี 2)
ก้าวออกจากปางพัก ก่อนที่ผีดิบบริวารมันตรัยจะมาถึงตัว อนุชาก็เปิดศึกก่อนเลย ตามด้วยไชยยันต์ยิง M79 ทำให้โขลงช้างที่แอบซุ่มอยู่ด้านล่างแตกหนีไป

ระหว่างเดินไปห้วยเสือร้อง หนานอินกระซิบกับอนุชา สงสัยว่าคนทำทางไปห้วยเสือร้องช่วงนี้อาจไม่ใช่รพินทร์ (น.4353)

************

ฝ่ายรพินทร์ ออกเดินทางลงจากเขา โดยยึดตามรอยของสางห่าที่เลื้อยนำไปตั้งแต่เมื่อคืน
"เหตุผลที่ผมต้องการเดินตามรอยของ 'เขา' ไปก็เพราะผมมีสังหรณ์ว่า 'เขา' ไม่ได้เป็นศัตรูกับเรา และเขาน่าจะนำเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่นำไปสู่ทางหายนะ" (น.4390)

ตลอดทางที่ตัวสางห่าเลื้อยผ่านไป ทิ้งร่องรอยกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์ไว้ จากที่เดินสบายๆ ก็มาเจอว่ายืนดักขวางทางอยู่ กัมมันตภาพรังสีเพิ่มสูงมากอย่างกะทันหัน รพินทร์สั่งให้ทุกคนถอยลงไปที่ตีนเนิน ส่วนตัวเองเดินเข้าไปเจรจากับเจ้าตัวปัญหา

เชิดวุธสงสัยว่าทำไมบุญคำเรียกไอ้ตัวไฟว่า 'พญานาค' (น.4422)
"..แต่บุญคำแน่ใจเกินครึ่งว่านายแก้ตก นายเป็นคนมีวิชา มีสัจจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มีสิ่งที่เรามองไม่เห็นคอยอุปถัมป์คุ้มครองอยู่.."

จขบ.-ชอบตอนคุยกับนาคเทวี (น.4425-4433)

สารังเทติธะ สัตตานัง สาเรติ อมะตัง ปะทัง
สาระถิวิยะ สาเรติ สาระทันตัง นะมามิหัง


"พราน.. ท่านน่าจะเป็นนักธรรม หรือสัตบุรุษมากกว่าจะมาเป็นพรานไพรนะ เก่งนี่ เก่งเกินสภาพของพรานป่าไปมากทีเดียว ที่สามารถป้องกันแก้อาถรรพณ์ต่างๆ ได้ด้วยอัตถะคาถาชั้นสูงแห่งพระศากยเจ้าผู้ตรัสรู้แล้ว..รู้ใช่ไหมว่าเรากำลังดักรอพบอยู่?"

"มหาเทวี! ข้าพระองค์รู้แต่เพียงว่า พระองค์ทรงเมตตานำทางมาได้โดยตลอด แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าจะพบพระองค์ดักรอคอยอยู่ พร้อมทั้งเย้าหยอกด้วยการลองฤทธิ์"

"ก็ต้องลองกันดูมั่งซิ ท่านเก่งนักไม่ใช่หรือ? เมื่อคืนก็พบกันแล้วครั้งหนึ่ง อยากจะเย้าให้มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ แต่เวทนามนุษย์ที่มีสัจจะเป็นอาภรณ์ซึ่งหาได้ยากมาก..ไหนลองเทศน์ให้ฟังสักบทซิ ถ้าถูกใจ จะเปิดทางให้ ถ้าฟังแล้วไม่เข้าท่าก็จะแผลงฤทธิ์ให้แก้เอาเองละ เวทมนตร์คาถาเดียรัจฉานวิชาก็ร่ำเรียนมามากไม่ใช่หรือ จึงกำแหงหาญกล้าฝ่าเข้ามาในดินแดนที่มนุษย์กิเลสหนายากนักที่ผ่านเข้ามาแล้วจะรอดชีวิตออกไปได้"

วิเวเจติ อสัทธัมมา จิตะวา ธัมมะเทสะนัง
วิเวเก จิตจิตะโต โย วิทิตะนะตัง นะมามิหัง


เดินตามทางชี้บอกของนาคเทวี เจอสระโบกขรณีตามที่เคยบอกคริสไว้
ก่อนลงไปที่ทะเลสาบ พรานใหญ่ขอสัจจะ 2 ข้อจากทุกคน (น.4476)
"สัจจะข้อที่หนึ่ง ..จะไม่ยิงสัตว์อีกเลย ตลอดทั้งวันนี้ จนกว่าจะพ้นบริเวณทะเลสาบอันเป็นแหล่งต้นของน้ำตกหลายสายออกไปก่อน"
"สัจจะข้อที่สอง ..ไม่ว่าใครทั้งสิ้น และไม่ว่าจะในภาวะที่ล่อแหลม ดูว่าน่าจะเป็นอันตรายอย่างใดจากสัตว์ทุกประเภทที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งูทุกชนิด ขออย่าได้ยิงหรือทำอันตรายเป็นอันขาด เห็นใกล้หรือเห็นไกลแค่ไหน สงบเฉยเสีย อย่ายิง อย่าส่งเสียงหรือกระทำการอันเป็นการขับไล่"

รพินทร์สั่งลูกน้องทุกคน (น.4479)
"ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทั้งสี่คนเลิกฆ่างู หรือกินเนื้องูได้แล้ว ไม่ใช่เฉพาะวันนี้..แต่ตลอดไปทั้งชีวิตเลย ...เราควรจะมีความกตัญญูและสนองตอบบุญคุณแก่ผู้ที่ให้คุณแก่เราบ้าง เขาช่วยนำทางให้แก่เรา ชี้ทางให้แก่เรา ยอมถอนพิษให้แก่เรา แล้วเรายังคิดจะเป็นศัตรูทำร้ายลูกน้องเขาอีกหรือ ...ที่แล้วก็แล้วไป ถือเสียว่าชดใช้เวรกันไปก็แล้วกัน แต่ตั้งแต่ฉันพบกับ 'เขา' แล้ว เราจะยุติกันเพียงแค่นี้ ไม่มีการจองเวรสร้างบาปกรรมกันอีก พบงูอีกที่ไหนก็คิดว่าเพื่อน แผ่เมตตาให้ก็แล้วกัน เชื่อแน่ว่ามันคงไม่ทำอะไรเราเหมือนกัน"

บอกกับเชิดวุธว่า "..ผมเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่า จะพาพวกคุณไปได้ตลอดรอดฝั่งเพียงไหน เพราะผมก็ยังเป็นคนมีบาปเวรอยู่ในเรื่องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถึงแม้จะมีสัจจะ แต่ก็ยังขาดศีลในบางข้อ แต่มันก็จำเป็นเสียด้วยในชีวิตพรานป่า.. และในขณะนี้ผมก็สำนึกแล้วว่า ผมกำลังชดใช้บาปกรรมที่ผมทำไว้ จากชีวิตที่ไม่เคยสุขสมหวัง สะดวกสบายกับใครเขาบ้างเลย ต้องมาทนทุกขเวทนาเดินป่าฝ่าดง เสี่ยงอันตรายเลือดตาแทบกระเด็นอย่างทุกวันนี้" (น.4485)

รู้สึกตัวว่าจะจับไข้ กินยาดักไว้ก็ไม่ทันแล้ว
นาคเทวีมาให้พร
"..เราจะให้อัตถะคาถาบทนี้แก่ท่าน ยามใดก็ตาม ที่ท่านตกอยู่ในห้วงทุกข์โศก ก็จงภาวนาเถิด ความตรมทุกข์เศร้าหมองก็จะบรรเทา" (น.4489)

โสกาวิรัตตะจิตโต โย โสภะมาโน สเทวะกัง
โสกะสัตเต ปะโมเจนะโต โสภะวัณณัง นะมามิหัง


ภาวนาไป 16 คาบ ก็ได้เจอดาริน (น.4490-4501)
ในฝันนั้น รพินทร์เก็บช่อปักษาสวรรค์มาทำเป็น 'มงกุฎไพร' สวมให้ดาริน
ดารินเดินเหนื่อยจนหมดสติไป ก็ได้เจอกับรพินทร์ในฝันเดียวกัน

************

ฝ่ายดารินถึงห้วยเสือร้องราวบ่าย
ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ตะเคียนทองโดนโขลงไอ้งาดำบุกถล่ม ส่งคนไปตามรพินทร์ สะเอิงโดนกระทิงเหยียบ รพินทร์ตกเหว หน้าผาถล่ม จนมาถึงห้วยเสือร้อง
อนุชาบอกว่า ถ้าออกเดินทางพรุ่งนี้ แปลว่า เราจะไล่หลังรพินทร์ 3 วัน (น.4548)
จขบ.-ก็นับได้ 3 วัน เหมือนกัน

แงซายมาแล้ว.. (น.4558)
ดารินลงมานอนพักทับรอยที่รพินทร์เคยมานอนเมื่อตอนมาวางแค้มป์ที่ห้วยเสือร้อง
แงซายมาเฉลยว่าติดต่อมาได้ยังไง จริงๆ ก็บอกใบ้กับรพินทร์ไปบ้างเหมือนกัน แต่รายนั้นคงไม่ใส่ใจ ยังคงคิดว่าเป็นจิตใต้สำนึกที่สร้างภาพแงซายขึ้นมาเอง
ดารินถามว่า ตนเองผิดใช่ไหม ที่ไม่เอาตัวรพินทร์ไปด้วยกัน เมื่อตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด
"ไม่มีใครผิดเลยแม้แต่สักคนเดียว ในเหตุการณ์ที่จะต้องพลัดพรากกันในครั้งนี้ มันเนื่องมาแต่กรรมเก่า ที่เป็นตัวส่งผลบันดาลทำให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่างขึ้น พัวพันกันไปหมดเหมือนสายโซ่"

ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ เพราะผิดกฎจักรวาล ผิดธรรมวินัยของอรหันตเจ้า
"เขายังรักมั่นคงอยู่ต่อฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า?"
"ข้อนี้ แงซายตอบได้ ต่อให้ดับขันธ์ไปแล้ว จิตวิญญาณของผู้กองรพินทร์ก็ยังรักซื่อสัตย์มั่นคงต่อนายหญิงอยู่ นายหญิงตัดสินใจถูกแล้วที่ติดตามมาในครั้งนี้"

"เธอไปพบเขาในเวลาไหน อย่างไร?"
"ก็อย่างเดียวกับนายหญิงนี่แหละ เวลาเขาเคลิ้มเข้าภวังค์หรือเวลาหลับ เวลาไร้สติเจ็บไข้ได้ป่วย จิตผู้กองนั้นแข็งมาก ถ้าไม่ได้โอกาสจริงๆ แงซายจะแทรกเข้าไปในมโนคติของเขาไม่ได้เลย บางทีรู้ว่ามีภัยรออยู่เบื้องหน้า อยากจะเข้าไปเตือนบอกก็ยังเข้าไปไม่ได้ ในขณะที่เขายังมีพลังจิตแข็งแกร่งอยู่"

"..สิ่งที่นายหญิงเพ้อฝันเห็นไปเองนั้น มันเป็นการพบกันชั่วขณะจิตต่อจิต ผู้กองเองก็รู้สึก มองเห็นภาพเช่นเดียวกับนายหญิงนั่นแหละ และเขาก็คิดว่าเป็นแต่เพียวความเพ้อพก จิตประหวัดไปเองเหมือนกัน นายหญิงได้พบผู้กองแล้ว ในขณะที่หมดสติไปนั้น"
แปลความจากที่แงซายพูด ดารินเลยได้รู้ว่า ตอนนี้รพินทร์ไม่สบาย.. "..นายหญิงหลอกถามแงซาย จนกระทั่งพลั้งจนได้.."
ฟ้าแดง..ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ

************

ฝ่ายหมอเบล "ปลุกเขาให้พอรู้สึกตัวขึ้นก่อนซิ ฉีดยาเข้าไปได้ยังไง จิ้มเข็มไม่เข้า หักไปเข็มหนึ่งแล้ว"
กว่าจะฉีดยาได้ นายพรานของเราต้อง 'ปลดล็อค' ให้ก่อน-จขบ.

แงซายมาแล้ว.. (น.4573-4578)
"..ว่าแต่ผู้กองเหอะ มีอะไรดีก็เตรียมงัดออกมาใช้ให้หมดได้แล้ว ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เก่งจริงก็รอด ไม่เก่งจริงก็ดับ ครั้งนี้เป็นครั้งวัดดวงแล้ว ยิ่งกว่าคราวไปตามนายชดเสียอีก แต่ก็ไม่เลวหรอก ขนาดโน้มน้าวจูงใจเอาธิดานาคราชให้มาเอ็นดูเป็นมิตรได้ นี่ก็ต้องนับว่าเก่งเกินคนแล้ว จีบเพื่อจะขอมรรคผลสวัสดิภาพแห่งชีวิตนะไม่เป็นไรหรอก อย่าไปเกี้ยวเข้าล่ะ ประเดี๋ยวยุ่ง.."

"ทะลึ่งไม่หาย ทะลึ่งกว่าสมัยก่อนนี้อีก"
"สมัยก่อนนี้นะ ไม่ทะลึ่งหรอกนะ แต่กะ 'เชือด' ผู้กองเลย จนกระทั่งผู้กองเคยรำพันอยู่ในใจว่า 'ฟ้าให้รพินทร์มาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้แงซายมาเกิดอีก' นั่นไงล่ะ"
"แล้วแกเชือดฉันลงไหมวะ?"
"ผู้กองเก่งกว่าผมนี่หว่าครับ ลองของออกไปเท่าไหร่ ก็เห็นแก้ตกทุกที ..ดึกๆ คืนนี้เราจะพบกันอีกครั้ง ถ้าไม่มีอุปสรรคอะไร"

ฟื้นไข้แล้วตอนเย็น ก็เดินออกมามองหาบริเวณที่เห็นในฝัน (น.4586)
ช่างประหลาดแท้ ภูมิประเทศลักษณะนั้นมันมีอยู่จริงๆ แม้แต่ตำแหน่งที่เขาฝันไปว่ามานั่งจัดทำไม้ดอกบรรจงร้อยให้เป็น 'มงกุฎดอกไม้ป่า' ขึ้นเพื่อสวมให้แก่ยอดหญิง
แล้วก็ลงมือทำ 'มงกุฎไพร' ขึ้นมาจริงๆ และสวมฝากไว้ให้แก่โขดหินบริเวณนั้นแทนดาริน จากนั้นเอามือแตะริมฝีปากตนเอง แล้วแต่ลงที่ก้อนหินอันมีลักษณะเหมือนภาพปั้นสลักหุ่นสตรีสาว (โอยย..สงสารผู้กอง อ่านแล้วจะขาดใจ-จขบ.)

เพิ่งฟื้นไข้ก็ลงไปอาบน้ำ แล้วยังโดนคริสเอาปืนขู่บังคับให้ให้แช่น้ำอยู่นานพอควร (ไปอ่านเองนะว่าเรื่องอะไร ไร้สาระสิ้นดีนังแม่มด-จขบ.)
พอจะเดินกลับ คริสก็จะไปแตะต้อง 'มงกุฎไพร' ที่รพินทร์ทำไว้ให้ดาริน จนรพินทร์ต้องขอร้อง (น.4606)
"กรุณาอย่าไปแตะต้องมันเลย โปรดเถอะ ... ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ ชั่วนิรันดร์กาล"
แล้วขากลับจากที่คริสต้องหิ้วปีกรพินทร์เพราะเดินเซๆ มึนๆ อยู่แล้ว ก็ล้มลง แน่หน้าอก หายใจไม่ออก ตะคริวจับทั้งตัว!!

************

ฝ่ายดาริน เพิ่งตื่นมาตอนโพล้เพล้
ดึกๆ มานั่นคุยกับพวกลูกหาบ บางคนคิดว่า 'นายหญิง' ก็คือภรรยาของนายรพินทร์ด้วยซ้ำ เพราะเคยเห็นมาพักแรมอยู่ด้วยกันที่หนองน้ำแห้ง และถือว่าดารินก็คือเจ้านายโดยตรงอีกคนหนึ่ง
คำถามโดนใจประจำวันจากนายช้วน (อีกแล้ว) (น.4635)
"..ถ้าตามกันพบกลางทาง ระหว่างเราสองฝ่าย..จะทำยังไง พวกฟารั้งมันคงไม่ยอมให้นายรพินทร์กลับแน่ๆ จนกว่ามันจะเสร็จงานของมัน .. ถ้านายรพินทร์ไม่ยอมกลับ โดยจะขอทำงานให้เสร็จเสียก่อนล่ะ นายหญิงรู้นิสัยนายรพินทร์ดีอยู่แล้ว แกเป็นคนมีสัจจะ ลงรับปากกับใครแล้วก็จะไม่เสียคำพูด"
"ถ้าเราตามเขาพบแล้ว ขอร้องให้รพินทร์กลับแล้ว แต่เขายังไม่ยอมกลับ ฉันกับพวกเราทั้งหมดจะเป็นฝ่ายกลับเอง จะปล่อยให้เขาไปตามปรารถนา และถือว่าเป็นความผิดของฉันเองที่ตามเขามา ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเขากับฉัน หมดสิ้นกันเพียงเท่านี้.."

คืนนี้พี่ชายกลางพูดได้ดี (น.4639)
"..เชื่อว่า ถ้าเขาเห็นน้อย เขาก็ต้องยอมกลับ เมียอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตออกมาตามแบบนี้แล้ว ยังไม่ยอมกลับอีก เขาก็ไม่ได้รักเมียของเขาเลย ...ถึงที่แล้วมาจะอ้างว่าไม่ได้เป็นเมีย แต่ต่อไปข้างหน้าถ้าไม่ตายจากกันไปเสียก่อน ก็จะต้องเป็นเมียเขาอยู่วันยังค่ำ ...อย่าคิดอะไรให้มาก ตามกันมาแบบนี้แล้วเอาตัวกลับไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป พี่ก็เชื่อว่ารพินทร์รักน้อยมาก และเขาคงไม่รู้หรอกว่าน้อยกล้ามาตามเขา ถ้ารู้เขาก็คงหยุดรอหรือหนีกลับแน่ ...รพินทร์รักน้อยยิ่งกว่าชีวิตของเขาเสียอีก แต่เป็นรักอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเจียมใจที่สุด พี่รู้มาตั้งนานแล้ว ก็พี่ไม่ได้เตือนน้อยเองหรอกหรือว่า ก่อนไปเที่ยวรอบโลกกันคราวนั้นให้น้อยชวนเขาไปด้วย แต่น้อยกลับบอกว่า ปล่อยให้อยู่หนองน้ำแห้งนั่นก่อนเถอะ เรามันก็ชอบแกล้ง เอาแง่เอางอน ทำเป็นหยิ่งไว้ตัวกับเขาอยู่เหมือนกันนี่นา"

************

ย้อนมาฝ่ายรพินทร์ เมื่อตอนเย็น อาการเข้าขั้นโคม่าจริงๆ (น.4646-4658)
หมอเบลวิเคราะห์ได้ดี
ด้านร่างกาย..บอกว่า เส้นเลือดตีบอย่างกะทันหันเฉพาะแห่งชั่วขณะ เลือดไม่พอส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง แล้วก็เกิดอาการตะคริวจับตามแขนขา เกิดจากความรุ่มร้อนกระวนกระวายใจ ความวิตกกังวล ความตึงเครียดทางสมองและอารมณ์ ทำให้เส้นเลือดเกร็งขึ้นได้ ทำให้เลือดเดินไม่สะดวก โดยเฉพาะที่จะขึ้นไปหล่อเลี้ยงสมอง
ด้านจิตใจ.. "..บอกตรงๆ ถ้าตอนนี้มีคู่รักของเขามาอยู่ที่นี่คนเดียวเท่านั้น ชายคนนี้จะเป็นปกติโดยเร็วที่สุด และจะนำทางไปได้ทุกหนทุกแห่งสุดหล้าป่าหิมพานต์ทีเดียว" (จริงค่ะหมอ-จขบ.)

(เล่ม 39 : นาคเทวี 3 น.4667)
นาคเทวีมาขอให้ตั้งสัจจาธิษฐาน เปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิตเสียใหม่ เมื่อภารกิจในครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ขอให้เลิกปาณาติบาต ยุติการผลาญชีวิตอื่นใด สัจจะนั้นรักษาได้มั่นคงแล้ว แต่ศีลข้อนี้ยังขาดตกบกพร่องอยู่ ถึงไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็ยังดำรงชีพอยู่ได้ ... เกิดมาเป็นพราน เพราะกรรมเก่าบันดาล สรรพสัตว์ที่สิ้นชีพไปแล้วเพราะท่านล้วนเคยมีบาปเวรผูกพันมาแต่ชาติปางก่อนทั้งสิ้นและต้องมาชดใช้คืนให้ในชาตินี้ แต่บัดนี้มันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว จึงมาให้ความจริงและชี้แนะแนวทางให้ รพินทร์จึงให้สัจจะตามที่นาคเทวีขอ "ถ้าภารกิจนี้เสร็จสิ้น ถ้าชีพนี้ยังอยู่ แม้จะอยู่อย่างยากแค้นแสนสาหัสเพียงไร ข้าฯจะเลิกเป็นพราน เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอีกแล้ว จวบจนลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิตนี้" (น.4671)
นาคเทวีจึงช่วยเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกายที่เย็นเหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว

สามทุ่มกว่า โดนหมอเบลสอบประวัติ แล้วสรุปได้ว่าเป็นเพราะ Stress and Strain ที่สะสมมานาน และการที่ต้องนำทางครั้งนี้อย่างไม่เต็มใจทำให้เป็น Home Sick และ Love Sick ทั้งคณะจึงต้องช่วยกันเยียวยาจิตใจพรานใหญ่กันสุดๆ สแตนลีย์มาคุยกับรพินทร์ที่นอน 'เติมน้ำมัน' อยู่ว่า ตั้งเป้าไว้อีก 30 วัน ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าก็จะกลับ (คงหวังว่าถ้ารพินทร์ได้ยินแล้วจะรู้สึกมีความหวังมากขึ้น แต่ฟารั้งรู้จัก รพินทร์ ไพรวัลย์ น้อยไปซะแล้ว-จขบ.)
 

To be continue >> https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vbenj&month=03-2019&date=24&group=8&gblog=66


Create Date : 19 มีนาคม 2562
Last Update : 4 เมษายน 2562 17:12:37 น. 0 comments
Counter : 3339 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.