Group Blog
 
<<
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 มีนาคม 2562
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา 2 :- บันทึการเดินทาง (วันที่ 13 : 8)

มีนาคม 2562


**ถึงเวลาที่จะระลึกชาติได้แล้ว..อัคนีรุทร์!!

ผ่านไป 17 เล่ม 5 พันกว่าหน้า เพิ่งเดินกันมาแค่ 13 วัน !!!

เป็นอีกวันที่แสนจะยาวนาน 685 หน้า (2 เล่มกว่าๆ)
 

วันที่ 13 (เล่ม 41 : แต่ปางบรรพ์ 1 น.5642)
รพินทร์ - วันที่ 13 : นรกดำ (ริมคูเมืองนิทรานคร-ป่าเถาวัลย์โบราณ ใกล้มหาสุสานจิตรางคนางค์)
ดาริน - วันที่ 8 : นรกดำ (ป่าหิน-กลางดง ระหว่างทางไปมหาปราสาทจิตรางคนางค์ : วันที่ 2 ของการพลัดหลงจากคณะ)

จันกับนายตาบเกือบก้าวออกนอกเขตปางพัก บุญคำรีบตะโกนห้าม แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ทุกคนเลยตื่นกันหมด
ฉายไฟออกไปก็เห็นพวกผีดิบหมื่นปีมายืนล้อมปางพักเต็มไปหมด แต่เข้ามาไม่ได้
รพินทร์บอกนายจ้างอย่าเพิ่งตื่นเต้น กินกาแฟ บรั่นดี นั่งๆ นอนๆ กันไปก่อน ไม่ต้องยิงให้เปลืองกระสุน
ใจเย็นซะจนคี๊ธถามว่า ไม่มีอะไรแนะนำมากไปกว่านี้อีกแล้วรึ
"ถ้างั้น พวกคุณก็ไปเอาย่ามหลังขึ้นติดตัวไว้ได้แล้ว นี่คือข้อแนะนำของผม ... ฟังเสียงอะไรนั่นซิ มันกำลังบ่ายหน้ามาทางนี้แล้ว อย่างช้าไม่เกิน 10 นาที มันก็คงจะมาถึงที่นี่ ตอนนี้ผมจะไม่ห้ามคุณแล้วว่า 'อย่ายิง' มีแต่จะเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่า ถ้ายิงหรือเคลื่อนไหวช้าแม้แต่นิดเดียว เนื้อคุณจะหลุดเป็นชิ้นๆ.." (น.5658)

(เล่ม 42 : แต่ปางบรรพ์ 2 น.5681)
เพราะถูกตัดขาดจากพรรคพวกชั่วคราว ด้วยกระสุนและระเบิดที่ยิงและขว้างกันออกมามั่วไปหมด
กลับเข้าแค้มป์ไม่ได้ จึงต้องพาหมอเบลวิ่งหนีหลบภัยมาตามลำห้วยแห้งทางทิศใต้
ไปเจอเทวาลัยให้เข้าไปหลบอาศัย ปฐมพยาบาลหมอเบลตามมีตามเกิดไปก่อน
วิทยุสั่งห้ามทุกคนออกจากแค้มป์ตามมา มอบให้บุญคำดูแลความเรียบร้อยแทน
และขอพักเครื่องชั่วคราว จนกว่าจะตี 5 ค่อยให้บุญคำพาคริสมาดูอาการหมอเบลต่อ

************

เหตุการณ์ตอนนี้มันเป็นเวลาเดียวกับที่ดารินตกปากรับคำกับมันตรัยว่า จะยินยอมไปด้วยทุกหนแห่ง ขอเพียงมันตรัยยุติการก่อกวนรังควานใดๆ แก่ รพินทร์ ไพรวัลย์ ดังนั้น..เพดานหินที่สูงขึ้นไปเหนือร่างของรพินทร์กับหมอเบล ซึ่งปริร้าวเตรียมจะถล่มลงมาก็หยุดชะงักและทรงตัวอยู่ในสภาพเดิม (ซึ่งถ้าถล่มลงมาจริง ก็จะถูกกลบไว้สนิท ไม่มีใครค้นพบซากอีกเลย)
ดารินช่วยรพินทร์ไว้โดยไม่รู้ตัว!!

************

จขบ.เดาว่า ระลึกชาติไปพร้อมๆ กับดาริน (เพราะน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดารินเข้าสมาธิ)

ณ บัดนี้เป็นที่แน่แท้ รพินทร์ ไพรวัลย์ หลับสนิท
และแล้ว แผ่นภาพนิมิตก็ย่างเข้ามาสู่ความฝัน (น.5744-5815)
..เรื่องราวในอดีตผ่านเข้ามาให้เห็น กุ๊กกิ๊กน่ารัก แง่งอนกันบ้าง อัคนีรุทร์เหมือนรพินทร์เป๊ะๆ เก่งกาจ กล้าหาญ ถ่อมตัว เจียมตน ฉลาด ซ่อนคม ไหวพริบรอบตัว บอกจิตรางคนางค์ให้ระวังตัว ทั้งจากพระเจ้าอาชัยสุริยาและมันตรัย เหตุที่มหิทธิเดชะพยายามจะกำจัดตนเอง อุบายการลอบสังหาร อัคนีรุทร์ประกาศอิสรภาพ (น.5797) การทำสงครามกับนิทรานคร พลั้งมือฆ่าพ่อของหญิงที่ตนรัก และจบลงที่..
"อัคนีรุทร์ เราต้องจากกันแล้วในภพนี้ ดูหน้าข้าไว้ให้เต็มตา คำมั่นสัญญาที่เคยมีต่อกัน ขอให้สิ้นสุดลง ณ สายัณห์กาลแห่งนี้ แม้แต่ศพของข้า ก็ขออย่าแตะต้อง!! และขอสาปแช่งไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ท่านจงพบกับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดเพราะความรักเหมือนเช่นที่ข้าได้เป็นอยู่ในขณะนี้ ร้อยภพ พันชาติ ลาก่อน !!"

แงซายมาแล้ว... (น.5820-5830)
"ผู้กองกำลังคิดใช่ไหมว่า นายหญิงของแงซาย ภายหลังจากปักหอกไว้ตรงหน้าผู้กองแล้ว ชักม้าหวนกลับไปสู่กองทัพฝ่ายของตนนั้น ได้เกิดอะไรขึ้นต่อไป?"
"ฉันฝันเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร มีอะไรเป็นเครื่องชี้นำหรือบันดาลขึ้น"
"สาบานว่าไม่ใช่ผม เข้ามาสะกดจิตให้ผู้กองฝันไปหรอก ... เอาว่ามันถึงคราวจะระลึกชาติได้ก็แล้วกัน" (จขบ.ก็ยังสงสัยอยู่ดี ต้องอ่านกันต่อไปว่าใช่อย่างที่เดามั๊ย)
"แงซาย แกเห็นหรือรู้เหมือนอย่างที่ฉันรู้เห็นในความฝันไหม?"
"ผมเห็นได้แจ่มใสชัดเจน ละเอียดเสียกว่าผู้กองเสียอีก อยากจะบอกมาตั้งนานแล้ว แต่สิ่งที่ 'เหนือกว่า' ปิดปากผมไว้.."
"ฉันกับนายหญิงของแกเกิดมาแล้วกี่ชาติภพ?"
"นับไม่ถ้วน หลายกัปหลายกัลป์มาแล้ว ทุกชาติไม่เคยสมหวังในความรักกันเลย แม้ต่างฝ่ายต่างรัก ผู้กองตกเป็นฝ่ายทุขเวทนาผิดหวังอยู่ตลอดชาติ เพราะคำสาปแช่งของนายหญิง ... ก็มีอย่างหรือ ไปฆ่าพ่อเขาน่ะ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะมาร่วมหอลงโลงกับผู้กองด้วย ... ทำใจดีๆ ไว้ ผู้กองได้ใช้หนี้กรรมมาหลายชาติแล้วนี่ ทบต้นทบดอกมากมายก่ายกองเหลือเกิน อาจมาหมดสิ้นเวรกรรมกันในชาตินี้ และสมหวังเสียทีก็ได้"

แล้วแงซายก็เล่าสรุปเรื่องราวในส่วนที่รพินทร์ไม่เห็นในความฝัน
..คืนก่อนหน้าศึกแตกหัก จิตรางคนางค์ถูกปลดอาวุธและคุมขังในฐานะไส้ศึก คอยส่งข่าวให้อัคนีรุทร์ ทำให้กองทัพนิทรานครไม่สามารถพิชิตศึกได้ จุดประสงค์ของเธอต้องการเพียงแค่ช่วยชีวิตชายคนรัก โดยหวังไว้ว่าเมื่อย่างเข้าฤดูฝน นิทรานครก็จะหย่าทัพกลับไปเอง เมื่อรายงานข่าวถูกตัดขาดอย่างกะทันหัน พอวันรุ่งขึ้นก็เป็นศึกแตกหัก มหิทธิเดชะต้องธนูอัคนีรุทร์เพราะความเข้าใจผิด จิตรางคนางค์ก็แทบขาดใจ พระเจ้าอาชัยสุริยาถือโอกาสปฏิวัติซ้อนทันที (อัคนีรุทร์ส่งสาสน์ท้าชัยสุริยา อย่างที่มันตรัยเล่าให้ดารินฟัง) จิตรางคนางค์จึงขอออกไปรบแทน แต่อัคนีรุทร์ไม่ยอมรบด้วย กลับยืดอกให้เป็นเป้าคมหอกคมดาบโดยดี นางก็ฆ่าชายที่ตนรักไม่ลง จึงปักหอกลงกลางแผ่นดินตรงหน้า พร้อมทั้งสาปด้วยความคับแค้นน้อยใจ แล้วก็กลับไปกินยาฆ่าตัวตาย..

..หลังจากนั้น ชัยสุริยาหย่าทัพ เพราะเห็นว่ายังไงก็เอาชนะปัญจาลไม่ได้ ตนเองก็ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินแล้ว พี่ชายตาย หลานสาวก็ฆ่าตัวตาย หมดเสี้ยนหนามแล้ว จึงยกทัพถอยกลับ ปลดปล่อยปัญจาลเป็นอิสระนับแต่นั้น อัคนีรุทร์แอบลักลอบเข้าไปในมหาสุสานของราชวงศ์ กราบขอขมาโทษต่อพระศพของมหิทธิเดชะ แล้วลักลอบขโมยพระศพของจิตรางคนางค์ไปประดิษฐานไว้ในห้องบรรทมของตนเองในนครปัญจาล ไม่ยอมเษกสมรสกับสตรีอื่นใดทั้งสิ้น ทุกราตรีจะนอนชิดอยู่กับศพอาบยาในโลงแก้ว จนกระทั่งถึงอายุขัยในที่สุด ส่วนเรื่องของพันธุมวดีเกิดขึ้นอีก 10 ปีต่อมา เรื่องราวก็เป็นอย่างที่รู้กันแล้ว

"ก็เห็นว่าไหนๆ ผู้กองก็รู้เอง ระลึกเองได้ถึง 90% แล้ว ผมก็เลยมาช่วยเล่าแจ้งแถลงไขเสียให้ครบเต็ม 100% ถ้าผู้กองไม่ระลึกเองได้ก่อน ผมก็คงไม่มาบอกให้หรอก.."

ตีห้า บุญคำกับคริสก็ตามมาดูอาการหมอเบล เสร็จแล้วรพินทร์จึงสั่งให้ที่เหลืออพยพตามมา ยกเว้น สแตนลีย์ คี๊ธ เชิดวุธ และ จัน ที่ให้คอยอยู่ที่เดิม พร้อมกับตัวเองที่จะเดินสวนทางกลับไปเพราะมีงานสำคัญต้องทำ ก่อนวางระเบิดโค่นต้นไทร ก็ถูกขอให้บอกเหตุผล รพินทร์จึงเล่าว่าเมื่อคืนก่อนที่พวกหมาป่าจะบุก ฝันไปว่านางไม้มาบอกว่าหมอเบลถึงฆาต จึงทำข้อตกลงกัน และบัดนี้หมอเบลรอดตายแล้ว จึงต้องกลับมาทำตามที่ได้ให้สัจจะไว้

กลับมาถึงเทวาลัยที่อาศัยเมื่อคืน ก็พบว่าหินเพดานก้อนใหญ่หล่นลงมาเพราะแรงสะเทือนจากระเบิดที่โค่นต้นไทร ดีที่ย้ายหมอเบลที่นอนเจ็บออกมาซะก่อน

เริ่มสำรวจสุสานใต้ภูเขา (น.5924-6009)
เข้ามาแค่โถงใหญ่ที่อาศัยนอนพักเมื่อคืน ก็เจอภาพจิตรกรรม ประติมากรรมฝาผนัง
ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อย่างประหลาด แวบหนึ่งของดวงจิตที่จมสู่ห้วงภวังค์ กวีนิพนธ์บทหนึ่งสมัยเรียนอักษรศาสตร์ (ก่อนจะย้ายมาเรียนวิทยาศาสตร์การทหาร (Military Science) ไปอ่านเพิ่มเติมเรืองของ รพินทร์ ไพรวัลย์ เอาเองนะ ใน อินไซด์เพชรพระอุมา ภาค 1 -จขบ.) ก็ผ่านเข้ามาในเซลส์สมอง

เพ่งภาพตลอดตละผนัง ก็มลังเมลืองสี
แลเห็นสิเด่นประดุจมี ชีวะแม่นกมลครอง
ภาพเทพพินิศนิ่ง นรสิงหะลำยอง
ครุฑยุดภุชงค์วิยะผยอง และเผยอขยับผันฯ
(น.5933)

ทุกภาพเหล่านั้น ยิ่งเพ่งมอง ก็ดูราวกับว่าจะมีชีวิตเคลื่อนไหวได้!
ภาพวาดบนผนัง เป็นภาพที่รพินทร์เหมือนจะเคยผ่านพบมาแล้วในอดีต เพราะมันคุณตาของเขาเหลือเกิน ในโสตประสาทส่วนลึกก็อื้ออึงไปหมด แยกส่ำสำเนียงไม่ออก เสียงพิณอันไพเราะ เสียงโห่ร้อง ารรพอาวุธประกระทบกัน เสียงโอดโอยของผู้ต้องคมอาวุธ เสียงดอกธนูหวีดแหวกอากาศ เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ของสตรี ที่เด่นชัดเหนือกว่าสำเนียงใดๆ ทั้งมวล เป็นเสียงกรีดร้องตะโกนก้องเรียกนามว่า อัคนีรุทร์! ซ้ำๆ อยู่เช่นนั้น ก่อนที่รพินทร์จะตะโกนออกไปสุดเสียง "จิตรางคนางค์!!" แล้วก็ล้มลงหมดสติไป

ฟื้นขึ้นมาก็โดนคำสั่งให้นั่งพักก่อน คนอื่นๆ ก็เดินไปสำรวจด้านอื่น
เบลก็อธิบายลักษณะของภาพประติมากรรมด้านอื่นที่ไปดูมาแล้วให้ฟัง
รพินทร์เงียบกริบ ไม่อาจตอบอะไรได้ นั่งเอนหลัง ปิดตาเหมือนจะพัก แต่รู้แล้วด้วยประสาทสัมผัส ว่าสถานที่นี้คืออะไร ... มหาสุสานของมหิทธิเดชะและจิตรางคนางค์

พอลุกเดินได้ก็มาดูประติมากรรมฝาผนังของมหิทธิเดชะ
ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ชิด ยกเว้นรพินทร์ที่มายืนอยู่ตรงหน้า ก้มศีรษะลงถวายสักการะ นิ่งสงบไปชั่วอึดใจ ส่งกระแสจิตขอขมาโทษในพฤติกรรมจากอดีต
"บัดนี้ เกล้ากระหม่อมฉัน อัคนีรุทร์ ได้คืนกลับมาเฝ้าอยู่เฉพาะเบื้องพระพักตร์ของใต้ฝ่าละอองพระบาทอีกวาระหนึ่งแล้ว เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เหตุการณ์ในครั้งนั้น ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากความตั้งใจของเกล้ากระหม่อมฉันแม้แต่น้อยหนึ่ง แต่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดโดยแท้ ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์จงอโหสิกรรมให้ด้วยเถิด บาปเวรจากผลกรรมในครั้งกระนั้น ก็ได้ติดตัวบั่นทอนทรมานเกล้ากระหม่อมฉันมาทุกชาติภพแล้ว ตราบจนกระทั่งชาติภพนี้"
"อัคนีรุทร์เอย ข้ามหิทธิเดชะขอรับขมาจากเจ้า ขอให้เวรภัยระหว่างข้าและเจ้าจงยุติลงเพียงนี้ และขอฝากลูกน้อยจิตรางคนางค์ในชาติภพเดียวกันกับเจ้า ณ ปัจุบันชาตินี้ไว้ด้วยเถิด จงมีความรักและซื่อตรงต่อลูกของข้า เหมือนเยี่ยงที่เจ้าได้ปฏิบัติมาแล้วในปางบรรพ์ และจงเร่งระวังตนจากความอาฆาตพยาบาทของปุโรหิตมันตรัยไว้ด้วย"

แล้วก็ขอ 'ว่าที่พ่อตาในอดีตชาติ' ให้เปิดทาง อนุญาตให้ลงไปเคารพศพและเยี่ยมเยียนหีบพระศพของจิตรางคนางค์

ก่อนจะลงไป พวกนายจ้างขอให้ไปดูอีกด้าน เป็นภาพขบวนอัญเชิญพระศพพ่อลูกและมีมันตรัยเดินนำ
บุญคำ เกิด เส่ย ต่างก็จำได้ จนรพินทร์ต้องบอกนายจ้างว่า นักบวชโล้นในภาพนั่นคือ มันตรัย

คี๊ธชวนไปดูภาพ 'มิสยูนิเวิร์ส' (น.5974)
อึ้งกันไปอีก เพราะบุญคำ เกิด เส่ย ตะโกนลั่นออกมาพร้อมกันว่า 'นายหญิงดาริน!!'
จนคริสต่อขอแกมบังคับให้รพินทร์เอารูปดารินออกมาเทียบ

************

ตัดมาทางดาริน เช้าวันเดียวกัน - วันที่ 2 ของการพลัดหลงจากหมู่คณะ (น.6010)
ที่ จขบ. เดาเมื่อตอนต้น กลายเป็นว่าที่เมื่อคืนแงซายแนะนำให้เข้าสมาธิย้อนอดีต กลับเป็นรพินทร์ที่ได้เห็นเรื่องราวในอดีตแทน ตัวดารินเองหลับสนิท ไม่เห็นอะไรเลย

กลิ่นเจ้าล่องลมพริ้วพรมมาแห่งนี้
กลิ่นเจ้ายวนยีฤดีให้ป่วนปั่น
กลิ่นเจ้าดลใจโน้มในฤทัยฝัน
ภพชาติแต่เบื้องบรรพ์
นึกได้โดยฉับพลัน
กลิ่นทิพย์ผูกพันสวรรค์ดลใจ


มันตรัยส่งช้างงาดำมารับ

************

(เล่ม 43 : แต่ปางบรรพ์ 3 น.6028)
ตัดมาทางคณะของพี่ชาย เช้าวันเดียวกัน
เจ้าด้วนมาปลุกตั้งแต่ตีห้าครึ่ง งานนี้เจ้าด้วนเดินนำทางเอง ไม่ต้องเหนื่อยพรานชดกับหนานอิน
รีบออกตามจนกระทั่งไปเจอซากเสือที่ดารินยิงไว้ ดูจากหลักฐานทั้งหลายแล้วเลยรู้ว่าน้ำพัดมาติดอยู่ตรงไหน ยิงเสือยังไง แล้วเดินทางต่อไปทางไหน พักเหนื่อยที่ไหน กินอะไร ตามไปจนถึงป่าหินที่อาศัยนอนเมื่อคืนนี้ ขนาดอนุชายังพูดว่า "ก็คงไม่เสียแรงหรอกครับ ที่เป็นลูกศิษย์ของคนชื่อ รพินทร์ ไพรวัลย์ (น.6056)
แต่ร่องรอยต่อจากนั้นหายไป มีรอยช้างเข้ามา แต่ไม่มีรอยของดารินว่าไปทางไหนต่อ เจอแค่รอยฟันกิ่งไม้ตามรายทาง และบางแห่งฟันไม่ขาดก็ยังห้อยอยู่ กะความสูงแล้วคนที่ทำได้ ต้องอยู่บนหลังช้างเท่านั้น ก็สงสัยกันไปว่าทำไมดารินต้องไปกับมัน

************

ฝ่ายรพินทร์ก็ทยอยลงมาตามแผ่นบันไดหิน (น.6094-6183)
เดินกันไปเรื่อยๆ ในความมืดที่มีแค่แสงไต้และไฟฉาย งูชุมมากแต่ก็แค่มาทักทายเลื้อยผ่านไป ที่พื้นมีรอยแยกจากแผ่นดินไหว เพดานบางช่วงก็ดูไม่น่าไว้ใจ
"บริเวณนี้ มันคงอยู่ในลักษณะนี้มานับหมื่นนับแสนปีแล้ว ถ้ามันมา 'แจ็กพอต' ถล่มเอาในเวลาที่เราผ่านเข้ามา ก็ถือเสียว่าเป็นโชคดีของเราเสียก็แล้วกัน" (น.6104)

แล้วก็เอ่ยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
"ผมกำลังทบทวนอะไรบางอย่าง ... ทบทวนแส้นทางลงของมหาสุสานนี่ รู้สึกคล้ายๆ กับว่า มันจะมีเส้นทางเดินแยกกว้างขวางราวกับรังปลวกออกไปอีกหลายทิศทางทีเดียว.."
พอถูกถาม ก็บอกไปว่า เคยผ่านมาแล้วในความฝัน แล้วก็เดินกันต่อไป

นึกไงไม่รู้ อยู่ๆ ก็หันมานับจำนวนคน เป็นมุกตลกที่ จขบ.ชอบมาก (น.6118)
เพิ่งเห็นรพินทร์ป้ำเป๋อสับสนเอาจริงๆ เป็นครั้งแรก
เป็นเราก็คงสับสน เพราะตอนนี้ในตัวเหมือนมี 2 คน คือ รพินทร์ ไพรวัลย์ และ อัคนีรุทร์
ในสมองมันมีเรื่องราวต่างๆ ประดังหลั่งไหลเข้ามาเยอะเกินจะรับได้ มีสติเดินนำทางลงมาได้ก็บุญแล้ว
สุดท้ายเลยตัดปัญหา ยอมนอนให้หมอดูอาการ แถมฉีดยาเพิ่มพลัง
เชิดวุธว่า "ถ้าถึงกับต้องฉีดยาช่วยกันละก็ ผมคิดว่าเราย้อนกลับขึ้นไปก่อนดีกว่า อย่าลงต่อไปเลย"
รพินทร์สวนมาว่า "ใครจะกลับขึ้นไปก็เชิญ แต่สำหรับผมไม่มีวันขึ้น ผมจะสำรวจต่อไป แม้จะคนเดียวก็ตาม" กล่าวช้าๆ ชัดเจน แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ผิดไปกว่าทุกครั้ง ซึ่งจะปฏิบัติเฉพาะตามคำสั่งของนายจ้างเท่านั้น
"เข็มของฉันต้องไม่หักนะ รพินทร์" หมอเบลรู้ทันพ่อซูเปอร์แมน

ได้นอนพักสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน เขากำลังต้องการความสงบ เพื่อทบทวนอะไรสักอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ความทรงจำในอดีตที่แสนยาวไกล ซึ่งกาลครั้งนั้น เขา 'อัคนีรุทร์' ได้เคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อนแล้ว และบัดนี้ มันกำลังเริ่มปรากฎเป็นแผ่นภาพขึ้นมาให้เห็นในมโนทวาร

ระหว่างที่นอนอยู่ คริสและบุญคำเดินสำรวจไปเจอห้องเก็บสมบัติ แต่ละคนอยากจะเข้าไปดูจนรพินทร์ต้องลุกมาห้าม
"..ก็รู้ๆ อยู่แล้วว่ามันเป็นเครื่องประดับเครื่องใช้ จะต้องเข้าไปดูอีกทำไม จะต้องให้ผมมาอธิบายซ้ำซากกับพวกคุณอยู่อีกหรือว่า ชีวิตอย่างผม อาชีพอย่างผม เท่าที่ผ่านพ้นภัยอันตรายอยู่รอดมาจนสามารถรับใช้พวกคุณได้อย่างขณะนี้ ผมอยู่ได้ด้วยสัจจะเท่านั้น ทำในสิ่งที่ควรทำ เว้นในสิ่งที่ควรเว้น ถ้าปราศจากสัจจะที่ยึดถือเสียอย่างเดียว ผมตายไปนานแล้ว"

แล้วก็พานายจ้างเดินลงไปอีกเพียง 20 ขั้น ก็เจอ King's Chamber พร้อมบรรยายลักษณะหีบพระศพไว้ล่วงหน้า ก่อนจะจุดพลุไฟพิสูจน์กัน
พอได้แสงสว่างจะพลุไฟเคมี ทุกคนก็เห็นอย่างที่รพินทร์บรรยายไว้ก่อนแล้ว (รายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ ไปอ่านเองนะ -จขบ.)
คริสบอกสแตนลีย์และหมอเบลว่า "ฉันสังเกตอาการของเขามาโดยตลอด เหมือนกับว่าเขากลับมายังบ้านเก่าหรือถิ่นเดิมของเขางั้นแหละ รู้ลู่ทางดี รู้ความเป็นมา มีอะไรหลายๆ อย่างแสดงออกถึงความที่เคยเกี่ยวพันอย่างแน่นแฟ้นกับสถานที่นี้มาในอดีต.."

ขากลับ ช่วยกับคี๊ธวางระเบิดเพื่อปิดทางเข้าออกของพวกผีดิบ
กดระเบิด มหาสุสานก็ถล่มลง ภาพนูนสลักของจิตรางคนางค์ ตลอดจนภาพเขียนต่างๆ แยกสลายชิ้นส่วนไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ใครมาพบเห็นอีกแล้ว และก็เป็นเจตนาของรพินทร์ที่ไม่ต้องการให้มนุษย์ใดได้มาพบเห็นอีกเลยทั้งสิ้น

ตกดึก คริสแอบย่องมาอาบน้ำอีกแล้ว
รพินทร์เกือบโดนนังแม่มดสะกดจิตให้พูดเรื่องราวในอดีตชาติของตนออกมา ดีที่แงซายแทรกเข้ามาเตือนสติ
"ผู้กอง! อย่าเผลอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีตชาติของตนเองออกไปเป็นอันขาดจิตตานุภาพของแม่สาวผมทอง กำลังสะกดอยู่เหนือดวงจิตของผู้กองในขณะนี้ หล่อนกำลังจะล้วงในสิ่งที่ผู้กองเปิดเผยไม่ได้ออกมา!!" (น.6241)

แต่คืนนี้ทำตัวน่าชื่นชม (น.6254)-จขบ.ขอชม
"..แม้ว่าในฝัน เธอจะอนุญาตให้ฉันทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างในสิ่งที่ฉันเคยอยากจะได้จากคุณก็ตาม แต่ฉันตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ฉันจะไม่เป็นตัวการทำให้คุณต้องผิดสัจจะต่อเธออย่างแน่นอน เพื่อว่าสักวันหนึ่งหากเป็นไปได้ เมื่อฉันได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับเธออย่างแท้จริง ฉันจะได้ไม่รู้สึกว่ามีบาปอยู่ในใจ.."

คุยกับบุญคำ สงสัยกันว่าทำไมมันตรัยเงียบหายไป ทั้งที่วันนี้มีโอกาสมากมายที่จะเข้ามาโจมตี หรือปิดทางออกตอนที่ลงไปสุสาน ขนาดใช้ระเบิดกลบเส้นทาง มันก็ยังไม่ขัดขวาง

แงซายมาแล้ว...(น.6265-6270)
"วันนี้ได้ลงไปเห็นกับตาตัวเองแล้วใช่ไหม ... ฝีมือตัวเองที่บังอาจลอบเข้าไปเปิดฝาหีบศพของจิตรางคนางค์ แล้วก็ขโมยเอาซากของเธอไป.."
"จากความฝัน รวมทั้งที่แกมาเล่าสรุปให้ฉันฟัง ฉันยังอยู่ในระหว่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อได้ลงไปเห็นหลักฐานเด่นชัดกับตาในวันนี้ ตรงกับที่แกเล่าให้ฉันฟังทุกอย่าง ทำให้ฉันไม่มีข้อสงสัยอะไรอีกแล้ว มันเป็นความจริง แต่เป็นความจริงที่ฉันรู้อยู่เฉพาะตัวคนเดียวเท่านั้น"

"ว่าแต่พรุ่งนี้จะวางแผนยังไงต่อไป?"
"แกจะเป็นคนแนะนำฉันได้ดีที่สุด ว่าฉันควรจะทำยังไง"
"ถ้าแนะนำแล้วจะเชื่อรึ? ... หันหลังกลับ"
"แกก็รู้อยู่แล้ว ว่าฉันทรยศต่อเกียรติยศในวิชาชีพของฉันและทรยศต่อนายจ้างไม่ได้"
"ถ้างั้นข้อแนะนำก็คือ จงบ่ายหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ย้อนรอยเดิมแผนที่ที่ผู้กองเคยทำไว้"
"เอางั้นเรอะ?"
"ไม่มีข้อแนะนำใดที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว"
"ฉันก็คิดไว้อย่างที่แกบอกนี่เหมือนกัน ขอบใจสำหรับการมาเยี่ยมเยียนในค่ำคืนนี้ พร้อมทั้งให้ข้อคิด แม้จะไม่มากนักก็ตาม แล้วก็ขอบใจที่ไม่ยั่วยวน กวนโทสะ ผิดไปกว่าทุกครั้ง"
"ผู้กองบอบช้ำเจ็บปวดมาเกินพอแล้วที่ได้ล่วงรู้ไปถึงอดีตของตนเอง ผมไม่อยากจะซ้ำเติมอะไรอีก ขอให้พละกำลังทั้งกายและใจกลับคืนมาสู่ความเข้มแข็งตามแบบฉบับของ รพินทร์ ไพรวัลย์ ตามเดิม หลังจากตื่นขึ้น"

************

ฝ่ายดาริน คืนนี้นอนกลางดง มันตรัยก็เข้ามาคุยด้วย (น.6270)
ดารินถามถึงสัจจะที่ให้แก่กันไว้ ว่าถ้ายอมมากับมันตรัย จะเลิกราวีกับรพินทร์
มันตรัยก็รักษาสัจจะไว้ดีเหมือนกัน เล่าว่าทั้งที่อัคนีรุทร์ถูกไล่ต้อนเข้าไปอยู่ในมหาสุสานของราชวงศ์แล้ว แถมยังลงไปถึงที่เก็บหีบพระศพของจิตรางคนางค์ด้วย ก็ไม่ได้ทำอะไร (น.6281)
เจอวาจามารยาหญิงเข้าไป มันตรัยก็ต้องเอาสีข้างเข้าถูเหมือนกัน

************

ฝ่ายพี่ชาย ก็มาถึงที่ดารินพักกลางวัน (น.6299)
ตกลงกันว่าจะพักกัน 3-4 ชม. แล้วจะเดินตอนกลางคืนเพื่อตามให้ทันให้ได้ก่อนจะสายเกินไป โดยให้เจ้าด้วนนำทาง
23.30 น. ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเดินทางต่อ
 

To be continue >> https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vbenj&month=03-2019&date=31&group=8&gblog=69


Create Date : 29 มีนาคม 2562
Last Update : 4 เมษายน 2562 17:13:06 น. 0 comments
Counter : 1320 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.