Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา :- บันทึกการเดินทาง ช่วงที่ 3 (มรกตนคร)



คำเตือน !!

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านและกำลังคิดว่าจะอ่าน เพชรพระอุมา ด้วยตนเอง

โปรดข้าม Blog นี้ไปซะ ด่วน!!! ว่าจะไม่ spoil แล้วนะ แต่ก็อดไม่ได้อ่ะ

รู้สึกแปลกๆดีเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาตามอ่าน blog ของเรา ดีใจจัง..และขอบคุณจ้า

ปล. สำหรับคนชอบ(อ่าน) spoil .... รับรองได้..ไม่มีผิดหวัง

==============================================


ในที่สุด การเดินทางอันแสนยาวนานของคณะเดินทางและ จขบ. ก็บรรลุมาจนถึงเนินพระจันทร์แล้ว

เหลืออีกช่วงเดียวเท่านั้น ก็จะเข้าสู่มรกตนคร ความลึกลับ ความมหัศจรรย์ทั้งหลายของนครแห่งนี้

เราคงจะได้รู้กันเร็วๆนี้แหล่ะ


==============================================


ภาค 1 ช่วงที่ 3 (มรกตนคร)


วันที่ 106 (แงซายจอมจักรา 2 น.8861)

วันนี้ทั้งคณะตื่นขึ้นมาเกือบเที่ยง เพราะเมื่อคืนกว่าจะเดินมาถึงที่นี่ก็คงจะเกือบตีสี่ล่ะมั๊ง
แถมพอเคลิ้มๆหลับ เจ้าของลายแทงก็มาทักทายซะอีก กว่าจะได้นอนจริงๆคงเกือบเช้า

ออกเดินต่อ ไต่กันขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ แล้วก็..ถึงซะทีหัวถนนพระศิวะ
จขบ. อยากให้มีมรกตนครจริงๆ อยากเห็นถนนพระศิวะมั่งจัง ถนนที่กว้างขนาดให้รถถัง 20 คันวิ่งเรียงหน้ากระดานได้เลยอ่ะ

เดินๆ ไปชักแปลกๆ แฮะ ยิ่งเดินไป แดดยิ่งแรง ทั้งที่ในความเป็นจริงมันควรจะค่ำได้แล้ว
นาฬิกาเดินป่าที่ดีที่สุดในโลก (ของคุณชายใหญ่) หยุดเดิน - เข็มทิศหยุดทำงาน
แงซายก็เลยมากระซิบบอกผู้กองยอดรักว่า "มรกตนครขอต้อนรับทุกท่าน ต่อไปนี้ทุกท่านต้องใช้เวลาของมรกตนครแล้ว" เวลาของที่นี่ช้ากว่าที่อื่น 7 ชม. อืมม..ยังกะผ่านประตูโดเรมอนจาก กทม. ไป ลอนดอน งั้นเลย
เราจะได้เห็นลีลาการ 'แถ' ของพรานใหญ่ก็ตอนนี้แหล่ะ (น.8910)
ในเรื่องที่ว่า พรานใหญ่ไม่ยอมบอกความจริงว่าเวลามันย้อนกลับไป 7 ชม. งานนี้แงซายก็เออออไปด้วย..

ในที่สุดก็มาหยุดพักริมทางตอนหนึ่ง แล้วก็ต่างหลับใหลกันไปด้วยความอ่อนเพลีย



วันที่ 107 (แงซายจอมจักรา 2 น.8931)

ปืนหาย!! วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนก็หาย!! ที่สำคัญ แงซายก็อันตรธานหายไปด้วย
งานนี้ไม่มีใครอ่านแงซายได้ดีกว่าพรานใหญ่..คนอ่านคงจำได้ที่แงซายเคยบอกรพินทร์เรื่องที่จะแยกตัวออกไป
ซึ่งรพินทร์ก็ความจำดีจริงๆ จำได้ซะทุกประโยคเลย แต่ยังไม่ทันที่จะเล่ารายละเอียดทั้งหมด ก็ถูกกองทัพของมรกตนครล้อมจับไว้ซะก่อน

อยากบอกว่าตั้งแต่ แงซายจอมจักรา เล่ม 2 เนี่ย..มันส์มาก หมายถึงถ้าใครชอบเรื่องแนวๆนี้นะ
แบบว่าสอบสวนสืบสวน ชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมเฉือนคม ประมาณเนี้ย ซึ่ง จขบ.ช้อบ ชอบ..

จริงๆแล้วจะบอกว่า 3 เล่มสุดท้าย มันมีรายละเอียดเยอะมาก แทบทุกหน้า ต้องอ่านเอง แล้วจะเข้าใจ
แต่ไหนๆ ก็เขียนๆ พิมพ์ๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องลุยกันให้จบอ่ะนะ (เดี๋ยวเพื่อนๆ ที่ตามอ่านจะหาว่า จขบ.ขี้เกียจ)

น่าจะเป็นแผนการอันแยบยลของแงซายซะล่ะมั๊ง ที่เอาอาวุธปืน เครื่องกระสุนทั้งหลายไปซ่อนซะก่อน ไม่งั้นคงแหลกกันไปข้างนึง (ซึ่งข้างที่แหลกคงเป็นคณะของอาคันตุกะต่างถิ่นเป็นแน่แท้)
ทั้งหมดจึงยอมจำนน ทำตัวเป็นเชลยบรรดาศักดิ์ ให้ทหารจับกุมตัวไป จริงๆ แล้วพวกทหารตั้งใจมาจับ 'คนที่ 12' ซะมากกว่า แต่อย่างว่า..พระเอกซะอย่าง (ครือ.อ..ว่า ไม่บังอาจเรียกพระรอง เดี๋ยวแฟนๆ แงซายจะเคือง..จะว่าไปเรื่องนี้ก็มีพระเอกสองคนจริงๆ แหล่ะ..กินกันไม่ลง)

ทั้งคณะเหมือนจะมีรพินทร์คนเดียวที่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดีที่สุด (ก็แหง๋ล่ะ แงซายเล่าให้ฟังหมดแล้วนิ)
เมื่อเส่ยถามว่า "มันจะช่วยเราไหม เพราะขณะนี้มันคนเดียวเท่านั้นที่รอดการจับกุมไปได้"
พรานใหญ่ถึงกับเปรยออกมาว่า "เราต่างหากที่จะต้องช่วยมัน ตอนนี้ มันช่วยตัวเองโดยการหนีเอาตัวรอดไปก่อน ขืนอยู่มันเสร็จแน่"

เมื่อคิดเช่นนั้น ระหว่างทางพรานใหญ่จึงหาวิธี 'ล้วง' ความเอาจากกุตะมะ จนมาถึงประโยคเด็ด
เมื่อกุตะมะบอกว่าใครก็ตามที่ออกไปนอกเขตเทือกเขาพระศิวะ จะไม่มีทางรอด
"ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจมีบางคน บางชีวิตหลุดรอดความทรยศหักหลังและออกไปสู่โลกภายนอกได้ แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย ซึ่งท่านและชาวมรกตนครทุกคนไม่มีโอกาสจะทราบได้ แล้วสักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา เขาก็อาจจะกลับมา.." (น.9046)

แล้วก็มาเจอเรื่องน่าสลดใจที่เห็นหมู่บ้านถูกเผา ชาวบ้านถูกฆ่าอย่างทารุณ เพียงแค่สงสัยว่าเป็นพวกโจรขบถ
งานนี้ทั้งคณะได้จังหวะสร้างบุญคุณให้ทั้งทัพหลวงและทั้งโจรขบถ เพราะจากการที่กุตะมะโดนธนูยางน่อง และพวกเชลยที่บาดเจ็บ จึงต้องวางแคมป์ฉุกเฉินเพื่อรักษาพยาบาลกุตะมะก่อน

และจากการต่อรองกับรหัสยะ ทำให้คณะได้รักษาพยาบาลเชลยที่โดนจับด้วย งานนี้เลยได้รู้เรื่องราวอีกเยอะ เพราะพรานใหญ่ลงมือสอบเอง (น.9153) ทุกคนสังเกตว่า ตั้งแต่แงซายหายไป พรานใหญ่เองก็เงียบลง จากที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว กลายเป็นยิ่งเงียบลงไปอีก แต่ถ้าลงได้สอบซักเองแล้ว แสดงว่าต้องมีอะไรแน่นอน จนเมื่อรพินทร์ถามถึง 'จักราช' ไม่เพียงแต่เชลยจะอึ้งเท่านั้น คณะนายจ้างก็อึ้งด้วย ไปเอาชื่อนี้มาจากไหน..

ตกดึกเมื่อออกมาดูเชลยอีกครั้ง คุณหญิงจึงได้โอกาสถาม ซึ่งรพินทร์เองก็ตัดสินใจเล่าให้ฟัง
ฉากนี้ห้ามพลาด (น.9174-9192) สรุปจบว่า..คราวนี้คุณหญิงได้คำตอบหรือยังว่า
- เหตุใด จึงมีคนใช้ นามว่าแงซายมาสมัครเป็นลูกหาบเพื่อเดินทางมาในครั้งนี้โดยไม่คิดค่าจ้างเลย
- เหตุใด รหัสยะ จึงนำกองทัพมรกตนครมาล้อมจับเราอย่างแข็งแรงที่สุด
- เหตุใด แงซาย จึง 'รีบหนี' ไปเสียก่อนที่กองทัพจะเข้าล้อมพวกเราไว้ทั้งหมด
- แล้วทีนี้ ควรจะรู้ได้อีกหรือยังว่า 'แงซาย' กลับมายังแผ่นดินอันเป็นมาตุภูมิของเขา 'เพื่ออะไร'?

ได้จังหวะอีกครั้งที่ใครๆ หลับ คุณหญิงกับพรานใหญ่ก็ถือโอกาส 'ล้วง' ความเอาจะกุตะมะอีกครั้ง คราวนี้เอาให้ตั้งตัวไม่ติดเลย แล้ว จขบ. ก็ได้เข้าใจถึงคำว่า 'กลืนไม่เข้า คายไม่ออก' ก็คราวนี้แหล่ะ

ยังไม่ทันจะได้นอน พวกโจรขบถก็มาปล้นชิงตัวนักโทษไป แถมยังมาดูชาวคณะอีกแน่ะว่ายังอยู่ดีมีสุขกันรึเปล่า..จะใครซะอีก เมยานี ธิดาแห่งอรชุน..แงซายส่งมาแน่นอน



วันที่ 108 (แงซายจอมจักรา 3 น.9253)

ก่อนออกเดินทาง พรานใหญ่สำรวจความเสียหายแล้ว 7 ต่อ 1 พวกโจรขบถ..(จริงๆ น่าจะเรียกว่ากองทัพประชาชนนะ) เก่งกว่าซะอีก

ระหว่างเดินทางคุณหญิงก็ทำหน้าที่ 'พนักงานสอบสวน' ถามโน่นถามนี่กับกุตะมะ..เฮ่อ บอกแล้วว่าช่วงนี้ต้องอ่านเองนิ รายละเอียดเยอะจริงๆ

ตกบ่าย แงซายก็ 'ชักดาบฉายแสง' ส่งข่าวมาถึงชาวคณะ ให้ต่อรองกับสิงหราเรื่องตัวประกัน กับ 'คนที่ 12'
เอาล่ะสิ เมื่อเช้ากุตะมะก็แนะนำว่าให้ยืนกรานปฏิเสธเรื่อง 'คนที่ 12' แต่แงซายกลับบอกให้ยอมรับเรื่อ 'คนที่ 12'
จะเอาไงดีล่ะเนี่ย ก็รู้อ่ะนะว่าหวังดีด้วยกันทั้งคู่

ตามกฏของที่นี่ หลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว จะไม่เปิดประตูเมืองรับใคร ดังนั้น ชาวคณะก็ต้องนอนนอกกำแพงเมืองอีกคืน

คุณหญิงนึกไงไม่รู้ จัดการวางยานอนหลับพรรคพวกตัวเอง ยกเว้นพรานใหญ่กับคะหยิ่น เพราะมีแผนที่จะออกไปสำรวจทางหนีทีไล่ แต่กว่าจะรู้เรื่องกันก็มีฉากกุ๊กๆ กิ๊กๆ เล็กน้อยต่อหน้าต่อตากะเหรี่ยงหล่มช้างเลยล่ะ ฉากนี้หลายคนชอบมาก ตบ-จูบ นั่นแหล่ะ (น.9326)
เป็นตอนที่พรานใหญ่ฟังแผนการจากคุณหญิงแล้วทำอาการอ่อนอกอ่อนใจแล้วบอกว่า
"เอายานอนหลับให้ผมกินสัก 2 เม็ด แล้วคุณหญิงมีแผนการอะไรก็เชิญทำกับคะหยิ่นเพียงสองคนไม่ดีกว่าเหรอ"
คุณหญิงตบเผียะ พรานใหญ่ก็รวบตัวเข้ามาจูบทันที.. กึ๋ยๆ ..ต่อหน้าคะหยิ่นซะด้วย แล้วคะหยิ่นก็พึมพำออกมาว่า
"หญิงลักษณะนี้ และชายลักษณะนี้ จะได้ลูกคนแรกเป็นชายและกล้าหาญชาญชัยนัก"
"ฉันว่าลูกของฉัน ถ้ามีกับนายคนนี้ จะเป็นคนขี้ขลาดเห็นแก่ตัว ไม่เอาไหนเลยสักอย่างเดียวเสียมากกว่า"
"ถ้านายหญิงไม่เชื่อ ก็ลองมีลูกกับพรานใหญ่ดู" ..เอาล่ะสิ มีการท้าพิสูจน์ซะด้วย
"มาลองดูตามที่คะหยิ่นทำนายไหม?" นั่น..พรานใหญ่ว่าเข้านั่น..น่ารักจริงๆ

แอบออกไปได้แล้ว พอดีกับที่แงซายส่งเมยานีมาบอกข่าว ก็เลยได้เจอกัน
มีช่วงสนทนาตอนหนึ่งที่จขบ. ชอบ (น.9355) เป็นตอนที่พรานใหญ่บอกเมยานีว่า เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
แม้แต่แงซาย เพราะตอนนี้ตนเองปลอดภัยแล้ว อาจไม่คำนึงถึงขะตากรรมของ 11 คนที่เหลือก็ได้
แต่พอเมยานีสวนกลับมาเท่านั้น พรานใหญ่ถึงกับพูดไม่ออก หล่อนบอกว่า
แงซายนั้นได้สั่งความมาก่อนแล้วว่า 'พรานรพินทร์ มีเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบรอบตัว เป็นผู้มีความสามารถและถ่อมตน เก็บความลับได้มิดชิด ปากพูดอย่างหนึ่ง ใจคิดอีกอย่างหนึ่ง ตลอดเวลาท่านมักจะกล่าวติเตียน ประณาม และมีอาการเหมือนจะเป็นศัตรูกับเขามาตลอด แต่โดยใจจริงภายในแล้ว ท่านรักและปรารถนาดีต่อเขาประดุจพี่น้องร่วมสายโลหิต ฉะนั้นในคืนนี้ถ้าได้ยินได้ฟังถ้อยคำใดที่ขัดหู แสดงถึงความเห็นแก่ตัว ความขลาด และความเคียดแค้นชิงชังจาก 'ผู้กอง' ก็จงรับฟังไว้อย่างสงบ เพราะใจจริงของบุรุษผู้นั้นหาได้มีความหมายตามที่พูดไม่'

ช่วงแอบพบปะเจรจากันนั้น เพียงสั้นๆ แต่สำหรับคนอ่านแล้ว มันยาวตั้ง 86 หน้า ดังนั้น ต้องไปเก็บรายละเอียดกันเองนะจ๊ะ เป็นตอนที่เมยานีเล่าถึงเจ้าชายของหล่อน ตั้งแต่ที่ไปรับตัวมาในวันแรกที่มาถึงมรกตนคร จนกระทั่งเดี๋ยวนี้

ก่อนแยกจากกัน เมยานียังไม่ลืมที่แงซายฝากมาว่า "แงซาย..ฝากความระลึกถึงอย่างสุดหัวใจมายังผู้กองรพินทร์ด้วย" (น.9427)

"คืนนี้ขอนอนใกล้ๆ จอมพรานของฉันได้ไหม?" (น.9431) แล้วคุณหญิงก็บอกว่าล้อเล่น
รพินทร์เลย..เฮ่อ..."เป็นงั้นไป ทีแรกหลงดีใจ"



วันที่ 109 (แงซายจอมจักรา 3 น.9436)

ได้เวลาเข้าเมืองแล้วล่ะ
วันนี้เชลยทั้ง 11 คนจะได้เข้าพบสิงหรา และจะได้รู้สักทีว่าคนที่ทั้งคณะติดตามหานั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

วันนี้ก็บรรยายถึงความสวยงามอลังการของพระราชวัง อารมณ์แบบว่าหลงเข้ามาในกรุงโรมอย่างงั้นเลย
ผิดกันที่สถาปัตยกรรมต่างๆ เป็นแบบภารตะเท่านั้น

ก่อนจะได้เข้าเฝ้า กุตะมะและรหัสยะก็มาขอ 'ปลดอาวุธ' ชาวคณะ ซึ่งยังไงก็ไม่ยอมแน่นอน เลยฉวยโอกาสจับเอาทั้งสองคนเป็นตัวประกันซะเลย ..กว่าที่จะตกลงกันได้ว่าไม่ต้องปลดอาวุธก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายแล้วล่ะ
งานนี้เลยไม่รู้ว่าใครฉลาดกว่าใคร เพราะ..
- ชาวคณะก็คิดว่าตนเองได้เปรียบที่ต่อรองไม่ต้องปลดอาวุธ
- สิงหราก็คิดว่าตนเองฉลาดที่หลอกให้ทั้งคณะลงไปติดกับในคุกใต้ดินได้
แต่ จขบ.ว่า คนที่ฉลาดในเกมส์นี้ที่สุด (ยกเว้นผู้ประพันธ์นะจ๊ะ) คือ กุตะมะ
เพราะสามารถหลอกสิงหราให้เชื่อในแผนของตนเอง โดยวางแผนให้สิงหราแสดงให้พวกเชลยเห็นความสำคัญของกุตะมะเพื่อให้พวกเชลยเลือกไปเป็นตัวประกันระหว่างที่ลงไปในคุกใต้ดินแทนที่จะเป็นรหัสยะ และหลอกชาวคณะให้เห็นว่าสิงหราให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่าน้องชายจนทำให้ฝ่ายเชลยตัดสินใจเลือกตนเองไปเป็นตัวประกันได้ .. งงมะ ...ที่สำคัญ ไม่รู้ว่าสิงหราฉลาดน้อยหรือไง เอาผู้บังคับกองพันทหารม้าทั้ง 4 กองพันมาปลอมเป็นทาสแบกเสลี่ยงให้กุตะมะ

กว่าเชลยทั้ง 11 จะรู้ตัวว่าเสียรู้สิงหรา ก็มาติดอยู่ในคุกใต้ดินซะแล้ว..
บนความโชคร้าย มักจะมีความความโชคดีอยู่ด้วย ที่ว่าโชคดีเพราะทั้งคณะได้เจอกับบุคคลที่ออกติดตามมาทั้งสองคน อย่างนี้รพินทร์ ไพรวัลย์ ก็ไม่เสียชื่อล่ะ เพราะตามจนเจอ แม้ว่าจะไม่มีโอกาสรอดกลับไปก็ตาม..
โชคยังเข้าข้างอีกเรื่องคือ กุตะมะ แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายกองทัพประชาชนเต็มตัว หลังจากที่ต้องเป็นแบบแอบๆ มา 20 กว่าปี

เที่ยงคืน เมยานีกับพวกก็มุดอุโมงค์ใต้ดินมาช่วย รพินทร์ต้องการจะเดินรั้งท้าย ด้วยเหตุผลที่ว่า 'ชอบเดินระวังหลังผู้ที่อยู่ในความคุ้มครองทุกคน' ยกเว้นการนำทางเท่านั้น แต่ครั้งนี้เราไม่ใช่ผู้นำทาง จนกุตะมะถึงกับบอกว่า ถ้าคิดจะอยู่มรกตนครต่อไป คงหนีไม่พ้นตำแหน่งขุนพล ... จะว่าไปก็เท่ห์ดีเนอะ..ท่านขุนพลรพินทร์ ไพรวัลย์



วันที่ 110 (แงซายจอมจักรา 3 น.9642)

กว่าจะหนีออกมาได้จนถึงกองบัญชาการก็คาดว่าคงใกล้เช้าแล้วล่ะ

ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน..แงซาย ใครๆ ก็ดีใจ คงมีแต่รพินทร์นั่นแหล่ะที่เฉยๆ ทำเป็นไม่สนใจ สนแต่ว่าแงซายเอาปืนและวัตถุระเบิดไปซ่อนที่ไหน (จริงๆ ในใจก็คงดีใจไม่น้อยกว่าใครหรอก..เนอะ)
อ่านตอนนี้แล้วเหมือนรพินทร์หัวเหม็นๆ ยังไงไม่รู้..แบบว่าใครๆ ก็หันไปเห่อจักราชอ่ะ..ฮ่า ฮ่า ฮ่า

แล้วแงซายก็เล่าถึงประวัติความเป็นมาของตนเองให้คณะนายจ้างฟัง..อืมม Born to be King จริงๆ

แยกย้ายกันไปนอน คุณหญิงรอจังหวะที่ใครๆ หลับแล้วลุกมาขอร้องให้พรานใหญ่ช่วยแงซาย
เพราะที่ผ่านมารพินทร์แสดงให้ใครๆ เห็นว่า ไม่ใข่เรื่องของฉัน ทำไมต้องไปช่วยมันด้วย ฉันรับจ้างมาแค่เป็นพรานนำทางตามคนหาย ไม่ได้รับจ้างมาช่วยใครรบเพื่อช่วงชิงบังลังก์

อ่านตอนนี้แล้วคุณผู้อ่านจะรักรพินทร์ (น.9723)
เมื่อพรานใหญ่ถามคุณหญิงว่าเคยได้ยินคำพังเพยนี้บ้างไหม 'รักแท้นั้นยากหา สุดจะคว้ามาเชยชม แต่มิตรแท้ที่นิยม ยิ่งยากหากว่ารักแท้' - "จะรู้สึกยินดีบ้างไหมครับ ถ้าผมจะบอกว่า ผมรักแงซายมากกว่าคุณหญิงเสียอีก ความรัก เคยทรยศหักหลังผมมาแล้ว แต่เพื่อนแท้ไม่เคยทรยศหักหลัง หรือทำให้ผมชอกช้ำเจ็บปวดเลย ..... ผมจะกลับจากที่นี่ไปก็ต่อเมื่อแงซายกู้ประชาชนของเขาขึ้นมาได้สำเร็จแล้วเท่านั้น เขาขอร้องผมมาก่อนที่เขาจะขอร้องพวกคุณหญิงเสียอีก และเขาก็รู้จัก ตลอดจน 'เข้าถึงใจ' กับผมมาก่อนที่จะได้มาพบปะพวกของคุณหญิงเป็นเวลานานทีเดียว ที่ว่าผมเป็นคนงก เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวและเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ผมไม่ปฏิเสธเลย..แต่มันบางเวลาเท่านั้น"

หลับกันไปหนึ่งตื่น ก็พลบค่ำพอดี ได้เวลาวางแผนการรบ โดยเสนาธิการทั้งสี่ เชษฐา อนุชา ไชยยันต์ และรพินทร์ ซึ่งฝ่ายเสธ.เห็นตรงกันว่าจะต้องเผด็จศึกโดยเร็ว เพราะถ้าศีกยืดเยื้อ ฝั่งกองทัพประชาชนยิ่งเสียเปรียบ
งานนี้ ไม่เรียกว่าบาปกรรมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี พี่แกเล่นระเบิดหน้าผาถล่มลงมาฝังข้าศึกทั้งเป็น
มือทำบาปขึ้นทั้งนั้น..คณะนี้

ลองคิดเล่นๆ ช่องประตูผา หน้าตาเหมือนถนนที่ตัดผ่านภูเขาอ่ะ มีหน้าผาสูงชันทั้งสองฝั่ง
ความกว้างประมาณ 15 เมตร ยาวประมาณ 2 กม. จะสามารถบรรจุคนได้เท่าไหร่ ..โหดมั๊ยล่ะ



วันที่ 111 (แงซายจอมจักรา 4 น.9837)

ตีห้า ฝ่ายเสธ.เริ่มงานวางระเบิด พร้อมกันนั้นแงซายที่นำกองกำลังออกไปตั้งแต่ตีสี่ก็เข้าโจมตีกองทัพหลวง
เกือบสองชั่วโมงก็เรียบร้อย ก็ส่งสัญญาณไปยังฝ่ายแงซายให้ล่อทหารเข้ามายังช่องประตูผา (มรณะ)
จุดแรก ปากทางเข้า คุณชายกลาง-หนานอิน-เกิด รับหน้าที่
จุดที่สอง กลางทาง ไชยยันต์-มาเรีย-เส่ย รับหน้าที่
จุดที่สาม ปลายทาง คุณชายใหญ่-คุณหญิง-บุญคำ รับหน้าที่
ส่วนที่เหลือรับหน้าที่สังเกตการณ์ งานนี้พรานใหญ่ขอตัว ไม่รับหน้าที่ Sniper (อย่างกับว่าจะบาปน้อยลงงั้นแหล่ะ)

อย่างที่ จขบ. เคยบอก เหมือนดวงชะตาทั้งคู่ผูกเกี่ยวพันกันไว้ เป็นดวงที่เกื้อหนุนกัน
จากที่เป็นคนสังเกตการณ์ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยลงไปรอรับแงซายที่ถอยกลับเข้ามาทางช่องทางลับ
แล้วก็ได้ช่วยชีวิตไอ้น้องชายของคุณหญิงไว้ (ซึ่งถ้าพรานใหญ่ไม่ลงไป แงซายก็อาจจะไม่รอด)
แต่ก็ยังช้าไปนิด เพราะกุตะมะโดนหอกเสียบมิดด้ามไปแล้ว

ขณะเดียวกันนั้นทางฝ่ายคุณชาย ก็เปิดศึกถล่มปิดปากทางแล้ว คุณชาย-บุญคำ ยิงไม่ระเบิด มาระเบิดด้วยฝีมือคุณหญิง..มือทำบาปขึ้นอย่างที่พรานใหญ่เคยบอกไว้เลย แล้วก็มาต่อที่จุดต้นทาง ให้ระเบิดปิดทาง (แบบว่า กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง..) คราวนี้สามกระบอกช่วยกันระดมยิง ปิดหัวปิดท้าย แค่นี้ก็เหมือนกับฟ้าถล่มโลกทลายแล้วสำหรับคนที่ไม่รู้จักอำนาจของระเบิด
ลุงอี๊ดบรรยายได้เห็นภาพมากๆ เหมือนมดแตกรังจริงๆ ที่เหลือรอดไม่โดนหินทับก็ตะเกียกตะกายหนีตาย
จริงๆ จขบ.ว่าแค่ระเบิดปิดหัวท้ายก็น่าจะพอได้แล้ว แต่คุณชายใหญ่ก็สั่งให้ยิงจุดที่สองด้วย ซึ่งมาเรียรับหน้าที่มือสังหารเอง..มือทำบาปขึ้นอีกเช่นเดียวกัน
รหัสยะ ดวงยังไม่ถึงฆาต รอดตายจากหินถล่ม แต่ก็เกือบโดนคุณหญิงสอยร่วง ดีที่พรานใหญ่ไวกว่า (พี่แกตั้งใจจะเก็บไว้ให้จักราชจัดการเอง)

ในที่สุด ขุนพลเฒ่ากุตะมะ ก็จากไป ท่ามกลางความโศกเศร้า ท่านเสนาธิการใหญ่ให้เวลาทำใจแค่ชั่วโมงเดียว ก็สั่งให้บุกต่อตามแผนเดิม คล้ายๆ The show must go on ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการศึกก็ยังคงดำเนินต่อไปตามแผนที่จะยุติศึกให้ได้ภายในวันนี้

ตกบ่าย ประชาชนที่โดนกดขี่จากทรราชก็มาร่วมด้วย ทัพม้าและพลเดินเท้าบุกไปจนถึงหน้าประตูเมืองห่างมาประมาณ 100 ม. ก็รอธนูสายฟ้าเปิดประตูเมืองให้
'พลบรรจุ' เป็นพรานใหญ่เหมือนเดิม แต่ 'พลยิง' เปลี่ยนจากแงซายเป็นสองพี่น้องวราฤทธิ์
ลูกแรก เป็นสาสน์จากองค์ยุพราชถึงประชาชนชาวมรกตนคร
ลูกที่สอง ลองทางปืนโดยหาไม้ที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับระเบิดมาผูกติดไว้ ลองยิงว่าตรงเป้าหมายหรือไม่
ลูกที่สาม คราวนี้ของจริง ถึงขนาดแงซายต้องยึดตัวเมยานีไว้กลัวคุณน้องเธอหล่นจากหลังม้า
ด้วยความที่กลัวว่าธนูสายฟ้าจะไปไม่ถึง สองพี่น้องเลยออกแรงมากไปหน่อย ธนูเลยประตูผ่าไประเบิดในเมืองซะงั้น (งานนี้ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่..ฮา)
ลูกสุดท้าย ตรงเป้าหมาย กองทัพประชาชนบุกเข้าเขตพระนครได้ ทัพหลังซึ่งมีฝ่ายเสนาธิการและขบวนอัญเชิญศพกุตะมะก็เดินตามมาด้วย

สิงหราและรหัสยะพยายามจะตีฝ่าออกทางด้านหลัง ก็โดนกองกำลังของอรชุนสกัดไว้ มาถูกล้อมจับได้กลางอุทยาน จักราชก็แฟร์สุดๆ ท้าให้มาลองกันตัวต่อตัว..พระเอกมากๆ แต่ผู้ร้ายก็คือผู้ร้าย เรื่องอะไรจะยอม
งานนี้ สองรุมหนึ่งค่ะท่าน คุณชาย-คุณหญิง ก็เลยเตรียมยิงหากแงซายเสียที คงมีแต่รพินทร์ที่สะพายปืนไว้เฉยๆ เพราะรู้ฝีมือกันดีอยู่แล้ว

แล้วโอรสแห่งวิษณุพรหมนาทก็ได้แก้แค้นให้แก่ญาติวงศ์ อย่างสาสมเลยทีเดียว ครั้งแรกก็ตัดขาออกคนละข้าง ตัดแขนออกคนละข้าง แยกชิ้นส่วนออก สุดท้ายก็ไม่เหลือแม้แต่หัว

ไม่อยากให้พลาดตอนนี้ จขบ.ชอบอ่ะ ประทับใจพรานใหญ่มากๆ (น.9951)
จัดการสำเร็จโทษตัวการก่อการล้มล้างราชวงศ์เทพไปแล้ว
รพินทร์ก็แสดงออกถึงความถ่อมตน รู้ตน ว่าตนเองอยู่ในสถานะไหน ควรจะยืนอยู่ ณ ตำแหน่งไหน
แงซายเองก็แสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าพรานใหญ่มีความสำคัญกับตนเองขนาดไหน หลังจากที่ชำเลืองไปทางด้านหลัง ทั้งซ้ายและขวา แล้วรู้สึกว่าจะขาดไปคนหนึ่ง จึงประกาศก้องท้องพระโรงว่า

"ท่านพรานใหญ่รพินทร์ ไพรวัลย์!!..ข้าพเจ้าต้องการท่านให้ขึ้นมายืนเคียงข้างกับข้าพเจ้า ณ ที่นี้ด้วย!!"

ครั้นแล้ว สายพระเนตรอันค้นหานั้นก็แลไปประสบเข้ากับดวงตาเขาพอดี ต่างคนต่างมองกันนิ่ง สีหน้าเฉยเงียบขรึมด้วยกันทั้งคู่ แต่แววตาอีกคู่หนึ่งเต็มไปด้วยอาการขอร้อง เมยานีก็ปราดตรงเข้าไปยังเบื้องหน้าของรพินทร์ในทันทีนั้น ก้มศีรษะลงโค้งคำนับอย่างอ่อนโยนที่สุด พร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยกระแสเสียงใสไพเราะ พร้อมกับรอยยิ้ม

"ท่านพรานที่เคารพ ท่านเป็นบุคคลสำคัญยิ่งผู้หนึ่งที่ช่วยให้กองทัพประชาชนโค่นล้างทรราชลงได้ และท่านก็คือสหายอันยิ่งใหญ่ ซึ่งองค์จักราชทรงรักและบูชาท่านเสมอด้วยพี่ชายร่วมสายโลหิต ได้โปรดเถิด..โปรดอย่าขัดพระราชประสงค์ในขณะนี้เลย องค์จักราชทรงต้องการคำปรึกษาหารือจากท่านอีกมากมายนัก"

"เมยานีไปกราบทูลองค์จักราชเถิด ว่าเรารพินทร์ ไพรวัลย์ในขณะนี้มีฐานะเป็นแต่เพียงข้าทหารของพระองค์คนหนึ่งเท่านั้น และพร้อมที่จะปฏิบัติตามบัญชาใช้ทุกอย่าง เว้นไว้อย่างเดียว เราไม่อยู่ในฐานะจะขึ้นไปยืนเคียงข้างกับกษัตริย์แห่งมรกตนครได้" ... นี่ล่ะ รพินทร์ ไพรวัลย์

ส่วนเครือญาติ บริวาร และคนเก่าๆ ของสิงหราและรหัสยะ จะทำยังไงกับคนเหล่านี้ดี
กษัตริย์มือใหม่ก็เลยยังต้องอาศัยคณะที่ปรึกษา ซึ่งก็ไม่รู้จะถามพรานใหญ่ทำไม เพราะคำตอบที่ได้มักจะเป็นตรงข้ามกับเสียงส่วนใหญ่เสมอ เหมือนจะลองใจองค์จักราธิราช ใครๆ บอกให้มีเมตตา แต่พรานใหญ่ว่าเก็บเอาไว้ ก็เหมือนเลี้ยงลูกเสือลูกจรเข้ ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา สมัยราชวงศ์เทพถูกโค่น มีใครบ้างไหมที่ถูกไว้ชีวิต มาเข้าแถวยืนพิจารณาด้วยความลังเลเมตตาเช่นนี้
แต่ จขบ.ว่า พรานใหญ่ทำถูกนะ ระหว่างที่หลายคนให้ความคิด ให้คำแนะนำมา ถ้ามีใครชี้ให้เป็นตรงกันข้าม คนฟังก็จะได้คำตอบและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

แล้วก็ถึงคิวยายแม่มดวาชิกา ที่วันๆ เอาแต่นอนดูดเลือดสาวพรหมจารีย์
ยายนี่ พรานใหญ่ ดั๊น..แนะนำให้เก็บเอาไว้เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินซะนี่
งานนี้ก็ไม่ยากอะไร มันตรัยยังเผาเป็นเถ้ามาแล้ว ยายแร้งทึ้งนี่ก็ต้องใช้วิธีเดียวกัน

งานสุดท้ายก็ทำมัมมี่กุตะมะ ..

[นอกเรื่องนิดนุง] เคยอ่านเจอใน PPU Club หัวข้อเรื่องอะไรจำไม่ได้ แต่มีพูดถึงการตายของกุตะมะ เหมือนจะมีประเด็นว่า กุตะมะสมควรตายหรือไม่ ซึ่งก็เหมือนกับ ศจ.สเนป ใน Harry Potter นั่นแหล่ะ (อ่าว.ว.. spoil ข้ามเรื่องซะงั้น) ประมาณว่า ก็รู้อ่ะนะ..ว่าจงรักภักดีมาตลอดก็จริง แต่ถ้ายังอยู่ ก็เหมือนกับหอกข้างแคร่ จะมีเหตุจำเป็นให้ทรยศขึ้นมาอีกวันไหนก็ไม่รู้ อะไรประมาณเนี้ย จำไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็สรุปว่า ความตาย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของกุตะมะและผู้ประพันธ์ (รึเปล่า) กลับไปคุ้ยกระทู้เก่าก็หาไม่เจอ .. sorry นะจ๊ะ (คล้ายๆ อ่อยให้อยากแล้วจากไป..)

คืนนี้แงซายมาขอนอนกับผู้กองที่รัก (ช่วงนี้กระแส Y มาแรงซะด้วย)
"ขอบคุณครับ"
"มาขอบใจฉันเรื่องอะไร?"
"ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้กองทำให้กับผม ทั้งๆ ที่ไม่เคยยอมรับปากโดยวาจาเลยว่าจะทำให้"

"ขอนอนกับผู้กองสักคนได้ไหม?"
"แกจะยั่วฉันไปถึงไหนวะ นี่จะไม่ยอมให้หลับนอนเลยหรือไง"
"ไม่ได้ยั่ว แต่จะนอนจริงๆ แหละ อะไร เตียงออกกว้างแบ่งให้ไอ้แงซายนอนมั่งไม่ได้หรือยังไง"

"แล้วดึกๆ อย่าละเมอคิดว่าผมเป็น 'คุณหญิง' ไปล่ะ"
"ฉันยอมแพ้แกแล้วโว้ย แงซาย จะนอนก็นอนเถอะวะ แต่ขอให้หุบปากเสียที"
"ตกลง หุบก็หุบ ผมก็ง่วงเต็มทีเหมือนกัน เราจะนอนเคียงข้างกันอย่างนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้นอนด้วยกันอีกตลอดไป ชั่วกัลปาวสาน"
"แงซาย?"
"ครับผม"
"ฉันเกลียดขี้หน้าแกฉิบเผ๋งเลยว่ะ"
"ผมก็เกลียดขี้หน้าผู้กองบรรลัยจักรเหมือนกัน คน ่าอะไรพรรค์นี้ก็ไม่รู้ เลือดเย็นชะมัด"
"นี่แกจะมานอนด้วย หรือจะมาชวนทะเลาะ?"
"ก็นอนไปพลาง ทะเลาะไปพลาง จนกว่าจะหลับ"
"ลุกขึ้นมาต่อยกันดีไหม?"
"อย่าท้า ผู้กองสู้ผมไม่ได้หรอก ตัวเล็กนิดเดียวแค่นี้ผมต่อยตาย ที่ไม่ยอมสู้มาตลอดน่ะ อย่านึกว่าจะกลัวนะ ถ้าจะกลัว ก็กลัวจะไม่มีคนช่วยนำทางให้เท่านั้น"
รพินทร์ไม่ต่อปากต่อคำอะไรทั้งสิ้น หลับตานิ่งเฉย
แล้วมิช้ามินาน เขาก็หลับสนิทไป ภายใต้ผ้าคลุมผืนเดียวกับกษัตริย์องค์ใหม่แห่งมรกตนคร



วันที่ 112 (แงซายจอมจักรา 4 น.10006)

วันนี้เป็นทำพิธีอัญเชิญศพกุตะมะ ซึ่งจักราชยกให้เสมือนเป็นพระราชวงศ์ ไปยังสุสาน ซึ่งก็คือที่เดียวกับปราสาทพระศรีมหาอุมาเทวี-ขุมเพชรพระอุมานั่นแหล่ะ
ทั้งคณะก็เลยได้เข้าไปดูเพชรพระอุมาของจริง ซึ่งพระเจ้าจักราธิราชเองก็อนุญาตให้หยิบไปได้ ใครมีแรงขนเท่าไหร่ก็เอาไป แต่ก็ไม่มีใครเอา
บุญคำพูดดีมากเลยว่า "ข้าวสักมื้อ น้ำสักอึก ยังมีค่ามากกว่าสิ่งประทังชีพไม่ได้ในหนทางเดินกลับ เพราะฉะนั้นขอให้มหาสมบัติของเทพเจ้าเหล่านี้ จงอยู่ ณ ที่อันควรอยู่ต่อไปเถิด"



วันที่ 113-114 (แงซายจอมจักรา 4 น.10036)

จักราชเสด็จเถลิงถวัลย์ในอีกสองวันต่อมาท่ามกลางราชพิธียิ่งใหญ่ที่สุด โดยการแซ่ซ้องสาธุการของประชาชนนับแสนทั่วราชอาณาจักร เฉลิมพระนาม 'สมเด็จพระเจ้าจักราธิราช' แห่งราชวงศ์เทพ



วันที่ 115-116 (แงซายจอมจักรา 4 น.10037)

ย่ำสนธยาของวันที่สี่ 'แท้งคิว ปาร์ตี้' จักราชกลับมาในชุดแงซาย และขอส่างปาไว้ให้อยู่มรกตนครด้วยกัน



วันที่ 117-118-119-120-121 (แงซายจอมจักรา 4 น.10053)

4-5 วันต่อมา ก็ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ
ราตรีสุดท้ายบนถนนพระศิวะ ก็สังสรรค์และสั่งเสียกันเป็นครั้งสุดท้าย
แถมด้วยของที่ระลึกสำหรับสองสาว ที่จักราชถอดออกจากนิ้วมอบให้
คุณหญิงได้แหวนเพชร ส่วนมาเรียได้แหวนมรกตล้อมเพชร



วันที่ 122 (แงซายจอมจักรา 4 น.10063)

วันจากลา..

ระยะอีกสองก้าวจะถึงตัวซึ่งกันและกัน อดีตร้อยตำรวจเอกตระเวนชายแดนชิดเท้าตรง ยกมือขึ้นแตะปีกหมวกในท่าวันทยหัตถ์ เสียงส้นท้อปเดินป่ากระทบกันดังปัง

"ข้าพระบาทขอทูลลาแล้ว ขอให้พระองค์ประสบแต่ความสุขตลอดชั่วพระชนม์ชีพ"

จักราธิราช สืบพระบาทเข้าประชิดแล้วสวมกอดไว้แน่น อัสสุชลซึ่งทุกคนไม่เคยเห็น บัดนี้หลั่งรินเป็นทางอย่างไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้ต่อไป

"ผู้กองที่รัก..ในชีวิตของจักราช จำได้ว่าเสียน้ำตาเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเมื่อราชวงศ์เทพถูกโค่น พระบิดาถูกปลงพระชนม์ พระชนนีสวรรคตกลางป่า...ส่วนครั้งที่สอง คือครั้งที่คนชื่อรพินทร์ ไพรวัลย์จากไป...เป็นการจากอย่างชนิดที่จะไม่พบกันอีกแล้ว ผมไม่มีอะไรจะให้ผู้กองไว้ดูต่างหน้า นอกจากสิ่งนี้เท่านั้น สิ่งที่ติดตัวผมมาแต่เกิด โปรดรับไว้เถิด นี่คือสัญลักษณ์ของ 'แงซาย' หรือจักราช"

รับสั่งจบ ก็ทรงถอดเหรียญทองคำที่ห้อยพระศออยู่ยัดเยียดลงไปในฝ่ามือของรพินทร์ มันคือตราประจำองค์ยุพราชแห่งราชวงศ์เทพ รพินทร์ ไพรวัลย์เอง บัดนี้ก็น้ำตาซึม เขาพิจารณาอยู่นาน ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น แล้วบรรจงหย่อนลงกระเป๋าเสื้อ ชิดเท้าตรง วันทยหัตถ์อีกครั้ง

"เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ข้าพระบาทจะขอเก็บตราประจำพระองค์นี้ไว้กับตัวตลอดไป"



บทส่งท้าย (น.10079)

จดหมายรัก จากคุณหญิงดาริน ถึงรพินทร์ ไพรวัลย์ ...อันนี้ต้องอ่านเอง

บอกได้แค่ว่า มีความตอนหนึ่งที่เกี่ยวโยงไปถึงภาค 2 เล่ม 47 ก็คือ
'พี่สาวครับ ผมขอหมั้นพี่สาวไว้ให้แก่พี่ชาย ผู้กองรพินทร์ ไพรวัลย์ ของผมด้วยแหวนวงนี้'


==============================================


สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ (อดทน) ติดตามอ่านบันทึกการเดินทางอันกระท่อนกระแท่นของ จขบ. มาโดยตลอด ทั้งที่ตั้งใจเข้ามาและที่หลงเข้ามา ไว้ ณ ที่นี้ด้วยจ้า

ปล. ถ้าเจ้านายไม่ไล่ออกซะก่อน (โทษฐานที่เอาเวลางานมาทำ Blog) และมีตังค์ซื้อภาคสอง (ซึ่งขาดไปอีก 7 เล่ม) มาเก็บได้ครบ ก็จะมาเล่าให้คุณๆได้อ่านกันอีกนะจ๊ะ




Create Date : 01 ธันวาคม 2550
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2562 10:18:49 น. 17 comments
Counter : 4470 Pageviews.

 

ชอบจักราชจังเลย

กำลังอ่านเล่มสุดท้ายอยู่ค่ะ

ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ




โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:17:30:27 น.  

 
สู้ๆๆนะคะ ใกล้จะจบแย้ว


โดย: พินรดา IP: 58.8.40.247 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:20:38:41 น.  

 
อ่านจบครบทุกภาค เมื่อตอนเรียนปี1 ปวช. สนุกมากเลยและทำให้รักธรรมชาติและการผจญภัยต้นไม้ป่าเขา มากๆๆๆ


เหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลยหล่ะ ชอบคุณพนมเทียนมากๆๆๆ ฝันไว้ว่า จะ ต้องชื้อเก็บไว้ครอบครองให้ได้

แล้วจะแวะมาทบทวนควาทรงจำบ่อยๆๆนะค่ะ เป็นกำลังใจและ ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ สำหรับน้ำใจที่เอามาแบ่งปันกัน


โดย: แมงรัก IP: 58.9.44.6 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:21:20:36 น.  

 
โอ้ไม่ได้อ่านนานแล้วอ่าเรื่องนี้เราอ่านจบตอนเราอยู่ ป.5 อ่า สนุกมาเลย แต่ตอนนี้ก็ลืมจะหมดอยู่และ - -"


โดย: KunikunDE วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:22:28:25 น.  

 
วันนี้มา up เพิ่ม วันที่ 109-110 จ้า

จะมา up เรื่อยๆละกันนะ เอาให้จบใน blog นี้เลยละกัน


โดย: เจ้าการเวกเสียงหวาน วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:11:36:57 น.  

 
มาแอบเกาะติด สถานการณ์กู้บัลลังค์ของ แงซาย


ปล. ยิ่งอ่านสปอยต์แบบนี้ ยิ่งทำให้อยากอ่านแบบเต็ม ๆ อยากเห็นลีลาการ "แถ" ของพรานใหญ่


โดย: latics1 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:11:56:08 น.  

 



ดอกไม้สวยๆแทนคำขอบคุณ ที่แวะไปทักทายเจนนี่ที่บล็อคไดอารี่ค่ะ วันนี้ก็อย่าลืมไปทักทายเจนนี่อีกน่ะคะ เจนนี่จะพาไปเที่ยวงานพระราชวังสนามจันทร์ที่จังหวัดนครปฐมนะคะ มีรูปให้ชมเยอะแยะเลยค่ะ แล้วคุยกันอีกน่ะคะ สำหรับวันนี้ ขอให้เป็นวันดีดีของคนอ่านค่ะ


โดย: สาวอิตาลี วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:19:36:41 น.  

 
วันนี้มา up เพิ่ม วันที่ 111 : D-Day

พิมพ์เพลินไปหน่อย เนื้อหาเลยยาวกว่าวันอื่นๆ

ปล. แล้วจะรีบมา up ต่อให้จบนะจ๊ะ


โดย: เจ้าการเวกเสียงหวาน วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:16:34:06 น.  

 
หึ หึ ไม่ต้องสปอยต์แฮร์รี่นะ เพราะอ่านมาแล้ว


จบหรือยังคะ ต่อภาคสองด้วยนะ เพื่อใช้ตัดสินใจว่าควรซื้อภาค 2 หรือเปล่า (หลายคนบอกไม่สนุก)


โดย: latics1 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:23:17:11 น.  

 
เย้ !! จบซะที

เริ่มต้นมันง่าย แต่กว่าจะจบได้..มันยากอ่ะ แต่ก็ดีใจและขอบคุณทุกกำลังใจที่ได้รับจากทุกท่านที่ติดตามอ่าน ทำให้มีแรง (กดดัน..เล็กๆ) ในการเขียนบันทึกการเดินทางนี้จนจบ ไม่ล่มกลางทางซะก่อน

ขอบคุณทุกท่านค่ะ



โดย: เจ้าการเวกเสียงหวาน วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:14:19:08 น.  

 
เย้+++ จบแย้ว

อ่านแล้วลุ้นตามไปด้วยเลย
อยากกลับไปอ่านอีกรอบแล้วสิ

ขอบคุณคุณการเวกเสียงหวานมากๆเลยนะคะ ที่ขยันทำ shortnote มาให้อ่านกัน


โดย: พินรดา IP: 58.8.36.57 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:20:58:40 น.  

 
จบแล้วอย่าลืมต่อภาค 2 ด้วยนะ เหอ เหอ



เพิ่งอ่านเล่ม 16 จบไป แห๊มมมม หมั่นไส้ พรานใหญ่พิลึก (ตอนติดอยู่กะเมย์ น่ะ มันน่า..นัก) อินไปนิสสสส์นึง...


โดย: latics1 วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:12:14:30 น.  

 
อ่านรอบเดียวไม่เคยพอ


โดย: veeda วันที่: 1 มกราคม 2551 เวลา:1:04:09 น.  

 
ไม่เคยอ่านสงสัยจะดีนะเนี่ย


โดย: bishojoo วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:53:06 น.  

 
ไม่อ่านเรื่องย่อๆแล้ว ยุ้ยรับรองความสนุกและความมันส์ซะขนาดนี้ พี่ก็เริ่มได้เลย อ่านจบเล่ม 21 พอดี


โดย: พี่แหม่ม (Chulapinan ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:23:37 น.  

 
สนุกมายเลย

อ่านภาค1จบเเล้วกำลังอ่านภาค2อยู่

น่าตื่นเต้นเหมือนเดิมเลย


โดย: kang IP: 110.168.91.8 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:20:52:43 น.  

 
ใครอ่านเพชรพระอุมา ก็คุ้มสุดๆ นอกจากตวามตื่นเต้น ผจญภัยแล้ว ยังมีพระเอกให้เลือกตั้ง 2 คน ถ้าเลือกไม่ถูกก็ชอบไปทั้งคู่เลย น่าเศ้ราที่พวกเขาต้องแยกจากกัน เพราะลุ้นให้อยู่คู่กัน พอๆกับอยากให้รพินทร์ลงเอยกับคุณหญิงเลย


โดย: Rose (GNR) IP: 110.49.250.105 วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:44:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.