|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
ถ้าจะติดซีรีย์ ติดพี่ดีกว่าครับ |
|
ถ้าผมหายเงียบๆ ไป ช่วงนี้มาสะกิดได้เลยนะครับ เพราะเรื่องงานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่กำลังหนักเลยก็คือ
ติดหนัง และ ติดซีรีย์ครับ
ถ้าพูดเรื่องหนังแล้ว ผมเป็นคนชอบแนว "Dark Fantasy" ค้นผมตัวเองตั้งแต่ก่อน 10 ขวบอีกครับ 55555 ซึ่งจริงๆ สิ่งที่ผมชอบคือ Sci-fi กับ factasy แต่จะถูกจริตมากแต่เป็นแนว Dark Fantasy หรือ Post-Apocalypse
ไม่เกริ้นอะไรเยอะแล้วกันครับ เพราะเคยพิมแล้วหนนึง แต่ดันกดปิดหน้าต่างไปตอนพิมจะเส็ด เจ็บใจมาก แต่นี่ก็เขียนรอบ 2 ครับ มาที่ฝั่งหนักก่อนเลย นั่นก็คือ.....
Prey (2022)
Prey พูดได้ว่าเป็นหนัง Spin-off ของแฟรนไชส์ Predator เอาจริงๆ ผมไม่ใช่แฟน Predator เลยครับ ไม่รู้อะไรเลย เพราะไม่ชอบความแหวะ (จำคำนี้ของผมไว้นะ555555)
Prey เป็นเรื่องราวเมื่อ 300 ปีก่อน ตั้งแต่ที่โลกได้เจอกับ Predator ตัวแรก โดยเล่าผ่านตัวละครหญิงชนเผ่าโคแมนชี เผ่าอเมริกันพื้นเมือง ที่ชื่อ นารู ผู้ที่ต้องการเป็นนักล่าเหมือนกับพี่ชายของเธอ มากกว่าแม่บ้านแบบผู้หญิงทั่วไป ถึงเธอจะมีร่างกายและความแข็งแรงน้อยกว่านักล่าผู้ชาย แต่สิ่งที่เธอมีความกว่าคือ "ไหวพริบ" ในการล่า และเอาตัวรอด ไม่รวมความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่แม่ของเธอสอนมาอย่างดี
ในขณะที่เธอพยายามฝึกฝนและพิสูจน์การเป็นนักล่าของตัวเอง เธอก็สังเกตได้ว่า มีนักล่า หรือ บางสิ่ง กำลัง "ล่า" อยู่ในป่าที่เธออาศัยเช่นกัน จนได้เผชิญหน้ากับ Predator จากนอกโลก และเธอต้องเอาตัวรอดจาก นักล่าต่างดาว ด้วยอาวุธที่มีเพียงหิน ไม้ และสัญชาติญาณ
ในไทย Prey ฉายใน Disney+ Hotstar ด้วยเรท RP13+ ดังนั้น สำหรับผม ผมชอบหนังแนวนี้ครับ 5555555 หลานคนคงคิดว่า อ้าว ไอ่หมอนี่ไม่ได้ชอบดูหนัง 20+ หรอ ผมหมายถึง คำหยาบ ความรุนแรง เลือด อะไรทำนองนั่นครับ ไม่ใช่เนื้อหนัง พอเป็น RP 13+ มันเลยเป็นหนังที่กำลังดี ดูสบาย ไม่เครียดเกินไป ตื่นเต้นกำลังดีแบบที่ไม่ต้องเตรียมใจ เตรียมสมองไปก่อนดู ฉากฆ่ากันแบบโหดๆ มีให้เห็นกันจะๆ แต่ใช้เทคนิกทางภาพที่โคตรเท่ ทำให้ภาพที่เห็นไม่ได้หนักหนาแต่คนที่โตแล้วจะรู้ได้ด้วยประสบการณ์ว่ามันเกิดอะไร
แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่โหดสมราคาครับ เพราะโหดเลือดสาดเลยละ หนังตื่นเต้น แต่ไม่ได้กดดันมากจนเครียด เลยเป็นหนังที่ดูสบายสำหรับผู้ชายอายุ 30 มากครับ 55555
หนังใส่แนวคิดแนวเดียวกับมู่หลาน ในขณะที่มู่หลานหรือหลายๆ เรื่องใส่ความเป็นผู้หญิงเก่งมาแบบยัดเยียด
แต่เรื่องนี้ไม่เลยครับ เค้าใส่มาแบบแนบเนียน ไม่มากหรือน้อยเกินไป ผู้ชายในเรื่องไม่ได้แสดงอาการเหยียด หรือคำพูดที่ฟังดูแล้วอึดอัด แต่เรารู้สึกและยอมรับมันได้แบบกำลังพอดี ที่สำคัญ หนังไม่พูดเยอะครับ ใช้ฉากในการเล่าเรื่องซะมากกว่า ส่วนตัวผมเลยคิดว่า มันสร้างได้ Universal มาก ๆ ไม่รวมกับการเซ็นเซอร์ฉากตัวเองแบบชาญฉลาด เรียกว่าเป็นหนังที่ต้องชมทีมภาพ ทีมตัดต่อ และทีมScout location ครับ
ผมดูเรื่องนี้ซ้ำ 3 รอบครับ เพราะหลายฉากสนุกและสวยงามมากๆ เรียกว่าเป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ผมดูซ้ำๆ ติด ๆ กันครับ สำหรับผม 9/10 นะ
มาทางฝั่งซีรีย์กันบ้างครับ ปกติซีรีย์จะไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ที่ผมจะดูนะ เพราะยืดเยื้อและใช้เวลาชีวิตเยอะมาก Let's say ถ้าตอนละ 30 นาที มี 10 ตอน ก็ล่อไป 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงแล้ว ยิ่งเมื่อไหร่ที่มันดีนะ แล้วต้องรอตอนใหม่ หรือซีซั่นใหม่นี่ "ทุรนทุราย" มากครับ 555555 เพราะแบบนี้แหละผมเลยไม่ชอบเอาใจลงไปเล่น!!! และด้วยความเป็นคนขี้เบื่อ และใจร้อน ซีรีย์เลยไม่ค่อยตอบโจทย์ครับ
ช่วงโควิดมานี่ ซีรีย์ที่ผมได้ดู เทียบกับหนังคือน้อยเลยครับ เท่าที่จำได้ก็มี All of us are dead, The Mandalorian 1-2, Loki Wandavision, Move to heaven, Hellbound, Sweet Home Alice in Borderland, The Queen's gamit, Sex Life เด็กใหม่ 2, Squid game, Obi-Wan Kenobi น่าจะแค่นี้นะครับ
เสียเวลาชีวิตและลงแดงไปหลายรอบเลยครับ เลยไม่ค่อยอยากเอาใจลงไปเล่นกับซีรีย์ ถ้าผมจะเริ่มดูซีรีย์ ผมเลยจะรอให้มันลงทุกตอนจนจบก่อน และก่้อนจะเริ่มดูก็ไปอ่านรีวิว หรือสรุปเรื่องคราวๆ ก่อน ถ้าเนื้อเรื่องถูกจริต ถึงจะตัดสินใจตั้งหน้าตั้งตาดู และเรื่องที่ผมคิดมาซักพักว่าจะดูหรือไม่ดูดีนะ จนตัดสินใจดู แถมยังติดไปแล้วตอนนี้ก็คือ
The Sandman
The Sandman เป็นซีรีย์ของค่าย DC ที่ฉายทาง Netflix ครับ มี 10 ตอน ตอนละ45-55 นาทีได้ ดังนั้น เราต้องใช้เวลา 9 ชั่วโมงกับซีรีย์นี้ครับ เรื่องนี้เป็น Dark Fantasy แท้ๆ ที่เกี่ยวกับ "มอร์เฟียส" หรือ Dream หนึ่งใน The Endless ผู้ควบคุมโลกแห่งความฝัน อยู่ ๆ พระเอกของเราก็ถูกผู้ใช้คาถาที่ต้องการ "Death" ซัมมอนมาผิดดื้อๆ
แต่พอกลายเป็น Dream ไม่ใช่ Death พวกเค้าเลยจับเทพแห่งฝันขังเอาไว้ เพื่อเรียกร้องให้บรรดารให้ฝันเป็นจริง และขโมยเอาของวิเศษของมอร์เฟียสไป นั่นก็คือ ถุงทราย หน้ากาก และทับทิมสีแดง กว่าร้อยปีที่มอร์เฟียสถูกขังไว้ ทำให้โลกความฝันพังพินาจ และโลกความจริงบิดเบี้ยว และนั่นทำให้มอร์เฟียสที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองมนุษย์ ต้องหนีออกมาไล่เช็คบิลคนพวกนั้น แถมต้องตามหาของวิเศษ และเครื่องยศของตัวเอง เพื่อให้ได้พลังกลับมา ก่อนจะจัดการกับความฝันทีเสียหาย และฝันร้ายที่หนีออกไปตอนเขาไม่อยู่
บอกเลยว่า 4 ตอนแรกดูแล้วหยุดไม่ได้เลยครับ สนุกมาก ดาร์ก โหด และภาพฉากสวยมากๆ ไม่รู้จะเล่ายังไงไม่ให้สปอยได้ครับ 55555 การต่อสู้ของเทพทำได้โคตรเท่ พระเอกมันคือ The Sandman ที่เรารู้จักนั่นแหละครับ เทพแห่งความฝัน สำหรับผม ผมให้ประสบการณ์ใน Sandman ว่ามันต้องเป็นเทพสายดาร์ก ร้ายๆ ตัวนึง ไม่เหมือน The Sandman ใน Rise of the Guardians นะครับ แต่ต้องเท่ๆ เก่งๆ เหมือนเจ้าตัวเล็กน่ารักใน Rise of the Guardians นั่นแหละ ดังนั้น เทพเจ้าแห่งฝัน ในเรื่องนี้เลยตอบโจทย์ผมมาก
พระเอกไม่ได้มีความโลกสวย แต่เป็นสายดาร์ก โหด ไม่สนโลก ไม่แคร์ใคร แต่มันเป็นคนมีเหตุผล และจริงๆ มันเป็นคนจิตใจดี คือคาเร็กเตอร์มันบาลานซ์ได้ดีมากครับ
ถึงหนังจะโหด เลือด การฆ่า แหวก แหวะ แต่จริง ๆ The Sandman มันเป็นหนังที่แทรกปรัชญาชีวิตได้ดีมากๆ ผมชอบการต่อสู้ระหว่าง มอร์เฟียส กับ ลูซิเฟอร์ มากครับ มันคือหลักจิตวิทยา ปรัชญา และการเป็นไปของชีวิต สิ่งสุดท้ายที่มอร์เฟียสใช้สู้คือ แม่งเท่!!! แม่งว้าวเลยครับ!!!
หลายๆ อย่างมนุษย์ก็ต้านเทพไม่ได้ เพราะเทพเสมือนกับธรรมชาติ แต่หลายอย่างที่เทพก็ไม่เข้าใจสิ่งที่มีอยู่และซับซ้อนในนามมนุษย์ ด้วยคอนเซปว่าเทพมีหน้าที่รับใช้มนุษย์ ไม่ใช่เจ้านาย และเทพคงอยู่ได้ด้วยการรับรู้ว่าพวกเขามีอยู่ของมนุษย์
ส่วนตัวผมชอบนะ ชอบแนวเทพนอร์สแบบนี้อยู่แล้ว อย่างที่ผมชอบเล่นเกมส์ God of war 555 แล้วก็ชอบ Sandman อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนฝันเก่งหรอกนะ 555 แค่ชอบเทพแบบดาร์กโทน แถมหนังสร้าง Sandman มาเก่งโคตรๆ สมใจ แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบคือ ตัวละครเยอะไปครับ และใช้ทิ้งคว้างมาก รวมถึงความพยายามยัดเยียดความหลากหลายมาจนทำลายอรรถรส
พระเอกแม่งขี้เก็กมาก ผู้หญิงอาจจะชอบ แต่ผู้ชายรำคาญครับ เกลียดทรงผมมมันด้วย 555555 ผมไม่ชอบตอน 5 ครับปวดกระบาลมาก สับสนมาก ข้ามได้ข้ามดูแค่ตอนจบพอ ตัวร้ายหลักของ 10 ตอนแรกตายง่ายมากๆ ซีรีย์เหมือนจะปูพระเอกมาให้โคตรเก่ง โคตรเหนือทุกสรรพสิ่ง แต่เมิงเสือกใช้เวลา 10 ตอนกว่าจะมาโชว์พูดเท่ๆ แล้วเอามันกลับบ้านเก่า
ข้อเสียใหญ่ๆ ที่ทำให้ผมเสียอรรถรสซักหน่อยก็คือ ความ Netflix นี่แหละครับ ที่ "พยายาม" และ "ยัดเยียด" ความหลากหลายทางเพศและสีผิวมากซะจนรำคาญ อยากให้ไปดูตัวอย่างจาก Prey มากเลยครับ ที่ทำออกมาได้พอดี มากกว่ายัดเยียดมาจน อิหยั่งวะ 5555
เมื่อกี้หยุดตอน 11 ไว้ก่อน เหนื่อยดู ผมให้คะแนน 10 ตอนไว้ที่ 6.5 แต่ถ้า 4 ตอนแรก + ตอนที่ 6 ผมให้ 8.5/10 เลยครับ
และสิ่งที่ได้จาก The Sandman คือ... อย่าริฆ่านกเรวเนของมอร์เฟียส เหมือนกับที่อย่าริฆ่าลูกหมาของ John Wick 55555
ช่วงนี้คงพักก่อนครับ และคิวอาทิตย์ที่ผ่านมาเยอะมากครับ ทั้งงานแต่งงาน ทั้งทำสีผมใหม่ก่อนไปทำบัตรประชาชนใหม่ ทั้งงานศพ ทั้งปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน เหนื่อยเลยครับ
งานแต่งงานที่ผมไป....ผ่านไปด้วยดีครับ ไปถึงผมก็ซัดของกินก่อนเลย 55555 จนแฟนถามว่า.....เทอหิวหรอ ???
ผมบอกว่า....เอาจริงๆ ก็คงจะไม่ เพราะถ้าหิวจริงๆ จานของผมน่าจะเหมือนไอ่ข้างๆ นี่....
ไอ่นี่ต่างหากที่เรียกว่าหิวของจริง 5555
แต่เหนื่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ยังไม่ลืมแวะหาอะไรดื่มแล้วพักซักหน่อย
กินแบบนี้ไม่กลัวอ้วนหรอ...อย่าเพิ่งกลัวเลยครับเรื่องอ้วน กลัวอดดีกว่า 555555
Create Date : 22 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 22 สิงหาคม 2565 20:00:48 น. |
|
38 comments
|
Counter : 951 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณnonnoiGiwGiw, คุณเริงฤดีนะ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอุ้มสี, คุณThe Kop Civil, คุณหอมกร, คุณtanjira, คุณกิ่งฟ้า, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณkae+aoe, คุณLittleMissLuna, คุณnewyorknurse |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 สิงหาคม 2565 เวลา:18:02:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 สิงหาคม 2565 เวลา:20:37:06 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 สิงหาคม 2565 เวลา:21:28:03 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 สิงหาคม 2565 เวลา:21:30:03 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 สิงหาคม 2565 เวลา:21:34:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:5:45:44 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:6:41:06 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:11:28:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:15:10:32 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:16:40:06 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:19:45:14 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 23 สิงหาคม 2565 เวลา:22:34:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2565 เวลา:5:24:19 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 24 สิงหาคม 2565 เวลา:7:37:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2565 เวลา:22:45:54 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 25 สิงหาคม 2565 เวลา:0:47:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2565 เวลา:5:27:18 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 สิงหาคม 2565 เวลา:11:12:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|
หนักเลยนะครับกับการติดซีรีย์ เพราะมันฉายแบบใน Netflix มันทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า อีกตอนน่า อีกตอนน่า จนในที่สุดเกือบเช้าได้ง่ายๆ เลย
พวกหนังบางทีก็ต้องดูให้จบก่อนถึงจะให้คะแนนได้ แต่ถ้าให้ทีละตอนๆ แล้วประเมินผลรวมตอนสุดท้ายอาจจะกลายเป็น 1000000000/10 ก็ได้นะ