Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

ชลวาห์กาล ๓ (ธัญรัตน์)




ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของวันวิวาห์ ที่ถูกเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเขื่องสองสามใบ และถูกยกใส่ในรถหรูโดยนายส่ง เธอยืนโอบกอดแม่สุขที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย คู่ไปกับดวงแขที่เป็นแม่บ้าน ที่รักเธอไม่น้อยไปกว่าผู้ที่ให้กำเนิดเลย กิริยามารยาทที่เรียบร้อยของเธอ ก็ได้มาจากการเสี้ยมสอนของคนทั้งสองมาก

“ไปแล้วอย่าลืมติดต่อมานะคะคุณหนูวา” แม่สุขบอกพร้อมทั้งร้องไห้ เพราะเธอและคนในบ้านเพิ่งจะเสียเจ้านายไปตั้งสามคน แล้วจู่ ๆ คนที่เธอเลี้ยงมากับมือ ก็ต้องจากไปไกลแสนไกล และไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาพบกันอีก “ค่ะป้าสุข รักษาตัวดี ๆ นะคะ วากลับมาคราวหน้าป้าสุขจะได้สวย ๆ ไงคะ” เธอบอก

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะคุณวา ป้าทำของแห้งไปให้คุณวาเยอะแยะเลยค่ะ จะได้มีอาหารไทย ๆ กินไงคะ” ดวงแขพูด ขณะเข้ามาโอบกอดร่างสาวน้อยเอาไว้ ด้วยความห่วงใยยิ่งนัก “วาบอกแล้วว่าไม่ต้องทำให้เหนื่อยค่ะ ที่โน่นมีอาหารไทยเยอะแยะไปค่ะป้าแข” เธอบอก

“โอย....แม่แขเขาไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณวา จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อไงครับ ที่โน่นของแพงไม่ใช่เหรอครับ คุณผู้ชายบอกว่าข้าวมื้อหนึ่ง อย่างถูก ๆ ก็ปาเข้าไปจะเป็นสี่ซ่าห้าร้อยบาทแล้วไม่ใช่เหรอครับคุณวา” นายส่งที่ยืนรวมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ รีบเสริม

“แกอย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยเจ้าส่ง” เสียงสุเมธดังขึ้น หลังจากที่ฟังคนรถอ้างชื่อเขา

“ไปได้แล้วหล่ะลูก เดี๋ยวตกเครื่องพ่อไม่รู้ด้วยนะ พ่อขอโทษด้วยที่ไปส่งวาไม่ได้ มีงานด่วนจริง ๆ ไปดีมาดีนะลูกพ่อ” เขาบอกลูกสาวที่เหลือแค่คนเดียว แล้วก็โอบกอดเอาไว้ด้วยความรัก พอไม่มีกัมลากับดุสิตามาคอยกวนให้อารมณ์เขาขุ่นเคือง เขาก็ได้มีเวลาแสดงความรักต่อลูกสาวอย่างเต็มที่
เพราะเขารู้ดีว่าวันวิวาห์คือลูกที่เขาควรจะรักให้มาก ๆ เหมือนกับผู้เป็นพ่อเคยบอกเอาไว้ในหลาย ๆ ครั้งที่ทะเลาะกัน แต่เขาก็ไม่ค่อยจะฟังเท่าไหร่ แต่พอตอนที่เขาได้คิดแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ไม่ทันได้เห็นมัน

“ค่ะ คุณพ่อรักษาตัวดี ๆ นะคะ อย่าทำงานหนักเดี๋ยวจะไม่สบายก่อน” เธอบอก “ไม่สบายก็ให้คุณหมอมารักษาสิลูก อีกหน่อยพ่อคงต้องเรียกวาว่าคุณหมอแล้วสินะ” เขาล้อลูกสาวและกอดร่างน้อย ๆ นั้นเอาไว้ด้วยความรักใคร่ยิ่งนัก พร้อมทั้งเขาเองก็รู้สึกผิดต่อลูกเหลือเกินที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีมาตั้งนาน แต่เขาก็ตั้งใจจะทำตั้งแต่นี้ต่อไป

“กว่าวาจะได้กลับมารักษาคุณพ่อก็อีกนานเลยนะคะ คุณพ่อต้องรักษาตัวเองดี ๆ ดื่มเหล้าน้อยลงด้วยนะคะ แล้วก็รีบกลับบ้าน มาให้ป้าสุขกับป้าแขทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินนะคะ” เธอบอกด้วยความห่วงใย แต่ก็ทำให้สีหน้าของสุเมธนั้นเกือบจะเปลี่ยนสีไป

“ตกลงจ๊ะพ่อสัญญา ....เอ้านายส่งไปส่งยายวาได้แล้ว ฉันก็จะรีบไปธุระ …รักษาตัวดี ๆ นะลูก พ่อขออวยพรให้วาจงประสบความสำเร็จตามที่ลูกหวังเอาไว้ในทุก ๆ เรื่อง แล้วกลับมาพ่อจะชดเชยสิ่งที่วา ไม่เคยได้รับจากพ่อเลย พ่อสัญญาว่าพ่อจะเป็นพ่อที่ดีของวา พ่อรักลูกจ๊ะ” เขาบอกลาลูกสาวพร้อมทั้งก้มลงหอมที่หน้าผากสาวน้อยด้วยความรักใคร่

ซึ่งเป็นภาพที่ผู้คนในบ้านนั้น ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย ไม่น่าเชื่อว่าการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน แต่พวกเขาก็ได้เจ้านายคนใหม่กลับคืนมา

“วากราบค่ะ” เธอก้มกราบที่อกกว้างของบิดา และก็เดินไปที่รถ แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาหาคนในบ้าน ที่พร้อมใจกันมาส่งเธอแทบจะหมดบ้าน

รอยยิ้มปนน้ำตาปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวใส ประหนึ่งเหมือนเป็นการสั่งลาทุก ๆ คน แล้วร่างน้อย ๆ ก็ก้าวเข้าไปในรถ และถูกขับออกไปอย่างช้า ๆ โดยนายส่ง ทุกคนมองรถที่แล่นออกไปจนลับประตูคฤหาสน์ออกไปอย่างอาลัย



ใบหน้าของสุข และดวงแข พร้อม ๆ กับทุกคนในบ้านที่พร้อมใจกันมายืนรอรับเธอนั้น ช่างเปลี่ยนไปมากในสายตาเธอ สุขดูสูงวัยขึ้นมาก คงจะเป็นเพราะด้วยร่างที่อวบ จนจะเป็นอ้วนนั้นทำให้สุขดูมีอายุมากกว่าดวงแข ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองนั้นอายุไล่เลี่ยกัน

ส่วนดวงแขรูปร่างหน้าตานั้น ยังคงมีความสวยงามเหมือนเมื่อสิบกว่าปี ไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเธอนั้นมีรูปร่างที่ผอมบาง จึงทำให้ดูไม่ค่อยจะแก่เร็วเท่ากับคนแรก ภาพที่ทุกคนยืนรอเธอหน้าตึกที่ปรากฏต่อสายตาเธอวันนี้ มันช่างเหมือนกับเมื่อวันที่เธอกำลังจะจากไปยิ่งนัก ผิดกันก็ตรงที่ทุกคนดูมีอายุมากขึ้น

ส่วนเธอนั้นก็เป็นสาว และดูสง่างามสมกับตำแหน่งแพทย์หญิง ที่เธอนั้นได้มันกลับมาด้วยนั่นเอง หญิงสาวมองหน้าทุก ๆ คนด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ ที่ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของพวกเขาอีกครั้ง
“คุณวาของป้า กลับมาซักที ป้าคิดถึงจะแย่อยู่แล้วค่ะ” สุขเข้ามาโอบกอดร่างบาง ๆ ที่สูงจนเธอนั้นต้องแหงนหน้ามองหน้าของวันวิวาห์แล้ว
“สวัสดีค่ะป้าสุข” เธอกราบลงที่อกอย่างรักใคร่

“คุณวาของป้า...” เสียงดวงแขพูดได้แค่นั้น น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลออกมาให้ทุกคนได้เห็นอย่างไม่ยากเลย และดูเหมือนทุก ๆ คนจะชินตา กับการที่ดวงแขนั้นร้องไห้ ให้กับการจากไปและกลับมาของเธอเสียแล้ว “ป้าแข สวัสดีค่ะ ป้าสบายดีนะคะ” เธอรีบเข้ามาไหว้ดวงแขที่อก แล้วก็สวมกอดแขไว้ด้วยความคิดถึง

เธอยิ้มให้กับทุกคนที่มารอรับอย่างรักใคร่และในห้วงความคิดของหญิงสาว ก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ที่ไม่เห็นแม้แต่เงา ของผู้เป็นพ่อมารอรับเหมือนคนอื่น ๆ หรือพ่อลืมไปแล้ว ว่าเธอจะกลับมาวันนี้
“คุณพ่อไปไหนคะป้าแข” เธออดที่จะอยากรู้ไม่ได้ และมันก็ทำให้สีหน้าของคนในบ้าน ที่มารอรับนั้นแทบจะถอดสีไปตาม ๆ กัน

“ป้าว่าเข้าบ้านก่อนเถอะค่ะคุณวา คุณผู้ชายยังติดธุระอยู่ค่ะ บอกว่าเย็น ๆ ถึงจะกลับ คุณวาพักผ่อนก่อนนะคะ ป้าจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ทาน ดูสิไปอยู่ที่โน่นสงสัยจะอดอยากเหลือกิน ผอมจนจะเหลือแต่กระดูกแล้วนะคะ” สุขดูเหมือนจะตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ นั่งเครื่องมานานแล้ว งั้นเข้าบ้านเถอะค่ะ” เธอเห็นด้วยอย่างยิ่งกับสุข ก็คงจะเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยนั่นเอง นี่ถ้ารวิทย์กลับมาด้วยกัน เธอก็คงจะพอมีคนคอยคุยให้หายเหนื่อยบ้าง แต่เขาก็ขอหาประสบการณ์ก่อน
เพราะบอกว่าเรียนไม่ค่อยเก่งเท่ากับเธอ เดี๋ยวแต่งงานกันไปแล้ว จะน้อยหน้า นั่นคือความคิดของเขา และเธอก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร



ร่างบาง สูงโปร่ง ผมยาวสลวย ถูกปล่อยให้ปะหลังเอาไว้ เพราะเพิ่งผ่านการสระมา ใบหน้าเรียวรูปไข่ แก้มขาวเนียน ดวงตากลมโต จมูกโด่งรับกับแว่นที่ถูกใส่เอาไว้อย่างลงตัว หญิงสาวค่อย ๆ เดินสำรวจดูด้านในของคฤหาสน์ห้องแล้วห้องเล่าด้วยความคิดถึง หลังจากที่ได้หลับพักผ่อนมาตั้งแต่เช้า
และเธอก็ลงมาในเวลาที่ใกล้ตั้งโต๊ะอาหารเย็น ที่เธอเคยถือเป็นธรรมเนียมของบ้านมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะผู้เป็นปู่นั้นจะกินข้าวพร้อม ๆ กับเธอแทบทุกมื้อ ถึงแม้ว่าคนในบ้านคนอื่น ๆ จะอยู่บ้างไม่อยู่บ้างก็ตาม

วันวิวาห์เดินมาหยุดยืนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของบ้าน ภาพวาดเหมือนของกุศล โดยจิตรกรผู้มีชื่อเสียง ถูกแขวนเอาไว้ประดับผนังห้องโถงของบ้าน ตั้งแต่เธอยังเด็กมันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม รูปครอบครัวที่ถูกถ่ายเอาไว้เมื่อก่อนมารดาและน้องจะจากไป ก็ยังคงถูกวางเอาไว้ที่เดิม

ดูเหมือนว่าบิดาของเธอ และทุกคนในบ้านจะคงสภาพทุก ๆ อย่างเอาไว้เป็นอย่างดี หญิงสาวมองรูปมารดา แล้วก็อดหวนคิดถึงใบหน้าและแววตาของมารดาที่มองเธอไม่ได้ มันช่างไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูในแววตานั้นเลยแม้แต่น้อย

“ฉันเกลียดมัน คุณก็รู้ ว่าฉันเกลียดมัน แล้วคุณจะมาขอให้ฉันทำอะไรให้มันทำไม ไม่มีวันซะหรอก คุณเป็นพ่อก็ทำให้มันสิ มันเป็นลูกของคุณไม่ใช่เหรอ”
นั่นคือคำพูด ที่มารดาพูดถึงเธอ ในยามที่ทะเลาะกันกับพ่อ จนเธอได้ยินคำนี้แทบจะทุกครั้งและจำจนติดหูไปแล้ว พร้อม ๆ กับคำถามที่ว่า
“ทำไมแม่ถึงไม่เคยรักเธอเลย หรือว่าแม่เกลียดพ่อจนพลอยไม่รักเธอไปด้วย แล้วดุสิตาหล่ะ ทำไมแม่รักและสรรหาข้าวของมาให้ทุกอย่าง”
“แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็ควรจะให้ความยุติธรรมกับยายวาบ้าง ไม่ใช่ทำแบบนี้” สุเมธเอ็ดภรรยา

“ฉันจะทำใครจะทำไม คุณรู้ดีนะคุณเมธ อย่าให้ฉันต้องพูด เราจะเลิกพูดเรื่องนี้กัน คุณเปลี่ยนความรู้สึกที่ฉันมีต่อมันไม่ได้หรอก ไม่มีวัน” มารดาเถียงพ่อกลับอย่างไม่ลดละ


หยดน้ำใส ๆ ไหลผ่านแว่นลงมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องของมารดา นี่ถ้ามารดายังอยู่เธอจะเป็นยังไงก็ไม่อาจจะเดาได้ พ่อกับแม่จะยังคงทะเลาะกันอยู่หรือไม่ แล้วดุสิตาจะโตเป็นสาว และจะสวยมากแค่ไหนแล้ว และจะยังคงแย่งของเล่นกับเธออีกหรือไม่

หญิงสาวคิดแล้วก็ให้ใจหายเหลือเกิน ที่ต่อไปนี้บ้านหลังนี้จะไม่มีพวกเขาเหล่านั้น มาคอยกวนใจเธออีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าเลือกได้ เธอเองก็อยากจะเลือก ให้พวกเขามากวนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน ดีกว่าที่จะให้พ่อเธอนั้นต้องเจ็บปวด เพราะเสียเมียและลูกไป

แล้วป่านนี้พ่อของเธอจะหน้าตาเปลี่ยนไปยังไง จะอ้วน ผอมมากน้อยแค่ไหนแล้ว คิดได้แค่นั้นเธอ ก็รีบถอดแว่นและปาดน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียน แล้วก็สวมมันกลับเหมือนเดิม
ร่างงามระหง เกิดอาการสะดุดเล็กน้อย เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก ก็พบว่ามีแขกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก่อนแล้ว เขาละสายตาจากมันเมื่อรับรู้ว่ามีใครเดินเข้ามา แล้วเขาก็มองมาที่เจ้าของร่างบาง ที่อยู่ในชุดสบาย ๆ กางเกงขาสามส่วนสีขาว กับเสื้อเชิตบางสีเดียวกัน เขาเพ่งมองใบหน้าสวยได้รูป คองามระหง

“ตัวจริงของเธอ ดูสวยกว่ารูปที่เธอส่งมาให้ผู้เป็นบิดาดู ก่อนจะกลับมาไม่กี่เดือนอีก”
นั่นคือความรู้สึกของเขา เธอยืนมองมาที่เขาแล้วก็ค่อย ๆ เดิน ผิดกับตอนแรกที่เธอเดินเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่ง เพราะตั้งใจว่าจะเข้าไปหาสุขที่ครัว เพื่อจะถามหาผู้เป็นบิดา แต่ก็พบเขาก่อน

“ขอโทษค่ะ....ดิฉันไม่ทราบว่าคุณพ่อมีแขก” เธอพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่เป็นมิตร ต่อผู้ที่นั่งอยู่ เพราะคาดเดาเอาว่า เขาก็คงจะเป็นแขกของบิดา เขายืนขึ้นและยิ้มที่มุมปาก แล้วดวงตาก็ฉายแววที่ประหลาดเหลือเกินสำหรับความคิดของเธอ มันช่างดูเหมือนกับแววตาที่มารดาเคยมองเธอ เมื่อก่อนยังไงยังงั้นเลย และเธอก็รู้ว่ามารดามองด้วยท่าทีที่เกลียดเธอยิ่งนัก
แต่จะเป็นไปได้ยังไง กับชายผู้นี้ ก็ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้จักเขา แล้วเขาจะมาเกลียดอะไรเธอ ไม่นานสีหน้าที่ดูจะกังขาก็คลายลง บางทีเธอก็คงจะคิดมากไปเอง

“ครับ....ผมเป็นแขกของคุณสุเมธ ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณหมอวันวิวาห์” เขาพูดกับเธอ
“ขอบคุณค่ะ คุณ...เอ่อ” เธอไม่รู้จะเริ่มต้นสนทนายังไงกับเขา เพราะแม้แต่ชื่อของเขาเธอเองก็ไม่รู้จักเอาเสียเลย
“ชนะชล ผมชื่อชนะชล” เขาบอก

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรอคุณพ่อหรือเปล่าคะ” เธอถามตามมารยาท
“เปล่าครับ ผมรอคุณ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ผมว่าไปทานข้าวก่อนดีกว่า ป้าสุขทำอาหารที่คุณชอบหลายอย่างเอาไว้ต้อนรับคุณ เสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน” เขาบอกเธอด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ อย่างคนที่ไร้ความรู้สึก ต่อคู่สนทนายิ่งนัก
แล้วเขาก็เดินนำหน้าเธอ ตรงไปยังห้องอาหารอย่างคนชินกับสถานที่เป็นอย่างดี ไม่ทันที่จะได้ไตร่ถามอะไรมากไปกว่านั้น เธอก็ต้องจำใจเดินตามเขาไปนั่นเอง

“คุณชนะชลกับคุณวามาแล้วเหรอคะ ป้าตั้งโต๊ะเสร็จพอดี มีอาหารที่คุณวาชอบทั้งนั้นเลยค่ะ ป้าตักข้าวเลยนะคะคุณชนะชล” สุขและดวงแข มีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย ก่อนที่จะทักทั้งสองคนที่เดินตามกันมา
“เชิญครับป้า ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว คุณวาของป้าก็คงจะเหมือนกันมั้งครับ ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่” เขาบอกแม่บ้าน และมันก็สร้างความแปลกใจให้เธอไม่น้อย

“คุณพ่อยังไม่กลับเหรอคะป้าสุข ป้าแข” เธอถามด้วยความสงสัย จนทำให้ดวงแข ที่กำลังจะตักข้าวใส่จานเธอนั้นถึงกับสะดุ้ง “พ่อคุณยังไม่กลับหรอก เขาบอกว่าให้คุณทานข้าวก่อน แล้วก็คุยกับผมไปพลาง ๆ ก่อน เชิญครับ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนเดิม
“แล้วคุณพ่อไปไหนคะ” เธอถามกลับ

“คุณทานข้าวก่อนเถอะ ขอโทษนะผมหิวมาก เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย” เขาบอกและตัดบท แล้วตักข้าวเข้าปากเอาดื้อ ๆ จนทำให้เธอนั้นต้องหยุดถาม เพราะโดยมารยาทแล้ว ไม่ควรไปกวนแขกของผู้เป็นบิดา เธอจึงยอมทานอาหารโดยดี และนึกไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าแขกคนนี้มาเนือง ๆ ด้วยไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันนั่นเอง

“ตกลง....คุณจะบอกฉันได้หรือยังคะ ว่าคุณพ่อไปไหน แล้วทำไมยังไม่กลับคะ” เธอถามเขาอีกครั้ง หลังจากเสร็จจากโต๊ะอาหาร และเขาก็เชิญเธอมานั่งที่ห้องหนังสือของบ้าน หญิงสาวมองดูหนังสือในห้อง ที่เกือบจะทุกเล่มในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เคยได้ผ่านมือของเธอมาแล้วแทบทั้งหมด ทั้งเล่มที่เธออยากจะอ่านเอง และเล่มที่จะต้องอ่านให้ผู้เป็นปู่ฟังก่อนนอนแทบทุกวัน
“เดี๋ยวสิครับ...คุณหมอ...แหม....ไม่ทันเท่าไหร่ใจร้อนซะแล้ว แล้วจะรักษาคนไข้ได้เหรอครับ” เขาแหย่เธอ พร้อมกับมองไปหาเธอด้วย ดวงตาฉายแววที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“คุณเป็นใคร แล้วทำไมมานั่งในห้องนี้ คุณไม่ใช่แค่แขกคุณพ่อแน่ ๆ ห้องหนังสือของเรา คุณปู่กับคุณพ่อหวงมาก ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดจะไม่ได้เข้ามาในนี้ คุณเป็นใคร” เธอถามเขาออกไปอย่างอดรนทนไม่ได้
“ผมชื่อชนะชล เหมะชัย เป็นลูกคุณพ่อนิพนธ์ และคุณแม่เอมอร เหมะชัย พ่อผมเสียด้วยอุบัติทางรถยนต์ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พร้อม ๆ กับแม่และน้องของคุณ ถ้าคุณยังพอจะจำได้นะ” เขาบอกด้วยเสียงราบเรียบ แต่ดวงตานั้นบอกถึงความเจ็บปวด

“ค่ะ...แล้วไงคะ” เธอรับฟัง แต่ก็ไม่วายที่จะมีคำถาม กับน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เขาเล็กน้อย เพราะเท่าที่เขาพูดมา มันก็ยังทำให้เธอสงสัยว่าเขาจะบอกเกี่ยวกับตัวเขาทำไม

“ผมทำธุรกิจส่งออกอาหารสำเร็จรูป อยู่ทางเหนือ....เมื่อสามปีที่แล้ว พ่อของคุณได้เอาบ้านหลังนี้ พร้อมกับกิจการของบริษัททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไร่องุ่น โรงงานส่งออกเครื่องปั้นดินเผา แล้วก็รวมไปถึงรีสอร์ทที่กำลังทำค้างเอาไว้ ทั้งหมดนี้ ถูกพ่อคุณเอาไปจำนองไว้กับผมเป็นเงินสดมูลค่า ห้าสิบล้านบาท ระยะเวลาจำนองหนึ่งปี ซึ่งตอนนี้มันก็หลุดจำนองไปเรียบร้อยแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งคฤหาสน์ และธุรกิจของครอบครัวคุณ ผมคือเจ้าของคนใหม่ โดยชอบธรรมนั่นเอง”

เขาบอกออกไป ด้วยอาการของคนสุขุมและเยือกเย็น สายต่อบ่งบอกว่าเป็นผู้กำชัยชนะเอาไว้ในมืออย่างสุขใจ แต่มันช่างแตกต่างจากคนฟังยิ่งนัก ที่ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ

“คุณเอาอะไรมาพูด ฉันไม่เชื่อคุณ แล้วพ่อของฉันไปไหน ฉันต้องการฟังความจริงจากท่าน....ไม่ใช่จากผู้ชายที่ฉันแทบจะไม่รู้จัก” เธอพูดกับเขา และน้ำเสียงส่อแววว่าไม่พอใจเป็นที่สุด

“คุณสุเมธใจเสาะไปหน่อยกับอีแค่เป็นหนี้ไม่กี่สิบล้าน ก็เลยหนีหนี้ด้วยการเอาปืนเป่าสมองตัวเองตายไปแล้ว ตั้งแต่สองปีก่อน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยเธอเป็นยิ่งนัก พร้อมกับสีหน้าที่สะใจอยู่ในที
“อะไรนะ คุณเอาอะไรมาพูด ไม่จริง ๆ ใช่ไหม ป้าสุข ป้าแขคะไม่จริงใช่ไหมคะ ใครก็ได้ช่วยบอกวาที ว่าผู้ชายคนนี้กำลังโกหกวาอยู่ ใช่ไหมคะป้าสุข ป้าแขคะ” เธอร้องออกมาด้วยความโกรธ และไม่อยากจะเชื่อผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว และก็ทันทีที่ได้เห็นสุขและดวงแขเดินเข้ามาหาด้วยแววตาที่เศร้าสร้อยยิ่งนัก

“คุณวาของป้า” ดวงแขเข้ามากอดร่างบอบบางเอาไว้ ด้วยความเจ็บปวดแทนเธอยิ่งนัก
“คุณก็อ่านนี่เอาเองก็แล้วกันถ้าคุณไม่เชื่อผม” เขายื่นซองจดหมายสีขาว ที่ดูเหมือนว่าจะถูกเก็บเอาไว้นานนับปี เธอรีบดึงจดหมายจากมือเขามาอ่านด้วยความอยากรู้

....วาลูกรักของพ่อ...

ก่อนอื่นพ่อต้องขอแสดงความยินดี กับคุณหมอคนใหม่ด้วยนะลูก ความฝันของลูกเป็นจริงแล้ว ลูกคงจะมีความสุขกับมันมาก ส่วนพ่อ...เมื่อลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นหมายความว่า พ่อเลว ๆ คนนี้ รู้สึกระอายใจเหลือเกิน ที่ไม่สามารถทำหน้าที่พ่อที่ดีให้ลูกนับตั้งแต่วันที่ลูกเกิดจนเติบโตมา แต่พ่อก็ตั้งใจเอาไว้ว่าพอลูกกลับมาแล้ว พ่อจะเป็นพ่อที่ดีของลูก แต่ก็ดูเหมือนว่าความฝันของพ่อนั้นมันได้พังทลายลงแล้ว

ลูกคงจะรู้เรื่องจากคุณชนะชลแล้ว พ่อเสียใจกับสิ่งที่พ่อได้ทำลงไป วิญญาณคุณปู่คงจะไม่ให้อภัยพ่อเป็นแน่ เพราะพ่อได้ทำให้ธุรกิจและคฤหาสน์ที่ท่านสร้างมากับมือ ต้องตกไปเป็นของคนอื่นด้วยน้ำมือของพ่อเอง น้ำมือของไอ้คนที่ถูกผีพนันเข้าสิง พ่อเสียใจเหลือเกินที่พ่อถลำลึกลงไปกับมัน จนไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้อีก นอกจากวิธีนี้เท่านั้น แรกทีเดียวพ่อหวังจะเอาเงินที่ได้มาแก้มือ แล้วรีบไถ่ทุกอย่างกลับมา แต่มันก็ดูเหมือนทุกอย่างยิ่งจะแย่ไปกันใหญ่

วาลูกพ่อ....ช่วยกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลของเรา ที่สร้างสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ กลับคืนมาด้วยนะลูก บ้านของเรา ธุรกิจของเรา คุณปู่ท่านรักมันมาก พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อขอนั้น มันมาก และหนักหนาสาหัสสำหรับลูก แต่พ่อเชื่อว่า ด้วยความสามารถของลูก ลูกคงจะเอามันกลับคืนมาเป็นของวงศ์ตระกูลเราได้เหมือนเดิมให้ได้ พ่อหวังว่าคุณชนะชลคงจะทำตามคำขอร้องของพ่อ นั่นก็คือ ไม่บอกความจริงกับลูกจนกว่าลูกจะเรียนจบ และได้เป็นในสิ่งที่ลูกฝันเอาไว้ และพ่อก็ขอให้เขาช่วยดูแลคนในบ้าน

และทุกอย่างในบ้านให้อยู่ในสภาพที่เหมือนเดิมเอาไว้ จนกว่าวาจะกลับมาและเอามันคืนให้ได้
สุดท้ายนี้พ่อขออวยพรให้ลูกของพ่อ จงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ลูกตั้งใจเอาไว้ พ่อเชื่อเหลือเกินว่า ความเป็นคนดีของลูกนั้น จะเอาชนะอุปสรรค และปัญหาต่าง ๆ ได้....พ่อบุญน้อยเหลือเกิน ที่ไม่อาจจะได้รอเป็นคนไข้ของลูกสาวพ่อได้ และพ่อก็หวังว่ารวิทย์จะดูแลลูกแทนพ่อต่อไปในภายภาคหน้าได้ เขาเป็นคนดีในสายตาพ่อตลอดมา

หากลูกได้ฝากชีวิตไว้กับเขาแล้ว เขาจะต้องทำให้ลูกมีความสุขได้ .... พ่อขอให้ลูกจงจำเอาไว้ว่า พ่อรักและห่วงใยลูกเสมอ และตลอดไป หากชาติหน้ามีจริง พ่อขอให้วาเกิดมาเป็นลูกของพ่ออีก แล้วพ่อจะเป็นพ่อที่ดีของลูก แต่สำหรับชาตินี้เราคงจะหมดบุญวาสนาต่อกัน เพียงแค่นี้...
รักลูกที่สุด...ลาก่อน

จากพ่อที่เลว







 

Create Date : 18 กันยายน 2551
3 comments
Last Update : 18 กันยายน 2551 7:06:30 น.
Counter : 461 Pageviews.

 

ตามมาอีกแล้ว แต่ขออ่านอันโน้นก่อนนะคะ

 

โดย: แพรวา IP: 114.128.27.18 18 กันยายน 2551 7:56:10 น.  

 

เสี้ยมสอน ฟังดูเหมือนสอนสิ่งไม่ดีเลยนะคะพี่หนู สั่งสอนน่าจะดีกว่า

 

โดย: ACEI IP: 118.172.98.85 2 ตุลาคม 2551 22:26:42 น.  

 

อืม ต้องไปหาก่อนค่ะ ว่ามันอยู่ตรงไหนคำนี้

ถ้าจะให้เวิคนะคะ ต้องชี้จุดให้หน่อยก็ดีค่ะ
เพราะจะได้ไม่เสียเวลาหา

5555 ขี้เกียจเข้าเส้นเลือดอีกแล้ว

 

โดย: ธัญญะ 3 ตุลาคม 2551 8:58:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.