Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ชลวาห์กาล ๑๕ (ธัญรัตน์)




น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างชนะชลไหลออกมา โดยที่เขาไม่คิดจะอายต่อสิ่งใด ๆ อีกแล้ว นี่เขาทำอะไรลงไป เขาทำกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง นี่หน่ะหรือ คือสิ่งที่มารดาคอยปกปิดเขามาโดยตลอด แล้วทิ้งให้เขาภูมิใจในตัวผู้เป็นพ่อ ผู้ซึ่งไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ยอมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ยอมเอาเงินของเมียชาวบ้านมาสร้างตัว แต่กลับไม่ยอมรับเงินจากปู่ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ

“พ่อ ๆ ทำได้ยังไง ๆ”
ชนะชลพร่ำถามตัวเองในใจอยู่อย่างนั้น เข่าที่ดูจะอ่อนแรงลงเอาดื้อ ๆ จนเขาต้องนั่งลงกับพื้น และร่ำไห้กับการกระทำของตัวเอง ภาพคราบน้ำตาที่บ่งบอกว่าเสียใจและผิดหวัง ที่วันวิวาห์มีต่อพ่อเสมอนั้นติดตาเขาไม่เคยลืม ภาพใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ที่จะนำสิ่งที่เคยเป็นของปู่ และวงศ์ตระกูลกลับคืนมานั้น มันตอกย้ำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก

แล้วเขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะมีหน้าไปบอกเธอได้ยังไง ว่าต้นเหตุที่ทำให้พ่อเธอต้องเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตนั้น ก็คือเขานั่นเอง การกระทำของเขานั้น มันมาก ๆ เกินกว่าที่จะให้ใคร ๆ มาอภัยให้ได้....แล้วเขายังมีหน้าไปรักลูกสาว....ของคนที่เขาปลิดชีวิตไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอีกอย่างนั้นหรือ
ภาพใบหน้าที่เรียบขรึม ไม่ปริปากเอ่ยคำใด ๆ เมื่อยามที่เธอรู้สึกไม่พอใจ หรือโกรธนั้น คงจะมีให้เขาในอีกไม่นาน หากความจริงที่เขาได้ทำลงไปได้ปรากฏกับเธอ

“แกทำได้ยังไง ไอ้ชนะชล แกทำได้ยังไง....แกมันโง่....ได้ยินมั้ย....แกมันโง่” เขาพร่ำด่าตัวเอง แล้วก็ร้องร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด เมื่อนึกวาดภาพจากอดีตที่แสนปวดร้าว ภาพปัจจุบันที่ตัวเขาเองต้องเจ็บปวด และภาพในอนาคตที่เขาจะต้องสูญเสีย สายสัมพันธ์ที่เธอยังพอมีให้เขาในตอนนี้ไปโดยสิ้นเชิง
“แล้วแกจะทำยังไง ได้ยินมั้ย แกจะทำยังไงกัน”
เขาพร่ำถามตัวเองอย่างเจ็บปวด แล้วก็ขังตัวเองในห้องของสุเมธนานสองนาน



ใบหน้าที่ตื่นตระหนกของรวิทย์ ที่วิ่งมาหาวันวิวาห์ หลังจากที่เธอเข้าอบรมมาทั้งวัน แต่เขาก็ถูกเรียกตัวออกจากห้องอบรมตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะมีคนไข้ได้รับอุบัติเหตุ ทิ้งให้เธอนั่งอบรมรวมกับหมอคนอื่น ๆ จนเสร็จ
“วา...คุณชนะชลประสบอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่สลบ ซี่โครงร้าว และก็ได้แผลตามตัว แต่ไม่ลึกมาก พักที่ห้องพิเศษอยู่” เขาบอก

“จริงเหรอ....แล้วอยู่ห้องที่ไหน” ใบหน้าและน้ำเสียงที่ถามนั้น ทำให้รวิทย์รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ได้แต่นำเธอไปดูอาการเขาที่ห้องพัก
“เพิ่งจะตื่นค่ะคุณหมอ พอตื่นมาก็บอกว่าไม่อยากจะนอนโรงพยาบาลแล้ว” พยาบาลรายงานรวิทย์ที่หน้าห้อง ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไป “คุณชนะชล...เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามด้วยความห่วงใยเขา แต่ก็ถูกกลบเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยในเวลาอีกไม่นาน

“คุณมาเมื่อไหร่ ผมไม่เป็นอะไรมากแล้ว ผมอยากจะกลับบ้าน ผมมีเรื่องที่จะต้องบอกให้คุณรับรู้หลายเรื่อง” เขาถามทันทีที่เห็นหน้าเธอ โดยไม่ได้สนใจกับรวิทย์เลยแม้แต่น้อย และแววตาที่เศร้า เสียใจของเขาก็ทำให้เธอประหลาดใจ “มีอะไรหรือคะ ใครเป็นอะไร ป้าสุขหรือเปล่าคะ” เธอถามเพราะกังวล
“ไม่มีหรอก ทุกคนสบายดี เอาไว้ให้ผมกลับบ้าน แล้วเราค่อยคุยกันนะ คุณจะอยู่นานหรือเปล่า” เขาถาม
“ฉันจะอบรมอาทิตย์หนึ่งค่ะ และก็ลางานไว้อีกอาทิตย์หนึ่งจะอยู่กับป้าสุข แล้วทำไมคุณถึงเกิดอุบัติเหตุได้คะ ฉันต้องโทรตามแม่คุณมั้ย” เธอตอบและถามเขาอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง ผมจะหายอีกเมื่อไหร่ครับหมอรวิทย์” เขาถาม
“คงจะไม่นานครับ ก็พอดีวาอบรมเสร็จมั้งครับ แล้วก็ไปพักที่บ้าน ให้วาดูต่อก็ได้ หรือจะให้ไปพักที่บ้านเลยก็ได้ แต่ต้องอีกสองสามวันก่อนนะวา เพราะไม่อยากจะให้เคลื่อนย้ายตอนนี้”

“คงไม่เป็นไรมั้งวิทย์ อยู่กับวิทย์ดีแล้ว จ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้าด้วย จะได้สะดวก งั้นคุณพักผ่อนเถอะนะคะ ฉันจะกลับบ้านก่อน นั่งเครื่องมาตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย แล้วฉันจะพาป้าสุขมาเยี่ยมนะคะ” เธอบอก
“ขอบคุณมาก ๆ นะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อน และแววตาที่กังวลกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น



ชนะชลหายเกือบจะเป็นปกติ พอดีกับที่วันวิวาห์อบรมเสร็จ และก็รับเขากลับบ้าน เขาถูกบังคับให้นอนพักผ่อนที่บ้าน โดยไม่ให้ทำงาน และเขาก็ห้ามไม่ให้ใครบอกเรื่องนี้กับเอมอร และกิติกรด้วยเช่นกัน เพราะเขาต้องการที่จะใช้เวลาอยู่กับวันวิวาห์ โดยไม่มีใครมารบกวน เพราะเรื่องที่เธอจะรับรู้นั้น เขารู้ดีว่ามันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน

เขาเองเป็นผู้ชาย ยังแทบจะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเธอหล่ะเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ภายนอกนั้นดูจะแข็งแกร่ง แต่ภายในนั้น ช่างอ่อนไหวเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะพยายามปกปิดเอาไว้ แต่เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณของลูกผู้ชาย

“คุณกินข้าวแล้วก็กินยานะคะ และก็ต้องนอนพักด้วย ห้ามแอบลงไปทำงานอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะจับคุณไปนอนโรงพยาบาลอีก” นั่นคือคำขู่ของเธอ เพราะเขาแอบลงไปสั่งงานลูกน้อง ในห้องทำงาน ขณะที่เธอไปกินข้าวเย็นบ้านพิธานกับรวิทย์มา
“ใจร้ายจัง...ทำไมหมอทุกคนจะต้องดุคนไข้ด้วยก็ไม่รู้นะ ผมหายดีแล้ว” เขาบ่น จนคิ้วของเธอนั้นต้องขมวดเข้าหากันด้วยไม่ค่อยได้ยินคำพูดพวกนี้จากเขานั่นเอง

“และอีกอย่าง ผมมีเรื่องสำคัญจะให้คุณรู้ คุณพร้อมหรือยังวันวิวาห์” น้ำเสียงที่สดใสเมื่อสักครู่นั้น กลับเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณกินข้าวก่อนนะคะ ฉันจะไปอาบน้ำ แล้วเราค่อยคุยกันค่ะ” เธอบอกเขา และก็เดินจากไป โดยไม่สนใจคนมองตามไปจนประตูห้องถูกปิดลง....

วันวิวาห์กลับเข้ามาที่ห้องเขาอีกที ก็พบสุขที่มาเก็บถาดอาหาร “ป้าสุขไปพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยเพราะผมมาทั้งวันแล้ว และพอดีผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณหนูของป้าสักหน่อย” เขาบอกเธอ ขณะนั่งพิงหัวเตียง โดยสุขเองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร แต่ก็คิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน จึงรีบออกไปจากห้อง
“ปิดประตูด้วยครับป้า” เขาบอกเพื่อเป็นการบอกว่า ไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนอีก แต่หน้าหญิงสาวนั้นรู้สึกไม่ดีนัก กับท่าทีของเขา

“มีอะไรคะทำไมต้องปิดประตูห้อง” เธอถามเขาเพราะรู้ได้โดยดีว่าคงจะเป็นเรื่องสำคัญ
“คุณนั่งตรงนี้ก่อนนะ” เขาให้เธอนั่งเก้าอี้ที่ใช้สำหรับนั่งเฝ้าไข้ให้เขา แล้วมือก็เอื้อมไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้าง ๆ เตียงที่ถูกล๊อคเอาไว้

“ก่อนที่คุณจะอ่านจดหมายฉบับนี้ ผมอยากจะให้คุณเปิดใจให้กว้าง มองหลาย ๆ ด้าน และคุณก็ต้องพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ให้ได้ คุณเข้าใจผมมั้ย ผมรู้ว่ามันคงจะยากแต่คุณก็ต้องพยายาม เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่คุณเคยทำมา” เขาบอกเธอยืดยาว พร้อมกับยื่นจดหมายให้เธอ
และเธอก็รับมันมาเปิดอ่านเนื้อความในจดหมาย โดยมีเขานั่งข้าง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปบีบมืออีกข้างของเธอไว้ ประหนึ่งต้องการจะช่วยแบ่งปันความเจ็บปวดกับเนื้อความในจดหมาย ที่เป็นเหตุให้เขาต้องดื่มจนเมามายและขับรถชนต้นไม้นั่นเอง

น้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตา ตั้งแต่เริ่มต้นอ่านจนจบ แล้วเธอก็อ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อทบทวนข้อความในจดหมายว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด
“คุณพ่อ” เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาได้แค่นั้น น้ำตาแห่งความเสียใจมันก็ออกมาแทนที่

“คุณพบจดหมายท่านได้ยังไงคะ” เธอถาม เมื่อควบคุมอารมณ์ได้แล้ว และปาดน้ำตาออกจนหมดแก้ม
“ผมเพิ่งพบก่อนที่ผมจะเกิดอุบัตเหตุ ผมเสียใจด้วยนะ กับทุก ๆ เรื่อง ผมทำผิดต่อคุณกับพ่อคุณมาก ผมจะยกทุกอย่างกลับคืนให้คุณ ทันทีที่ผมหายเป็นปกติ” เขาบอกเธอออกไปตามที่เขาตั้งใจเอาไว้
“ป้าแขอยู่ไหนคะ เอ่อ...แม่ของฉันอยู่ไหน” เธอถามออกไป แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง

“ป้าดวงแขหนีไปจากที่นี่ ตั้งแต่คราวนั้น คุณจำได้มั้ย แล้วเราก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย แกก็ไม่ติดต่อมาด้วย” เขาบอกเธอ
“ตั้งแต่ที่ฉันโกรธใช่ไหมคะ ฉันนี่มันเป็นลูกที่แย่มากนะคะ” เธอพูดทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลรินออกมา จนเขาต้องลุกมาในท่านั่งและเอื้อมมือสองข้างเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้เธอด้วยความเห็นใจ
“คืนนี้คุณอย่าอยู่คนเดียวเลยนะ ผมเป็นห่วงคุณ ให้ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนนะ ให้ผมได้ดูแลคุณบ้าง คุณทำเพื่อผมมาหลายครั้งแล้ว” เขารู้สึกผิดเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

หญิงสาวพูด แล้วก็ผละออกจากห้องเขาไป ทิ้งให้สายตาที่ห่วงใยเธอเอาไว้เพียงลำพัง เขาอยากจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เขาทำกับพ่อเธอให้เธอได้รับรู้เสียให้หมด แต่คิดดูอีกที ก็ไม่อยากจะเอาเรื่องที่มันหนักเกินไป ใส่ให้เธอได้เจ็บช้ำอีก
และที่สำคัญเธอจะรู้สึกยังไง กับผู้ชายที่เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้พ่อเธอต้องจบชีวิตลง โดยที่ไม่ได้ทำความผิดแม้แต่น้อย หากสุเมธจะผิดก็คงเป็นเพียงแค่ สุเมธคิดจะแก้แค้นเขากับแม่แค่นั้น และมันก็ไม่สมควรกับการจบชีวิตของเขาเลย ชนะชลไม่อยากจะจินตนาการ ว่าวันวิวาห์จะปฏิบัติเช่นไรกับเขา เมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว


ร่างที่พอจะเดินเองได้ค่อย ๆ ลงมาจากชั้นบน เมื่อสายมากแล้ว เขาอยากจะเห็นใบหน้าของวันวิวาห์เหลือเกิน และห่วงใยยิ่งนักว่าจะเป็นเช่นไร จะทำใจรับในเรื่องที่เกิดขึ้นได้มากแค่ไหน
“คุณชนะชล ทำไมเดินลงมาคะ ยังไม่หายดีเลย เดี๋ยวคุณวาดุเอานะคะ” สุขรีบกุลีกุจอไปช่วยพยุงเขา
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับป้าสุข หายแล้ว คุณหนูป้าหายไปไหน” เขาถามเป็นสิ่งแรก

“ออกไปตั้งแต่เช้ากับคุณรวิทย์ค่ะ บอกว่าจะไปหาคุณพิธาน ให้บอกคุณชนะชลว่าไม่ต้องเป็นห่วง เย็น ๆ จะกลับค่ะ” สุขบอก
“ขอบคุณครับ ผมหิวจังเลย มีอะไรให้กินบ้าง” เขาถามเพราะเมื่อเช้าไม่ขอกินอะไร นอกจากน้ำกับยาเท่านั้นเอง
“ใกล้เที่ยงแล้ว วันนี้ป้าทำสุกี้กุ้งค่ะ คุณชนะชลรอสักครู่นะคะ ป้าจะจัดมาให้” ไม่ทันไรสุขก็หายไปในครัว อีกไม่นานก็ออกมาพร้อมเด็กจัดโต๊ะอาหารให้เขา

“ป้าสุขครับกินด้วยกันนะ ผมมีเรื่องจะถามป้าบางอย่าง” สุขทำหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้ไตร่ถามอะไร
“ป้ายังไม่หิวค่ะ คุณชนะชลทานก่อนเลย เสร็จแล้วจะถามอะไรป้า ก็ให้เด็กไปตามนะคะ” สุขบอกและรีบผละจากไปด้วยสีหน้าที่กังวล
“ป้าต้องขอโทษ คุณชนะชลด้วยนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้ แต่ป้ากับทุกคนในบ้านได้รับปาก และสาบานกับคุณผู้ชายและคุณท่านเอาไว้แล้ว และท่านก็กำชับนักกำชับหนาก่อนท่านจะสิ้นใจ ว่าให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไปค่ะ” สุขต้องรับสารภาพเรื่องดวงแข ที่ชนะชลถามขึ้น

“ผมไม่ได้โกรธอะไรป้าหรอกครับ แต่คุณหนูของป้าไม่รู้จะว่ายังไง” เขาบอกด้วยสีหน้าที่ห่วงใยเธอยิ่งนัก แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ที่วันวิวาห์หายไปกับคนรักตั้งแต่เช้ายังไม่กลับเข้ามา
“เธอเองก็คงจะหาคนคอยปลอบใจ ให้คลายความเจ็บช้ำใจกระมัง แล้วเธอจะมาเห็นความห่วงใย จากคนที่เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้พ่อเธอตายได้ยังไงกัน” นั่นคือสิ่งที่ตัดพ้ออยู่ในใจเขา

“คุณวาหน่ะถ้าลองได้จำอะไรแล้ว ไม่เคยลืมค่ะ ไม่แสดงออก แต่ต่อต้านภายใน ป้าคิดแล้วว่าในที่สุดก็ต้องมีวันนี้จนได้ ความจริงป้ากับทุกคนที่รู้เรื่อง อยากจะให้มันจบ ๆ ไปเลยค่ะ เพราะทุกคนก็ทรมาน กับการเก็บความลับมานานแล้วค่ะ โดยเฉพาะแม่แข เวลาที่ได้เห็นลูก ถูกคุณกัมลากับคุณตาพากันรุมรังแก แม่แขแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เพราะสงสารลูก ถ้าไม่ติดที่แม่แข สาบานกับคุณท่านเอาไว้ แม่แขจะพาคุณวาหนีไปอยู่ในที่ไกล ๆ ตั้งแต่คุณวายังแบเบาะเลยค่ะ แต่ก็ห่วงอนาคตลูก กลัวลูกจะลำบาก เพราะแม่แขก็ไม่มีอะไร พ่อแม่ก็ตายตั้งแต่เล็ก ๆ พอมาอยู่กับคุณท่าน ก็ไม่รู้จะไปไหน แล้วคุณท่านนั้นดีเหลือเกิน” สุขเล่าให้เขาฟัง

“เอาไว้ป้าค่อยเล่าให้วาฟังนะ ผมคิดว่าเขาน่าจะอยากรู้เรื่องพวกนี้ งั้นผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ รู้สึกเพลีย ๆ ยังไงไม่รู้” เขาบอกและลุกเดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้สุขมองตามร่างของเขาที่ค่อย ๆ ขึ้นบันไดไป ด้วยความรู้สึกที่โล่งใจ ที่ได้บอกความในใจที่เก็บงำเอาไว้ ตั้งเกือบสามสิบปี

เสียงรถของรวิทย์จอดที่หน้าตึก ในเวลาสามทุ่ม แล้วเขาก็เดินเข้าบ้านพร้อม ๆ กับวันวิวาห์ ที่มีสีหน้าที่หาความเบิกบานแทบจะไม่ได้เลยในเวลานี้
“วา...แน่ใจนะว่าไม่ให้เราอยู่คุยด้วย เราเป็นเพื่อนกันนะ นายเจ็บเราก็เจ็บด้วย” เขาบอกเธอ และเอื้อมมือไปเอามือของเธอมากุมไว้
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ วิทย์เราอยู่ได้ มันมีเรื่องร้าย ๆ มาตั้งมากมาย เรายังทนได้ เรื่องแค่นี้เอง วิทย์กลับไปเถอะเดี๋ยวต้องเดินทางอีก เราขอไม่ไปส่งนะ เอาไว้เจอกัน ตอนวิทย์ไปเยี่ยมเราที่โน่นก็แล้วกัน” เธอบอกรวิทย์เพราะเขาต้องไปอบรมที่ต่างประเทศเป็นอาทิตย์

“วา...เรารักวานะ รักมาก ห่วงมาก คุณลุงพิธานพูดถูก วาควรจะลืมเรื่องร้าย ๆ ให้หมด แล้วก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าไปใส่ใจกับมันมากเลย บ้านหลังนี้ก็เหมือนกัน วาไม่ต้องไถ่คืนก็ได้ คุณชนะชลเขาคงไม่ขายต่อหรอก เขาดูแลได้เป็นอย่างดี พอวิทย์กลับมาแล้ว เราจะแต่งงานกันนะ วิทย์จะย้ายไปอยู่กับวาก็ได้ พอวาคิดถึงบ้านเราค่อยย้ายกลับมานะ” เขาบอกเธอด้วยความห่วงใย พร้อมทั้งยกมือเธอขึ้นมาจุมพิตอย่างรักใคร่
“เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะวิทย์ เราเหนื่อยแล้ว ไว้เจอกันนะ เดินทางดี ๆ วาเป็นห่วง” เธอบอก พร้อมทั้งดึงมือคืนกลับมา

“เรารักวานะ”
เสียงรวิทย์บอกอีกครั้ง พร้อมทั้งรั้งร่างของเธอมาแนบกอดเอาไว้ โดยที่วันวิวาห์นั้นไม่ได้ขัดขืนอะไร อ้อมกอดของรวิทย์นั้น ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเหลือเกินในเวลานี้ แต่หัวใจสิกลับดื้อเหลือเกิน ที่ไม่ได้คิดกับเขาในทางที่เธออยากจะให้มันเป็น

“เดินทางดี ๆ นะ” เธอบอกรวิทย์ เมื่อเขาปล่อยให้ร่างเธอเป็นอิสระ และก็เดินขึ้นชั้นบนไปโดยมีสายตาของรวิทย์มองจนร่างเธอลับไป แล้วเขาก็ออกจากบ้านไปด้วยสีหน้าเป็นที่กังวลไม่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าความไม่มีอะไรอย่างที่วันวิวาห์บอกนั้น ภายในแล้วเจ็บปวดมากแค่ไหน

ประตูห้องนอนของชนะชลถูกปิดให้สนิท หลังจากที่เมื่อสักครู่มันถูกแง้มไว้ เพื่อให้เขาได้ยินและรับรู้เรื่องระหว่างรวิทย์กับวันวิวาห์เท่านั้น เขาเดินไปที่เตียงและทิ้งร่างลงไปนอน เหมือนคนที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ถ้าย้อนวันคืนได้เขาจะไม่มีวันสั่งสมความแค้นเอาไว้นับสิบปี แล้วตามมาแก้แค้นสุเมธเป็นแน่ เขาน่าจะเชื่อคำตักเตือนของมารดาบ้าง

“ชล....แม่ไม่อยากให้ลูกผูกใจเจ็บกับเขานะ มันแล้วไปแล้ว อย่าไปเก็บมันเอาไว้เลยนะลูก ความแค้นมันไม่เคยให้สิ่งดี ๆ กับใครนะลูก มันมีแต่จะทำให้เราเจ็บปวด เหมือนแม่ที่โกรธแค้นพ่อที่ปล่อยให้อยู่คนเดียว แม่พบแต่ความเจ็บปวดทุกครั้งที่โกรธเขา”
“ แต่พอแม่เลิกคิดแค้นไม่โกรธ ไม่อะไรเลย ชีวิตแม่ก็มีความสุข ๆ ที่ได้อยู่กับลูกไง เชื่อแม่เถอะนะลูก ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเขาไม่ดีจริง สักวันเขาก็ต้องได้รับผลกรรมที่เขาทำเองนะ” มารดาโอบกอดเขา เมื่อครั้งที่เขาเอาทุกอย่างจากสุเมธมาได้

ชนะชลปล่อยให้ตัวเองหลับไปกับความสำนึกผิด ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้...จนเขาได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เพราะวันนี้เขาต้องไปดูงานที่ทำค้างเอาไว้ เขาลุกขึ้นจากเตียง ด้วยอาการของคนที่ค่อนข้างหายเป็นปกติแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองเดินเหิน ได้สะดวกกว่าเมื่อวานนี้ขึ้นมาก ไม่นานเขาก็ออกมาจากห้อง พร้อมกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ต ปล่อยชาย และแขนเสื้อถูกพับขึ้นไปที่ข้อศอก ซึ่งเป็นชุดเตรียมทำงานของเขา และก็ออกจากบ้านไป โดยที่คนงานขับรถมารออยู่ก่อนแล้ว สุขมาทันได้เห็นแค่หลังเขาเท่านั้น แต่ไม่ทันได้ไตร่ถามอะไรไปมากกว่านั้น








Create Date : 02 ตุลาคม 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:26:47 น. 0 comments
Counter : 390 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.