Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ชลวาห์กาล ๖ (ธัญรัตน์)




ประตูห้องนอนของชนะชล ถูกเคาะสองสามครั้งและเปิดออกอย่างช้า ๆ หลังจากที่วันวิวาห์ลงไปนั่งทำงานในห้องนานสองนาน ก็เลยเข้ามาดูเขา ก่อนที่จะไปเข้านอน
“คุณวา....มาดูคุณชนะชลเหรอคะ ป้าเพิ่งจะเช็ดตัวให้ค่ะ” ดวงแขบอกเธอ
“ป้าไปพักผ่อนเถอะค่ะ คงจะไม่มีอะไรมากแล้ว” เธอบอกหลังจากที่วัดไข้ให้เขา แล้วก็รู้สึกว่าไข้ลดลงบ้างแล้ว

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ป้าตื้อให้เธอกินยา ตั้งแต่เช้าแล้ว รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน งั้นป้าไปก่อนนะคะ คุณวาก็เหมือนกันอย่านอนดึกมากนะคะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” ดวงแขบอกด้วยความห่วงใยเธอยิ่งนัก
“ค่ะอีกเดี๋ยว...วา...ก็จะเข้านอนแล้ว ป้าแขเปิดประตูทิ้งไว้ด้วยนะคะ” เธอบอกดวงแขและก็ไม่วายที่จะรอบคอบ แม้แต่ในยามที่เขาแทบเอาตัวไม่รอด เธอก็ไม่อยากจะเป็นขี้ปากให้กับคนในบ้าน ดวงแขทำตามอย่างดี และก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ ที่เจ้านายตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไปอยู่เมืองนอกเมืองนาเสียนาน แต่ก็ไม่ได้ลืมความเป็นคนไทย ๆ เลย

“น้ำ ขอน้ำกินหน่อย หิวน้ำ” เสียงเขาพูดลอดไรฟันออกมา วันวิวาห์มองตามหลังดวงแข เพื่อหวังจะให้เป็นคนเอาน้ำให้เขาดื่ม แต่ก็รู้สึกจะสายไปแล้ว เพราะในห้องนั้นมีแต่เธอกับเขาแค่นั้นเอง
“…น้ำ...หิวน้ำเหลือเกิน...ขอน้ำกินหน่อย...น้ำ” เขาพรึมพรำอีก จนเธอไม่รอช้าที่จะรินน้ำในเหยือกที่โต๊ะข้างหัวเตียง ใส่ในแก้วพร้อมกับหลอด แล้วก็ใช้แขนซ้ายช้อนต้นคอเขาให้สูงขึ้น และก็ให้เขาดูดน้ำในแก้วไปอย่างคนกระหาย เขาคงจะร้อนเพราะยาที่เธอฉีดให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง

“เอาอีกไหมคะ” เธอถามเขา เพราะน้ำในแก้วนั้นหมดเกลี้ยง เขาส่ายหน้าแล้วก็มองมาที่ใบหน้าเธอ แล้วก็หลับไปในที่สุด เพราะความอ่อนเพลีย
ทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่เขาหลับไปได้ เธอจัดแจงเปลี่ยนน้ำเกลือที่เพิ่งจะหมดไป ให้อีกหนึ่งถุง แล้วอีกไม่นานเธอก็ดับไฟและก็ปิดประตูห้องให้เขาหลับอย่างสบายนั่นเอง....



บรรยากาศที่ดูจะพลุกพล่านไปด้วยคนเจ็บ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ดูแล้วทำให้น่าปวดหัวเหลือเกิน คนไข้ที่ส่วนใหญ่มีฐานะปานกลาง หรือไปถึงขั้นจน พากันนั่งรอที่หน้าห้องตรวจแต่ละห้อง
วันวิวาห์ตรวจคนไข้นับสิบ ๆ รายในช่วงเช้า และพอช่วงบ่าย ก็ต้องเข้าห้องผ่าตัดเคสต่าง ๆ อีกหลายราย เวลาที่จะกินข้าวช่วงเที่ยงสำหรับเธอนั้นน้อยเหลือเกิน เธอเองก็เพิ่งจะเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้เอง ว่าทำไมพ่อถึงไม่ค่อยสนับสนุนให้เป็นหมอสักเท่าไหร่

“ผมไม่เห็นด้วยเลยนะ ที่คุณพ่อจะให้ยายวาเรียนหมอ เหนื่อยจะตาย ได้เงินน้อยด้วย ดูเจ้าพิธานซิ วัน ๆ ได้ไปไหนซะที่ไหน อยู่แต่กับเชื้อโรค มีแต่คนเจ็บ ดูแล้วจิตใจห่อเหี่ยว” สุเมธคัดค้านผู้เป็นพ่อ

“ฉันให้ยายวาเลือกในสิ่งที่ยายวารัก และอยากจะเป็น ไม่ได้ให้แกเป็นหมอซักหน่อย ถ้ายายวาเรียนจบแกต้องส่งไปเรียนหมอด้วย” กุศลเอ็ดลูกชาย โดยมีหนูน้อย พร้อมกับผมยาวสลวย ที่ถูกรวบส่วนบนไปมัดไว้ด้านหลังและติดโบว์ไว้อย่างสวยงามด้วยฝีมือของดวงแข นั่งฟังผู้ใหญ่ทั้งสองถกเถียงกันเรื่องของเธอ...
และหญิงสาวก็อดคิดถึงผู้เป็นปู่ไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบรวบรวมสมาธิกลับมาที่งานนั่นเอง


“คุณหมอมาพอดีเลยค่ะ เมื่อสักครู่เพื่อนคุณหมอชื่อคุณรวิทย์โทรมาหาค่ะ แล้วให้ฝากบอกคุณหมอว่าใกล้ ๆ คุณหมอเลิกงานจะโทรมาหาอีก บอกว่าโทรเข้ามือถือ แต่คุณหมอไม่เปิดค่ะ” พยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนรายงาน

ก่อนที่เธอจะเข้าห้องตรวจคนไข้ ที่นั่งรออยู่อีกไม่ต่ำกว่าสิบราย วันวิวาห์ไม่ให้รวิทย์ และคนอื่น ๆ โทรเข้าที่มือถือ หรือโทรไปที่โรงพยาบาลรัฐบาล เพราะไม่อยากจะแย่งเวลาราชการมาคุย เพราะลำพังต้องลางานออกมารักษาคนไข้ที่เป็นคนไข้ต่อเนื่องและเข้ามาผ่าตัดเคสพิเศษ ที่โรงพยาบาลเอกชนในเวลาราชการ เธอก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว แต่ก็เห็นหมอหลาย ๆ คนทำกัน และเธอก็จะทำในเวลาที่จำเป็น ตามที่มีสิทธิ์ในการลางานของข้อกำหนดเท่านั้น

แต่ถ้าใครมีเรื่องด่วนเธอก็จะให้ฝากเรื่องเอาไว้ จนรวิทย์และคนอื่น ๆ ก็เลือกที่จะโทรมาที่นี่ และในช่วงที่เธอใกล้จะเลิกงานเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ เรียกคนไข้ได้เลยนะคะ” เธอบอกพยาบาลก่อนจะเข้าห้องตรวจ และก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงกว่าจะตรวจและรักษาคนไข้จะหมด
“ว่าไงคุณหมอวา วันนี้ช่วยชีวิตคนไข้ ไปได้กี่รายกันจ๊ะ” เสียงรวิทย์กรอกมาตามสายมา “แล้วคุณหมอรวิทย์หล่ะ วันนี้ปิดบังอาการคนไข้ไปได้กี่รายกัน” เธอตอบเสียงล้อเลียนและก็เหน็บแนมเขา ในเรื่องของพ่อที่เขาบังอาจปิดบังเธอ แต่เธอเองก็รู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับเธอนั่นเอง

“แหม...วาเอาอีกแล้ว เราอุตส่าห์โทรข้ามน้ำข้ามทะเลมา แล้วยังจะมาว่าเราอีก นายนี่ไม่ไหวเลย กลับไปจะจับแต่งงานให้เข็ดเลย ไม่เชื่อคอยดูสิ” เขาแหย่เธอ “ให้มันจริงเถอะนะ ขี้คร้านนายกลับมาแล้วจะรีบเผ่น เพราะหนี้สินเราท่วมตัวไม่ว่า” เธอแซวเขากลับบ้าง ก็คงจะพอมีเพียงรวิทย์นี่กระมัง ที่ทำให้เธอนั้นได้คลายความทุกข์ลงไปได้บ้าง

“วาเป็นไงบ้างสบายดีมั้ย เราเป็นห่วงนาย และก็คิดถึงนายที่สุดเลย อีกไม่นานเราก็จะกลับแล้วหล่ะ” เขาบอกเธอด้วยเสียงอ่อนนุ่ม
“เราก็คิดถึงนาย รีบมานะ เราสบายดีไม่ต้องห่วง งั้นแค่นี้ก่อนนะ จะรีบกลับบ้านมีธุระ” ความพูดน้อยยังคงอยู่ในตัวเธอเสมอ รวิทย์เองรู้ดี และก็รีบสั่งเสียให้เธอพักผ่อน แล้วก็วางสายไปในที่สุด


“ป้าไม่มีเงินจริง ๆ ค่ะคุณ นี่กระเป๋าเงินป้าหายเมื่อกี้นี้เอง ก่อนป้าจะเข้ามาโรงพยาบาลมันยังอยู่ ๆเลยนะหนู สงสัยจะมีคนล้วงกระเป๋าป้าไป หนูอย่าจับป้าส่งตำรวจเลยนะ ป้ามาหาเพื่อนป้า แล้วก็ปวดท้องมากก็เลยมาหาหมอก่อน” เสียงหญิงวัยห้าสิบกว่าปีกำลัง อ้อนวอนเจ้าหน้าที่การเงิน หน้าช่องชำระเงิน และบังเอิญที่ระหว่างทางจะกลับบ้านวันวิวาห์เดินผ่านไปได้ยินพอดี
“มีอะไรเหรอคะ” เธอเข้าไปสอบถามในที่สุด

“ขอบพระคุณ คุณหมอมาก ๆ เลยค่ะ ที่ช่วยเหลือคนแก่อย่างป้า ขอให้เจริญ ๆ นะคะ ป้ามาจากแพร่ จะมาหาเพื่อนที่อำเภอนี้ มันบอกว่ามันอยู่กับเจ้านาย แล้วมันก็บอกว่า มันสบายเหลือเกินเจ้านายใจดี มันว่ามันเป็นเมียลูกเจ้านาย แต่เขาไม่รักมัน และก็ไปแต่งเมียใหม่นานแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมหนีไปไหนเลย เฝ้าแต่รอให้เขากลับมารักมันอีก ป้าไม่เห็นมันนานจะสามสิบปีแล้ว เงินที่คุณหมอให้ ป้าก็จะเอาไปเป็นค่ารถไปหามันนั่นหล่ะ” หญิงที่เรียกตัวเองว่าป้าไหว้เธอเป็นพัลวัน

“ไม่เป็นไรค่ะทีหลังป้าต้องเก็บของมีค่าไว้ดี ๆ นะคะ” เธอบอกแล้วก็ยิ้มให้หญิงสูงวัยด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี และปลื้มใจที่ได้ช่วยเหลือคนได้ยากบ้าง
“งั้นป้าลานะคะคุณหมอ” หญิงสูงวัยกล่าว
“ค่ะ โชคดีนะคะ” เธอบอกอีกครั้งแล้วก็มองร่างที่ดูจะอวบ ๆ เดินจากไป แล้วหญิงสาวยิ้มตามหลัง


“เห็นมั้ย...แม่แขฉันบอกแล้ว ว่าคุณหมอของฉัน จะกลับมาเร็วกว่าทุกวัน เพราะวันนี้วันศุกร์ แล้วพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดงานซักที” สุขพูดปนยิ้มกับดวงแขทันที ที่เห็นร่างผอมบางลงจากรถ พร้อมกับใบหน้าที่มีแว่นตาคู่ใจมาด้วย และเดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคน ที่ยืนรอหน้าบ้านตามเคย
“วันนี้ป้าแขทำอะไรให้วากินคะ หิวจังเลย” เธอถาม ซึ่งนาน ๆ ที ทั้งสองจะได้ยินเธอบ่นถึงอาหาร

“ต้มจืดวุ้นเส้น กับน้ำพริกกะปิ ไข่เจียวผักชะอมค่ะ ของโปรดคุณวาทั้งนั้นเลยค่ะ....และก็มีข้าวต้มกุ้งสำหรับคนไข้ด้านบนด้วยนะคะ ป้าอุตส่าห์ทำให้ แต่ไม่ยอมกินอะไรเลย” ดวงแขบอกเธอ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสีหน้าที่เรียบเฉยของเธอ นอกจากรอยยิ้ม ที่ไม่ใคร่จะเต็มใจนัก ก่อนที่จะเดินไปโต๊ะอาหาร

“คุณวาช่วยเอาข้าวต้ม ไปให้คุณชนะชลหน่อยสิคะ เผื่อเห็นคุณวาแล้วจะว่าง่ายขึ้นมาบ้าง” สุขพยายามบอก แต่ก็ไม่มีคำตอบใด ๆ ออกมาจากเธอ ได้แต่ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก
“คุณวาคะ เมื่อไหร่จะไปไหว้ศพคุณพ่อซักทีคะ คุณวา...มาตั้งหลายเดือนแล้วนะคะ” ดวงแขถาม และมันก็ทำให้เธอนั้นกลืนน้ำลงไปในคอได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน แล้วก็ลุกจากไป โดยไม่มีคำตอบใด จนทำให้ดวงแขรู้สึกผิดที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา


“ฉันบอกแกแล้วนะแม่แข ว่าให้หักห้ามใจซะบ้าง ไหน ๆ คุณผู้ชายก็ตายไปแล้ว แกจะไปคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา เขาเกลียดแกยังกะอะไรดีนะ” เสียงสุขเอ็ดดวงแขอยู่ในครัวเมื่อได้อยู่กันตามลำพังสองคน หลังจากที่วันวิวาห์หายไปบนห้องเป็นนานสองนานแล้ว แต่เธอก็เปลี่ยนใจลงมาเอาข้าวต้มไปให้คนไข้ ที่เธอไม่อยากจะไปดูอาการเลย และก็มาทันได้ยินทั้งสองพูดคุยกันเข้าโดยบังเอิญ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทั้งสองพูดถึงอะไร

“พี่สุขฉันไม่สบายใจเลย ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้” ดวงแขบอก
“แล้วแกทำ ทำไม ถ้าแกไม่ยินยอม มันจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเหรอ ไม่เอาแล้ว ฉันขี้เกียจพูดกับแกแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน” สุขบ่นด้วยอาการเบื่อ
“เหนื่อยอะไรคะป้าสุข” เธอโผล่เข้าไปแสดงตัวในที่สุด หลังจากที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ประตูครัวได้สักพักแล้ว และมันก็ทำให้ทั้งสองนั้นมีสีหน้าที่ตกใจ จนแทบจะช๊อคเลยทีเดียว

“เอ้า...เงียบกันไปหมดเลย ว่าไงคะ เหนื่อยอะไร” เธอถามซ้ำด้วยสีหน้าที่ยิ้มอย่างขำ ๆ เพราะเห็นอาการคนทั้งสองที่ตกใจ “ป้าตกใจแทบแย่ค่ะคุณวา ทีหลังอย่ามาเงียบ ๆ อีกนะคะ ไม่งั้นได้รักษาคนแก่แน่ ๆ เลย....คุณวา...จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ ป้าจะทำให้” สุขรีบเปลี่ยนเรื่องได้ทัน
“วาจะไปดู...เอ่อ...ป้าช่วยให้เด็กยกข้าวต้มไปให้ด้วยนะคะ” เธอบอกแค่นั้นแล้วก็จากไปด้านบน
“เกือบไปแล้วไหมหล่ะ” สุข...อดบ่นดวงแขไม่ได้ ที่ตั้งแต่เจอวันวิวาห์ก็ทำอะไรไม่ถูกเลย และพอตั้งสติได้ก็จัดแจงอุ่นข้าวต้มทันที


ประตูห้องนอนของชนะชลถูกเปิดออกโดยไม่ได้เคาะก่อน แล้วเธอก็เห็นเขาอยู่ในท่านั่งและพิงหัวเตียงอยู่ โดยมีนายส่งที่กำลังจะใส่เสื้อให้เขา หลังจากเช็ดตัวให้เสร็จพอดี หญิงสาวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย กับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เพราะได้ผ่านการฝึกเรื่องพวกนี้มาอย่างดี อย่าว่าแต่แค่คนไข้ที่ไม่ได้ใส่เสื้อเลย กับคนไข้ที่ไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย ทั้งหญิงชายเธอนั้นพบเห็นมาแล้วทั้งสิ้น แผ่นอกของเขากว้างและมีขนขึ้นหนาเต็มไปหมด กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ เผยให้รู้ว่า เขาเป็นคนที่แข็งแรงคนหนึ่ง

“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ลุงส่งไปพักผ่อนเถอะนะ เหนื่อยมามากแล้ว” เขาบอกทั้ง ๆ สีหน้ายังอ่อนเพลียอยู่ เพราะเขาไม่ยอมกินอะไรเลย แต่อาการก็ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า ที่เธอแวะมาดูก่อนจะออกไปทำงาน และฉีดยาให้อีกหนึ่งเข็ม พร้อมทั้งให้น้ำเกลืออีกหนึ่งถุง แล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะสอนให้ดวงแขเอาน้ำเกลือมาเปลี่ยนให้ อีกสองถุงเมื่อมันหมด ในระหว่างที่เธอไปทำงานนั่นเอง

“ไข้คุณไม่มีแล้ว” เธอบอกขณะที่ดึงปรอทออกจากรักแร้เขาแล้วเอามาดู พร้อมกับจัดแจงออฟน้ำเกลือให้ แต่ใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอนั้น ก็อดที่จะขำไม่ได้ที่เห็นผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา ที่ทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลย เมื่อเธอออฟเข็มน้ำเกลือออกจากแขน แต่ก็ไม่ทันที่เขาจะสังเกตเห็น มันก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าเรียบขรึมเหมือนเดิม

“ผมก็แค่เป็นไข้ ไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ” เขายังคงปากแข็งกับเธอ
“แต่ก็ขอบคุณ ที่รักษาผมให้หาย” เขาพูดเสียงอ่อนในที่สุด
“คุณควรจะกินอะไรบ้าง ป้า ๆ ฉัน เขาห่วงเจ้านายเขาจะแย่อยู่แล้ว” เธอพูดน้ำเสียงเรียบ แต่ก็เป็นการประชดเขาอย่างเห็นได้ชัด “ผมไม่หิว บอกป้าสุขกับป้าแขด้วย ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาบอก

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณชนะชล ป้าสองคนหน่ะใจไม่ดีเลย กินข้าวบ้างนะคะ คุณวาจะได้ไม่เหนื่อยมาคอยดูคุณชนะชลทั้งคืนไงคะ” เสียงสุขเดินเข้ามา พร้อม ๆ ดวงแข ที่ถือถาดข้าวต้มและน้ำส้มค้นมาให้ เพราะวันวิวาห์สั่งให้เอาให้เขาดื่มบ่อย ๆ จะได้ทำให้ไข้ลดลง

“ขอบคุณครับ เอาไว้ก่อนนะ แล้วผมจะกิน ป้าไปพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยมามากแล้ว” เขาบอกด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน และทั้งสองก็ออกไปโดยดี และก็ไม่ลืมที่จะเปิดประตูเอาไว้ให้ผู้ที่อยู่ในห้องด้วย แล้วทั้งสองก็หันหน้ามายิ้มให้กันเป็นนัย ๆ เมื่อร่างพ้นประตูห้องแล้ว เพราะในความรู้สึกของทั้งดวงแขและสุขนั้น ถ้าเจ้านายทั้งสองของพวกเขาคุยกันดี ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย

“ขอบคุณนะ ที่ดูแลผมทั้งคืน คุณคงจะเหนื่อยมาก” เขาบอก และก็นึกได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามือน้อย ๆ นั้นพยุงต้นคอเขา และเอาน้ำให้เขาดื่มเมื่อคืนนี้ มันก็คงจะไม่ใช่ฝัน....มันคงจะเป็นเธอนั่นเอง
“งั้นคุณก็ควรจะกินข้าว คืนนี้ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีก” เธอพูดแล้วก็ยกถาดที่มีขาสองข้าง กางออกได้ มาตั้งให้ตรงหน้าเขา และก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอเอื้อมมือไปหยิบช้อน มือก็ไม่มีแรงเอาเสียเลยจนช้อนนั้นตกจากมือไป

“เขาคงจะเพลียจนแขนไม่มีแรง”
ในความคิดของเธอ แล้วเธอก็หยิบเอาช้อนมาใส่มือให้เขาอีก แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่มีแรงจริง ๆ เพราะช้อนอันเดิมก็ตกจากมือเขาอีกเช่นเคย แล้วเธอก็ตัดสินใจหยิบช้อนและตักข้าวต้มที่กำลังอุ่น ๆ เข้าปากให้เขาแทน

เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้นั้น มันช่างอร่อยกว่าหลาย ๆ มื้อ ที่เขาเคยได้กินมาอย่างไม่น่าเชื่อ คงจะเป็นเพราะคุณหมอที่มีใบหน้าขาวเนียน ผิวแก้มนั้นแดงระเรื่อ ดวงตาคมที่ถูกซ่อนไว้ใต้แว่น ทำให้น่ามองยิ่งนัก ถ้าหากเธอจะเปลี่ยนจากใบหน้าที่เรียบและขรึม มาเป็นยิ้มบ่อย ๆ บ้าง คงจะทำให้โลกดูสดใสไปมากเลยทีเดียวในความคิดของเขา

เขารู้สึกว่าไม่อยากจะหายเลย หากมีหมอที่สวยมาคอยดูแล แล้วก็ป้อนข้าวป้อนน้ำให้อย่างนี้ แต่คิดไปแล้วก็ต้องหยุดไว้แค่นั้น เพราะเขาเองเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่นั่งตรงหน้าเขานั้น คือลูกของคนที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกสลาย แววตาที่เปี่ยมสุขเมื่อสักครู่ก็แทบจะหายไปทันที
“ข้าวหมดถ้วย แถมน้ำส้มอีกหนึ่งแก้ว แปลว่าคนไข้หายเกือบเป็นปกติแล้ว คุณก็กินยาหลังอาหารนี้ แล้วก็นอกพักผ่อน พรุ่งนี้ฉันมีอะไรจะให้คุณ” เธอบอกเขาพร้อมกับจัดยาให้

“ขอบคุณมาก คุณไปพักผ่อนเถอะ” เขาบอกเธอ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากเธออีก แล้วไม่นานร่างเธอก็หายออกจากห้อง พร้อมถาดข้าว และทิ้งให้เขาอยู่ในห้องคนเดียวในที่สุด


ชนะชลรับซองสีขาวที่ภายในมีแคชเชียร์เช็ค จำนวนแปดแสนบาท มาจากมือของเธอ หลังจากที่เขาหายเกือบเป็นปกติ และก็เดินลงมานั่งทำงานในห้องได้ในบ่ายวันนี้
“ฉันจะให้คุณเป็นงวด ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ และเท่าไหร่บ้าง เอาเป็นว่า เมื่อไหร่ที่ฉันพอจะเก็บได้เป็นก้อน ๆ ฉันก็จะเอามาให้ก็แล้วกัน” เธอบอกเขาขณะนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา

“ขอบคุณ แล้วผมจะให้คนเอาใบเสร็จรับเงินมาให้ทีหลังนะ แต่ทำไมมันมากนัก คุณเพิ่งจะทำงานได้ไม่กี่เดือนเองไม่ใช่เหรอ” เขาถาม เพราะดูตัวเลขแล้ว เขาก็คิดว่ามากพอดู สำหรับฐานะหมออย่างเธอ
“ฉันอยากจะให้มันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ฉันจะได้บ้านคืนเร็ว ๆ” เธอตอบ
“งั้นเหรอ หาเงินเก่งเหมือนกันนะคุณนี่ ไม่กี่เดือนก็ได้คืนผมตั้งเยอะแล้ว สงสัยจะรีบใช้หนี้ จะได้รีบแต่งงานกับคนชื่อรวิทย์ด้วยใช่มั้ย” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบ แต่ก็ไม่มีคำตอบจากเธอ

“นี่เป็นสัญญาที่ผมทำขึ้นมาใหม่ระหว่างคุณกับผม รายละเอียดต่าง ๆ ผมยึดถือเอาตามที่ผมได้บอกคุณไว้ คุณจะเอาไปอ่านก่อนแล้วค่อยเซ็นต์ก็ได้ หรือถ้ามีอะไรที่ผมต้องแก้ไขก็บอกผม จะได้ปรับใหม่” เขายื่นเอกสารให้เธอ ส่วนเธอนั้นรับมาแล้วก็ก้มหน้าอ่านตรงนั้น เพราะไม่อยากจะให้เสียเวลาทั้งเขาและเธอ

“ขอปากกาด้วยค่ะ” เธอบอกเขาหลังจากที่อ่านข้อความจนเข้าใจดีแล้ว
“คุณจะเซ็นต์เลยเหรอ แล้วไม่สงสัยอะไรเลยเหรอ” เขาอดสงสัยไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจนักว่าคนที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ๆ และก็อยู่นาน ๆ อย่างเธอ จะยังคงเข้าในภาษาไทยได้ดีขนาดไหน แล้วอีกอย่างในสัญญานั้น ภาษาที่ใช้ก็เป็นทางการแทบทั้งหมด “ถึงฉันจะไปเรียนเมืองนอกนาน แต่ภาษาไทยของฉันก็ได้เกรดสี่ตลอดตอนที่เรียนอยู่เมืองไทย” เธอบอกเขาแค่นั้น

“สงสัยจะรีบจริง ๆ ด้วยนะ” เขาอดที่จะแหย่เธอไม่ได้ พร้อมกับยื่นปากกาให้เธอ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรกับเขา นอกจากก้มหน้าเซ็นต์เอกสารที่มีเขาและพยานฝ่ายเขาซึ่งเธอไม่รู้จัก แต่ส่วนพยานฝ่ายเธอก็คือพิธานมทั้งหมดได้ลงลายมือชื่อเอาไว้ก่อนแล้ว สัญญาถูกส่งให้เขาหนึ่งชุดส่วนเธอถือเอาไว้หนึ่งชุด

“แต่ยังไง ผมก็เอาใจช่วยให้คุณใช้หนี้ให้หมดเร็ว ๆ ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องมาทนเห็นหน้าผมไง” เขาบอกออกไปอีก หลังจากที่อีกฝ่ายไม่ปริปากพูดอะไรกับเขา
“ฉันไม่จำเป็นต้องทนนี่คะ ปกติคุณก็ไม่ค่อยจะได้เอาหน้ามาให้ฉันทนเห็นสักเท่าไหร่ แล้วหน้าคุณก็ไม่มีแผลเน่าเฟะตรงไหน จนฉันจะต้องทนดู หรือถ้ามี ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทน เพราะฉันเห็นมามากแล้ว จากหน้าคนไข้” เธอตอบเขาไป และดูเหมือนว่ามันจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุด เท่าที่เขาเคยได้ยินเธอพูดมา ตั้งแต่ได้เจอกันครั้งนี้ และก็ครั้งก่อน

“เอาหล่ะ ๆ เราอย่ามาหมางใจกัน เพราะเรื่องนี้เลยนะ ผมไม่อยากมีศัตรูหมอเป็น เดี๋ยวจะไม่มีคนรักษา ไปกินของว่างเถอะผมหิวแล้ว” เขาตัดบท แล้วก็เดินนำหน้าเธอไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

เขาเดินนำหน้าเธอมาที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเธอนั้นไม่คิดที่จะตามเขาไปด้วยซ้ำ แต่พอเหลือบไปเห็นใครบางคน ที่เธอคุ้น ๆ หน้า จึงเดินตามเขามานั่นเอง “ป้าแขพาใครมาครับ” เขาถามเมื่อมีสุข ดวงแขและใครคนหนึ่ง ที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน นั่งรอเขาที่ห้องนั่งเล่นแล้ว

“อ๋อ...แกชื่อป้าใจค่ะ เป็นเพื่อนเก่าป้าเองค่ะคุณชนะชล ป้ากับเพื่อนไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว เขามาเยี่ยมป้า ไม่รู้มาถูกได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมา ป้าเคยให้ที่อยู่เอาไว้ นานมากแล้วค่ะ เมื่อวานบอกว่าไม่สบายไปหาหมอ แต่ถูกขโมยกระเป๋า ไม่มีเงิน แต่มีหมอที่โรงพยาบาลเอาเงินให้ ก็เลยมาถึงที่นี่ได้ เลยจะพามารู้จักกับ คุณชนะชลกับคุณวาเอาไว้ค่ะ และป้าก็ขออนุญาต ให้เพื่อนพักที่นี่สักสองสามคืนด้วยนะคะ” ดวงแขบอกเขา

“เอาสิครับป้า ไม่ต้องเกรงใจ” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงที่ชุดรับแขก ส่วนวันวิวาห์ก็มาทันได้ยินเรื่องที่ดวงแขบอกชนะชลเข้าพอดี
“นั่นไง...คุณหมอ ที่ให้เงินฉัน แม่แข” เสียงป้าใจร้องทัก และก็ชี้ไปยังวันวิวาห์ที่กำลังเดินเข้ามา
“ป้า....เพื่อนที่ป้าบอกว่าจะมาหา ก็คือป้าแขเองหรือคะ แล้วที่ป้าบอกว่า เพื่อนเป็นเมียลูกเจ้านาย แต่เขาไม่ได้รัก และไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นก็คงจะเป็นป้าแขด้วยใช่ไหมคะ” เธอถามขึ้นด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองนัก

“ใช่จ๊ะ...ก็แม่แขนี่แหละ แต่...เอ...แล้วคุณหมอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” ป้าใจตอบด้วยความซื่อ และมันก็ทำให้ทั้งดวงแข สุข และชนะชล ที่ยังไม่รู้เรื่องว่าสองคนนี้รู้จักกันได้ยังไงงงไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะดวงแขที่มีสีหน้าที่ไม่เป็นสุข กับเรื่องที่เพื่อนเปิดเผยเลย

“ป้าถามเพื่อนป้าดูสิคะ ว่าหมอเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอตอบและมองไปยังดวงแข ด้วยแววตาที่เสียใจยิ่งนัก
“ว่าไงคะป้าแข ช่วยบอกวาได้ไหมคะ ว่าป้าไปเป็นเมียพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วสาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องทะเลาะกัน บาดหมางใจกันบ่อย ๆ ต้นเหตุก็คือป้าแขเองใช่ไหมคะ ทำไมคะ ทำไมป้าถึงทำแบบนี้ เสียแรงที่วารักและเคารพ คุณปู่ด้วย ถ้าวิญญาณท่านรู้ ท่านคงจะผิดหวังเหมือน ๆ กับที่วารู้สึกในตอนนี้”

“ชีวิตของวายังมีเรื่องร้าย ๆ ไม่พอใช่ไหมคะ ป้าถึงได้ทำเรื่องที่วาไม่คิดว่าคนอย่างป้าจะทำได้ แล้วป้าสุขหล่ะคะ รู้เรื่องกับเขาด้วยหรือเปล่า หรือรู้แล้ว และก็ช่วยกันปิดบังวา เหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่เคยทำมา และก็ไม่ต้องบอกนะคะว่าที่ป้าแขเป็นเมียพ่อ”

“เพราะป้าหวังดีกับวา เหมือนกับที่ปิดบังเรื่องที่พ่อตายเอาไว้.....วาผิดหวัง และวาเสียใจจริง ๆ ค่ะ เสียใจที่คนที่วารักและคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ ป้าคงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะเป็นคนทำให้วาเจ็บ แต่วาไม่เคยคิดเลยค่ะ ว่าป้าจะกลายมาเป็นหนามคอยยอกอกคุณแม่มาโดยตลอด วาเกลียดป้าค่ะ ได้ยินมั้ยค่ะ ว่าวาเกลียดป้า” วันวิวาห์พูดด้วยความเสียใจ และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็วิ่งออกนอกบ้านไป

“มันเรื่องอะไรกับครับป้าแข ป้าสุข” ชนะชลงงกับเหตุการณ์
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คุณชนะชล ป้าว่าคุณตามคุณวาไปก่อนเถอะนะคะ แล้วป้าจะเล่าให้ฟัง” สุขรีบบอกด้วยความกังวล พร้อม ๆ กับเตือนสติเขา แต่พอนึกได้และวิ่งตามออกมา ก็ปรากฏว่าร่างบาง ๆ ของเธอนั้น วิ่งตรงไปทางประตูคฤหาสน์แล้ว เขาต้องรีบวิ่งกลับมาหยิบกุญแจรถ และขับตามเธอออกไปจนทัน

“คุณ ๆ ขึ้นมาบนรถก่อนเถอะ มีอะไรเราค่อยหาทางแก้ไขกันดีกว่า” เขาตะโกนบอก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ฟังเขาเลย เอาแต่วิ่งด้วยความโกรธจนเขาต้องรีบจอดรถขวางเอาไว้
“คุณอย่ามายุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ไปให้พ้น ฉันเกลียดคนโกหก คนหน้าไหว้หลังหลอก ปากอย่างใจอย่าง” เธอต้องหยุดเพราะเขามาขวางเอาไว้ และก็พูดออกไปด้วยความโกรธ

“คุณจะด่าผมยังไงก็ได้ แต่ต้องขึ้นรถก่อน อย่าให้ผมต้องใช้กำลังกับคุณนะ” เขาบอกและรั้งหัวไหล่เธอเอาไว้
“คุณมันก็ดีแต่อย่างนี้ เอาแต่ใช้กำลัง ใช้เงินซื้อ ทำไมนะ ฉันถึงต้องมาเจอแต่คนแบบนี้อยู่เรื่อย ไปให้พ้นนะ ฉันเกลียดคุณ เกลียดคนโกหก” เธอด่าเขา และดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ จากการยื้อยุดของเขา แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะร่างผอมบางถูกเขาอุ้มขึ้นไปในรถอย่างง่ายดาย และขับออกไปจากบริเวณบ้าน







Create Date : 21 กันยายน 2551
Last Update : 21 กันยายน 2551 9:03:46 น. 0 comments
Counter : 331 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.