Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ชลวาห์กาล อวสาน (ธัญรัตน์)




“อะไรนะยายนุ เธอกำลังจะบอกฉันว่าหมอวาได้พี่ชลเป็นเจ้าบ่าวแทนหมอรวิทย์อย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีทางหรอก ก็แม่คนนั้นหน้าบางยิ่งกว่าอะไรดี เรื่องอะไรมันจะยอมไปแต่งงานกับคนที่กำลังจะมีลูกตามที่ฉันบอกไป เธอแน่ใจเหรอนุว่าฟังไม่ผิด” กิติกรตะคอกเสียงไปตามสายทันทีที่ได้รับฟังข่าวจากนุติพรที่โทรมารายงานความคืบหน้า

“แน่นอนที่สุดยายแพรว ก็ฉันเพิ่งจะโทรไปหลอกถามจากป้าสุขเมื่อกี้นี่เอง แล้วยายวรรณกับยายนกก็เพิ่งจะโทรไปหาคุณหมอรวิทย์มา และก็ได้คำตอบที่เหมือน ๆ กัน คือหมอรวิทย์ยอมเสียสละเจ้าสาวให้กับพี่ชลของเธอ ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าข่าวนี้กรองมาเรียบร้อยแล้ว ไม่เชื่อก็ฟังเสียงสองคนนี้ก็แล้วกัน....จริง ๆ ยายแพรวเราสองคนเช็คเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน” นุติพรที่เปิดลำโพงโทรศัพท์ยื่นให้เพื่อนทั้งสองคนพูดพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นการยืนยันข่าวคราว

“นี่พวกเธอกำลังจะบอกว่าแผนที่พวกเราวางไว้มันไม่สำเร็จยังงั้นเหรอ นี่พวกเราขัดขวางพี่ชลกับหมอวาไม่ได้ใช่มั้ย มันเป็นไปได้ยังไง ก็พวกเราอุตส่าห์คิดแผนแทบตาย สุดท้ายหมอก็ได้อยู่กับคนที่รักอย่างนั้นเหรอ แล้วเรื่องที่คุณพ่อบอกว่าพี่ชลเป็นคนวางแผนฆ่าพ่อหมอ เพื่อจะยึดสมบัติล่ะ หมอจะยอมทำเป็นหูหนวกตาบอดไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอยู่กินกับพี่ชลโดยที่ไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นเหรอ” กิติกรกรอกเสียงมาตามสายด้วยความโกรธจัด

“อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะแพรว หรือว่าหมอวาจะไม่รู้เรื่องนี้ จะเป็นไปได้ยังไงกัน...เธอก็รู้นี่ว่าคนอย่างหมอวานี่ไม่ใช่คนโง่...เอ๊ะ...หรือว่าคุณลุงจะฟังมาผิด มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ เธอก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน และอีกอย่างเธอบอกว่าคุณลุงสืบมาอย่างดีแล้ว...โอ๊ย...คิดแล้วปวดหัวแทน ฉันว่าช่างมันเถอะ ถ้าหมอวาจะโง่ขนาดนั้นก็ปล่อยไปเถอะ เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย หรือเธอยังรักพี่ชลอยู่ ฉันว่าตัดใจซะเถอะ แล้วก็มองหาหนุ่ม ๆ นักเรียนนอกที่โน่นใหม่ดีกว่า รับรองว่ามีหล่อ ๆ รวย ๆ และประวัติขาวสะอาดกว่าพี่ชลเป็นไหน ๆ ให้เธอเลือกเป็นร้อย ๆ”

“แล้วเธอจะให้ฉันปล่อยให้หมอนั่งเสวยสุขอยู่กับพี่ชลอย่างสบายรึไงนุ”
“ก็ปล่อยเขาไปสิ ฉันเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก ถ้าหมอวายังไม่รู้ตอนนี้ สักวันเขาก็คงจะรู้เอง หรือถ้าหมอทำเป็นไม่สนใจ ก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
“นี่ทำไมจู่ ๆ เธอมาบอกให้ฉันล้มเลิกซะล่ะยายนุ เธอเองเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ก็ฉันเห็นว่าพวกเราก็พยายามทำแทบจะทุกอย่างแล้ว ก็ยังหยุดพวกนั้นไม่ได้ ฉันก็เลยคิดว่าเธออย่ามัวเอาตัวเองและชื่อเสียงคุณลุงไปเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปเลย เมื่อก่อนฉันก็ปลื้มแทนเธออยู่หรอกนะ ที่จะได้พี่ชลมาเป็นสามี แต่ตอนนี้...เอ่อ...ขอบอกตรง ๆ นะแพรว ว่าถ้าฉันเป็นเธอ ฉันไม่เอาเด็ดขาด ไม่ว่าข่าวที่ได้ยินมาจะจริง หรือจะไม่จริงก็ช่าง ได้เขามา แรก ๆ ก็อาจจะดีกับเราอยู่หรอกนะ”

“แต่ถ้าเกิดแต่งงานกันไปนาน ๆ เข้า เกิดหน้ามืดอยากจะได้สมบัติเราขึ้นมาล่ะ ไม่ต้องวางแผนฆ่าพ่อแม่เราหรอกเหรอ หรือหนัก ๆ เข้าอาจจะฆ่าเราด้วยก็ได้ แล้วอย่างนี้ เธอจะมามัวหวงเขาทำไม ทิ้งไปได้แล้วผู้ชายอย่างนี้ มองหาคนใหม่เถอะ อย่าไปเสียเวลาอีกเลย ตั้งใจเรียนให้จบแล้วเธอค่อยควงแฟนใหม่มาอวดพวกเราที่อยู่ทางนี้ก็แล้วกันนะ” นุติพรแนะนำ

“แน่นอนที่สุด และที่ฉันยอมเสียเวลาวางแผนก็ไม่ใช่เพราะฉันจะเสียดายผู้ชายอย่างนั้นหรอกนะ แต่ฉันแค่อยากจะสั่งสอนให้พวกนั้นเจ็บเล่น ๆ เท่านั้นล่ะ ที่บังอาจมาหลอกฉันกับคุณพ่อ ฉันรับรองเลยนะว่าฉันจะไม่มีวันยอมแพ้สองคนนั้นแน่ ฉันจะต้องกลับไปพร้อม ๆ กับตำแหน่งด๊อกเตอร์ และมีคู่ครองที่เขาจะต้องรักฉันคนเดียวเท่านั้น”

“และที่สำคัญที่สุดเขาจะต้องดีกว่าพี่ชลเป็นร้อยเท่าพันเท่า ไม่เชื่อคอยดู และตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะไม่มีวันที่จะไปคิดถึงผู้ชายที่มีอดีตที่สกปรก ๆ อย่างพี่ชลแน่นอน พวกเธอคอยดูเอาเองก็แล้วกัน” กิติกรบอกแล้วก็กดโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโกรธ ที่แผนการที่อุตส่าห์คิดเอาไว้ ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ

“นี่ฉันแพ้เธอเหรอวันวิวาห์ ไม่จริง ๆ ฉันไม่ใช่คนแพ้ เธอต่างหากที่แพ้ฉัน เธอแพ้เพราะเธอไปคว้าเอาผู้ชายที่ได้ชื่อว่าถูกฉันเขี่ยทิ้งก่อนวันงานแค่วันเดียว เธอแพ้เพราะเธอไปคว้าเอาผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตรกรฆ่าพ่อตัวเอง นี่เธอรักเขามากถึงขนาดยอมทิ้งศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล เพื่อที่จะได้อยู่กับเขายังงั้นเหรอ”

“ ฉันผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ เลยนะวันวิวาห์ คนอย่างฉันไม่มีวันที่จะทำแบบนั้นแน่นอน คนอย่างฉันจะไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องไปคว้าเอาคนอย่างนั้นมาแต่งงานด้วยเด็ดขาด ได้ยินมั้ย ว่าคนอย่าง กิติกร โสธรกุล จะไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเด็ดขาด”

กิติกรบอกกับตัวเองแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไป ถึงแม้ส่วนลึก ๆ ในหัวใจเธอจะเจ็บปวดเพราะต้องเสียคนที่เธอรักและรักมากไปแล้ว แต่กิติกรก็เฝ้าปลอบใจตัวเองเสมอมาว่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตรกรอย่าง ชนะชล เหมะชัย เธอจะไม่มีวันเก็บเอามาใส่ใจอีกต่อไปแล้ว
ที่ผ่านมาทั้งเธอและครอบครัวน่าจะเฉลียวใจสักนิด ว่าจากผู้ชายที่มีแต่ตัวรอนแรมมาจากต่างถิ่น แต่กลับใช้เวลาตั้งตัวแค่ไม่กี่ปีก็ร่ำรวยขึ้นมาจนไม่น่าเชื่อ ที่แท้เขาก็คือผู้ชายที่หาความภูมิใจในตัวเองไม่ได้สักนิดเดียว ผู้ชายที่ขี้ขลาดที่สร้างฐานะให้ตัวเองด้วยการไปเบียดเบียนเอาสมบัติคนตายอย่างนายสุเมธมาครอบครอง

แล้วมิหนำซ้ำยังให้ลูกสาวเขาต้องตามไปชดใช้หนี้สินอีกนับสิบ ๆ ล้าน แล้วคนอย่างนายชนะชลก็เหยียบย่ำวิญญาณของสุเมธ ด้วยการไปดึงเอาลูกสาวที่น่าโง่ของสุเมธมานอนกอดอีก มันช่างเป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่น่าพิสมัยตรงไหนเลยในความคิดของกิติกร

“คุณแพรวเสร็จหรือยังลูก สายแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่ทันเข้าเรียนหรอกลูก” กิติยาที่เปิดประตูห้องลูกสาวโผ่หน้าเข้ามาเตือน

“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่...งั้นคุณแพรวไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดี ๆ นะคะ และก็อย่าลืมโทรไปหาคุณพ่อด้วยนะคะ ว่าพรุ่งนี้คุณแม่ก็จะกลับแล้ว คุณแพรวโตแล้วค่ะ อยู่ที่นี่คนเดียวได้”

กิติกรรีบสลัดความคิดเรื่องในอดีตทิ้ง และก็รีบออกจากห้องไปเพื่อไปพบกับสิ่งใหม่ ๆ และดีกว่าเดิมที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต ทิ้งให้ผู้เป็นมารดามองตามหลังลูกสาวคนเดียวด้วยความภาคภูมิใจ กิติยาแทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าลูกสาวจะตัดใจจากชนะชลได้รวดเร็วขนาดนี้

ชนะชลเพ่งมองเจ้าของเรือนร่างที่สวยได้รูป ที่เขาได้ครอบครองเอาไว้ทั้งคืนจนรุ่งเช้า พร้อมกับใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข หญิงสาวใบหน้าสวยที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นภรรยาเขาโดยสมบูรณ์ทั้งพฤตินัย และนิตินัย หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย กับการทำหน้าที่ภรรยา

แต่ภายใต้ดวงตาที่ปิดอยู่นั้น เขาสามารถรับรู้ได้ว่า ภรรยาของเขาสุขใจมากแค่ไหน แก้มขาวเนียนถูกสูดดมหาความหอมอย่างรักใคร่ ไม่นานดวงตาที่ปิดอยู่ก็เปิดขึ้นมา และก็ยิ้มให้เขาเป็นสิ่งแรก

“อรุณสวัสดิ์ครับ....คุณหมอ...ทำไมวันนี้คุณหมอของผมตื่นสายจังเลย เอ...สงสัยจังเมื่อคืนไปเกเรที่ไหนน๊า...” เขาล้อเธอพร้อมกับยิ้มให้เธออย่างสุขใจ จนพวงแก้มที่ขาวเนียนของเธอ เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความอาย เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“แน๊ะ....พูดแค่นี้ก็หน้าแดงด้วย สงสัยคุณหมอจะอาย” เขาแซวเธออีก
“นี่แน่ะ....”

“โอ๊ย ๆ...โอเคจ๊ะ ไม่ล้อแล้ว” เขาต้องร้องออกเพราะถูกกำปั้นทุบไปที่ไหล่
“ถ้าคุณแกล้งฉันอีก ฉันจะจับคุณมาฉีดยาเลยรู้มั้ยคะ” เธอขู่เขา แต่แล้วหน้าก็แดงขึ้นอีกเป็นสองเท่า เพราะผ้าห่มที่ปิดร่างที่เปลือยอยู่นั้น หลุดลงไป เผยให้เห็นทรวงอกที่อวบอุ่ม จนเธอต้องรีบดึงขึ้นมาปิดเอาไว้อีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
“ผมว่าคุณไปอาบน้ำเถอะนะ แม่ ๆ เรา กับป้าสุขรอกินข้าวเที่ยงอยู่” เขาบอกเธอแล้วก็เผลอยิ้มออกมา เพราะขำกับท่าทางที่เอียงอายของเธอ
“ค่ะ....แล้วทำไมคุณตื่นเช้าจังคะ” เธอถามเขา

“ผมเพิ่งกลับจากออฟฟิศ พอดีจะให้ไชยันต์ไปดูงานที่พม่าแทนไง ก็คุณบอกไม่ให้ผมไปไหนไง คุณจำไม่ได้เหรอเมื่อวานนี้” เขาแหย่เธอ
“จำได้ค่ะ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอทำท่าจะลุก แต่ก็ต้องชะงัก เพราะรู้สึกเจ็บแปลบ จนต้องยืนอยู่กับที่ ทั้ง ๆ ที่มีผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้ และก็ดูเหมือนเขาจะล่วงรู้เอง ด้วยประสบการณ์ที่ชำนาญ
“ผมอุ้มคุณเองนะ” แล้วร่างของเธอก็ปลิวไปตามวงแขนอันแข็งแรงของเขาเข้าไปในห้องน้ำ

“ผมอาบให้นะ” เขาบอก และไม่ทันที่คนตอบจะได้ตอบอะไร ผ้าห่มก็ถูกเขาดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวอายจนหน้าแดง จนต้องแนบร่างเข้าไปหาอกของเขาแทน
“ไม่เห็นต้องอายเลย ผมหน่ะเห็นหมดแล้วนะตั้งแต่เมื่อคืนนี้ครับคุณหมอ” เขาแหย่เธอ และก็ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร
เรียวปากก็ถูกเขาปิดเอาไว้ และมือของเขาก็เลื่อนไปสำรวจส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเธอ ไม่นานร่างของเขาก็ไม่มีอะไรมาปกปิดเอาไว้ แล้วเขาก็ถ่ายทอดความรักที่เขามีต่อเธออีกครั้ง และมันก็ทำให้เธอรู้สึกสุขใจยิ่งนัก กับสิ่งที่เขามอบให้ หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างรักใคร่ และหลับตาพริ้มรับกับสิ่งที่เขามอบให้อย่างสุขใจ

“ตาชล....ไม่พาหนูวาไปฮันนี่มูนที่ไหนเหรอลูก” เอมอรถามเขา หลังจากที่ทุกคนในบ้านมานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่น หลังจากอาหารเที่ยง ซึ่งเป็นมื้อแรกของทั้งชนะชลและวันวิวาห์ของวันนี้
“แล้วแต่วา...ครับคุณแม่ ผมยังไงก็ได้ แล้วคุณอยากไปไหนหรือเปล่าวา” เขาถามเธอที่นั่งข้าง พร้อม ๆ กับวงแขนข้างหนึ่งเอื้อมไปกอดเอวเธอเอาไว้ โดยไม่คิดจะอายคนในบ้าน จนเธอต้องรีบดึงมือเขาออก เพราะรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

“วาไม่อยากจะไปไหนค่ะ อยากจะอยู่ที่บ้าน รวมกับทุก ๆ คน นานมากแล้วที่บ้านวาไม่มีบรรยากาศแบบนี้ วาอยากจะให้วิญญาณคุณปู่ กับคุณพ่อได้รับรู้ถึงความรู้สึกแบบนี้ค่ะ....แต่ถ้าคุณอยากจะไปไหน วาก็ไปได้นะคะ แต่วาขอเอาทุกคนไปด้วยค่ะ วาไม่อยากจะเห็นแก่ตัว หนีไปมีความสุขแค่คนเดียว....เพราะทุก ๆ คนก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับวามา และผ่านเรื่องร้าย ๆ มาด้วยกัน วาถือว่าทุก ๆ คนก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของวาค่ะ”
เธออธิบายให้เขาเข้าใจได้ดีขึ้น และใบหน้าคมสันที่นั่งฟังเธอนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างภาคภูมิ

“ดูสิครับแม่ เมียผม นี่ตกลงถ้าผมจะไปฮันนี่มูนที่ไหน ผมก็ต้องหอบเอาสามสาวไปด้วยใช่ไหมครับนี่” เขาแหย่เธอด้วยความรัก
“แม่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะลูก” เอมอรร่วมสนุกด้วย
“แหม.....ทำมาเป็นรักเราน้อป้าสุขน้อ.....ทีเมื่อก่อนยังหนีไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน ปล่อยให้เราคิดถึงแทบแย่ กลับมาแล้วก็หนีไปอยู่ซะไกลเชียว จะลาสักคำก็ไม่มี....จริงมั้ยครับป้าสุข” เขาไม่วายจะแหย่เธออีก

“ป้าไม่รู้ค่ะ สองคนคุยกันเองก็แล้วกัน โบราณเขาว่า เรื่องของผัวเมีย คนนอกห้ามยุ่งค่ะ....แต่จะว่าไปแล้ว ป้าก็เห็นด้วยกับคุณชนะชลนะคะคุณวา” สุขไม่วายที่จะออกความคิดเห็น
“แม่ดูสิคะ สามคนพากันรุมวาคนเดียวเลย แล้วแม่ล่ะคะจะอยู่ฝ่ายไหน” เธอถามมารดาที่เอาแต่นั่งฟัง “แม่ขอเป็นคนกลางนะคะคุณวา” ดวงแขบอกเธอ และยิ้มให้ด้วยความรัก
“ไม่เอาแล้วค่ะ วาจะไปพายเรือเล่นดีกว่า” เธอบอก พร้อม ๆ กับลุกห่างจากเขา

“ให้ผมไปด้วยนะ” เขาพูดและก็รีบลุกตามเธอออกไป
“ดูสิคะ สองคนนี้ รักกันตั้งนาน แล้วก็ไม่ยอมบอกกัน กว่าจะได้แต่งงานกัน เล่นเอาคนแก่อย่างเราลุ้นจนตัวโก่งไปตาม ๆ กันเลย” เอมอรพูดพลางหัวเราะตามหลังคนทั้งสองไป
“แหม...จริง ๆ แล้วน่าจะลงเอยกันไปตั้งนานแล้วนะคะ ถ้าวันนั้นคุณเอมอร ไม่พาคุณแพรวมาประกาศตัวก่อนค่ะ จริงมั้ยแม่แข” สุขพูดยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงเวลาที่ทั้งสองได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกัน
“จริงหรือคะคุณแข ดิฉันไม่ยักกะรู้” เอมอรถาม

“ดิฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะตอนนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เท่าที่ฟังจากพี่สุข ดิฉันว่าก็น่าจะจริงนะคะคุณเอมอร คุณวาก็อย่างนี้ล่ะค่ะ ถ้าเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องแล้ว ให้ตายก็ไม่แย่งของ ๆ ใคร” ดวงแขบอก
“ถึงได้หนีไปอยู่ที่เหนือไงคะ แต่คุณวาไม่รู้หรอกว่า หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีหัวใจตัวเองยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกค่ะ ดิฉันรู้” สุขพูดเสริม
“แต่สุดท้ายลูกเราสองคนก็ได้แต่งงานกัน และก็คงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขต่อไปนะคะคุณแข นี่สงสัยฉันต้องย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วมั้งคะ....เพราะดูท่าแล้วว่าพ่อลูกชายตัวดีของฉัน คงจะไม่ยอมห่างหนูวาแน่ ๆ เลยค่ะ” เอมอรบอก แล้วทั้งหมดก็พากันหัวเราะอย่างสุขใจ

“ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่....วารู้มั้ยว่าผมแทบจะไม่เคยมานั่งเล่นที่ริมบึงเลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่พอผมเห็นคุณชอบมานั่งเล่นที่นี่บ่อย ๆ ก็เลยลองมานั่งดูบ้าง ก็เพิ่งจะรู้ว่ามันทำให้อะไร ๆ ในใจหลาย ๆ อย่าง ได้ถูกปลดปล่อยออกไปบ้างเหมือนกัน” เขาบอกเธอ

หลังจากที่พาเธอพายเรือเล่นในบึง จนแทบจะหมดแรง จึงพากันมานั่งที่เก้าอี้ตัวยาว ที่ ๆ เขาเคยมานั่งเหม่อลอยหาเธอในหลาย ๆ ครั้ง และเขาก็ไม่ยอมให้เธอห่างกายแม้แต่น้อย วงแขนยังคงโอบกอดเอวเธอเอาไว้ พร้อม ๆ กับร่างทั้งสองที่กำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่ริมบึง ในยามอาทิตย์ใกล้อัสดง

“ฉันกับวิทย์ชอบที่นี่มากค่ะ ตอนเราเด็ก ๆ ถ้าไม่พายเรือเล่น เราก็จะนั่งอยู่ใต้ต้นนั้นค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็จะไปปั่นจักรยานเล่นรอบ ๆ สนามหญ้า พอหิวก็จะวิ่งไปหาแม่แขกับป้าสุขบ้าง ป้าพุดซ้อนบ้าง มันทำให้เราสองคนสบายใจมาก ๆ ค่ะ” เธอเล่าความหลังให้เขาฟัง พร้อม ๆ กับแววตาก็นึกถึงเพื่อนรัก
“พูดถึงหมอรวิทย์ เมื่อเช้าผมก็เห็นกำลังจะตักบาตรที่หน้าบ้าน พร้อมกับป้าพุดซ้อนกับลุงบรรจงอยู่ ผมก็นึกว่าเขาจะไม่คบกับผมอีกซะแล้ว ที่ไปแย่งเอาเจ้าสาวของเขามา แต่โชคดีที่เขามีน้ำใจเป็นลูกผู้ชายมาก ๆ เขายังบอกให้ผมพาวาไปเที่ยวที่ไกล ๆ จะเป็นเมืองนอกก็ได้ วาจะได้ลืมเรื่องเก่า ๆ” เขาพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

“เหรอคะ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันรู้จักวิทย์กับคุณลุงคุณป้ามานานตั้งแต่จำความได้ พวกเขาไม่โกรธคุณหรอกค่ะ คุณรู้มั้ยคะว่าจริง ๆ แล้ว วิทย์เป็นคนบอกฉัน เรื่องของคุณกับคุณแพรวนะคะ และเขาก็เป็นคนพาฉันไปหาคุณที่ออฟฟิศด้วยค่ะ” เธอเล่าให้เขาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“แต่คุณก็ยังลังเล ที่จะบอกรักผมใช่ไหม” เขาดักคอเธอ
“แต่ในที่สุด เราก็แต่งงานกันแล้วนี่คะ” เธอบอกเขาคล้าย ๆ จะปลอบใจที่หมางเมินกับเขา

“คุณรู้มั้ย วินาทีแรกที่รู้ว่าจะเสียคุณไปให้หมอรวิทย์ ผมเจ็บปวด และทรมานมากแค่ไหน มันบอกไม่ถูกเลย”
“ฉันเข้าใจค่ะ และความรู้สึกของฉัน ก็ไม่ได้ต่างจากคุณเท่าไหร่หรอกค่ะ วันที่รู้ว่าคุณจะแต่งงานกับคุณแพรว และก็ยังตามมาด้วยข่าวที่คุณแพรวบอกว่ากำลังตั้งท้องกับคุณ บอกตรง ๆ นะคะมันเจ็บปวดและทรมานที่สุดเลย แต่ก็ไม่อยากจะแสดงอาการอะไรให้ใคร ๆ เห็น เพราะกลัวพวกเขาจะไม่สบายใจ โดยเฉพาะกับวิทย์ ฉันห่วงความรู้สึกเขามากค่ะ” เธอบอกกับเขา

“แล้วเรื่องคุณแพรวท้องมันมาได้ยังไงคุณช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยวา” เขาถาม แล้วเธอก็เล่าในเรื่องที่พบกับกิติกรตั้งแต่ที่สนามบินจนถึงเรื่องวันงานให้เขาฟังอย่างละเอียด
“คุณแพรวคงจะเสียใจเรื่องของผม ก็เลยทำเรื่องแบบนั้น ถ้าผมจะขอให้คุณลืมมันซะคุณจะทำได้มั้ยวา”
“ได้สิคะ ฉันเองก็ไม่อยากจะจำมันเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“งั้นเรามาลืมเรื่องต่าง ๆ แล้วก็เริ่มต้นกันใหม่นะ” “ได้ค่ะ” เธอตอบเขาและก็ยิ้มให้เขาด้วยความรัก...

“วา...ผมขออะไรคุณสักสองอย่างจะได้ไหม” เขาถามเธอ
“อะไรคะ ถ้าฉันให้ได้ ก็จะให้ค่ะ” เธอตอบกลับเขา
“อย่างแรก ต่อไปนี้ ผมขอให้คุณเรียกตัวเองกับผมว่า...วา...นะ เรียกตัวเองว่า ฉัน ฟังแล้วมันดูห่างเหินยังไงไม่รู้” เขาทำสายตาอ้อนวอนเธอ
“ได้สิคะ....แล้วอีกอย่างล่ะคะ” เธอถามเขา
“แล้วอีกอย่าง ผมขอมีลูกกับวาหลาย ๆ คนนะ จะได้เอาไว้ใช้เยอะ ๆ ไง” เขาบอกและก็ยิ้ม พร้อมทั้งหอมแก้มขาวอย่างรักใคร่
“จริงสิคะ...แล้วทำไมคุณแพรวถึงได้ยกเลิกงานแต่งงานล่ะคะ” เธอถามเขาเพราะเพิ่งจะนึกได้

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยคุณลุงกับคุณป้าคงจะไปได้ยินผมคุยกับคุณแม่ เรื่องพ่อคุณวันที่ผมป่วยและพวกเขาก็ไปเยี่ยมผมมั้ง เพราะก่อนคุณแพรวจะไปเมืองนอก ให้เด็กเอาจดหมายมาให้ผม แล้วก็มีอยู่ตอนหนึ่งเขียนบอกว่า คุณป้ากับคุณลุงไม่อยากจะให้คุณแพรวต้องแต่งงาน กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรฆ่าคน”
“แรก ๆ ผมก็งงเหมือนกัน แต่คิด ๆ ไป ผมก็เลยคิดออก ว่าพวกเขาคงจะมาได้ยินเรื่องวันนั้น” เขาเล่าให้เธอฟัง

“แล้วคุณคุยยังไงคะ พวกเขาถึงได้เข้าใจอย่างนั้น” เธอถามด้วยความสงสัย
“ก็คุณแม่บอกว่าอยากจะให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมรัก มากกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคุณแพรว เพียงเพราะความรับผิดชอบ ผมก็เลยบอกคุณแม่ว่า คุณคงจะไม่รักคนที่เป็นฆาตกร ที่ฆ่าพ่อคุณได้หรอก อะไรประมาณนี้ล่ะ...แล้วก็คงจะพากันเข้าใจผมผิด ๆ และจินตนาการเรื่องไปต่าง ๆ นานา”

“แต่ที่ทำให้ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเป็นเรื่องนี้ ก็เพราะว่าผมไปได้ข่าวจากตำรวจที่เคยทำคดีคุณพ่อคุณ แกถูกผู้กำกับที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ เรียกไปสอบถามว่าคดีเป็นยังไง เอาผิดใครได้ไหม ผมก็เลยให้คนไปสืบดูว่าผู้กำกับคนนั้นเป็นใคร ก็เลยรู้ว่าแกเป็นเพื่อนกับคุณลุงวรากรณ์ คุณลุงก็คงจะให้เพื่อนมาสืบดูประวัติผมมั้ง”

“พอคุณลุงได้ความจากทางเพื่อนแก โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ท่านก็คงจะไม่สบายใจที่จะได้ลูกเขยที่ประวัติไม่ค่อยจะดีมั้ง ก็เลยขอยกเลิกงานแต่งงาน โดยให้เหตุผลกับคุณแม่ว่าท่านไม่อยากให้คุณแพรวต้องเจ็บปวด เพราะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักลูกสาวท่าน คุณแม่เองก็ยอมรับความจริงและก็ไม่ขัดข้องอะไร...ผมก็เลยรอดตัวไปเลย แต่ก็วุ่นวายน่าดูเลยนะ ต้องรีบบอกคนที่เชิญมาในงานแทบไม่ทัน คุณแม่ถึงกับลงประกาศในวิทยุเลยนะ เจ้าพงศ์เจ้าชาตินี้โทรไปบอกเพื่อน ๆ แทบไม่ทันบ่นกันเป็นแถว ๆ เลย”

“แต่ผมก็ไม่ได้ไปถามจากคุณลุงกับคุณป้าหรอกนะ ว่าจริง ๆ แล้วที่ยกเลิกงานแต่งหน่ะเป็นเพราะอะไรกันแน่ ขี้เกียจไปอธิบายหน่ะ และอีกอย่างก็กลัวว่าถ้าเกิดเข้าใจกันถูกต้องแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เกิดคุณลุงคุณป้าเปลี่ยนใจยกคุณแพรวให้ผมอีก ทีนี้ล่ะแ ย่แน่ ๆ เลย” เขาพูดและยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ขัน

“คุณนี่ร้ายนะคะ” เธอต่อว่าเขา
“ถ้าไม่ร้าย แล้วจะฉวยคุณมาเป็นเมียจากหมอรวิทย์ได้เหรอครับคุณหมอ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
“แล้วทำไมไม่บอกฉันบ้างล่ะคะ ว่าคุณไม่ได้แต่งงาน” เธอถามด้วยความสงสัย

“ก็ไม่รู้ว่าจะบอกไปทำไมนี่ ผมไม่แน่ว่าคุณจะรักผมหรือเปล่าหน่ะสิ เพราะเห็นไชยันต์บอกว่าทุกคนที่นี่กำลังมีความสุขที่จะได้จัดงานแต่งงาน ผมก็เลยคิดว่าไม่มีประโยชน์ออะไรที่จะบอก เพราะบอกไปคุณก็คงจะแต่งงานกับหมอรวิทย์อยู่ดี แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่คุณยังอยู่ที่เหนือนะ รับรองว่าผมต้องไปหาคุณแน่ ๆ และก็จะปล้ำทำเมียให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“แต่พอคุณย้ายกลับมา ผมคิดว่าโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้คุณหน่ะแทบจะไม่มีเลย คิด ๆ แล้วท้อใจก็เลยไม่อยากทำอะไร สู้หนีไปให้มันพ้น ๆ จะดีกว่า จะได้เจ็บน้อยหน่อย” เขาบอกเธอ

“คุณนี่จริง ๆ เลยนะคะ เออ...จริงสิคะเมื่อคืนวาจำได้ว่าคุณบอกว่าคุณรอวามาสิบกว่าปี วาไม่เข้าใจค่ะ เท่าที่วารู้เราก็เพิ่งจะรู้จักกันได้แค่ไม่กี่ปี ทำไมคุณถึงบอกอย่างนั้นค่ะ” เธอถามเขาด้วยความสงสัย
“สำหรับวาหน่ะอาจจะรู้จักผมมาไม่กี่ปี แต่สำหรับผมแล้ว ภาพสาวน้อยผมยาวในชุดดำ นั่งร้องไห้อยู่ในงานศพคุณปู่วันนั้น ยังติดตาผมมาทุกวันนี้เลย”
“ยังไงคะ”

“ก็ตอนคุณพ่อเสีย ผมอยากจะรู้ว่าท่านเสียไปพร้อมใคร ก็เลยลองมาสืบดู แล้วก็รู้ว่าเป็นแม่กัมลากับน้องคุณ....เอ่อ....ไม่ใช่สิต้องน้องผมต่างหาก หรือเอาเป็นว่าน้องของเราสองคนก็แล้วกันนะ” เขาหยุดเว้นวรรคเอาไว้
“แล้วยังไงต่อคะ”
“ผมก็เลยมาเห็นคุณเข้าไง แล้วก็เลยรู้ว่าคุณเป็นใคร มีความเป็นมายังไง จริง ๆ แล้วคืนนั้นผมก็นั่งฟังพระสวดอยู่ด้านหลังคุณนั่นล่ะ แต่ไม่มีใครสนใจเท่านั้นเอง รวมทั้งพ่อคุณด้วย ผมมีรูปคนที่เกี่ยวข้องกับคุณเกือบหมดเลยนะ ก็ถ่ายเอาไว้ตั้งแต่คืนนั้นล่ะ”

“พอมาล้างรูปแล้ว ก็สะดุดตาที่รูปคุณก็เลยเก็บเอาไว้ ดูไปดูมาไม่รู้ยังไง ภาพคุณเลยคอยติดตาและอยู่ในใจผมมาตลอดเลย....แล้วก็อยากจะรู้ว่าจากเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดูคนนั้น โตมาแล้วจะสวยมากแค่ไหน แล้วพอผมได้ดูรูปที่คุณส่งมาให้คุณพ่อคุณตอนที่ท่านเสียแล้ว ผมก็เลยรู้ว่าตัวเองหน่ะ หลงรักคุณตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเลยล่ะ.....รู้มั้ย” เขาสารภาพความในใจกับเธอ พร้อม ๆ ทั้งก้มลงไปหอมแก้มอีกครั้ง
“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่คุณมีความรู้สึกดี ๆ กับวามาโดยตลอด” เธอบอกเขาด้วยความตื้นตัน

“เรากลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวแม่เราจะรอเย็นมากแล้ว” เธอพูดพร้อมกับเดินผละจากเขาไป แต่ก็ไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกเขาคว้าร่างเข้ามากอดเอาไว้อีก
“จะไปไหนครับคุณหมอ คุณยังไม่ได้ให้สิ่งที่ผมขอคุณเลยนะ” เขาทวงสิ่งที่ขอเอาไว้

“อะไรคะ....วาจำไม่ได้แล้วว่าคุณขออะไร” เธอแกล้งเขา
“ก็เรื่องลูกไง....ผมอยากให้เรามีลูกกันหลาย ๆ คน เผื่อโตขึ้น จะได้เอาไว้คอยช่วยทำอะไรต่อได้ไง ดูอย่างเราสิ พ่อแม่เราต่างก็มีแต่ลูกโทน ไม่เหมือนครอบครัวอื่น ๆ เลย มีกันหลาย ๆ คน แต่บ้านเราสิ.....พอมีอะไรเกิดขึ้นหน่อย ก็เหลือแค่คนเดียว จะทำอะไรก็ไม่ได้ หรือวาคิดว่ายังไงจ๊ะ” เขาให้เหตุผลกับเธอ ทั้ง ๆ ยังมีเธออยู่ในวงแขนของเขา
“วาก็แล้วแต่คุณค่ะ ถ้าคุณเห็นว่าสำคัญวายังไงก็ได้ค่ะ” เธอตอบเขา เพราะรู้สึกเห็นด้วยกับเหตุผลของเขา

“งั้นผมว่า เรามีสักสามคนก่อนก็แล้วกันนะ คนหนึ่งเอาไว้ทำงานต่อจากพ่อ อีกคนเอาไว้ให้เป็นหมอเหมือนแม่ และอีกคนก็เอาไว้คอยดูแลเราไง ดีมั้ยจ๊ะ” เขาพูดพร้อม ๆ กับจินตนาการคนที่อยู่ในวงแขน ว่าหากถึงตอนอุ้มท้องแล้วจะมีสภาพยังไง แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“คุณขำอะไรคะ” เธอถามเขาด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณหมอ ผมก็แค่คิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ ของพ่อแม่เรา ที่อยู่กันคนละมุมของประเทศ แต่ก็มีเรื่องทำให้เข้ามาพัวพันกันจนได้ วารู้ไหม ว่าแม่เราสองคน ท่านเจ็บปวดแค่ไหน กับความรักที่ไม่สมหวัง บางครั้งนะ ผมเคยเห็นคุณแม่ท่านแอบร้องให้ในห้องคนเดียว เพราะไม่อยากให้ผมรู้” เขาไม่วายที่จะพูดถึงความหลัง

“วาจะเห็นก็แต่คุณพ่อค่ะ เวลาที่ท่านทะเลาะกับคุณแม่ เอ่อ....แม่กัมลาหน่ะค่ะ ท่านดูจะเศร้าลงไปถนัดตาเลย แต่ส่วนแม่แข...วาก็เคยเห็นแม่เศร้านะคะ และบ่อยครั้งด้วย แต่วาไม่รู้ว่าแม่แขเศร้าเพราะเรื่องอะไร แต่ถึงตอนนี้วาคิดว่าก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องพ่อหรอกค่ะ” เธอบอกเขา
“ต่อไปนี้ เราต้องช่วยกัน ทำให้ท่านมีความสุขนะ โดยที่เราสองคนจะต้องรักกันให้มาก ๆ ทำให้ท่านลืมความหลังที่มันเจ็บปวดให้ได้ ผมอยากให้ความรักที่เรามีต่อกัน เป็นเครื่องช่วยลบรอยรัก....ที่มันแตกร้าวของท่านให้หายให้ได้ หรือคุณคิดว่ายังไงจ๊ะ” เขาถามเธอ

“ค่ะ....วาก็เห็นด้วยค่ะ เพราะวาก็รู้ว่า ไม่มีทุกข์ไหนที่จะทรมานมากไปกว่า ทุกข์ของการเสียของรัก หรือพลัดพรากจากคนรักอีกแล้วค่ะ”
“ผมก็คิดว่าผมเข้าใจ เพราะผมเองก็ได้สัมผัสความรู้สึกนั้นมาแล้ว เมื่อคิดว่าจะต้องเสียคุณไป มันเจ็บปวดเหลือเกิน” เขาบอกเธอ
“งั้นเราจะลืมมันนะคะ แล้วเราจะทำให้ความรักของเราสองคน ยืนยาว และมั่นคงตลอดไปนะคะ” เธอบอกกับเขา
“แล้วเราก็จะทำให้ทุกคน มีความสุขกับความรักของเราด้วยนะ คนดีของผม....ผมรักคุณนะ....วา.....รักมาก....มากถึงมากที่สุด” เขาบอกเธอพร้อมทั้งยื่นจมูกลงมาสูดดมแก้มขาวเนียนด้วยความรักที่มีต่อเธอ

“วา...ก็รักคุณค่ะ รักมาก....มากจนไม่รู้จะบอกออกมาให้เป็นคำพูดได้ยังไง” เธอบอกเขาเช่นกัน
“วา...ดูท้องฟ้าสิ คุณเห็นอะไรเหมือนที่ผมเห็นมั้ย” เขาชี้มือให้เธอมองไปยังท้องฟ้า ในยามอาทิตย์ใกล้อัศดงที่สวยงามยิ่งนัก

“คุณเห็นอะไรคะ แต่ถ้าจะให้วาบอก ตอนนี้วาเห็น คุณพ่อ กับคุณปู่ กำลังมองลงมาที่เราสองคน และก็กำลังมองลงมาที่บ้านที่ท่านสร้างมากับมือด้วยค่ะ แล้วท่านก็กำลังดีใจ ที่ได้เห็นวามีความสุข ตามที่ท่านต้องการ”
“ผมก็เห็นเหมือนคุณ แต่ว่าผมเห็นพ่อผมด้วย แล้วก็ยังมีแม่กัมลา และน้องสาวเราด้วยนะ ทุกคนดูมีความสุข ที่ได้เห็นเราสองคนลงเอยกันได้ พรุ่งนี้เราไปทำบุญตักบาตรให้ท่านกันนะ เมื่อวาน...วาตักบาตรกับเจ้าบ่าวกำมะลอไปแล้ว แต่พรุ่งนี้วาจะตักบาตรกับเจ้าบ่าวตัวจริงนะจ๊ะ....คนดีของผม” เขาพูดและก็ยิ้มออกด้วยความสุข

“ค่ะ”
เธอตอบรับเขา พร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยความสุขใจ ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับ สรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวของคนทั้งคู่ ที่ได้ร่วมยินดีปรีดากับความรักที่ลงเอยด้วยดีของพวกเขา แล้วหัวใจทั้งสองดวงก็ต่างสัญญาต่อตัวเองว่า จะใช้ความรักที่ทั้งเขาและเธอที่มีต่อกัน นำมาลบรอยรักร้าวในอดีต ของผู้ให้กำเนิด ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ให้จางหายไป และแทนที่ด้วยความสุข ให้ผู้ที่ยังอยู่ได้ลืมเลือนเรื่องราวที่เจ็บปวดนั้นตลอดไป

จบบริบูรณ์










Create Date : 13 ตุลาคม 2551
Last Update : 13 ตุลาคม 2551 12:55:42 น. 6 comments
Counter : 1300 Pageviews.

 
ลุ้นวัดใจวาจนนาทีสุดท้าย กว่าจะยอมเปิดใจ เกือบสายแล้วไหมล่ะ

วิทย์ช่างเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เจ็บปวด แต่ ก็ ดีกว่าดันทุรังแล้วเจ็บกว่า


คุณแพรวเนี่ย แอบร้ายเนอะ แต่ก็.... จากไปพร้อมความเข้าใจแบบนั้นก็ดี เรื่องบางอย่างปล่อยไปดีกว่ามารื้อฟื้น ไม่งั้นเด๋วมามีความหวังกับชล จะยุ่ง


สุดท้าย..... ขอบคุณ คุณธัญรัตน์ที่นำมาลงให้อ่านจนจบ ลุ้นให้ได้พิมพ์รวมเล่มในเร็ววันค่ะ


โดย: จิงโกะ IP: 122.154.5.102 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:14:17:49 น.  

 
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณจิงโกะที่เป็นกำลังใจให้

และขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: ธัญญะ วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:17:51:53 น.  

 
จบแบบแฮปปี้ค่อยมีกำลังใจกลับไปอ่านตอนอื่น ๆ เผื่อจะได้ช่วยพี่หนูหาข้อผิดพลาด ฮิฮิ


โดย: ACEI IP: 118.172.88.67 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:20:02:38 น.  

 
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะแอ้น


โดย: ธัญญะ วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:59:14 น.  

 
เรื่องนี้จะเป็นเล่มเมื่อไหร่ค่ะ (ปกติไม่ค่อยอ่านในเว็บ เพราะไม่มีเวลาตามขนาดนั้นอ่ะค่ะ ชอบอ่านเป็นเล่มแล้วมากกว่า)


โดย: neena IP: 124.120.82.158 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:19:42:29 น.  

 
อืม! เรื่องนี้สงสัยต้องรอสักพักนะคะ

เพราะส่งเรื่องอื่นให้ บก. ดูอยู่ค่ะ รบกวนรอนิดนะคะคุณ neena

ขอบคุณค่ะที่ติดตาม


โดย: ธัญรัตน์ IP: 115.67.8.212 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:10:25:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.