แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

Hannibal (2006) :Rome's Worst nightmare

ในสายตาของจักรพรรดินโปเลียน พระองค์คือนายทัพหนึ่งใน เจ็ดคนที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก (อีก 6 คนคือ Hannibal, Julius Caesar, Gustavus Adolphus, Jurenne, Prince, Eugene และ Frederick มหาราช)

จูเลียสซีซาร์ เขียนไปแล้ว ขอก๊อปปี้ลงเครดิตมาแปะเรื่อง ฮันนิบาล
เป็นเรื่องที่เรารู้น้อยมาก

เอามาทำเป็นเกมส์กะรู้จักกันดี

Film สำหรับคนที่ชอบจริงๆๆ มีเงิ๊บได้ เพราะภาพยนต์กึ่งสารคดีของBBC


"ท่านรู้แต่วิธีเอาชนะ แต่ไม่รู้จักวิธีการใช้ชัยชนะนั้น" มาฮาร์บาล ขุนพลผู้หนึ่งของคาร์เธจ กล่าวกับฮันนิบาล เนื่องจากฮันนิบาลตัดสินใจไม่บุกกรุงโรม
"ชัยชนะไม่ใช่ได้มาด้วยเกราะ แต่ด้วยดาบต่างหาก" Publius Scipio II กล่าวกับฟาบิอุส
"เราต้องถามตัวเองเสมอว่า สิ่งใดที่ศัตรูไม่คาดคิด และเราจะทำสิ่งนั้น" Publius Scipio II รำพึงขณะเดินทัพไปสเปน
"ทุกสงครามต้องทำให้จบสิ้นอย่างเด็ดขาด ... ท่านไม่ทำให้จบตอนนั้น ข้าจึงต้องจบมันวันนี้" Publius Scipio II กล่าวกับฮันนิบาลก่อนการรบที่ Zama
"ถ้าจะมีใครเขียนเรื่องของชายผู้นั้น (ฮันนิบาล) คนที่เขียนจะต้องเป็นชาวโรมัน" แม่ทัพโรมันกล่าวกับอาลักษณ์ชาวคาร์เธจ ก่อนนำเอกสารที่เขาจดตามคำบอกของฮันนิบาลไปเผา

Source : //www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5340515&Ntype=13




ฮันนิบาล บาร์กา


ฮันนิบาล บาร์กา (Hannibal Barca) (พ.ศ. 296-พ.ศ. 360) เป็นรัฐบุรษของชาวคาร์เทจ และเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลกยุคโบราณ เพราะเขาบุกโจมตีโรมและทำศึกโดยปราศจากความพ่ายแพ้เป็นเวลานานกว่า 15 ปี โดยใช้กลยุทธ์และยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในการรบ เกือบทำลายโรมได้



บิดาของฮันนิบาลเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งคาร์เทจ ชื่อ ฮามิลการ์ บาร์กา (Hamilcar Barca) เสียชีวิตในการรบเพื่อกำราบชนพื้นเมืองในคาบสมุทรไอบีเรีย ฮัสดรูบาล (Hasdrubal the Fair) บุตรเขยจึงรับหน้าที่เป็นแม่ทัพต่อจากเขา ฮัสดรูบาลสามารถสร้างกองทัพคาร์เทจใหม่ได้สำเร็จ แต่ไม่นานเขาก็สิ้นชีวิตลงเนื่องจากถูกชนพื้นเมืองชาวเคลต์ลอบสังหาร และก่อนที่คำสั่งแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่จากคาร์เทจจะมาถึง เหล่าทหารก็ยกให้ฮันนิบาลขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งคาร์ธาจีนา (ศูนย์กลางของชาวคาร์เทจในไอบีเรีย)

หลังจากรับตำแหน่ง ฮันนิบาลยังไม่วางแผนโจมตีโรมในทันที เนื่องจากต้องการสร้างพันธมิตรที่เข้มแข็งกับบรรดาเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ ในคาบสมุทรไอบีเรียเสียก่อน ทว่าในบรรดาเมืองเหล่านั้น นครซากุนโต (Sagunto) ซึ่งมีเหมืองเงินที่อุดมสมบูรณ์ได้ขอเป็นพันธมิตรกับโรมและปฏิเสธข้อเสนอของฮันนิบาล นอกจากนี้ ซากุนโตยังวางแผนที่จะดึงพันธมิตรต่าง ๆ ในไอบีเรียไปจากคาร์เทจอีกด้วย ฮันนิบาลจึงตัดสินใจเข้าโจมตีซากุนโตในปี พ.ศ. 324 แม้จะรู้ว่านั่นหมายถึงสงครามกับโรมก็ตาม หลังจากล้อมอยู่ไม่นาน ทัพคาร์เทจก็พิชิตซากุนโตได้สำเร็จ



ทางโรมทราบเรื่องด้วยความไม่พอใจมาก แต่เนื่องจากยังไม่ต้องการทำสงคราม ดังนั้น ทางสภาโรมจึงสั่งให้คาร์เทจส่งตัวฮันนิบาลไปยังโรม ฮันนิบาลปฏิเสธและระดมกองทัพทันที และในปี พ.ศ. 325 สงครามพิวนิกครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้น ฮันนิบาลแม่ทัพหนุ่มวัย 29 ปี ยกกองทัพอันประกอบด้วยทหารราบคาร์เทจและสเปน 70,000 นาย ทหารม้านูมิเดียน 12,000 นาย และช้างศึกหุ้มเกราะ 40 เชือก ออกจากการ์ตาโกโนวา ทางโรมเชื่อว่าฮันนิบาลจะเข้าตีโรมโดยทางเรือ จึงเตรียมการป้องกันตลอดแนวชายฝั่ง ทว่าฮันนิบาลทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด คือการรุกข้ามเทือกเขาพิเรนีสและเทือกเขาแอลป์เข้าไปทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี รวมทั้งสามารถเอาชนะกองทัพโรมันได้ในการรบอีกหลายครั้ง


แผนที่เส้นทางเดินทัพทางบกของฮันนิบาล ด้วยความเอื้อเฟื้อจากภาควิชาประวัติศาสตร์ วิทยาลัยการทหารสหรัฐอเมริกาอย่างไรก็ตาม การรุกรานแอฟริกาเหนือของโรมันก็ทำให้ฮันนิบาลต้องถอนทหารกลับไปป้องกันเมืองคาร์เทจในยุทธการที่ซามา ซึ่งเป็นการรบครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายของสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 เขาได้พ่ายแพ้ให้กับกองทัพโรมันที่นำโดยสกีปีโอ อาฟรีกานุส (Scipio Africanus) โดยเมืองคาร์เทจต้องยอมจำนนต่อกรุงโรมหลังจากที่สูญเสียทหารไปกว่า 30,000 คน และต้องเสียคาบสมุทรไอบีเรียให้กับโรมันไปอีกด้วย ต่อมาอีก 14 ปี โรมันก็ได้เรียกร้องให้ฮันนิบาลยอมมอบตัว เขาจึงเนรเทศตัวเองไปอยู่ที่เมืองไทร์ (ปัจจุบันอยู่ในเลบานอน) ซึ่งเป็นเมืองแม่ของคาร์เทจ (ชาวฟินิเชียนจากเมืองไทร์เป็นผู้ก่อตั้งเมืองนี้) และจากนั้นจึงเดินทางไปที่เมืองเอเฟซุส (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี)

ขณะอยู่ที่เอเฟซุส ฮันนิบาลพยายามสนับสนุนพระเจ้าอันตีโอกุสที่ 3 (Antiochus III) กษัตริย์แห่งเมืองนั้นให้ทรงทำสงครามกับโรมัน และเขาก็ได้บัญชาการทัพเรือของพระองค์ในปี พ.ศ. 348 แต่ก็พ่ายแพ้ในยุทธการใกล้แม่น้ำยูริเมดอน เขาจึงหนีจากเอเฟซุส (ซึ่งมีทีท่าว่าจะส่งตัวเขาให้กับโรมันด้วย) ไปอยู่เกาะครีต แต่จากนั้นไม่นานก็กลับมาที่เอเชียไมเนอร์อีกครั้ง โดยขอลี้ภัยกับพระเจ้าปรูซีอัสที่ 1 (Prusias I) แห่งบิทิเนีย ฮันนิบาลได้ช่วยพระองค์รบกับกองทัพจากเมืองเปอร์กามอนซึ่งเป็นพันธมิตรของโรมัน


อย่างไรก็ตาม ฝ่ายโรมันก็ยังยืนกรานที่จะให้เขามอบตัว ซึ่งพระเจ้าปรูซีอัสที่ 1 ก็ทรงยินยอมที่จะส่งตัวฮันนิบาลให้ ในที่สุดเมื่อสิ้นหนทางหนี เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูโดยจบชีวิตของตนลงด้วยการดื่มยาพิษในปี พ.ศ. 360 ที่เมืองลิบิสซา ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลมาร์มะรา แม้ว่าจะไม่อาจเอาชนะโรมได้อีก แต่ฮันนิบาลก็ได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งแม่ทัพของโลกคนหนึ่ง ด้วยว่าตลอดเวลา 15 ปีที่เขาทำศึกในดินแดนโรมันนั้น ฮันนิบาลไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รับกำลังสนับสนุนจากใครเลย


คาร์เธจ : อดีตศูนย์กลางการค้าขายของโลกโบราณ

คาร์เธจ(Carthage)


คาร์เธจเป็นชื่อของเมืองโบราณ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ปัจจุบันเป็นเมืองตูนิส ประเทศตูนีเซีย

เมืองคาร์เธจถูสร้างขึ้นในปี 814 ก่อนคริสตกาลโดย ดิโด้(Dido) สตรีผู้นำชาวฟินิเชี่ยน ซึ่งพาประชาชนชาวฟินิเชี่ยน ย้านถิ่นฐานจากเมืองไทร์(Tyre : เลบานอนในปัจจุบัน) เข้ามาสร้างเมืองใหม่เพื่อหนีการรุกรายของกรีกและโรมัน


Carthage Ruins

คาร์เธจเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วเพราะที่ตั้งเหมาะกับการค้าขายเป็นอันมาก รวมไปถึงความเชี่ยวชาญในการทำการค้า และศิลปะการเดินเรือของชาวฟินิเชี่ยนที่ไม่มีใครเทียบ สินค้าส่งออกที่สำคัญของคาร์เธจคือ แร่เงิน ดีบุก และทองแดง

ในกลางศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล การค้าขายของคาร์เธจเจริญสุดขีด พวกเขาได้ทำการค้าขายกับโรมัน และได้ใช้ทักษะการเดินเรือที่เป็นที่เชี่ยวชาญ เดินทางออกค้าขายไปทั่ว ทั้งในเกาะอังกฤษ ตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และเมืองไทร์ ส่วนทางด้านการทหาร คาร์เธจได้ขยายดินแดนของตนเองไปกว้างใหญ่ ทั้งในฝั่งตะวันตกของเกาะซิซิลี(Sicily) เกาะซาดิเนีย(Sardinia) เกาะบาเลอาริค(Balearic : แคว้นคาตาลันในสเปน) และทางตอนใต้ของสเปน



Mosaic
คาร์เธจปกครองโดยระบบกษัตริย์ตั้งแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา จนถึงปี 480 ก่อนคริสตกาล หลังการตายของ ฮามิลก้าที่หนึ่ง(Hamilca I) กษัตริย์ของคาร์เธจในขณะนั้น ระบอบกษัตริย์ก็อ่อนแอลงเรื่อยมา จนสิ้นสมัยของกษัตริย์ โบมิลก้า(Bomilca) ในปี 308 ก่อนคริสตกาล คาร์เธจจึงเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ


Carthaginian war coinage: the Carthaginian goddess Tanit and the Greek mythological creature Pegasus (©!!)

ทางด้านศาสนา คาร์เธจนับถือเทพเจ้าหลายองค์ เทพเจ้าที่ชาวคาร์เธจศรัทธาคือทานิท(Tanit) และบาล(Ba'al) นักบวชในศาสนาจะโกนหนวกเคราจนเกลี้ยง ซึ่งต่างจากชาวคาร์เธจที่ชอบไว้หนวดและเครา ในช่วงแรกของการตั้งเมือง ชาวคาร์เธจนิยมการเฉลิมฉลองและการเต้นรำเพื่อบูชาแก่เทพเจ้า ในเวลาต่อมา จากการที่คาร์เธจขยายดินแดน และออกเดินทางทำการค้าไปไกล ทำให้พวกเขาได้รับเอาเทพเจ้าของชาติอื่นๆเช่น กรีก อียิปต์ และอีทรัสกัน(Etruscan) เข้ามาเป็นเทพเจ้าของพวกเขาด้วย



จากการที่คาร์เธจขยายดินแดนและการค้าออกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นกับหลายๆชาติ ทั้งกับกรีกและโรมัน โดยคาร์เธจทำสงคาามกับกรีกหลายครั้ง ครั้งที่สำคัญคือ สงคราวเกาะซิซิลี(Sicilian wars)ทั้งสามครั้ง ตั้งแต่ปี 480 ถึง 307 ก่อนคริสตกาล ส่วนกับทางโรมัน คาร์เธจทำสงครามกับโรมันครั้งสำคัญๆอยู่สามครั้งเช่นกัน คือสงครามพิวนิค(Punic wars) ทั้งสามครั้ง ซึ่งในครั้งที่สาม การพ่ายแพ้ของคาร์เธจทำให้ถึงกับสิ้นชาติ ประชาชนส่วนใหญ่ถูกฆ่า ที่เหลือถูกนำไปขายเป็นทาส บ้านเมืองถูกเผาอยู่หลายวัน จนทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือศิลปะและสิ่งก่อสร้างของคาร์เธจให้เห็นอีก หรือที่เหลืออยู่บางสิ่ง ก็เป็นสมัยของจูเลียส ซีซ่าร์ มาบูรณะคาร์เธจขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ใช่ศิลปะของชาวฟินิเชี่ยนจริงๆ


A Christian tombstone from Carthage (Rijksmuseum van Oudheden, Leiden)
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1985 นายยูโก้ เวเตเร่(Ugo Vetere) นายกเทศมนตรีของกรุงโรมในขณะนั้น ได้ทำสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการกับ นายเชดดี้ คลีบิ(Chedly Klibi) นายกเทศมนตรีของตูนีส เป็นการปิดฉากสงครามระหว่างสองชนชาติอย่างเป็นทางการหลังสงครามพิวนิคครั้งที่สาม 2248 ปี
Source://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=crazydogz&month=12-2005&group=2&date=22&gblog=2




 

Create Date : 05 เมษายน 2551
0 comments
Last Update : 16 เมษายน 2551 20:26:16 น.
Counter : 3192 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.