แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Gandhi (1982):His Triumph Changed The World Forever.

ท่านมหาตมะ คานที ท่านนับถือ ศาสนาฮินดู (ขอเรียกพระเจ้าของศาสนาฮินดูว่าพระเจ้า น๊ะค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ เพราะกลัวเรียกไม่ถูกค่ะ)


Source:
//www.iloveindia.com/indian-heroes/gifs/
mahatma-gandhi-indian-hero.jpg
India's "Father of the Nation"



Source://www.iloveindia.com/indian-heroes/gifs/
mahatma-gandhi-ji-india.jpg

เรื่องราวของท่านมหาตมะคานที จับใจคนทั่วโลก จริงๆๆแล้วไม่รู้ว่า อินเดียอยู่ที่ใหน สิ่งที่เค้าทำ มีความหมาย ต่อชีวิตของเรา เค้าเป็นคนหลายบุคคลิก ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กะคนรุ่นใหม่

เค้าเป็นผู้นำของ 1ใน 5 ของประชากรโลก


Source://www.altfg.com/Stars/posterg/gandhi.jpg

การต่อต้านที่มีเหตุผล ได้ เราจะยอมเป็นนักโทษ เราจะตั้งสัตย์แด่พระเป็นเจ้าว่า
"เราจะยอมติดคุก และอยู่ในนั้นจนกว่ากฎหมายยกเลิกไป"
ผู้ยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติ ท่านพูดว่า "เราคงจะเสียชีวิตด้วยการโดนลอบสังหาร เมื่อถึงเวลานั้น เราจะยอมรับลูกกระสุนด้วยความกล้าหาญ"
ขณะกล่าวในพระนามของพระเป็นเจ้า และเมื่อนั้นเราคือ มหาตมะคานทีอย่างแท้จริง


Gandhi in South Africa (1895)

เราไม่ได้ปฎิเสธกฎหมาย หรือผู้ตรากฎหมาย เรารู้เรื่องกฎหมายนั้น เรื่องของคนผู้นั้นน้อยม๊ากก แต่พระเป็นเจ้าจะครองใจและเปลี่ยนแปลงมันได้ สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากความประพฤติ อุปนิสัยที่เปลี่ยนไป ของผู้ที่มีความเชื่อมั่นว่า มีพระเจ้าอยู่จริง

มูฮานดาส เค คานที Mohandas Karamchand Gandhi (Gujarati: મોહનદાસ કરમચંદ ગાંધી, IAST: mohandās karamcand gāndhī



เค้าเขียนอัตชีวิตของตน ให้ชื่อหนังสือว่า "ข้าพเจ้าทดลองความจริง วิถีอันยาวไกลในการเปลี่ยนแปลงตนเอง" เริ่มขึ้น ในปี 1869 จากบ้านของชนชั้นกลาง ที่เมืองท่า ทาเมนเดอร์ ที่อินเดีย ในวัยเด็ก ได้ชีวิตมีระเบียบแบบแผน อย่างเคร่งครัดของมารดา ที่ศรัทธาในศาสนา ฮินดู เค้าเป็ฯลูกคนสุดท้องในจำนวนสี่คน แต่งงานอายุ 13 ปี อายุ 17 ปี ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ



Sergeant Major M. K. Gandhi, British Armed Forces South Africa (1906)

ในช่วงนั้น ความใฝ่ฝันสูงสุดของเค้า คือการได้เป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ เค้าจะถือหมวกทรงสูง และถือไม้ตะพดเลี่ยมเงิน เค้าเรียนเต้นรำ หัดสีไวโอลีน และพูดภาษาฝรั่งเศส

แม้ได้รับปริญญาทางกฏหมายมาแล้ว เค้าไม่มั่นใจว่า จะทำงานได้ ดังที่บันทึกไว้ว่า " ความอับจนของปัญญา และความกลัว ดูจะไม่มีวันจบสิ้น"

เค้าจึงไปอินเดีย และเมื่อมีงานทำชิ้นแรก เมื่อต้องว่าความในศาล เค้าไม่สามารถพูดอะไรต่อผู้พิพากษาได้เลย ตัวของเค้าแข็งทื่อไปหมด และก็เสียใจในตัวเองม๊าก ด้วยความอดสูใจ เค้าหาคำตอบในตัวเอง


Gandhi in 1918, at the time of the Kheda and Champaran satyagrahas.

ในที่สุดเค้าได้รับข้อเสนอให้ทำงานที่อาฟริกาใต้ คือจุดเริ่มต้นของ อหิงสา และเค้าพูดว่า "ในประเทศที่ยากไร้ และแห้งแล้งนี้เอง ที่ข้าได้พบกับพระเจ้า"

คานทีได้พบเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง เค้าสำรองตัวที่นั่งชั้นหนึ่งรถไฟ เพื่อเดินทางไปปิโทรเรีย โดยที่เค้าไม่รู้เรื่องคนกีดกันคนผิวสีและคนอินเดีย และเค้าถูกคนขาวไล่เค้าให้ไปนั่งชั้น 3 และคานทีต่อสู้ ในที่สุด คานทีถูกเจ้าหน้าที่ไล่ลงสถานีรถไฟ ปีเตอร์มาลิเบิรก อย่างโหดร้ายม๊าก



Sabarmati Ashram, Gandhi's home in Gujarat

ทำให้คานทีคิดถึงการเปลี่ยนแปลง คิดหาทางเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม เป็นช่วงที่เค้าใช้ความคิดม๊ากที่สุดในชีวิต ตอนแรกเค้าคิดจะกลับอินเดีย แต่เค้าได้ละทิ้งความคิดนี้ไป

เป็ฯการกระทำที่ขี้ขลาด เป็นการยอมรับการกีดกันของเชื้อชาติ แต่จิตใจของเค้าไม่ยอมจำนน เค้าคิดจะตอบโต้ผู้กดขี่แต่ก็ล้มเลิกไป ทางเลือกเดียวของเค้าก็คือ อยู่ต่อเพื่อต่อต้าน

ต่อมาเค้าเริ่มก่อชุมนุม ผู้อพยพชาวอินเดียในอาฟริกาใต้ คานทีอายุเพียง 24 ปี เค้ารู้สึกว่า เป็นลิขิตที่เค้าจะต้องอยู่ต่อไป ต่อสู้เพื่อสิทธิ ประชาชนอินเดีย และคนผิวดำ นี้คือจุดเริ่มต้นของเค้า หมายถึง จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่



ปี 1890 ชาวอาฟริกัน และอินเดีย ตกเป็นเบี้ยล่างของชนชาติผิวขาว ไม่มีกฎหมายมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือเป็ฯเจ้าของทรัพย์สิน หรือแม้แต่เดินบนท้องถนนในยามค่ำคืน ช่วงแรกคานทีอ่อนประสบการณ์ในเกมส์การเมือง เค้าพยายามแก้กฎหมาย แต่ะไม่ทันชนชาติผิวขาว ที่แก้กฎหมายกลับ และกฎหมายใหม่สร้างมาแทนที่อีก

เมื่อเป็นเหยื่อคนผิวขาว คานทีพัฒนาชุมชน รวบรวมคนหลายเชื้อชาติ ศาสนา ที่อยู่รวมกันอย่างเสมอภาค คานทีชิงชังระบบการปกครองของอังกฤษ แต่คานทีกะนับถือ เค้าคือพลเมืองดี ของสหราชอาณาจักร จนกระทั้งปี 1906 เค้ายังร้องเพลงสดุดี ฉลอง The Queen และ สอนให้ลูกๆๆร้องด้วย เค้าจงรักภักดี ช่วยรบสงครามโฮเออร์ สงครามกบฎซูลู เค้าทำหน้าที่บุรุษพยาบาล เค้าตะหนักว่า นี้คือการสังหารหมู่นั้นเอง


Source: //www.americanrhetoric.com/images/moviegandhi4a.JPG

ปี1906 มีกฏหมายใหม่ให้ชาวอินเดียขึ้นทะเบียน และใช้ลายนิ้วมือ หญิงชาวอินเดียต้องเปลื้องผ้าต่อคนผิวขาวเพื่อจดบันทึกแผลเป็น ทำให้ชาวอินเดียกว่า 3000 คน มาร่วมประชุมกัน ที่เมืองโจฮันเนสเบิรก วางแผนการประท้วง คานทีบอกว่า "เราขอถวายสัตย์ต่อพระเป็ฯเจ้า เราจะเข้าคุก เราจะอยู่ในนั้น จนกว่ากฎหมายจะถูกยกเลิกไป"

คำพูดของคานที ทำให้มวลชนขัดขืนคำสั่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผู้ประท้วงภายใต้การนำของคานที ยอมอดทนต่อการทุบตี ยอมรับความเจ็บปวดอย่างขมขื่น โดยไม่ยอมโต้ตอบ
คานทีเข้าใจทันที "เมื่อใดหัวใจของมนุษย์ถูกปิดกั้น คุณไม่อาจเข้าใจเหตุผลนั้นได้ เค้าก็ไม่รับฟัง หากคุณใช้เหตุผล ก็ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ "

คานทีจึงพบการต่อต้าน แบบ "สันติวิธี"
ไม่ยอมแพ้ แต่ไม่ตอบโต้ด้วยการทำอันตรายใดใด

คานทีบัญญัติศัพย์ใหม่ มาจากสันสกฤตที่ว่า สัตยาเคราะ คือ สัจจะ และการแสวงหา มีความหมายเก่าแก่เท่ากับปรัญญามนุษย์

ปี 1913 นายพล ยาน สมั๊ท ประมุขหุ่นเชิดของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ผ่านกฎหมายต่างๆๆ และคานที โจมตีและต่อต้าน คานทีเรียกร้องให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในชุมชนมากขึ้น การโจมตีของคานที มีผู้ปลดปล่อยนับล้าน และคานทีมีเครื่องมือทรงพลังมากขึ้น นายพล สมั๊ท ยอมผ่อนปรน

ปี 1915 คานที กลับอินเดีย เพื่อคัดค้านอังกฤษ 2 ศตวรรษที่ อังกฤษชกชิงปล้นทรัพยกร ของอินเดีย อังกฤษทำให้อินเดียตกต่ำ ชาวอินเดีย 300 ล้านคนก้มหัวให้ชาวอังกฤษซึ่งมีแค่ 100,000 คนเท่านั้น

คานทีกล่าวว่า "คนที่งอมืองอเท้าเหมือนกับหนอน ก็มีแต่รอวันถูกเหยียย้ำ"

"เมื่อใดที่เราจะเรียนรู้การปฏิวัติตัวเอง เราเคยชาชินกับการเรียนรู้ผู้อื่น ด้วยการกำจัดนิสัยพึ่งพาความช่วยเหลือ และให้สินบน ไม่ใช่ละทิ้งความกล้าหาญ เราจะปฎิวัติรัฐบาลไม่ได้ ถ้าเราไม่ปฎิวัติตนเอง"


Source: //www.dkimages.com/discover
/previews/744/151795.JPG

ปี 1919 คานทีประท้วงกฎหมายชุดใหม่ กระตุ้นให้มีการประท้วงระดับชาติ ชาวอินเดีย 2000 คนประท้วงในจตุรัสอามิสเซอร์ ถูกทหารฆ่าตายอย่างทารุณ ประชาชน 370กว่าคนเสียชีวิต บาดเจ็บกว่าอีกพันคน

ภายหลังสังหารหมู่นายพลไดเออร์มีสองทางให้คนอินเดียเลือก คือ นอนราบเหมือนหนอน กะถูกโบยเสียชีวิต

ต่อมานองเลือดอีก ฝ่ายอินเดียเป็นฝ่ายชนะ เป็นการสร้างความเสี่ยงให้เกิดการนองเลือดอีก

คานทีกล่าวว่า "เราต้องไม่ทำกับชาวอังกฤษเหมือนกับที่นายพล ไดเออร์ทำกับเรา เราต้องแสดงให้เห็นว่า พวกเรามีคุณธรรมเหนือความเกลียดชัง "
เค้าไม่ต้องการให้เห็นว่า ชาวอังกฤษเป็นศตรู เค้ากล่าวว่า "คนเหล่านั้นไม่ใช่ศตรูแต่เป็นเพื่อนเรา ได้รับการปลดปล่อย เช่นเดียวกับเราที่ต้องการด้วย "


3 ปีหลังจากนั้น คานทีเปลี่ยนแปลงจาการรักชาติเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
คานทีสวมเสื้อผ้า กินแต่น้อย เหมือนบันดาพวกยากจน ในอินเดีย ผู้หญิงใส่ชุดประจำชาติ ปั่นด้ายเอง เสื้อผ้ายุโรปเผาทิ้ง เพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตัวเอง


Gandhi at Dandi, April 5, 1930, at the end of the Salt March.

ปี 1930 เมื่ออายุ 61 ปี เค้าพูดถึงการต่อต้าน ระบบการจัดเก็บภาษี เกลือ ที่ไม่ยุติธรรมของอังกฤษที่เรียกว่า "ภาษีเกลือ" เป็นเรื่องผิดกฎหมายที่ชาวอินเดียผลิตเกลือเอง ค้าขายเกลือ สงวนไว้ชาวต่างชาติเท่านั้น
คานทีเดินทาง 240ไมล์เพื่อผลิตเกลือด้วยตัวเอง อังกฤษมองศตรูของเค้าเป็นเรื่องน่าขัน 12 พฤษภาคม คานทีออกเดินทางพร้อมผู้ติดตาม 80 คน ท่ามกลางนักข่าวทั่วโลก มาทำข่าวนี้

Mahatma Gandhi's engraving on an Indian currency note of INR 1,000 Rupees
เหตุการณ์นี้กระทบจิตใจคนไปทั่วโลก และเปลี่ยนโฉมหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ ตลอดกาล

คานทีกำเกลือ ขึ้นมากำหนึ่งบอกว่า "ด้วยเกลือนี้ ข้าขอต่อต้านจักรวรรดิ์ อังกฤษ จงมาทวงสิทธิอันชอบธรรม จากผู้ยิ่งใหญ่นี้ด้วยกันเถิด"

คนทั่วประเทศ ผลิดขายเกลือกันอย่างเปิดเผย

ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติในที่สุด ผู้สำเร็จราชการ ลอร์ด เออวิน ยอมปล่อยคานทีและมาเจรจา

ปีถัดมา คานที เดินทางไปประชุมที่ลอนดอน เพื่อร่วมประชุมอนาคตของอินเดีย เค้าเดินทางที่นั่ง ชั้น 3 เค้าอยู่ร่วมกับผู้ยากไร้ และเด็กๆๆร้องถามเค้าว่า คานทีกางเกงของคุณอยู่ใหน ทำให้ได้รับความนิยมมาก คนชื่นชมมาก

เมื่อเข้าเฝ้าking เค้าถูกตำหนิ เพราะเรื่องการห่มขาวที่เค้าเข้าเฝ้า king ตรัสว่า "คานทีแต่งตัวเหมาะสมดีแล้ว สำหรับเราสองคน "


At 10 Downing St., 1931
ปี 1942 คานทีเรียกร้องประกาศเอกราชทันที นั่นคือการต่อสู้หรือยอมตาย ท่านต้องคืนเอกราช แก่อินเดีย คานทีมีอายุ 73 ปี

ปี1945 อังกฤษคืนเอกราชให้อินเดีย เกิดการแบ่งแยกประเทศ คือปากีสถาน เกิดการนองเลือดขึ้น เป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดของ คานที มองดูแผ่นดินเกิดแตกแยกกันเอง


Source: //www.kaliman.com.mx/kalitarjetas/fotos/gandhi.jpg
14 สิงหาคม ปี 1947 ชาวอินเดียฉลองเอกราช คานทีเห็ฯการแบ่งแยกประเทศของอินเดีย คานทีกล่าวว่า "พวกเค้ายินดีกันทำไม ข้าพเจ้าแลเห็นธารโลหิตที่ไหลนองเท่านั้น " ชีวิตคนกว่าครึ่งล้านคนดับสิ้นไป เกิดการปะทะกัน
ชาวฮินดู เดินเท้ากลับอินเดีย ชาวมุสลิมเดินเท้ากลับปากีสถาน ทำกลางความขาดแคลน น้ำ อาหาร คานทีรู้สึกผิดไปด้วย โดยส่วนตัวแล้วเค้าล้มเหลว ที่ผู้คนไม่เชื่อหลัก อหิงสา หรือสันติวิธี
คานทีประท้วงอดอาหาร จนกว่าการนองเลือดจะยุติ จนกว่าจะเป็นพี่น้องกันดังเดิม ผู้คนประท้วงโกรธแค้นมาก บอว่า "คานทีจงไปตายซะ จงลงนรกซะ"


Gandhi's handwriting, on a note preserved at Sabarmati Ashram
วันแรก วันที่ สอง วันที่ สาม วันที่ สี่ คนสนับสนุนคานที เพื่มขึ้นเรื่อยๆๆ คนต่อต้านคานที ลดลง ตะโกนร้องสดุดีคานที และสันติวิธี เกิดขึ้นที่นิวเดลฮี

คานทีเริ่มจารึกเพื่อสันติภาพ ผ่านดินแดนที่มีความเกลียดชัง เค้าเดินจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน ที่เกลียดชัง

ไม่มีชาวอินเดียคนใหน ที่คานทีเดินผ่านหมู่บ้านสู่หมู่บ้านนองเลือด รู้สึกละอาย เค้าละอายใจที่ทำให้คานทีรู้สึกผิดหวัง เค้ารู้สึกภูมิใจที่มีบุคคลผู้หนึ่งที่เค้าเคารพ
"รอบตัวข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากความรุนแรง ชีวิตข้าพเจ้าสูญเปล่าแล้ว"


เค้าเดินทางต่อปราศจากการอารักขา ผ่านสถานการอันตรายต่างๆๆ



Raj Ghat: Gandhi's ashes at Aga Khan Palace (Pune, India).
30 มกราคม ปี 1948 คานที อายุ 78 ปีเดินเข้าสู่ที่ชุมนุม เพื่อสวดมนต์ในสวน เวอริเฮาท์ในกรุงนิวเดลฮี เด็กหนุ่มชาวฮินดูเดินมาเคารพเค้าและยิงใส่คานที 3 นัด
คานทีก่อนสิ้นใจพึมพำว่า "ราม" (พระนามพระเจ้าของฮินดู)



Source //images.vpro.nl/img.db?11229450+s(226)

ท่ามกลางความโศกเศร้าของชาวอินเดีย "บิดาของประเทศเราได้จากไปแล้ว" ได้ดึงอินเดียพ้นจากความบ้าคลั่ง คนนับล้านมาเคารพศพเป็นครั้งสุดท้าย


Source:
//obits.eons.com/obits/tributes/
mahatma_gandhi/2273-1-photo.jpg


































Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 10 มกราคม 2551 18:38:19 น. 12 comments
Counter : 3713 Pageviews.

 
เจิมๆๆๆ
เข้ามาคารวะ..King of อหิสา...


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:06:43 น.  

 
เจิมๆๆๆ
เข้ามาคารวะ..King of อหิสา...




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:06:43 น.


ตอบ ก๊าบบขวัญจายยคนทั่วโลกกกกก


โดย: Bernadette วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:21:11 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:54:41 น.  

 
โดย: หอมกร วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:54:41 น.


ตอบ Happy Wednesday tooooooooooo


โดย: Bernadette วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:07:04 น.  

 
พักหลังๆ มานี่เข้ามาอ่านหาความรู้อย่างเดียว เลยอ่า ไม่รุ้จักซ้าก กะเรื่อง ไอ้จะให้ไปตามหามาดู คงยากแล้ว่ล่ะครับ หนังที่อยากดู ๆ ก็ยังหาไม่คอ่ยจะได้เลย เอาเป็นว่ามาอ่านเพิ่มความรู้กันไปละกันะนะครับ คุณ แบร์ ..

ตอนนี้เป็นข่วงที่ ยุ่งมักมาก ปล่อยให้บล็อก ส่งกลิ่นแล้วล่ะ เริ่มเน่า แล้ว ....

ส่วนบล็อกนี้ รักษาระดับตัวเองไว้ได้ดีมักมาก อัพตลอด เป็นคอหนังตัวจริงเลยอ่า ผมขอยอมแพ้ตรงนี้เลยละกันครับ เยี่ยมจริงๆ เห็นหลายๆ คนเขียนถึงหนังที่ตัวเองอยากดูอยู่ ยิ่งทำให้มีกำลังใจกลับมาเขียนอีกที แต่ก็ไม่มีแรงกดคีย์ บอร์ด เลยล่ะตอนนี้ แต่ก็มีมาเม้มตต์ อยู่เรื่อยๆ ครับ ..


โดย: haro_haro วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:57:49 น.  

 
มายุให้เขียนอ่า

มะช่ายยยอารายย หนังที่ Haro_Haro เขียนหาง่ายดี

เพื่อฟามบันเทิง มีทางเลือกเยอะ

ขืนดูแต่หนังแนววตัวเอง อ่า มะหวายยอ่า

Mr.cozy กะยุ่ง ช่วยเพื่อนเค้า หา.....เสียงอ่า


โดย: Bernadette วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:36:26 น.  

 


ฮีโร่ ผมเลยครับ


โดย: I.Brother วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:57:20 น.  

 
ฮีโร่ ผมเลยครับ



โดย: I.Brother วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:57:20 น.


ตอบ โอ๊ววววววววววววววว ยินดีด้วยยค่ะ


โดย: Bernadette วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:46:07 น.  

 
ก่อนเสียชีวิต คานธี ร้องว่า "เห...ราม" น่ะครับ

อันนี้เอาอีกด้านมาคุยให้ฟังนะ

แบร์รุ้ไหมว่าคานธีถูกโจมตีจากกลุ่มหัวเสรีนิยมบางพวกเหมือนกันเพราะในแง่มุมของฮินดูแล้ว กดขี่สิทธิสตรีพอสมควร - เขาไม่คัดค้านประเพณีสตีด้วย (ที่แม่หม้ายต้องโดดเข้ากองไฟตามสามี)

ผมได้ดูหนังเรื่อง Gandhi my father พูดถึงเขากับลูกที่ขัดแย้งกันจนถึงขั้นลูกชายเขาไปเข้าเป็นมุสลิมเลยล่ะ

แต่ว่าสิ่งดีๆที่ท่านทำไว้กับโลกนี้ก็มากมายนะฮะ แบร์


โดย: mr.cozy วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:50:44 น.  

 
ช่วงนี้เริ่มว่างแล้ว พอมีเวลาเข้ามาอ่านของเพื่อนๆ

ถูกจายหน้านี้น่ะ คานธีนี่ก็ฮีโร่ของเราเหมือนกัน .....



โดย: Michiru วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:43:45 น.  

 
ก่อนเสียชีวิต คานธี ร้องว่า "เห...ราม" น่ะครับ

อันนี้เอาอีกด้านมาคุยให้ฟังนะ

แบร์รุ้ไหมว่าคานธีถูกโจมตีจากกลุ่มหัวเสรีนิยมบางพวกเหมือนกันเพราะในแง่มุมของฮินดูแล้ว กดขี่สิทธิสตรีพอสมควร - เขาไม่คัดค้านประเพณีสตีด้วย (ที่แม่หม้ายต้องโดดเข้ากองไฟตามสามี)

ผมได้ดูหนังเรื่อง Gandhi my father พูดถึงเขากับลูกที่ขัดแย้งกันจนถึงขั้นลูกชายเขาไปเข้าเป็นมุสลิมเลยล่ะ

แต่ว่าสิ่งดีๆที่ท่านทำไว้กับโลกนี้ก็มากมายนะฮะ แบร์



โดย: mr.cozy วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:50:44 น.

ตอบ ขอบพระคุณที่เสริมก๊าบบบบบ

ลูกของคานที ติดเหล้ากันหมกเลยอะ คือสิ่งที่คานทีเสียใจม๊ากกเราไม่อยากเขียน อ่า

และก็เรื่องความรุนแรงที่ขัดแย้งกันเรื่องแบ่งแยกประเทศจนถึงปัจจุบันตรงนี้เรากะมะอยากเขียนเหมือนกาลลล

ถูกต้องก๊าบบบ ท่านคานที ท่าน ช่วยในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกะผู้หญิงของชาวฮินดู เยอะเลยก๊าบบบ


โดย: Bernadette วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:56:51 น.  

 
ช่วงนี้เริ่มว่างแล้ว พอมีเวลาเข้ามาอ่านของเพื่อนๆ

ถูกจายหน้านี้น่ะ คานธีนี่ก็ฮีโร่ของเราเหมือนกัน .....





โดย: Michiru วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:43:45 น.


ตอบ ฮีโร่ ของครายยหลายหลายคนเจงเจงด้วยยยยยย ยินดีด้วยก๊าบบบบ


โดย: Bernadette วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:57:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.