เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือเรื่องเล่าหลายๆเรื่อง..เมื่อเวลาผ่านไป
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
30 กันยายน 2554

สารพัดโรค -_-"

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ว่างที่สุดในรอบสองเดือน

ตอนเช้าไปงานออกบู๊ทศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปดูความเรียบร้อยของระบบใหม่

อยู่ในงานประมาณสองชั่วโมงก็เดินทางกลับ โทรบอกหัวหน้าว่าไม่เข้าออฟฟิตแล้ว ขอไปพักผ่อนที่ห้อง



วันนี้ไม่ค่อยสบาย...ได้โรคใหม่มาอีกแล้ว



เมื่อวานตอนเซ็ตระบบอยู่ที่บู๊ท

ปวดท้องเหมือนปวดฉี่ตลอดเวลา พอปวดแล้วจะทนไม่ไหวต้องรีบไปห้องน้ำทันที

แต่พอไปห้องน้ำก็ฉี่ออกมานิดเดียว แล้วก็ไม่หายปวด เป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก วิ่งเข้าห้องน้ำทั้งวัน

แถมตอนฉี่แต่ละครั้งรู้สึกปวดที่ท้องมากตอนใกล้เสร็จ

จะไปห้องน้ำแต่ละครั้งก็ต้องทำใจว่าจะต้องปวดในท้อง


หกโมงเย็นทนไม่ไหว โทรบอกเป้ว่าจะไปหาหมอ เป้เลยขอไปเป็นเพื่อน

เรานั่งรถไฟใต้ดินกันไปหาหมอพี่โรงพยาบาลพระรามเก้า




ก่อนเข้าตรวจต้องไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก วัดไข้กับคุณพยาบาลก่อน

พอนั่งลงก็ยื่นแขนไปในเครื่องวัดความดัน มืออีกข้างก็รับปรอทจากมือพยาบาลมาอมไว้ใต้ลิ้น

อมปรอทแต่ละทีก็รู้สึกเหมือนปากมันยื่นๆ หุบลำบาก

นั่งรอไปเรื่อยๆให้ปรอทดังติ๊ดๆ ๆ

นึกในใจ...เมื่อไหร่จะดังน้อ อยากไปจากที่นี่เร็วๆ



เก๋เป็นคนกลัวการมาโรงพยาบาลมาก เข้ามาทุกทีมือจะเย็น เป้ชอบแซวเวลามาโรงพยาบาล...แต่ก็ไม่ทราบหรอกว่ากลัวอะไร รู้แต่อยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ




ในระหว่างการอมปรอทช่วงท้ายๆ คะเนไว้ว่าอีกแป๊บมันจะดังติ๊ดๆแระ

พยาบาลอีกคนก็เดินเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวต้องไปตรวจปัสสาวะนะคะ ไม่มีประจำเดือนใช่มั้ยคะ

รีบอ้าปากตอบทันที...."มีประจำเดือนอยู่ค่ะ"

"ถ้ามีก็คงตรวจไม่ได้นะคะ งั้นเดี๋ยวให้พบคุณหมอก่อน"

ขณะที่อ้าปากตอบคุณพยาบาลไปว่า "ได้ค่ะ" ปรอทมันก็ดันดัง ติ๊ดๆๆๆ ขึ้นมา

เลยส่งปรอทไปให้คุณพยาบาลคนที่ยืนตรวจอยู่


คุณพยาบาลรับไปแล้วหันไปฉีกถุงปรอทออกมาอีกอัน


ง่ะ....มองหน้าพยาบาลทำตาละห้อย ต้องอมอีกอันเหรอ


"เดี๋ยวรบกวนอมไว้ใต้ลิ้น ห้ามอ้าปากหรือพูดนะคะ"

(("เอ้า...ก็คนโน้นถามง่ะ )) ชี้ด้วยสายตา ไม่กล้าอ้าปากกลัวโดนดุอีก

แล้วก็นั่งมองคนที่ถามอย่างระแวง.... อย่ามาชวนเค้าคุยอีกนะ




หลังจากนั้นก็ไปพบคุณหมอ คุณหมอผู้ชายผมขาวนิดๆดูใจดี

คุณหมอให้นอนแล้วก็เปิดพุง

คุณหมอทำหน้าแปลกๆตอนเปิดพุง ชักระแวง เอ๊ะ..สงสัยพุงเราใหญ่ไป หรือว่าเห็นหัวเข็มขัด หรือเห็นขอบกกน. คิดไปต่างๆนาๆ



คุณหมอเอามือมากดๆ ถามว่าเจ็บมั้ย เจ็บตรงไหน ...ก็ตอบไป

แล้วคุณหมอเอามือวางทาบตรงข้างเอวของเก๋...ใช้มืออีกข้างตอกไปที่มือข้างที่วางทาบอยู่อย่างแรง

ตึ่ง!!! รู้สึกสะเทือนไปทั่วท้อง แต่ไม่เจ็บแฮะ

ตึ่ง!!! คุณหมอทุบอีกข้าง สรุปว่าไม่เจ็บทั้งสองข้าง

สงสัยไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงเห็นคุณหมอบอกว่าโอเค แสดงว่าการไม่เจ็บจากการต่อยเป็นนิมิตหมายอันดี

เลยมานั่งให้คุณหมอซักต่อ ในระหว่างนั้นมือยังไม่หายเย็น ปล่อยนู๋ไปปปปป

หลังจากที่คุยกับคุณหมอเลยได้ข้อสังเกตุว่านี่เป็นการปวดครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ปวดแล้วก็ทนจนหายไปเอง


สองครั้งที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ยุ่งสุดขีด

ยิ่งครั้งหลังสุดทำงานถึงสี่ทุ่ม ช่วงบ่ายไม่ได้ดื่มน้ำ แถมไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยซักครั้ง

จากที่ปกติเป็นคนดื่มน้ำแล้วก็เข้าห้องน้ำบ่อย สงสัยระบบรวน

คุณหมอเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และปลอบใจด้วยการบอกว่า สาวออฟฟิตเป็นโรคนี้กันเยอะ พยายามหาเพื่อนให้..จะได้ไม่ตกใจว่าเราเป็นอยู่คนเดียว




สรุปว่าได้ยามาทาน




...ระหว่างนั่งรอรับยา




... "พี่ๆ ตาพี่แดงเยอะนะ ไปหาหมอตามั้ย" เป้ทักขึ้นมา



เฮ่อ...ไหนๆก็มาแระ ไปหาหมอตาซะก็ดี จะได้ไม่ต้องมาอีกรอบ แดงๆหายๆอยู่เป็นเดือนแระ



พอรับยาโรคใหม่เสร็จก็เดินไปเวชระเบียน ขอพบคุณหมอตา วนกลับไปสู่ขั้นตอนเดิมอีกรอบ


หลังจากส่องกล้องเสร็จ คุณหมอตาก็พลิกแฟ้มประวัติดู เพราะมาหาหมอตาที่นี่ แทบจะทุกครั้งที่ตาอักเสบ



คุณหมออธิบายคล้ายๆเดิม วาดรูปลูกกะตาให้ดูแล้วชี้จุดที่เป็นต้อลมให้ดู

เหมือนกับที่คุณหมอท่านอื่นๆวาดให้ดูในแต่ละรอบ


แต่ทำไมรอบนี้มีวาดลูกกะตาสองอัน

คุณหมอบอกว่าตาข้างขวาก็เป็นต้อลมง่า


เคยปวดแต่ข้างซ้าย..ทำไมรอบนี้มีเพิ่มเป็นด้านขวา พัฒนาขึ้นแล้วเรา



ทุกๆครั้งที่มาคุณหมอจะให้ยาหยอดตารักษาอาการ บางทีถ้าตาอักเสบเยอะก็จะได้ยาป้ายแล้วก็ยาทานด้วย



ตาเก๋เป็นต้อลมมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แล้วก็จะเซ้นซิทิฟกับแอร์ ลม แล้วก็แดดมาก

เมื่อไหร่ที่อยู่ในแอร์ที่เย็นจัด หรือแอร์รถที่ส่วนใหญ่ระดับจะเป่าตาทำให้ตาแห้งได้ง่าย ตาก็จะแดงขึ้นมา

ไปหาหมอตาตั้งแต่วัยรุ่นจนชินกับอาการที่ตาแดงๆหายๆ

บางทีก็จะซื้อยามาหยอดเอง แต่ถ้ารอบไหนไม่ไหวก็ต้องไปจบที่คุณหมอ

ช่วงไหนที่ใช้สายตาเยอะตาก็จะอักเสบบ่อยมาก สาเหตุของปัญหาหลักๆคือเก๋ทำงานกับคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา เป็นอะไรที่ทำร้ายตาที่ป่วยอยู่ตลอด

เคยคิดเหมือนกันว่าหรือเราจะไปทำไร่ทำสวน จะได้ยืดอายุการใช้งานของตาไปอีกหน่อย



ที่หนักกว่านั้น....สิ่งที่ทรมานที่สุดหลังจากปวดตาคือ อาการปวดหัวที่ตามมา


ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณสองหรือสามปี เก๋ได้เจอกับอาการปวดไมเกรนเป็นครั้งแรก

เมื่อมีอาการปวดไมเกรน จะปวดหัวตุบๆ เคลื่อนไหวก็ยิ่งปวดหนักไปอีก เหมือนปวดตามจังหวะการเต้นของชีพจร

ทรมานที่สุดเท่าที่เคยเจอมา และคิดทุกครั้งที่ปวดว่าสงสัยเราเคยทำกรรมอะไรซักอย่างไว้ การสำนึกกรรมเป็นแบบนี้นี่เอง


เวลาที่ปวดมากๆก็จะเอาผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำแล้วก็โปะไว้ที่หน้าตรงข้างที่ปวดแล้วก็ต้องรีบหายาทานหรือพักทันที

บางทีก็อาเจียน..

แล้วก็แย่ตรงที่เป็นคนที่อาเจียนแล้วจะหยุดเองไม่ได้ ทานยาก็ไม่หาย... ทุกครั้งต้องไปหาหมอเพื่อให้ฉีดยาหยุดอาการ



เคยมีอาการปวดไมเกรนหลายวันติดกัน จนถึงขั้นตื่นเช้ามามึนหัวเดินไม่ได้ ต้องนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง


สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่การปฏิบัติตัว ต้องดูแลตัวเองสุดๆ

ไม่นอนดึก ทุกวันนี้นอนแค่ประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน

คืนไหนเหนื่อยหน่อยก็จะหลับตั้งแต่สี่ทุ่มกว่าๆ


อาการปวดตากับปวดไมเกรนจะเหมือนเป็นพี่น้องกัน เวลาที่ตาอักเสบต่อเนื่องหลายวันก็จะเริ่มมีอาการกระบอกตาและปวดหัว


มองกระจกแต่ละครั้งก็จะสงสารตา เพราะมันเหมือนจะง่วงๆเหนื่อยๆ รู้เลยว่ามันอ่อนแรง

เพราะเก๋ใช้ตาไปกับการทำงาน กับคอมพิวเตอร์

มันเป็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกัน เพราะทำงานเลยปวดตา พอปวดตาเลยกระตุ้นให้ปวดหัว


แต่เก๋ก็ไม่สามารถที่จะหยุดคอมพิวเตอร์ได้ เพราะมันเป็นอุปกรณ์หลักในการทำงานแล้วมันก็เป็นสาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพ


ในเมื่อยังเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้เมื่อจำเป็นที่สุด งดใช้สายตาเมื่อไม่ได้ทำงาน



วันนี้ได้โรคใหม่มาเพิ่มเลยรู้สึกว่าเป็นการเตือนที่ดี

เพราะบางทีเราทำงานจนลืมตัว ลืมเวลา และลืมปฏิบัติภารกิจของร่างกายอย่างที่เคยปฏิบัติ อย่างเช่นการดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ

เก๋ว่าน้อยคนที่จะไม่มีปัญหาสุขภาพ บางคนเป็นมากบางคนเป็นน้อย

เก๋ยังโชคดี..เป็นแค่นี้เอง


การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

แต่การมีโรคก็เป็นลาภอันประเสริฐเหมือนกัน..

เพราะจะช่วยเตือนให้เราเห็นความสำคัญของการรักษาสุขภาพ

แต่ดีที่สุดก็คือการดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ

ดีกว่าที่จะต้องมารักษากันทีหลัง
.
.
.

จะว่าไปก็ขี้โรคเหมือนกันนะเรา




 

Create Date : 30 กันยายน 2554
5 comments
Last Update : 30 กันยายน 2554 23:29:17 น.
Counter : 1012 Pageviews.

 

คุณเก๋ ดื่มน้ำมากๆๆนะคะ คราวหลังถ้าป็นอีกแล้วไปหาหมอไม่ทันให้ดื่มน้ำมากๆๆค่ะ ย้ำ มากๆๆ อาการจะดีขึ้น ขอให้หายไวๆๆนะคะ

 

โดย: ม่านสายไหม IP: 110.77.138.51 30 กันยายน 2554 23:59:22 น.  

 

เห็นคุณไหมที่บล็อกพี่มดแว้บๆ ยังไม่ค่อยได้คุยกัน
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะคะ เก๋จะพยายามดื่มน้ำให้มากๆ อย่างที่คุณไหมบอก จะได้หายไวๆค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :)

 

โดย: sea_story 1 ตุลาคม 2554 15:02:28 น.  

 

เก๋ ทำตามพี่ไหมบอก จะดีมาก

พี่ก็ไม่ชอบโรงพยาบาลเหมือนกัน ไปทีไรขั้นตอนแรกวัดความดันขึ้นตล๊อด ตื่นเต้น กลัว

แต่สุดท้ายก็มีโอกาสได้นอนโรงพยาบาลจนได้

ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ

 

โดย: พี่อ้วน_LEO 1 ตุลาคม 2554 20:26:17 น.  

 

ขอบคุณค่ะพี่อ้วน...วันนี้เก๋พกน้ำไปจิบตอนไปทำงานทั้งวันเลยค่ะ แล้วก็วิ่งฉี่ทั้งวันเหมือนกัน

ดูเหมือนอาการปวดจะน้อยลงบ้างแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณพี่อ้วนและคุณไหมค่ะ

 

โดย: sea_story 1 ตุลาคม 2554 21:37:04 น.  

 

 

โดย: witch@thedog 2 ตุลาคม 2554 9:27:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sea_story
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางที่จะเดินได้

ถ้าเชื่อมั่นว่ากำลังทำสิ่งดี

..ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี

คิด..พูด..ทำ.. ในสิ่งที่เชื่อว่าดีที่สุด

แล้วทุกอย่างจะดีเอง
[Add sea_story's blog to your web]