|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
O มหาภารตะยุทธ .. บทที่ ๑ .. O

เพลง .. มหาภารตะ
+++++++++++++++++++++++++++++++
เกริ่นนำ .. มหากาพย์ภารตยุทธ .. นี้เป็นวรรณกรรมยิ่งใหญ่หนึ่งในสองของอินเดียมาแต่โบราณ .. หนึ่งนั้นคือรามายณะ...หรือ รามเกียรติ์ อันแพร่หลายขจรขจายไปทั่วเอเชียอาคเนย์ และหนึ่งคือ มหาภารตยุทธ ที่จะเป็นเอกเฉพาะในดินแดนชมพูทวีปเองเท่านั้น
ทั้งสองเรื่อง..รจนาขึ้นหลังการบุกเข้ามาสู่ชมพูทวีปของชนชาติอารยันจากแถบเอเชียกลางแถวทะเลสาปแคสเปี้ยน ที่เรียกกันว่า เอเชียไมเนอร์
ชนกลุ่มนี้มีลักษณาการเช่นเดียวกับฝรั่ง..คือผิวขาว จมูกโด่ง ตาโตมีขอบตาสองชั้น ดวงตาสีฟ้า-เขียว..เส้นผมแดง น้ำตาล ทอง เป็นโครงสร้างร่างกายของพวก..คอเคซอยด์....นั่นเอง
ขณะที่อพยพลงมาจากถิ่นเดิมนั้น...มุ่งลงมาที่ดินแดนรอบอ่าวเปอร์เซียก่อนเป็นลำดับแรก...และลงหลักปักฐานที่นั่นส่วนหนึ่งคือชนชาติอิหร่านในปัจจุบัน...
ส่วนที่เหลือก็อพยพข้ามเทือกเขาต่อมาผ่านดินแดนกัษมีระ หรือ ที่เรียกว่า แคชเมียร์ ในปัจจุบันลงมาสู่ริมเทือกเขาหิมาลัย..แล้วค่อยๆขยายขอบเขตลงมาสู่..ลุ่มน้ำคงคาและลงหลักปักฐานในอินเดียตอนบนในที่สุด
การอพยพนี้กินเวลายาวนาน...เป็นหลายร้อยปี...ด้วยความเป็นชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์...จึงขยายตัวกินแดนเรื่อยมา ขณะที่ชมพูทวีปตอนนั้น..ชนพื้นเมืองเดิมที่มีอาชีพทำเกษตรกรรม ได้ยึดครองอยู่ก่อนแล้ว...เรียกว่าพวก มิลักขะ มีรูปลักษณ์เดียวกับ ชาวอินเดียตอนล่างในปัจจุบัน คือผิวดำ ตัวเล็ก คล้ายๆแขกขายโรตี ตามบ้านเรา ซึ่งชนกลุ่มนี้ อพยพมาจากแอฟริกาอีกต่อหนึ่งเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
ช่วงเวลาของเรื่องราว..การอพยพนี้ ผู้เขียนประเมินเอาจากอายุพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางเมื่อสมัยพุทธกาลนั้น..เรานับเนื่องขึ้นไปได้ถึงประมาณ2600 ปี จากสมัยปัจจุบัน สมัยนั้นคัมภีร์พระเวทของชาวอารยันแพร่หลาย มีพัฒนาการกันถึงขั้น..โต้อภิปรัชญา..กันแล้ว ช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่พราหมณ์เริ่มปฏิรูปคำสอนกันขนานใหญ่...เนื่องจากการเกิดขึ้นของศาสนาใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็น พุทธ ไชนะ ฯลฯ...เป็นคู่แข่งขันดึงศรัทธาคน
แปลว่า..การลงหลักปักฐาน..การกำเนิดแนวคิดปรัชญาต่างๆนั้นสืบทอดมาอย่างยาวนาน..หยั่งรากลึกจนมั่นคงแล้วในจิตใจคนเมื่อมาถึงยุคพุทธกาล
แปลว่า...การอพยพใหญ่ครั้งนั้นควรต้องมีมาไม่ต่ำกว่า 1,000-1,500 ปีแล้วก่อนพุทธกาลเมื่อรวมกับอายุพุทธศาสนา การอพยพใหญ่ครั้งนั้นน่าจะอยู่ที่ เมื่อ 4,000 - 4,300 ปีที่แล้วนับจากปัจจุบันย้อนกลับขึ้นไปช่วงเวลานี้คงมีความใกล้เคียงกับอายุของศาสนา โซโรแอสเตอร์ในอิหร่าน
แปลว่า อารยัน มีเทพเจ้าสำหรับการบวงสรวง...รวมทั้งการบูชาไฟเป็นของตนเองมาก่อนนับนานแล้ว...ไปไหนก็เอาไปด้วย....เมื่อมาอยู่ชมพูทวีปก็เอามาด้วยทั้ง พระอิศวร ทั้ง ลัทธิบูชาไฟ และเป็นกลุ่มที่มีพัฒนาการทางด้านปรัชญาเหนือกว่ากลุ่มแรกที่ปักหลักที่อิหร่าน...
ผู้เขียนเองเข้าใจว่านักปราชญ์ผู้รู้จะอยู่ในกลุ่มที่เดินทางเลยเถิดมาถึงชมพูทวีปเป็นส่วนใหญ่กลุ่มก้อนในอิหร่านจึงไม่อาจให้กำเนิดปรัชญา ศาสนาอะไรได้มากนัก....ที่รู้จักก็มีเพียง โซโรแอสเตอร์ เท่านั้น ซึ่งผิดกับกลุ่มที่ปักหลักในอินเดียตอนเหนือที่ให้กำเนิดปรัชญา ศาสนา ลัทธิ ต่างๆมากมาย
การปฏิรูปหลักคำสอนนี้กินเวลาเป็นพันปี...เริ่มก่อนพุทธกาล..และสิ้นสุดหลังพุทธกาล..เรียกยุคนี้ของพราหมณ์ หรือ ฮินดู ปัจจุบันว่ายุคอุปนิษัท....ซึ่งก่อนยุคปฏิรูปนี้...มีกฎเกณฑ์บางข้อตราไว้ถึงขนาดว่า...."ศูทรผู้ใดแอบฟังพราหมณ์สาธยายพระเวทในเทวาลัย...โทษของมันผู้นั้นคือ...เอาตะกั่วหลอมไฟกรอกหู"...อันสะท้อนถึงการแบ่งแยกวรรณะอย่างรุนแรงในยุคสมัยนั้น
รามายณะ หรือ รามเกียรติ์ พูดถึงสงครามระหว่าง มนุษย์ ลิง เทวดา ยักษ์แปรพักตร์ นั้นฝ่ายหนึ่ง กับ ยักษ์..อีกฝ่ายหนึ่ง....ซึ่งแปลความได้ว่า...
มนุษย์...คือเผ่าพันธุ์อารยัน หรือ ตัวแทนแห่งความดีงามนั่นเอง
ลิง...คือ ชนพื้นเมืองที่ยอมรับอำนาจของอารยัน ที่มาใหม่ให้เป็นใหญ่ในดินแดนที่ตนอยู่มาก่อน
เทวดา...คือ ผู้ช่วยเหลืออารยัน เป็นผู้สนับสนุนค้ำจุนเป็นกำลังใจ
ยักษ์...คือ ชนพื้นเมืองเดิม คือ พวก มิลักขะ ที่ต่อสู้กับการถูกรุกราน จนต้องร่นถอยลงใต้ เหมือน อินเดียนแดงใน อเมริกา เป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย
เป็นการบอกโลก..ผ่านวรรณกรรมว่า...การรุกรานดินแดนมิลักขะของอารยันนั้นชอบธรรม
มหาภารตะยุทธ... เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลัง...รามายณะ เป็นเหตุการณ์เมื่ออารยันลงหลักปักฐานสร้างบ้านแปงเมืองมั่นคงแล้ว มีนครรัฐต่างๆ...มีเจ้าผู้ครองนครเป็นอิสระบ้างขึ้นกับนครใหญ่บ้าง...มีนักปราชญ์...มีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจน...มีหลักการเชิงเหตุผลเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตของผู้คนแล้ว...
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็น ภายในสังคมอารยันด้วยกันเองทั้งสิ้นเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กันก็ย่อมมีความขัดแย้งกันเป็นธรรมดาจึงเป็นที่มาของสงครามของพวกเผ่าเดียวกัน...
ฤษีวยาส เห็นเหตุการณ์ฆ่าฟันกันของชนเผ่าเดียวกันก็รู้สึกสลดใจ จึงมีแรงบันดาลใจรจนาเรื่องการยุทธในระหว่างสายเลือดเดียวกันขึ้นมา...โดยมีตัวแทนของฝ่ายดีงามคือ ปาณฑพ และฝ่ายชั่วร้ายคือ เการพ....ทำสงครามกัน
ศึกสายเลือด..ว่างั้นเถอะ
เมื่อแปลความต่อไปอีกชั้น..ก็คือการต่อสู้กันของสำนึกฝ่ายดี และฝ่ายชั่วของจิตใจภายในคนคนหนึ่งนั่นเอง...จิตใจที่มีร่างเดียวกันนั่นแหละที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คือความหมายของสายเลือดเดียวกันของปาณฑพและเการพ
โดยที่หัวใจของเรื่องคือบทตอนที่ พระกฤษณะที่ทำหน้าที่สารถีให้กับท่านอรชุน ได้พูดเตือนสติท่านอรชุนไม่ให้รู้สึกท้อแท้ เราเรียกบทนี้ว่า บทเพลงแห่งองค์ภควัน หรือ ภควัตคีตา อันเป็นแนวคิดหลักของศาสนาฮินดู หรือ พราหมณ์ เลยทีเดียว
ชนชาติอารยันส่วนหนึ่งได้อพยพไปทางยุโรปเหนือ ที่เป็นดินแดนเยอรมันในปัจจุบัน....ซึ่งชื่อเผ่าพันธุ์อารยันนี้ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ เคยเอามาเชิดชูสำหรับเป็นเครื่องมือทำลายล้างชนชาติยิวจนตกตายกว่า 6 ล้านคนมาแล้ว ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
= ปณามคาถา = สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ 000110101112 - - - 00102 - - - 13 1=ลหุ นอกนั้นครุ เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ
O กราบองค์พุทธจิตะน้อมประนอมธรรมะประสาร อรรถาคณาจารย์ - - - ผจง
O ค้อมเศียรนบมรคาประดาอริยะสงฆ์ ฝึกจิตะปลิดปลง - - - ละปอง
O น้อมเศียรนอบบุพการิอาศัยะประคอง ขันธ์จิตสถิต-รอง - - - ชิวา
O น้อมเศียรนอบคุณะครูเพาะรู้วิทยะพา- ศิษย์ช่วยอำนวยสา- - - - ระเสริม
O นอบน้อมต่อนยะเธียระเพียรลิขิตะเติม ห่อนว่าจะพาเหิม - - - ฤดี
O นอบน้อมต่อกวิภาษวยาสบุพะฤษี จารบทภรตนี้ - - - ประทาน
O โอมอัญเชิญพิคเณศวิเศษะอุปการ ศาสตร์ศิลป์ระบิลจาร - - - ผจง
O ร่วมรับรู้กวิชาติประกาศสุขุมะมง- คลคันถะยรรยง - - - สยาย
O เพื่อโลกธาตุจะประสงค์ณรงค์ทุขะอบาย โทษร้อนจะผ่อนคลาย - - - ระคาง
O คาบนี้ข้าวรบาทประกาศสุภะพยางค์ พากย์กรองสนองทาง - - - กระทำ
O ขอคุณเทพอุปการประทานพิริยะสัม- ผัสใจไสวทำ- - - - นุเทอญ
= อารัมภบท = วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ 00101110 - - - 110102 00101112 - - - 110103
๑ แต่กาละผ่านสหัสะวรรษ ปริวรรตะเวียนวน ปวงอารยันรณะผจญ- หัตะเสี้ยนสลายสูญ
๒ เพิกพังพลังอริริปู ธิระผู้ก็เพิ่มพูน รวมชาติญาติกุละประยูร อนุสนธิร่วมสาย
๓ ไตรเภทวิเศษะอุปการ บริบาละรำบาย- แก่นธรรมะนำสัทะสยาย ทะนุหมายประเทืองใจ
๔ ผองพราหมณ์ประณามบทะพระเวท บริเฉทะอวยไชย บูชาคุณาทิพะ ณ ใน- หฤทัยะทั่วถึง
๕ คือพราหมณ์ ณ ยามระบุระบิล ทะนุจินตะเหนี่ยวดึง หมู่ชนระคนภพะคะนึง จะลุซึ้งและรับรอง
๖ คือเภทพิเศษะพิสดาร ภพะจาระจับจอง คั่นคาเพราะอาชิวะคระลอง ชนะผองนะต่างพันธุ์
๗ เผ่าเพศเศวตวรรณะประไพ พิศะใครก็งามครัน สูงใหญ่สมัยรณะประจัญ อรินั้น ฤ ต้านไหว
๘ พลพรรคมิลักขะเพราะประยุทธ ชิวะหลุดและบรรลัย กล่าวเรื่อง ณ เบื้องอุบัติไท้- ทิพะในพิมานบน
๙ คือเทพะเมื่ออธิษฐาน อวตาระเพื่อรณ- ด้วยราพณ์กำราบประทุษะฉล ทุพพละล้างผลาญ
๑๐ คือรามะเบื้องปฐมะคาบ ชิวะราพณะล่มลาญ ปักแดนและแคว้นระบุสถาน มติขานและครอบครอง
O พงศาก็อารยะสกุล มติหนุนและรับรอง เผ่าพรรคมิลักข์ผิวะจะพ้อง- ภวะต้องกะตฤณตม
O ตราบกาละผ่านอริยะชาติ- วิปลาสะปรารมณ์ จับยึดประพฤติขจิตะสม- มุติข่มคละพรหมจรรย์
O บุญบาป ณ คาบวิบัติหมาย อธิบายะเพื่อบรร- เลงลิ้นและจินตะธิระสัน- ทนะการะแซ่เสียง
O ชั่วดีพจีระบุระบัด อวิภัชะภาษเพียง- คลี่คลายสยายนยะเผดียง เฉพาะเคียงจะกล่าวขาน
O ชั่วดีฤดีสถิตะรส ตละบทะเพื่อบาล- เจตตนระคนสุขะสมาน วิญญาณะยินยอม
O เฟื้องฟุ้งจรุงทิฐิวิภาษ ธิระชาติรอมชอม จึงมีฤษีจิตะประนอม ทิฐิพร้อมประพันธ์คำ
O สืบสอนสะท้อนอริยะสัจจ์ ภวะวัฏฏะวงกรรม หมายนัยและใจชนะจะสัม- ผัสะทำนุศรัทธา
O พากย์วาทะภารตะระบัด ภควัตะคีตา ชอบดีก็ชี้อรรถะกถา อุปการะใจชน
O บทเพลงประเลงนยะประยุทธ ก็ประดุจะบันดล ราวเรื่อง ณ เบื้องรณะผจญ สัตะ-ฉละในตัว
O บทพากยะหากพิเคราะหะความ สิริ-ทรามนะพันพัว คลุม..เคลื่อนเสมือน..ภวะสลัว- รุจิกลั้ว..ประลองกล
O อวยศัพท์สำหรับจะตริจะตรอง สัตะผองประชุมพล อวยให้หทัยะอนุสน- ธิพิมละมุ่งหมาย
O อวยคำเพราะคัมภิระประดิษฐ์ นิรมิตะบรรยาย เพื่อฉันท์จะปันรสะสยาย นยะหมายจะยิ่งมี
= บทที่๑...ความริษยาระหว่างราชวงศ์เการพและปาณฑพ = อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ 00100 - - - 110102 00102 - - - 110103
O ชมพูทวีปผ่าน - - - ระยะกาละนานมี องค์ราชะภูมี - - - ทุษยันตะจันทรวงศ์
O ชายาสง่างาม - - - ดุจะหยามทิพาองค์ เนื่องนามะโฉมยง- - - - คะ"ศกุนตลา"ศรี
O สององคะทรงเมือง - - - ทุขะเปลื้องเพราะปรานี โอรส"ภรต"มี - - - ปุระที่จะครอบครอง
O เมื่อสู่สวรรคา- - - - ลัยะวาระครรลอง ร่มฉัตระรัฐผอง - - - ประลุพ้องกะหัตถา
O ชื่นชมภิรมย์ใน - - - ฉัตระชัยะเดชา- อำนาจและอาชญา - - - คุณะค่าก็ขับขาน
O ครองแดนและแผ่นดิน - - - ระยะสินธุสายธาร กว้างใหญ่และไพศาล - - - ปริมาณะมากมาย
O พาชาติราษฎร์รัฐ - - - บริพัตระกำจาย โอรส"ภรต"สาย - - - "หัสดิน"กษัตรา
O ร่มฉัตระ"หัสดิน - - - ปุระ"ถิ่นสมัญญา โอรสะบทบา- - - - รมิวาทะกล่าวขวัญ
O รูปนามะงามชาติ - - - "กุรุ"ราชะคู่บัล- ลังก์เมืองและเนื่องสัน- - - - ตติวงศะตรงมา
O โอรสะนาม"ศาน- - - - ดนุ"หาญะเดชา ครองขันธสีมา - - - กรุณาประชากร
O วงศาคณา"เกา- - - - รพะ"เถาก็สืบตอน เคียงคู่พระภูธร - - - ก็สมระโฉมฟ้า
O ถ้วนดินและถิ่นแดน - - - ฤจะแม้นพระชายา ทรงโฉมประโลมตา - - - ระบุวาทะสรรเสริญ
O ครั้นกาละผ่านคล้อย - - - จิตะพลอยละเพลิดเพลิน ทางธรรมะจำเริญ - - - ดุจะเชิญเหยาะย่างชม
O อำลาสวามี - - - จรลีเพราะปรารมภ์- ครองบทะพรตพรหม- - - - จรรยะข่มกิเลศขืน
O รอบกาละผ่านล่วง - - - สัตะปวงก็หยัดยืน เต็มล้นกมลผืน - - - สุขะรื่นระบัดรอย
O คืนกลับนครพร้อม- - - - อุระอ้อมพระรอคอย โอรสพระองค์น้อย - - - ระบุนามะ"ศานตนพ"
O จำเริญะหน่อราช - - - สรรพะศาสตร์พระรู้จบ ต่อสู้ ธ รู้ครบ - - - รณะรบกระบวนยุทธ
O รัฐศาสตระปราดเปรื่อง - - - กิจะเมือง ธ เอื้ออุด- หนุนเร้าและเร่งรุด - - - พละสุดกำลังเขา
O ครั้นศานดนูราช - - - ยละนาฏะรูปเยาว์ งามลักษณ์จำหลักเงา - - - ระอุเร้าอุราหลง
O นามโฉมะควรฟ้า - - - "สัตยาวดี"นง- ราม .. ผู้จะเปรียบหง- - - - สะกระพือกระเพื่อมหาง
O หวังเพียงจะเคียงครอง - - - ทะนุน้องอนงค์นาง เงื่อนไขบิดาวาง - - - ระดะขวางและขัดไว้
O โอรสะหากมี - - - ยศะที่พระทรงไชย แห่งหัสดินใน - - - ปุระแคว้นบุรินทร
O จึงศานดนูอง- - - - คะณรงค์กะร้าวรอน กำสรดระทดถอน - - - หฤทัยะไปมา
O ด้วยศานตนพเอา- - - - รสะเยาวะราชา ทรงบทพระยศถา - - - เฉพาะว่าจะนั่งเมือง
O คืนวันพระผันผ่าน - - - ทรมานะแนบเนือง สร้อยโศกวิโยคเบื้อง- - - - หฤทัยะใหญ่หลวง
O รูปซึ่งคะนึงนึก - - - ก็ผนึกฤดีดวง งามเยาวะทาบทวง- - - - ดุจะบ่วงนะคล้องขวัญ
O สุดที่จะลี้หลบ - - - รติภพะโรมรัน เยี่ยงไรจะได้บรร- - - - ลุภิรมยะสมปอง
O จึงศานตนพเอา- - - - รสะเยาวะเมื่องมอง เห็นอกชนกหมอง - - - เฉพาะต้องนิวรณ์ผลาญ
O หมายช่วยอำนวยเรื่อง - - - ทุขะเนื่องชนกมาน ปลดเปลื้องประเทืองศาน- - - - ติภิรมยะครอบครอง
O ลอบเร้นเสด็จหมาย - - - อธิบายะรับรอง ผู้พ่อและข้อผอง - - - จิตะปองและใฝ่หา
O ยินดีจะพลีศัก- - - - ติพิลักษณะอัครรา- ชันย์บทพระยศถา - - - สัตยาพระมอบลง
O ครั้งนั้นพระมั่นวา- - - - ทะและว่าจะยอมองค์ อยู่เดียวพระจำนง - - - พจนารถประกาศไป
O สิ้นกล่าวระราวว่า - - - ทิพะฟ้าจะอวยชัย บุปผาและมาลัย - - - ระดะไหลละหล่นสรวง
O แว่วบัณเฑาะว์ศังข์แตร - - - เสนาะแซ่หทัยปวง ข้าวตอกและดอกดวง- - - - กุสุมาก็พริ้วไหว
O พร่างพรูจะบูชา - - - สัตยาพระทรงไชย สรรเสริญเจริญใน - - - "ภิษม์"นัยะครั้งนั้น
O เพรียกผองพสกหมาย - - - นยะคล้ายจะคือกัน แทน"ศานตนพ"บรร- - - - ลุผนึกกมลชน
O เพรียกนั้นเพราะศรัทธา - - - ภิษมาพระทรงพล เพรียกนั้นเพราะบันดล - - - จิตะคนนะคล้อยตาม
นางสัตยาวดี วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ 0000 - - - 0002 0002 - - - 0003 0000 - - - 0003 0003 - - - 0004 (ฉันท์นี้ไม่มีลหุ...มีแต่ครุล้วนๆ)
O ผ่านตอนย้อนหวน - - - ถึงนวลรูปงาม สัตยานงราม - - - เมื่อยามรุ่นคราว- พาพราหมณ์ข้ามชล - - - ลมวน-สาปคาว กลิ่นกายเนื้อสาว - - - ร้อนผ่าว-อกพราหมณ์
O ฤๅษีปาศร - - - อาวรณ์ปรารมภ์ ใคร่ชู้สู่สม - - - สุดข่มวาบหวาม โฉมฉายพายเรือ - - - หอมเหลือเนื้องาม บันดลมนต์พราหมณ์ - - - เพรียกตามเมฆมา
O เกลื่อนกลุ้มคลุมเรือ - - - เรี่ยเหนือสายชล กลิ่นหอมล้อมลน - - - เปื้อนปนเมฆา ย้อมกายรูปนุช - - - เรือรุดเร่งคลา หายวับลับตา - - - ท่ามวารีไหล
O วันผ่านนงนุช - - - เร่งรุดคืนรอย ก่อนเกิดลูกน้อย - - - ตราบคล้อยเติบใหญ่ จำพรากมารดา - - - สูป่าพงไพร บำเพ็ญพรตไพ- - - - บูลย์ในฤทธี
O เลื่องนามปรากฏ - - - ด้วยพรตบำเพ็ญ ฝึกกล้ำลำเค็ญ - - - เฉกเช่นฤๅษี นาม"วยาส"ชาติเชื้อ - - - หน่อเนื้อวารี เวทย์มนต์บารมี - - - คล้อยคลี่คลุมวัน
O ด้วยบุญบันดาล - - - เบ่งบานกำจร ฤาษีปาศร - - - อวยอรพรขวัญ คืนย้อนก่อนคราว - - - สิ้นคาวสาวพลัน ทั้งปวงล่วงผัน - - - พรหมจรรย์ยังคง
O กลิ่นกายหายคาว - - - กลิ่นสาวชวนดอม ชวนชายชื่นหอม - - - รอบล้อมจำนง เรือนร่างสร้างเติม - - - พูนเพิ่มรูปทรง อกตั้งเอวองค์ - - - เสกส่งงามตา
O ห่อนนานศานดนู - - - สบ-สู่อาลัย ศานตนพ-ลอบไป - - - หมายใจช่วยปรา- ศัยพ่อนงเยาว์ - - - ผู้เฝ้าใฝ่หา- ยศหนักศักดา - - - ย้ำยาตราบยอม
O สำเร็จสมการณ์ - - - เบิกบานทรวงใน ชื่นต้องผ่องใส - - - ดวงใจหล่อหลอม เป็นชายาผู้ - - - เคียงคู่ด่ำดอม เติมหวังพรั่งพร้อม - - - คอยกล่อมเกลาใจ
O ผ่านยามบรรเจิด - - - กำเนิดโอรส หนึ่ง"จิตรังคต" - - - ปรากฎนามไป อีกหนึ่งพึงพิศ - - - คือ"วิจิตรวีรัย" สองผู้รู้ไพ- - - - บูลย์ในบัลลังก์
O ศานดนูลับล่วง - - - สู่สรวงฟ้าบน องค์ภิษม์ทรงพล - - - ผองชนวาดหวัง เอื้ออวยช่วยกอปร - - - กิจรอบเวียงวัง สำเร็จสมดัง - - - ฝากฝังอาศัย
O ราช-จิตรังคต - - - ถ้วนบทบาทมี ต่ำช้ากาลี - - - ย่ำยีจิตใจ ชนทั้งนาคร - - - ทุกข์ร้อนทั่วไป พฤติต่ำนำไท้ - - - เยี่ยงไพร่โอหัง
O จึงเมื่อครรไล - - - หมายไปกำราบ ศัตรูรู้ทราบ - - - คมดาบ-กำลัง ข้าศึกฮึกสู้ - - - เชือดผู้ชิงชัง ชีพลบกลบฝัง - - - เลือดหลั่งโลมแดน
O ราช-จิตรังคต - - - ถึงบทบรรลัย ชั่วช้าปานใด - - - ย่อมได้ทดแทน สืบวงศาราช - - - พร้อมอาชญาแสนย์ ชีพล่วงหวงแหน - - - กอดแน่นได้หรือ
O องค์วิจิตรวีรัย - - - อาลัยอาวรณ์ เชษฐาม้วยมรณ์ - - - ด้วยอ่อนฝีมือ องค์ภิษม์ช่วยรั้ง - - - บัลลังก์, ด้วยคือ- ช่วยน้องจับถือ - - - ยุดยื้อช่วยสอน
O ราช-วิจิตรวีรัย - - - เยาว์วัยชันษา ยังไร้ชายา - - - ควรค่านาคร องค์ภิษม์คิดเอื้อ - - - ช่วยเหลืออาทร หลังแว่วข่าวตอน - - - บังอรสามนาง
O เจ้าเมืองกาสี - - - จักมีสยุมพร ข่าวขานกำจร - - - ผ่านย้อนว่อนวาง องค์ภิษม์ล่วงสู่ - - - เพื่อดูลู่ทาง หากงามจักขวาง - - - ชิงนางกลับคืน
O ครั้นสบรูปซึ่ง - - - งามซึ้งตรึงตรา หมายขวัญกัญญา - - - จึงฝ่าเข้ายืน- หยัดชิดรูปนั้น - - - ฉับพลันเข้าขืน- ชิงนางท่ามผืน- - - - ทรวงอื้นโอดครวญ
O ชิงโฉมโลมโลก - - - บ่ายโบกแล้วบง- การรถศึกทรง - - - พาองค์รูปหวน เร่งร้นดลการณ์ - - - ชิงคราญด้วยควร เพื่อน้องจักสรวล - - - สองนวลเคียงกาย
O อีกหนึ่งงามล้ำ - - - นาม"อัมพา"พี่ เผยออกวาที - - - ว่ามีคู่หมาย องค์ภิษม์โดยพลัน - - - พาขวัญผันผาย สู่มือเจ้าชาย - - - โฉมฉายเคยวอน
O "ศานวะ"องค์ทรงชัย - - - กลับไล่อัมพา สู่ไพรพฤกษา - - - หลู่ค่าบังอร แคลงคำอัมพา - - - แคลงราคีตอน- ถูกชิงกลับย้อน - - - นาครหัสดิน
O ทุกข์ทำครั้งนี้ - - - สุดที่สังเวช คั่งแค้นต้นเหตุ - - - ผูกเจตผูกจินต์ เข้าพรตจิตหน่วง - - - บำบวงฟ้าดิน เพื่อคอยตัดสิน - - - ตราบสิ้นเวรกรรม
O บูชาไฟเฝ้า - - - แต่เช้าตราบเย็น ผูกจิตคิดเห็น - - - ทุกข์เข็ญภิษม์ทำ ขอเกิดเป็นชาย - - - เพื่อหมายคืนลำ- เค็ญ, ฆาติเพื่อบำ- - - - เรอช้ำชอกตน
O วาจาบังอร - - - ที่วอนบำบวง ดาลอัศจรรย์ปวง - - - ลามล่วงสู่ผล คำสัตย์นุชนั้น - - - หมายมั่นดวงมน เพื่อภิษม์ทุกข์ทน - - - ลวกลนเผาผลาญ
O ครั้นวิจิตรวีรัย - - - เข้าวัยบั้นปลาย โรคภัยหลากหลาย - - - รำบายคืบคลาน ชายาทั้งสอง - - - หม่นหมองวิญญาณ ไร้ผู้สืบสาน- - - - สันดาน, คร่ำครวญ
O จึงเมื่อราชันย์ - - - สู่สวรรค์ครรลอง จึงชายาสอง - - - ร่ำร้องไห้หวน องค์พี่"อัมพิกา" - - - "อัมพาลิกา"นวล- น้อง, ช้ำกำสรวล - - - แต่ล้วนอาลัย
O ร่มฉัตรจึงว่าง - - - ไร้ร้างผู้ครอง สัตยาวดีปอง - - - ภิษม์พ้องฉัตรไชย ครองสองชายา - - - สืบหน้าที่ไป ภิษม์อ้างคำไท้ - - - ยังไป่ถอดถอน
O คำสัตย์เคยมอบ - - - เป็นกรอบแกร่งไกร ที่สุดรุดไป - - - ถามไถ่เว้าวอน เรื่องราวถ้วนมี - - - ฤๅษีนามกร "วยาส"ช่วยทอน - - - คลายคลอนสัจจา
O สมสู่คู่สาว - - - เรื่องราวสมหมาย ฤๅษีพลีกาย - - - บุตรชายได้มา หลังหนึ่งนารี - - - องค์ศรีอัมพิกา สังเวชเพทนา - - - ด้วยท่าฤๅษี
O รูปเอยรูปงาม - - - ข่มข้ามจำนง หลับเนตรหลบลง - - - เมื่อบ่งราคี ได้ลูกเป็นชาย - - - กลับกลายราศี มืดบอดเนตรมี - - - บัดพลีอารมณ์
O คือองค์"ธฤตราษฏร์" - - - มีชาติมีนาม มืดบอดเนตรตาม - - - เมื่อยามสู่สม- แห่งมารดาตัว - - - เร้ารัวอกตรม หลับตาขื่นขม - - - ขับข่มภาพนั้น
O อัมพาลิกาน้อง - - - กรรมพ้องฤๅษี- แก่หง่อมบัดพลี - - - ราคีร่วมขวัญ เสียงร้องก้องกรีด - - - ขาวซีดผิวพรรณ เมื่อบุตรพรากครรภ์ - - - ขาวนั้นสมัญญา
O คือ"ปาณฑุ"ทรงยศ - - - ปรากฏรูปตน เมื่อสัตยาวดียล - - - หมองหม่นทาบทา ไป่รู้สาเหตุ - - - สังเวชเพทนา สังขารหลานยา - - - ตากหน้าอดสู
O ส่งนางกำนัล - - - โดยพลัน, บัดพลี สมพาสฤๅษี - - - ราคีร่างตรู องค์ธรรมจึงหนุน - - - ผ่านบุญอุ้มชู ได้"วิทูร"รับรู้ - - - เพื่ออยู่เฝ้าแหน
O จึงภิษม์จัดการ - - - สอนหลานสามคน หลากหลายเล่ห์กล - - - ไว้รณป้องแดน หลักการจับอ้าง - - - แนวทางวางแผน เกณฑ์กฎทดแทน - - - ร่วมแสนย์สงคราม
O ธฤตราษฎร์ขาดเนตร - - - วิทูรเภทต่ำเหลือ เลือกปาณฑุชาติเชื้อ - - - ราชเหนือเขตคาม ราชันย์พาพงศ์ - - - จันทรวงศ์เลื่องนาม สองชายางาม - - - ผูกล่ามหัวใจ

อีทิสังฉันท์ ๒๐ 010101012 - - - 10101012 - - - 103 1 = ลหุ 0 = ครุ 2 = ครุสัมผัสในบท 3 = ครุสัมผัสระหว่างบท
O หนึ่ง"ปฤถา"สมระตอนสมัย เคราะห์เข็ญะเร้าก็เนา ณ ไพร - - - จะใช้กรรม
O จึงเสนอสนองและปองจะนำ- ประโยชนะที่มุนีจะทำ- - - - นุสำราญ
O ตราบฤษี ธ เมตตะเจตประทาน อำนวยะพระย้อนผสาน - - - สมานชนม์
O ดาลสุภพะชาติและวาสน์ระคน กะเทพยดา ณ ฟ้าสถล - - - ณ หนสรวง
O เมื่อทิพานะเกี้ยวเลาะเลี้ยวก็ดวง- หทัยะศรีสุรียะหวง - - - และห่วงหา
O สม-สนองสนานสมานสภา- วะรูปลออพะนอสถา- - - - นะภาพครวญ
O สู่-ประการะมอบ ณ รอบกระบวน ละห้อยคะนึงเพราะซึ้งกระสรวล - - - กระหวนหา
O นามอุรสะนั้น"พระกรรณ"สถา- นภาพะมีสุรีย์ทิพา - - - บิดาตน
O แนบกะทรวงเกราะครองเหมาะป้องผจญ และกรรณะห้อยกะสร้อยพิมล - - - ระคนการณ์
O มาตุชาติเพราะพิศะพิสดาร กระอักกระอ่วนกะส่วนพิการ - - - สะท้านใจ
O นำกุมาระลอยชลาลุไหล บำบวงทิวา ณ ฟ้าประไพ - - - ละภัยผอง
O บุญะถ้วนนะลูกจะผูกประคอง จะป่วยจะไข้จะไห้จะหมอง - - - บ่ต้องตน
O ดาละเมตตะจิตสถิตเพราะยล ประคับประคองเพราะต้องกมล - - - เสน่หา
O กรรณะน้อยก็ล่องกะฟองชลา ระหกระเหินกะวาสนา - - - ชะตาตัว
O เหมือนพระพายกระซิกระริกระรัว ประโลมระลอกจะหยอกจะยั่ว - - - จะถัวเวร
O กรรณะหลับสนิทเพราะฤทธิเกณฑ์- ทิพาสวรรคะสรรกระเวน - - - ประเคนพร
O ทั้งเกราะทองและมนตะดละตอน ประพิมพ์ประพายจะถ่ายจะถอน - - - และรอนกรรม
O ครั้งกระนั้นนะมีบุรี ณ ลำ- ชลาเพราะนามะ"อังคะ"ทำ- - - - นุนำชน
O ผัวและเมียวิตกะอกฉงน ไฉนนะลูกจะผูกกมล - - - จะเกิดมา
O ครั้งอรุณะสรรคะภรรยา ละเรือนและย่างลุฝั่งชลา - - - ก็พายล-
O ภาชน์นะลอยระกกและแขม ณ ชล และร่างสนิทกะนิทระบน- - - - ก็ด้นดึง
O พัสตระคลี่กระนั้นก็พลันตะลึง กุมาระพาอุราระรึง - - - คะนึงครอง
O อุ้มและกอดกระชับประคับประคอง ภิรมยะนามก็ลามสนอง - - - คระลองฝัน
O แม่"รธา"บิดาก็"ศตนันทน์" ถนอมเพราะบุญกรุณะกรรณ - - - ผิว์ขวัญตา
มาณวกฉันท์ ๘ 0110 - - - 0112 0112 - - - 0113 0110 - - - 0113 0113 - - - 0114 1= ลหุ 0, 2, 3, 4 = ครุ
O เบื้องขณะกาล - - - ปาณฑุราช เมื่อยุรยาตร - - - ฆาตมฤคา รมยะปวง - - - ล่วงหทยา มวละพฤฒา - - - ร่วมกิจกรรม
O ราชบริพาร - - - มานะกระสรวล ฆาตะกระบวน - - - ล้วนเฉพาะบำ- เรออัตะรู้ - - - สู่ภพะสำ- คัญะจะนำ - - - ทำนุสุขา
O เมื่อพิศะกาย - - - ทรายขณะก้าว ตราบระยะสาว - - - น้าวธนุหา เสียบอุระทราย - - - กลายชิพิตา ก่อนมรณา - - - พาภวะคืน
O คือมนุผู้ - - - รู้พฤติตน ลองฤทธิมนต์ - - - ดลจิตะขืน เพียระกระทำ - - - งำทุขะกลืน หมายสุขะฝืน - - - คลื่นทุขะกลาย
๐ ราชะมนัส - - - หัตะกระนี้ บรรลัยะมี - - - ชีวะสลาย สาปะจะพึง - - - ตรึงบทะปลาย ราชะจะหมาย - - - กายนุชะไหน
O พึงชิวะมรณ์ - - - ถอนวตะมวล เจตะกระหวน - - - ครวญนยะไป พราหมณะภาษ - - - บาดอุระไท้ ช้ำหฤทัย - - - ในกุธะแสน
O คืนปุระแล้ว - - - แน่วมนะครวญ ทุกขะกระบวน - - - ป่วนอุระแทน พราหมณะเรื่อง - - - เนื่องหัตะแม้น- ดุจะละแล่น - - - แน่นอุระนี้
O ปลงจิตะทิ้ง - - - สิ่งทุขะวาง เล่หะระคาง - - - ร้างกิจะมี แล้วพระก็พลัน - - - หันจรลี พร้อมทวิศรี - - - มุ่งวนะไพร
O หมายสละโล- - - - กียะประดา สิ้นครหา - - - พาสุขะไพ- บูลยะเพื่อ - - - เอื้อพิสมัย ชีพิตะไท้ - - - ในธรรมะมรรค
O สองพระมเห- - - - สีรมยา ในมรคา - - - ภาคะประจักษ์ โอรสะเชื้อ - - - เหลือศุภะลักษณ์ งามก็ตระหนัก - - - ศักดิพิมล
O ครรภะปฤถา - - - พาหะระเมียร "ยุธิษะเฐียร" - - - ก่อน"ภีมะ"พล แล้ว"อรชุน" - - - ผู้จะผจญ หาญะจะรณ - - - ป่นกะอรินทร์
O ส่วนมัทรี - - - มีพระอุรส นามะประพจน์ - - - แฝด"อัศวิน" คู่"สหเทพ" - - - ร่วมสหะจินต์ ชาติบดินทร์ - - - ทั้งพระ"นกุล"
O เบญจะประภพ - - - ครบบุญะที่- ปาณฑพมี - - - จิตะละมุน รักษะถนอม - - - พร้อมธรรมะคุณ บ่มพฤติหนุน - - - เนื่องอุปถัมภ์
O บาปะอดีต - - - ขีดระยะถึง ปาณฑุคะนึง - - - ซึ่งรชะกรรม กอดมัทรี - - - ที่อุระสัม- ผัสะก็คว่ำ - - - วายชิวะพลัน
O กาละถวาย - - - เพลิงพระบดี จึงมัทรี - - - พลีชิวะบรร- ลัยะแสดง - - - แจ้งจิตะสรร พฤติกระนั้น - - - บรรลุสุชน
O เสร็จกิจะราช- - - - ศารทธพรต เบญจะอุรส - - - กลับปุระตน ด้วยปิตุลา - - - ราชะจะปรน- เปรอสุขะผล - - - ดละกะหลาน
O ท้าวธฤตราษฎร์ - - - ปราศะพระเนตร ดละเพราะเหตุ - - - เพศะพิการ ราชะอุรส - - - บทะผสาน จาคะประทาน - - - มนตะฤษี
O ครรภะมเห- - - - สีก็ประมาณ สองวรรษะกาล - - - ผ่านชิวะมี คลอดทวิมัง- - - - สาเฉพาะที่ หัตถะฤษี - - - แยกศตะตน
O องคะปฐม - - - นาม"ทุรโยชน์" น้องจิตะโฉด - - - โคตรทุรชน เพรียก"ทุศศาสน์" - - - ชาติพิกล นามะระคน - - - ฉละประดา
O ร้อยภพะชาติ - - - ทาสะสถุล เกินธรรมะคุณ - - - บุญะจะพา เนตรธฤตราษฎร์ - - - ขาดทัศนา รักอุรสา - - - อาธรรมะซึ้ง
O แม้นพระจะรู้ - - - ผู้อุรสา เกลือกมรคา - - - ภาวะบ่พึง หากพระก็สู้ - - - อยู่กะคะนึง หลานพระจะถึง - - - ซึ่งนยะธรรม
O เพียระประพฤติ - - - ยึดสุรภพ ฉละกระทบ - - - จบทุรกรรม เพียระพะวง - - - บ่งจิตะสัม- ผัสะและนำ - - - สัมมะประดัง
เจ้าชายฝ่ายเการพ และ ปาณฑพ..แรกพบกัน ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒ 100100 - - - 100102 100102 - - - 100103
O ประสบพักตร์ประจักษ์พร้อม จะร่วมหลอมเพาะกำลัง ประดาญาติประภาษยัง สดับฟังก็ดับฝัน
O เพราะคำพิษและอิจฉา ประเลงวาทะในวัน และคำเอ่ยก็เย้ยหยัน มุรำพันประจันความ
O และต่อมาประดาโฉด ก็จัดโภชนาตาม จริตพิษะฤทธิทราม ก็ลุกลาม ณ ท้ายวัง
O กระนั้นภีมะเชิญมา กรุณวาทะผ่านฟัง สมาคมะสมดัง- จะร่วมหวังและร่วมใจ
O กระยาหารประมาณว่า จะรวมญาติสายใย และเมื่อภีมะเผลอไป เสาะพิษใส่กะมังสา
O ฉะนั้นภีมะมึนง่วง ก็มัดถ่วงกะคงคา ละลิ่วหล่น ณ ก้นธา- ระเพรียกนามะ"บาดาล"
O กระนั้นภีมะเรี่ยวแรง พลังแกร่งก็ทนทาน ประคองกายบ่วายปราณ ณ ถิ่นฐาน ณ ถ้ำทอง
O พญานาคะปู่แม่ ก็ดูแลและรับรอง สุธาทิพยะจิบลอง พลังผองจะคืนหา
O หทัยปลื้มและดื่มด่ำ เพราะปู่ย้ำกะหลานยา สุธารสะโอชา จะเสริมภาวะกำลัง
O นิทราร่าง ณ กลางถ้ำ ฤทธีล้ำก็คืนดัง- อดีตชาติวาดหวัง ก็กลับวังและเวียงตน
O ประสบพักตระปาณฑพ ก็เล่าครบประจบจน- กระทั่งปู่และผู้คน สนุกล้นกะกลนัย
O ตลอดยามก็ตามอยู่ บ่อาจรู้ทิศาใด คะนึงล่วงเพราะห่วงใย จะร้างไปไฉนหนอ
O สุพจน์พี่พจีติง เพราะห่วงยิ่งกะเฝ้ารอ สดับเสียงก็เพียงพอ จะรื้นศอกะห่วงใย
O ตะวันผ่านและกาลคล้อย พระภิษม์พลอยพินิจไป เพราะจำเป็นและเห็นไกล ก็เชิญให้ประชุมกัน
O ประสงค์หลานนะศึกษา วิชาการะโรมรัน- กะอาวุธะยุทธภัณ- ฑะครบครันประกันกาย
O ฉกรรจ์วัยะถ้วนผู้ ประยุทธรู้ก็สมชาย อรินทร์ไหนผิว์กล้ำกราย จะเฉิดฉายระหว่างรณ
O พระเชิญ"โทรณาจารย์" ประสิทธิ์การณะบัดดล คณาศิษยะฝึกฝน เพราะเร่งร้นจะร่ำเรียน
O พระอาจารย์ประสารสอน สุพจน์วอนก็ผ่านเวียน ประโลมความละลามเศียร เถอะพากเพียรจะช่วยครู
O อดีตมิตระเคยมี ตลอดชีวะเชิดชู ตระหลบสัตย์ผิว์ศัตรู สถิตอยู่ ณ ปัญจาล
O พระนามนั้น"ทรุบท"เนื่อง เพราะลือเลื่องอหังการ สุพจน์วอนนะอ่อนหวาน ก็บรรสาระรำพัน
O ณรงค์ปองเถอะผองศิษย์ ระรุมฤทธิโรมรัน เถอะเพื่อครูจะรู้บรร- ลุใฝ่ฝันและชิงชัย
O เสนอการณ์ประสารคิด ทะลวงจิตทะลวงใจ ณรงค์ยุทธจะฉุดให้- สนองนัยะจำนน
O ประยุทธชาญะปาณฑพ และเการพก็คล่องรณ ประพิศภาพะทราบผล ฉกรรจ์ชนจะได้ชัย
O กระนั้นโทรณาจารย์ ก็ทูลการณ์ประกอบไป คณาศิษยะฤทธิ์ไกร ณรงค์ใครจะล่มเขา
O ก็เหลือแต่จะฝึกปรือ ประลองมือกะหนักเบา ตวัดดาบวะวาบเงา และใฝ่เฝ้าจะฝ่าฟัน
O ก็สุดที่จะมีสอน ละบทตอนก็ต่างบรร- ลุล่วงกละเลือกสรร ถนัดกันก็ครันครบ
จบ .. บทที่๑
Create Date : 25 มกราคม 2552 |
Last Update : 21 กันยายน 2565 7:54:26 น. |
|
49 comments
|
Counter : 4166 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ดวงใจพ่อ (Nok_Noah ) วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:11:08:20 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:20:55:27 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:23:50:46 น. |
|
|
|
โดย: ตาโปน IP: 61.91.241.70 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:2:29:08 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:11:59:29 น. |
|
|
|
โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.15.154 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:18:15:27 น. |
|
|
|
โดย: Jean IP: 79.79.136.130 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:19:20:47 น. |
|
|
|
โดย: ศารทูล IP: 113.53.10.58 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:20:58:48 น. |
|
|
|
โดย: พี่กาย IP: 125.27.79.48 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:21:07:00 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 125.27.79.48 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:21:14:30 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:9:16:27 น. |
|
|
|
โดย: medkhanun วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:9:32:44 น. |
|
|
|
โดย: medkhanun วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:13:07:49 น. |
|
|
|
โดย: ม่านจันทร์ IP: 202.57.132.197 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:8:26:43 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:9:37:43 น. |
|
|
|
โดย: พี่กาย IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:9:45:21 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:11:20:12 น. |
|
|
|
โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.14.242 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:04:27 น. |
|
|
|
โดย: พี่กาย IP: 125.27.95.104 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:55:43 น. |
|
|
|
โดย: praongai IP: 58.137.129.220 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:8:38:58 น. |
|
|
|
โดย: ม่านแพร IP: 118.174.92.25 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:12:29:45 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:15:44:12 น. |
|
|
|
โดย: ศารทูล IP: 61.7.174.156 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:13:14:28 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 124.120.112.155 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:21:33:00 น. |
|
|
|
โดย: ศารทูล IP: 125.25.226.129 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:22:24:16 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:23:01:41 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:3:59:13 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:4:01:07 น. |
|
|
|
โดย: พี่กาย IP: 124.120.112.155 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:7:31:26 น. |
|
|
|
โดย: ศารทูล IP: 125.25.75.56 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:12:38:41 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:19:42:14 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:19:46:25 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:21:56:36 น. |
|
|
|
โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.12.11 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:23:01:46 น. |
|
|
|
โดย: พี่กาย IP: 124.120.110.156 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:47:49 น. |
|
|
|
โดย: medkhanun วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:23:14 น. |
|
|
|
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:46:04 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:25:07 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:27:08 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:53:12 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:46:05 น. |
|
|
|
โดย: ct393 IP: 124.120.119.124 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:09:29 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:30:14 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:35:26 น. |
|
|
|
โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:47:01 น. |
|
|
|
โดย: กระบี่ไล่ล่า //// IP: 119.42.77.152 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:02:04 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:11:23 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 11 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:15:04 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 6 ธันวาคม 2566 เวลา:17:59:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]

|
|
|
|
|
|
|
|
พี่คะ..
จะค่อยๆ ตามอ่านนะคะ
สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ