Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
O มหาภารตะยุทธ .. บทที่ ๑ .. O






เพลง .. มหาภารตะ


+++++++++++++++++++++++++++++++

เกริ่นนำ ..
มหากาพย์ภารตยุทธ .. นี้เป็นวรรณกรรมยิ่งใหญ่หนึ่งในสองของอินเดียมาแต่โบราณ .. หนึ่งนั้นคือรามายณะ...หรือ รามเกียรติ์ อันแพร่หลายขจรขจายไปทั่วเอเชียอาคเนย์ และหนึ่งคือ มหาภารตยุทธ ที่จะเป็นเอกเฉพาะในดินแดนชมพูทวีปเองเท่านั้น

ทั้งสองเรื่อง..รจนาขึ้นหลังการบุกเข้ามาสู่ชมพูทวีปของชนชาติอารยันจากแถบเอเชียกลางแถวทะเลสาปแคสเปี้ยน ที่เรียกกันว่า เอเชียไมเนอร์

ชนกลุ่มนี้มีลักษณาการเช่นเดียวกับฝรั่ง..คือผิวขาว จมูกโด่ง ตาโตมีขอบตาสองชั้น ดวงตาสีฟ้า-เขียว..เส้นผมแดง น้ำตาล ทอง เป็นโครงสร้างร่างกายของพวก..คอเคซอยด์....นั่นเอง

ขณะที่อพยพลงมาจากถิ่นเดิมนั้น...มุ่งลงมาที่ดินแดนรอบอ่าวเปอร์เซียก่อนเป็นลำดับแรก...และลงหลักปักฐานที่นั่นส่วนหนึ่งคือชนชาติอิหร่านในปัจจุบัน...

ส่วนที่เหลือก็อพยพข้ามเทือกเขาต่อมาผ่านดินแดนกัษมีระ หรือ ที่เรียกว่า แคชเมียร์ ในปัจจุบันลงมาสู่ริมเทือกเขาหิมาลัย..แล้วค่อยๆขยายขอบเขตลงมาสู่..ลุ่มน้ำคงคาและลงหลักปักฐานในอินเดียตอนบนในที่สุด

การอพยพนี้กินเวลายาวนาน...เป็นหลายร้อยปี...ด้วยความเป็นชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์...จึงขยายตัวกินแดนเรื่อยมา ขณะที่ชมพูทวีปตอนนั้น..ชนพื้นเมืองเดิมที่มีอาชีพทำเกษตรกรรม ได้ยึดครองอยู่ก่อนแล้ว...เรียกว่าพวก มิลักขะ มีรูปลักษณ์เดียวกับ ชาวอินเดียตอนล่างในปัจจุบัน คือผิวดำ ตัวเล็ก คล้ายๆแขกขายโรตี ตามบ้านเรา ซึ่งชนกลุ่มนี้ อพยพมาจากแอฟริกาอีกต่อหนึ่งเมื่อหลายพันปีมาแล้ว

ช่วงเวลาของเรื่องราว..การอพยพนี้ ผู้เขียนประเมินเอาจากอายุพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางเมื่อสมัยพุทธกาลนั้น..เรานับเนื่องขึ้นไปได้ถึงประมาณ2600 ปี จากสมัยปัจจุบัน สมัยนั้นคัมภีร์พระเวทของชาวอารยันแพร่หลาย มีพัฒนาการกันถึงขั้น..โต้อภิปรัชญา..กันแล้ว ช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่พราหมณ์เริ่มปฏิรูปคำสอนกันขนานใหญ่...เนื่องจากการเกิดขึ้นของศาสนาใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็น พุทธ ไชนะ ฯลฯ...เป็นคู่แข่งขันดึงศรัทธาคน

แปลว่า..การลงหลักปักฐาน..การกำเนิดแนวคิดปรัชญาต่างๆนั้นสืบทอดมาอย่างยาวนาน..หยั่งรากลึกจนมั่นคงแล้วในจิตใจคนเมื่อมาถึงยุคพุทธกาล

แปลว่า...การอพยพใหญ่ครั้งนั้นควรต้องมีมาไม่ต่ำกว่า 1,000-1,500 ปีแล้วก่อนพุทธกาลเมื่อรวมกับอายุพุทธศาสนา การอพยพใหญ่ครั้งนั้นน่าจะอยู่ที่ เมื่อ 4,000 - 4,300 ปีที่แล้วนับจากปัจจุบันย้อนกลับขึ้นไปช่วงเวลานี้คงมีความใกล้เคียงกับอายุของศาสนา โซโรแอสเตอร์ในอิหร่าน

แปลว่า อารยัน มีเทพเจ้าสำหรับการบวงสรวง...รวมทั้งการบูชาไฟเป็นของตนเองมาก่อนนับนานแล้ว...ไปไหนก็เอาไปด้วย....เมื่อมาอยู่ชมพูทวีปก็เอามาด้วยทั้ง พระอิศวร ทั้ง ลัทธิบูชาไฟ และเป็นกลุ่มที่มีพัฒนาการทางด้านปรัชญาเหนือกว่ากลุ่มแรกที่ปักหลักที่อิหร่าน...

ผู้เขียนเองเข้าใจว่านักปราชญ์ผู้รู้จะอยู่ในกลุ่มที่เดินทางเลยเถิดมาถึงชมพูทวีปเป็นส่วนใหญ่กลุ่มก้อนในอิหร่านจึงไม่อาจให้กำเนิดปรัชญา ศาสนาอะไรได้มากนัก....ที่รู้จักก็มีเพียง โซโรแอสเตอร์ เท่านั้น ซึ่งผิดกับกลุ่มที่ปักหลักในอินเดียตอนเหนือที่ให้กำเนิดปรัชญา ศาสนา ลัทธิ ต่างๆมากมาย

การปฏิรูปหลักคำสอนนี้กินเวลาเป็นพันปี...เริ่มก่อนพุทธกาล..และสิ้นสุดหลังพุทธกาล..เรียกยุคนี้ของพราหมณ์ หรือ ฮินดู ปัจจุบันว่ายุคอุปนิษัท....ซึ่งก่อนยุคปฏิรูปนี้...มีกฎเกณฑ์บางข้อตราไว้ถึงขนาดว่า...."ศูทรผู้ใดแอบฟังพราหมณ์สาธยายพระเวทในเทวาลัย...โทษของมันผู้นั้นคือ...เอาตะกั่วหลอมไฟกรอกหู"...อันสะท้อนถึงการแบ่งแยกวรรณะอย่างรุนแรงในยุคสมัยนั้น


รามายณะ หรือ รามเกียรติ์
พูดถึงสงครามระหว่าง มนุษย์ ลิง เทวดา ยักษ์แปรพักตร์ นั้นฝ่ายหนึ่ง กับ ยักษ์..อีกฝ่ายหนึ่ง....ซึ่งแปลความได้ว่า...

มนุษย์...คือเผ่าพันธุ์อารยัน หรือ ตัวแทนแห่งความดีงามนั่นเอง

ลิง...คือ ชนพื้นเมืองที่ยอมรับอำนาจของอารยัน ที่มาใหม่ให้เป็นใหญ่ในดินแดนที่ตนอยู่มาก่อน

เทวดา...คือ ผู้ช่วยเหลืออารยัน เป็นผู้สนับสนุนค้ำจุนเป็นกำลังใจ

ยักษ์...คือ ชนพื้นเมืองเดิม คือ พวก มิลักขะ ที่ต่อสู้กับการถูกรุกราน จนต้องร่นถอยลงใต้ เหมือน อินเดียนแดงใน อเมริกา เป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย

เป็นการบอกโลก..ผ่านวรรณกรรมว่า...การรุกรานดินแดนมิลักขะของอารยันนั้นชอบธรรม


มหาภารตะยุทธ...
เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลัง...รามายณะ เป็นเหตุการณ์เมื่ออารยันลงหลักปักฐานสร้างบ้านแปงเมืองมั่นคงแล้ว มีนครรัฐต่างๆ...มีเจ้าผู้ครองนครเป็นอิสระบ้างขึ้นกับนครใหญ่บ้าง...มีนักปราชญ์...มีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจน...มีหลักการเชิงเหตุผลเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตของผู้คนแล้ว...

ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็น ภายในสังคมอารยันด้วยกันเองทั้งสิ้นเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กันก็ย่อมมีความขัดแย้งกันเป็นธรรมดาจึงเป็นที่มาของสงครามของพวกเผ่าเดียวกัน...

ฤษีวยาส เห็นเหตุการณ์ฆ่าฟันกันของชนเผ่าเดียวกันก็รู้สึกสลดใจ จึงมีแรงบันดาลใจรจนาเรื่องการยุทธในระหว่างสายเลือดเดียวกันขึ้นมา...โดยมีตัวแทนของฝ่ายดีงามคือ ปาณฑพ และฝ่ายชั่วร้ายคือ เการพ....ทำสงครามกัน

ศึกสายเลือด..ว่างั้นเถอะ

เมื่อแปลความต่อไปอีกชั้น..ก็คือการต่อสู้กันของสำนึกฝ่ายดี และฝ่ายชั่วของจิตใจภายในคนคนหนึ่งนั่นเอง...จิตใจที่มีร่างเดียวกันนั่นแหละที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คือความหมายของสายเลือดเดียวกันของปาณฑพและเการพ

โดยที่หัวใจของเรื่องคือบทตอนที่ พระกฤษณะที่ทำหน้าที่สารถีให้กับท่านอรชุน ได้พูดเตือนสติท่านอรชุนไม่ให้รู้สึกท้อแท้ เราเรียกบทนี้ว่า บทเพลงแห่งองค์ภควัน หรือ ภควัตคีตา อันเป็นแนวคิดหลักของศาสนาฮินดู หรือ พราหมณ์ เลยทีเดียว

ชนชาติอารยันส่วนหนึ่งได้อพยพไปทางยุโรปเหนือ ที่เป็นดินแดนเยอรมันในปัจจุบัน....ซึ่งชื่อเผ่าพันธุ์อารยันนี้ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ เคยเอามาเชิดชูสำหรับเป็นเครื่องมือทำลายล้างชนชาติยิวจนตกตายกว่า 6 ล้านคนมาแล้ว ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


= ปณามคาถา =
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
000110101112 - - - 00102 - - - 13
1=ลหุ นอกนั้นครุ
เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ

O กราบองค์พุทธจิตะน้อมประนอมธรรมะประสาร
อรรถาคณาจารย์ - - - ผจง

O ค้อมเศียรนบมรคาประดาอริยะสงฆ์
ฝึกจิตะปลิดปลง - - - ละปอง

O น้อมเศียรนอบบุพการิอาศัยะประคอง
ขันธ์จิตสถิต-รอง - - - ชิวา

O น้อมเศียรนอบคุณะครูเพาะรู้วิทยะพา-
ศิษย์ช่วยอำนวยสา- - - - ระเสริม

O นอบน้อมต่อนยะเธียระเพียรลิขิตะเติม
ห่อนว่าจะพาเหิม - - - ฤดี

O นอบน้อมต่อกวิภาษวยาสบุพะฤษี
จารบทภรตนี้ - - - ประทาน

O โอมอัญเชิญพิคเณศวิเศษะอุปการ
ศาสตร์ศิลป์ระบิลจาร - - - ผจง

O ร่วมรับรู้กวิชาติประกาศสุขุมะมง-
คลคันถะยรรยง - - - สยาย

O เพื่อโลกธาตุจะประสงค์ณรงค์ทุขะอบาย
โทษร้อนจะผ่อนคลาย - - - ระคาง

O คาบนี้ข้าวรบาทประกาศสุภะพยางค์
พากย์กรองสนองทาง - - - กระทำ

O ขอคุณเทพอุปการประทานพิริยะสัม-
ผัสใจไสวทำ- - - - นุเทอญ



= อารัมภบท =
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
00101110 - - - 110102
00101112 - - - 110103

๑ แต่กาละผ่านสหัสะวรรษ
ปริวรรตะเวียนวน
ปวงอารยันรณะผจญ-
หัตะเสี้ยนสลายสูญ

๒ เพิกพังพลังอริริปู
ธิระผู้ก็เพิ่มพูน
รวมชาติญาติกุละประยูร
อนุสนธิร่วมสาย

๓ ไตรเภทวิเศษะอุปการ
บริบาละรำบาย-
แก่นธรรมะนำสัทะสยาย
ทะนุหมายประเทืองใจ

๔ ผองพราหมณ์ประณามบทะพระเวท
บริเฉทะอวยไชย
บูชาคุณาทิพะ ณ ใน-
หฤทัยะทั่วถึง

๕ คือพราหมณ์ ณ ยามระบุระบิล
ทะนุจินตะเหนี่ยวดึง
หมู่ชนระคนภพะคะนึง
จะลุซึ้งและรับรอง

๖ คือเภทพิเศษะพิสดาร
ภพะจาระจับจอง
คั่นคาเพราะอาชิวะคระลอง
ชนะผองนะต่างพันธุ์

๗ เผ่าเพศเศวตวรรณะประไพ
พิศะใครก็งามครัน
สูงใหญ่สมัยรณะประจัญ
อรินั้น ฤ ต้านไหว

๘ พลพรรคมิลักขะเพราะประยุทธ
ชิวะหลุดและบรรลัย
กล่าวเรื่อง ณ เบื้องอุบัติไท้-
ทิพะในพิมานบน

๙ คือเทพะเมื่ออธิษฐาน
อวตาระเพื่อรณ-
ด้วยราพณ์กำราบประทุษะฉล
ทุพพละล้างผลาญ

๑๐ คือรามะเบื้องปฐมะคาบ
ชิวะราพณะล่มลาญ
ปักแดนและแคว้นระบุสถาน
มติขานและครอบครอง

O พงศาก็อารยะสกุล
มติหนุนและรับรอง
เผ่าพรรคมิลักข์ผิวะจะพ้อง-
ภวะต้องกะตฤณตม

O ตราบกาละผ่านอริยะชาติ-
วิปลาสะปรารมณ์
จับยึดประพฤติขจิตะสม-
มุติข่มคละพรหมจรรย์

O บุญบาป ณ คาบวิบัติหมาย
อธิบายะเพื่อบรร-
เลงลิ้นและจินตะธิระสัน-
ทนะการะแซ่เสียง

O ชั่วดีพจีระบุระบัด
อวิภัชะภาษเพียง-
คลี่คลายสยายนยะเผดียง
เฉพาะเคียงจะกล่าวขาน

O ชั่วดีฤดีสถิตะรส
ตละบทะเพื่อบาล-
เจตตนระคนสุขะสมาน
วิญญาณะยินยอม

O เฟื้องฟุ้งจรุงทิฐิวิภาษ
ธิระชาติรอมชอม
จึงมีฤษีจิตะประนอม
ทิฐิพร้อมประพันธ์คำ

O สืบสอนสะท้อนอริยะสัจจ์
ภวะวัฏฏะวงกรรม
หมายนัยและใจชนะจะสัม-
ผัสะทำนุศรัทธา

O พากย์วาทะภารตะระบัด
ภควัตะคีตา
ชอบดีก็ชี้อรรถะกถา
อุปการะใจชน

O บทเพลงประเลงนยะประยุทธ
ก็ประดุจะบันดล
ราวเรื่อง ณ เบื้องรณะผจญ
สัตะ-ฉละในตัว

O บทพากยะหากพิเคราะหะความ
สิริ-ทรามนะพันพัว
คลุม..เคลื่อนเสมือน..ภวะสลัว-
รุจิกลั้ว..ประลองกล

O อวยศัพท์สำหรับจะตริจะตรอง
สัตะผองประชุมพล
อวยให้หทัยะอนุสน-
ธิพิมละมุ่งหมาย

O อวยคำเพราะคัมภิระประดิษฐ์
นิรมิตะบรรยาย
เพื่อฉันท์จะปันรสะสยาย
นยะหมายจะยิ่งมี



= บทที่๑...ความริษยาระหว่างราชวงศ์เการพและปาณฑพ =
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
00100 - - - 110102
00102 - - - 110103

O ชมพูทวีปผ่าน - - - ระยะกาละนานมี
องค์ราชะภูมี - - - ทุษยันตะจันทรวงศ์

O ชายาสง่างาม - - - ดุจะหยามทิพาองค์
เนื่องนามะโฉมยง- - - - คะ"ศกุนตลา"ศรี

O สององคะทรงเมือง - - - ทุขะเปลื้องเพราะปรานี
โอรส"ภรต"มี - - - ปุระที่จะครอบครอง

O เมื่อสู่สวรรคา- - - - ลัยะวาระครรลอง
ร่มฉัตระรัฐผอง - - - ประลุพ้องกะหัตถา

O ชื่นชมภิรมย์ใน - - - ฉัตระชัยะเดชา-
อำนาจและอาชญา - - - คุณะค่าก็ขับขาน

O ครองแดนและแผ่นดิน - - - ระยะสินธุสายธาร
กว้างใหญ่และไพศาล - - - ปริมาณะมากมาย

O พาชาติราษฎร์รัฐ - - - บริพัตระกำจาย
โอรส"ภรต"สาย - - - "หัสดิน"กษัตรา

O ร่มฉัตระ"หัสดิน - - - ปุระ"ถิ่นสมัญญา
โอรสะบทบา- - - - รมิวาทะกล่าวขวัญ

O รูปนามะงามชาติ - - - "กุรุ"ราชะคู่บัล-
ลังก์เมืองและเนื่องสัน- - - - ตติวงศะตรงมา

O โอรสะนาม"ศาน- - - - ดนุ"หาญะเดชา
ครองขันธสีมา - - - กรุณาประชากร

O วงศาคณา"เกา- - - - รพะ"เถาก็สืบตอน
เคียงคู่พระภูธร - - - ก็สมระโฉมฟ้า

O ถ้วนดินและถิ่นแดน - - - ฤจะแม้นพระชายา
ทรงโฉมประโลมตา - - - ระบุวาทะสรรเสริญ

O ครั้นกาละผ่านคล้อย - - - จิตะพลอยละเพลิดเพลิน
ทางธรรมะจำเริญ - - - ดุจะเชิญเหยาะย่างชม

O อำลาสวามี - - - จรลีเพราะปรารมภ์-
ครองบทะพรตพรหม- - - - จรรยะข่มกิเลศขืน

O รอบกาละผ่านล่วง - - - สัตะปวงก็หยัดยืน
เต็มล้นกมลผืน - - - สุขะรื่นระบัดรอย

O คืนกลับนครพร้อม- - - - อุระอ้อมพระรอคอย
โอรสพระองค์น้อย - - - ระบุนามะ"ศานตนพ"

O จำเริญะหน่อราช - - - สรรพะศาสตร์พระรู้จบ
ต่อสู้ ธ รู้ครบ - - - รณะรบกระบวนยุทธ

O รัฐศาสตระปราดเปรื่อง - - - กิจะเมือง ธ เอื้ออุด-
หนุนเร้าและเร่งรุด - - - พละสุดกำลังเขา

O ครั้นศานดนูราช - - - ยละนาฏะรูปเยาว์
งามลักษณ์จำหลักเงา - - - ระอุเร้าอุราหลง

O นามโฉมะควรฟ้า - - - "สัตยาวดี"นง-
ราม .. ผู้จะเปรียบหง- - - - สะกระพือกระเพื่อมหาง

O หวังเพียงจะเคียงครอง - - - ทะนุน้องอนงค์นาง
เงื่อนไขบิดาวาง - - - ระดะขวางและขัดไว้

O โอรสะหากมี - - - ยศะที่พระทรงไชย
แห่งหัสดินใน - - - ปุระแคว้นบุรินทร

O จึงศานดนูอง- - - - คะณรงค์กะร้าวรอน
กำสรดระทดถอน - - - หฤทัยะไปมา

O ด้วยศานตนพเอา- - - - รสะเยาวะราชา
ทรงบทพระยศถา - - - เฉพาะว่าจะนั่งเมือง

O คืนวันพระผันผ่าน - - - ทรมานะแนบเนือง
สร้อยโศกวิโยคเบื้อง- - - - หฤทัยะใหญ่หลวง

O รูปซึ่งคะนึงนึก - - - ก็ผนึกฤดีดวง
งามเยาวะทาบทวง- - - - ดุจะบ่วงนะคล้องขวัญ

O สุดที่จะลี้หลบ - - - รติภพะโรมรัน
เยี่ยงไรจะได้บรร- - - - ลุภิรมยะสมปอง

O จึงศานตนพเอา- - - - รสะเยาวะเมื่องมอง
เห็นอกชนกหมอง - - - เฉพาะต้องนิวรณ์ผลาญ

O หมายช่วยอำนวยเรื่อง - - - ทุขะเนื่องชนกมาน
ปลดเปลื้องประเทืองศาน- - - - ติภิรมยะครอบครอง

O ลอบเร้นเสด็จหมาย - - - อธิบายะรับรอง
ผู้พ่อและข้อผอง - - - จิตะปองและใฝ่หา

O ยินดีจะพลีศัก- - - - ติพิลักษณะอัครรา-
ชันย์บทพระยศถา - - - สัตยาพระมอบลง

O ครั้งนั้นพระมั่นวา- - - - ทะและว่าจะยอมองค์
อยู่เดียวพระจำนง - - - พจนารถประกาศไป

O สิ้นกล่าวระราวว่า - - - ทิพะฟ้าจะอวยชัย
บุปผาและมาลัย - - - ระดะไหลละหล่นสรวง

O แว่วบัณเฑาะว์ศังข์แตร - - - เสนาะแซ่หทัยปวง
ข้าวตอกและดอกดวง- - - - กุสุมาก็พริ้วไหว

O พร่างพรูจะบูชา - - - สัตยาพระทรงไชย
สรรเสริญเจริญใน - - - "ภิษม์"นัยะครั้งนั้น

O เพรียกผองพสกหมาย - - - นยะคล้ายจะคือกัน
แทน"ศานตนพ"บรร- - - - ลุผนึกกมลชน

O เพรียกนั้นเพราะศรัทธา - - - ภิษมาพระทรงพล
เพรียกนั้นเพราะบันดล - - - จิตะคนนะคล้อยตาม



นางสัตยาวดี
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
0000 - - - 0002
0002 - - - 0003
0000 - - - 0003
0003 - - - 0004
(ฉันท์นี้ไม่มีลหุ...มีแต่ครุล้วนๆ)

O ผ่านตอนย้อนหวน - - - ถึงนวลรูปงาม
สัตยานงราม - - - เมื่อยามรุ่นคราว-
พาพราหมณ์ข้ามชล - - - ลมวน-สาปคาว
กลิ่นกายเนื้อสาว - - - ร้อนผ่าว-อกพราหมณ์

O ฤๅษีปาศร - - - อาวรณ์ปรารมภ์
ใคร่ชู้สู่สม - - - สุดข่มวาบหวาม
โฉมฉายพายเรือ - - - หอมเหลือเนื้องาม
บันดลมนต์พราหมณ์ - - - เพรียกตามเมฆมา

O เกลื่อนกลุ้มคลุมเรือ - - - เรี่ยเหนือสายชล
กลิ่นหอมล้อมลน - - - เปื้อนปนเมฆา
ย้อมกายรูปนุช - - - เรือรุดเร่งคลา
หายวับลับตา - - - ท่ามวารีไหล

O วันผ่านนงนุช - - - เร่งรุดคืนรอย
ก่อนเกิดลูกน้อย - - - ตราบคล้อยเติบใหญ่
จำพรากมารดา - - - สูป่าพงไพร
บำเพ็ญพรตไพ- - - - บูลย์ในฤทธี

O เลื่องนามปรากฏ - - - ด้วยพรตบำเพ็ญ
ฝึกกล้ำลำเค็ญ - - - เฉกเช่นฤๅษี
นาม"วยาส"ชาติเชื้อ - - - หน่อเนื้อวารี
เวทย์มนต์บารมี - - - คล้อยคลี่คลุมวัน

O ด้วยบุญบันดาล - - - เบ่งบานกำจร
ฤาษีปาศร - - - อวยอรพรขวัญ
คืนย้อนก่อนคราว - - - สิ้นคาวสาวพลัน
ทั้งปวงล่วงผัน - - - พรหมจรรย์ยังคง

O กลิ่นกายหายคาว - - - กลิ่นสาวชวนดอม
ชวนชายชื่นหอม - - - รอบล้อมจำนง
เรือนร่างสร้างเติม - - - พูนเพิ่มรูปทรง
อกตั้งเอวองค์ - - - เสกส่งงามตา

O ห่อนนานศานดนู - - - สบ-สู่อาลัย
ศานตนพ-ลอบไป - - - หมายใจช่วยปรา-
ศัยพ่อนงเยาว์ - - - ผู้เฝ้าใฝ่หา-
ยศหนักศักดา - - - ย้ำยาตราบยอม

O สำเร็จสมการณ์ - - - เบิกบานทรวงใน
ชื่นต้องผ่องใส - - - ดวงใจหล่อหลอม
เป็นชายาผู้ - - - เคียงคู่ด่ำดอม
เติมหวังพรั่งพร้อม - - - คอยกล่อมเกลาใจ

O ผ่านยามบรรเจิด - - - กำเนิดโอรส
หนึ่ง"จิตรังคต" - - - ปรากฎนามไป
อีกหนึ่งพึงพิศ - - - คือ"วิจิตรวีรัย"
สองผู้รู้ไพ- - - - บูลย์ในบัลลังก์

O ศานดนูลับล่วง - - - สู่สรวงฟ้าบน
องค์ภิษม์ทรงพล - - - ผองชนวาดหวัง
เอื้ออวยช่วยกอปร - - - กิจรอบเวียงวัง
สำเร็จสมดัง - - - ฝากฝังอาศัย

O ราช-จิตรังคต - - - ถ้วนบทบาทมี
ต่ำช้ากาลี - - - ย่ำยีจิตใจ
ชนทั้งนาคร - - - ทุกข์ร้อนทั่วไป
พฤติต่ำนำไท้ - - - เยี่ยงไพร่โอหัง

O จึงเมื่อครรไล - - - หมายไปกำราบ
ศัตรูรู้ทราบ - - - คมดาบ-กำลัง
ข้าศึกฮึกสู้ - - - เชือดผู้ชิงชัง
ชีพลบกลบฝัง - - - เลือดหลั่งโลมแดน

O ราช-จิตรังคต - - - ถึงบทบรรลัย
ชั่วช้าปานใด - - - ย่อมได้ทดแทน
สืบวงศาราช - - - พร้อมอาชญาแสนย์
ชีพล่วงหวงแหน - - - กอดแน่นได้หรือ

O องค์วิจิตรวีรัย - - - อาลัยอาวรณ์
เชษฐาม้วยมรณ์ - - - ด้วยอ่อนฝีมือ
องค์ภิษม์ช่วยรั้ง - - - บัลลังก์, ด้วยคือ-
ช่วยน้องจับถือ - - - ยุดยื้อช่วยสอน

O ราช-วิจิตรวีรัย - - - เยาว์วัยชันษา
ยังไร้ชายา - - - ควรค่านาคร
องค์ภิษม์คิดเอื้อ - - - ช่วยเหลืออาทร
หลังแว่วข่าวตอน - - - บังอรสามนาง

O เจ้าเมืองกาสี - - - จักมีสยุมพร
ข่าวขานกำจร - - - ผ่านย้อนว่อนวาง
องค์ภิษม์ล่วงสู่ - - - เพื่อดูลู่ทาง
หากงามจักขวาง - - - ชิงนางกลับคืน

O ครั้นสบรูปซึ่ง - - - งามซึ้งตรึงตรา
หมายขวัญกัญญา - - - จึงฝ่าเข้ายืน-
หยัดชิดรูปนั้น - - - ฉับพลันเข้าขืน-
ชิงนางท่ามผืน- - - - ทรวงอื้นโอดครวญ

O ชิงโฉมโลมโลก - - - บ่ายโบกแล้วบง-
การรถศึกทรง - - - พาองค์รูปหวน
เร่งร้นดลการณ์ - - - ชิงคราญด้วยควร
เพื่อน้องจักสรวล - - - สองนวลเคียงกาย

O อีกหนึ่งงามล้ำ - - - นาม"อัมพา"พี่
เผยออกวาที - - - ว่ามีคู่หมาย
องค์ภิษม์โดยพลัน - - - พาขวัญผันผาย
สู่มือเจ้าชาย - - - โฉมฉายเคยวอน

O "ศานวะ"องค์ทรงชัย - - - กลับไล่อัมพา
สู่ไพรพฤกษา - - - หลู่ค่าบังอร
แคลงคำอัมพา - - - แคลงราคีตอน-
ถูกชิงกลับย้อน - - - นาครหัสดิน

O ทุกข์ทำครั้งนี้ - - - สุดที่สังเวช
คั่งแค้นต้นเหตุ - - - ผูกเจตผูกจินต์
เข้าพรตจิตหน่วง - - - บำบวงฟ้าดิน
เพื่อคอยตัดสิน - - - ตราบสิ้นเวรกรรม

O บูชาไฟเฝ้า - - - แต่เช้าตราบเย็น
ผูกจิตคิดเห็น - - - ทุกข์เข็ญภิษม์ทำ
ขอเกิดเป็นชาย - - - เพื่อหมายคืนลำ-
เค็ญ, ฆาติเพื่อบำ- - - - เรอช้ำชอกตน

O วาจาบังอร - - - ที่วอนบำบวง
ดาลอัศจรรย์ปวง - - - ลามล่วงสู่ผล
คำสัตย์นุชนั้น - - - หมายมั่นดวงมน
เพื่อภิษม์ทุกข์ทน - - - ลวกลนเผาผลาญ

O ครั้นวิจิตรวีรัย - - - เข้าวัยบั้นปลาย
โรคภัยหลากหลาย - - - รำบายคืบคลาน
ชายาทั้งสอง - - - หม่นหมองวิญญาณ
ไร้ผู้สืบสาน- - - - สันดาน, คร่ำครวญ

O จึงเมื่อราชันย์ - - - สู่สวรรค์ครรลอง
จึงชายาสอง - - - ร่ำร้องไห้หวน
องค์พี่"อัมพิกา" - - - "อัมพาลิกา"นวล-
น้อง, ช้ำกำสรวล - - - แต่ล้วนอาลัย

O ร่มฉัตรจึงว่าง - - - ไร้ร้างผู้ครอง
สัตยาวดีปอง - - - ภิษม์พ้องฉัตรไชย
ครองสองชายา - - - สืบหน้าที่ไป
ภิษม์อ้างคำไท้ - - - ยังไป่ถอดถอน

O คำสัตย์เคยมอบ - - - เป็นกรอบแกร่งไกร
ที่สุดรุดไป - - - ถามไถ่เว้าวอน
เรื่องราวถ้วนมี - - - ฤๅษีนามกร
"วยาส"ช่วยทอน - - - คลายคลอนสัจจา

O สมสู่คู่สาว - - - เรื่องราวสมหมาย
ฤๅษีพลีกาย - - - บุตรชายได้มา
หลังหนึ่งนารี - - - องค์ศรีอัมพิกา
สังเวชเพทนา - - - ด้วยท่าฤๅษี

O รูปเอยรูปงาม - - - ข่มข้ามจำนง
หลับเนตรหลบลง - - - เมื่อบ่งราคี
ได้ลูกเป็นชาย - - - กลับกลายราศี
มืดบอดเนตรมี - - - บัดพลีอารมณ์

O คือองค์"ธฤตราษฏร์" - - - มีชาติมีนาม
มืดบอดเนตรตาม - - - เมื่อยามสู่สม-
แห่งมารดาตัว - - - เร้ารัวอกตรม
หลับตาขื่นขม - - - ขับข่มภาพนั้น

O อัมพาลิกาน้อง - - - กรรมพ้องฤๅษี-
แก่หง่อมบัดพลี - - - ราคีร่วมขวัญ
เสียงร้องก้องกรีด - - - ขาวซีดผิวพรรณ
เมื่อบุตรพรากครรภ์ - - - ขาวนั้นสมัญญา

O คือ"ปาณฑุ"ทรงยศ - - - ปรากฏรูปตน
เมื่อสัตยาวดียล - - - หมองหม่นทาบทา
ไป่รู้สาเหตุ - - - สังเวชเพทนา
สังขารหลานยา - - - ตากหน้าอดสู

O ส่งนางกำนัล - - - โดยพลัน, บัดพลี
สมพาสฤๅษี - - - ราคีร่างตรู
องค์ธรรมจึงหนุน - - - ผ่านบุญอุ้มชู
ได้"วิทูร"รับรู้ - - - เพื่ออยู่เฝ้าแหน

O จึงภิษม์จัดการ - - - สอนหลานสามคน
หลากหลายเล่ห์กล - - - ไว้รณป้องแดน
หลักการจับอ้าง - - - แนวทางวางแผน
เกณฑ์กฎทดแทน - - - ร่วมแสนย์สงคราม

O ธฤตราษฎร์ขาดเนตร - - - วิทูรเภทต่ำเหลือ
เลือกปาณฑุชาติเชื้อ - - - ราชเหนือเขตคาม
ราชันย์พาพงศ์ - - - จันทรวงศ์เลื่องนาม
สองชายางาม - - - ผูกล่ามหัวใจ







อีทิสังฉันท์ ๒๐
010101012 - - - 10101012 - - - 103
1 = ลหุ
0 = ครุ
2 = ครุสัมผัสในบท
3 = ครุสัมผัสระหว่างบท

O หนึ่ง"ปฤถา"สมระตอนสมัย
เคราะห์เข็ญะเร้าก็เนา ณ ไพร - - - จะใช้กรรม

O จึงเสนอสนองและปองจะนำ-
ประโยชนะที่มุนีจะทำ- - - - นุสำราญ

O ตราบฤษี ธ เมตตะเจตประทาน
อำนวยะพระย้อนผสาน - - - สมานชนม์

O ดาลสุภพะชาติและวาสน์ระคน
กะเทพยดา ณ ฟ้าสถล - - - ณ หนสรวง

O เมื่อทิพานะเกี้ยวเลาะเลี้ยวก็ดวง-
หทัยะศรีสุรียะหวง - - - และห่วงหา

O สม-สนองสนานสมานสภา-
วะรูปลออพะนอสถา- - - - นะภาพครวญ

O สู่-ประการะมอบ ณ รอบกระบวน
ละห้อยคะนึงเพราะซึ้งกระสรวล - - - กระหวนหา

O นามอุรสะนั้น"พระกรรณ"สถา-
นภาพะมีสุรีย์ทิพา - - - บิดาตน

O แนบกะทรวงเกราะครองเหมาะป้องผจญ
และกรรณะห้อยกะสร้อยพิมล - - - ระคนการณ์

O มาตุชาติเพราะพิศะพิสดาร
กระอักกระอ่วนกะส่วนพิการ - - - สะท้านใจ

O นำกุมาระลอยชลาลุไหล
บำบวงทิวา ณ ฟ้าประไพ - - - ละภัยผอง

O บุญะถ้วนนะลูกจะผูกประคอง
จะป่วยจะไข้จะไห้จะหมอง - - - บ่ต้องตน

O ดาละเมตตะจิตสถิตเพราะยล
ประคับประคองเพราะต้องกมล - - - เสน่หา

O กรรณะน้อยก็ล่องกะฟองชลา
ระหกระเหินกะวาสนา - - - ชะตาตัว

O เหมือนพระพายกระซิกระริกระรัว
ประโลมระลอกจะหยอกจะยั่ว - - - จะถัวเวร

O กรรณะหลับสนิทเพราะฤทธิเกณฑ์-
ทิพาสวรรคะสรรกระเวน - - - ประเคนพร

O ทั้งเกราะทองและมนตะดละตอน
ประพิมพ์ประพายจะถ่ายจะถอน - - - และรอนกรรม

O ครั้งกระนั้นนะมีบุรี ณ ลำ-
ชลาเพราะนามะ"อังคะ"ทำ- - - - นุนำชน

O ผัวและเมียวิตกะอกฉงน
ไฉนนะลูกจะผูกกมล - - - จะเกิดมา

O ครั้งอรุณะสรรคะภรรยา
ละเรือนและย่างลุฝั่งชลา - - - ก็พายล-

O ภาชน์นะลอยระกกและแขม ณ ชล
และร่างสนิทกะนิทระบน- - - - ก็ด้นดึง

O พัสตระคลี่กระนั้นก็พลันตะลึง
กุมาระพาอุราระรึง - - - คะนึงครอง

O อุ้มและกอดกระชับประคับประคอง
ภิรมยะนามก็ลามสนอง - - - คระลองฝัน

O แม่"รธา"บิดาก็"ศตนันทน์"
ถนอมเพราะบุญกรุณะกรรณ - - - ผิว์ขวัญตา



มาณวกฉันท์ ๘
0110 - - - 0112
0112 - - - 0113
0110 - - - 0113
0113 - - - 0114
1= ลหุ
0, 2, 3, 4 = ครุ


O เบื้องขณะกาล - - - ปาณฑุราช
เมื่อยุรยาตร - - - ฆาตมฤคา
รมยะปวง - - - ล่วงหทยา
มวละพฤฒา - - - ร่วมกิจกรรม

O ราชบริพาร - - - มานะกระสรวล
ฆาตะกระบวน - - - ล้วนเฉพาะบำ-
เรออัตะรู้ - - - สู่ภพะสำ-
คัญะจะนำ - - - ทำนุสุขา

O เมื่อพิศะกาย - - - ทรายขณะก้าว
ตราบระยะสาว - - - น้าวธนุหา
เสียบอุระทราย - - - กลายชิพิตา
ก่อนมรณา - - - พาภวะคืน

O คือมนุผู้ - - - รู้พฤติตน
ลองฤทธิมนต์ - - - ดลจิตะขืน
เพียระกระทำ - - - งำทุขะกลืน
หมายสุขะฝืน - - - คลื่นทุขะกลาย

๐ ราชะมนัส - - - หัตะกระนี้
บรรลัยะมี - - - ชีวะสลาย
สาปะจะพึง - - - ตรึงบทะปลาย
ราชะจะหมาย - - - กายนุชะไหน

O พึงชิวะมรณ์ - - - ถอนวตะมวล
เจตะกระหวน - - - ครวญนยะไป
พราหมณะภาษ - - - บาดอุระไท้
ช้ำหฤทัย - - - ในกุธะแสน

O คืนปุระแล้ว - - - แน่วมนะครวญ
ทุกขะกระบวน - - - ป่วนอุระแทน
พราหมณะเรื่อง - - - เนื่องหัตะแม้น-
ดุจะละแล่น - - - แน่นอุระนี้

O ปลงจิตะทิ้ง - - - สิ่งทุขะวาง
เล่หะระคาง - - - ร้างกิจะมี
แล้วพระก็พลัน - - - หันจรลี
พร้อมทวิศรี - - - มุ่งวนะไพร

O หมายสละโล- - - - กียะประดา
สิ้นครหา - - - พาสุขะไพ-
บูลยะเพื่อ - - - เอื้อพิสมัย
ชีพิตะไท้ - - - ในธรรมะมรรค

O สองพระมเห- - - - สีรมยา
ในมรคา - - - ภาคะประจักษ์
โอรสะเชื้อ - - - เหลือศุภะลักษณ์
งามก็ตระหนัก - - - ศักดิพิมล

O ครรภะปฤถา - - - พาหะระเมียร
"ยุธิษะเฐียร" - - - ก่อน"ภีมะ"พล
แล้ว"อรชุน" - - - ผู้จะผจญ
หาญะจะรณ - - - ป่นกะอรินทร์

O ส่วนมัทรี - - - มีพระอุรส
นามะประพจน์ - - - แฝด"อัศวิน"
คู่"สหเทพ" - - - ร่วมสหะจินต์
ชาติบดินทร์ - - - ทั้งพระ"นกุล"

O เบญจะประภพ - - - ครบบุญะที่-
ปาณฑพมี - - - จิตะละมุน
รักษะถนอม - - - พร้อมธรรมะคุณ
บ่มพฤติหนุน - - - เนื่องอุปถัมภ์

O บาปะอดีต - - - ขีดระยะถึง
ปาณฑุคะนึง - - - ซึ่งรชะกรรม
กอดมัทรี - - - ที่อุระสัม-
ผัสะก็คว่ำ - - - วายชิวะพลัน

O กาละถวาย - - - เพลิงพระบดี
จึงมัทรี - - - พลีชิวะบรร-
ลัยะแสดง - - - แจ้งจิตะสรร
พฤติกระนั้น - - - บรรลุสุชน

O เสร็จกิจะราช- - - - ศารทธพรต
เบญจะอุรส - - - กลับปุระตน
ด้วยปิตุลา - - - ราชะจะปรน-
เปรอสุขะผล - - - ดละกะหลาน

O ท้าวธฤตราษฎร์ - - - ปราศะพระเนตร
ดละเพราะเหตุ - - - เพศะพิการ
ราชะอุรส - - - บทะผสาน
จาคะประทาน - - - มนตะฤษี

O ครรภะมเห- - - - สีก็ประมาณ
สองวรรษะกาล - - - ผ่านชิวะมี
คลอดทวิมัง- - - - สาเฉพาะที่
หัตถะฤษี - - - แยกศตะตน

O องคะปฐม - - - นาม"ทุรโยชน์"
น้องจิตะโฉด - - - โคตรทุรชน
เพรียก"ทุศศาสน์" - - - ชาติพิกล
นามะระคน - - - ฉละประดา

O ร้อยภพะชาติ - - - ทาสะสถุล
เกินธรรมะคุณ - - - บุญะจะพา
เนตรธฤตราษฎร์ - - - ขาดทัศนา
รักอุรสา - - - อาธรรมะซึ้ง

O แม้นพระจะรู้ - - - ผู้อุรสา
เกลือกมรคา - - - ภาวะบ่พึง
หากพระก็สู้ - - - อยู่กะคะนึง
หลานพระจะถึง - - - ซึ่งนยะธรรม

O เพียระประพฤติ - - - ยึดสุรภพ
ฉละกระทบ - - - จบทุรกรรม
เพียระพะวง - - - บ่งจิตะสัม-
ผัสะและนำ - - - สัมมะประดัง



เจ้าชายฝ่ายเการพ และ ปาณฑพ..แรกพบกัน
ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒
100100 - - - 100102
100102 - - - 100103

O ประสบพักตร์ประจักษ์พร้อม
จะร่วมหลอมเพาะกำลัง
ประดาญาติประภาษยัง
สดับฟังก็ดับฝัน

O เพราะคำพิษและอิจฉา
ประเลงวาทะในวัน
และคำเอ่ยก็เย้ยหยัน
มุรำพันประจันความ

O และต่อมาประดาโฉด
ก็จัดโภชนาตาม
จริตพิษะฤทธิทราม
ก็ลุกลาม ณ ท้ายวัง

O กระนั้นภีมะเชิญมา
กรุณวาทะผ่านฟัง
สมาคมะสมดัง-
จะร่วมหวังและร่วมใจ

O กระยาหารประมาณว่า
จะรวมญาติสายใย
และเมื่อภีมะเผลอไป
เสาะพิษใส่กะมังสา

O ฉะนั้นภีมะมึนง่วง
ก็มัดถ่วงกะคงคา
ละลิ่วหล่น ณ ก้นธา-
ระเพรียกนามะ"บาดาล"

O กระนั้นภีมะเรี่ยวแรง
พลังแกร่งก็ทนทาน
ประคองกายบ่วายปราณ
ณ ถิ่นฐาน ณ ถ้ำทอง

O พญานาคะปู่แม่
ก็ดูแลและรับรอง
สุธาทิพยะจิบลอง
พลังผองจะคืนหา

O หทัยปลื้มและดื่มด่ำ
เพราะปู่ย้ำกะหลานยา
สุธารสะโอชา
จะเสริมภาวะกำลัง

O นิทราร่าง ณ กลางถ้ำ
ฤทธีล้ำก็คืนดัง-
อดีตชาติวาดหวัง
ก็กลับวังและเวียงตน

O ประสบพักตระปาณฑพ
ก็เล่าครบประจบจน-
กระทั่งปู่และผู้คน
สนุกล้นกะกลนัย

O ตลอดยามก็ตามอยู่
บ่อาจรู้ทิศาใด
คะนึงล่วงเพราะห่วงใย
จะร้างไปไฉนหนอ

O สุพจน์พี่พจีติง
เพราะห่วงยิ่งกะเฝ้ารอ
สดับเสียงก็เพียงพอ
จะรื้นศอกะห่วงใย

O ตะวันผ่านและกาลคล้อย
พระภิษม์พลอยพินิจไป
เพราะจำเป็นและเห็นไกล
ก็เชิญให้ประชุมกัน

O ประสงค์หลานนะศึกษา
วิชาการะโรมรัน-
กะอาวุธะยุทธภัณ-
ฑะครบครันประกันกาย

O ฉกรรจ์วัยะถ้วนผู้
ประยุทธรู้ก็สมชาย
อรินทร์ไหนผิว์กล้ำกราย
จะเฉิดฉายระหว่างรณ

O พระเชิญ"โทรณาจารย์"
ประสิทธิ์การณะบัดดล
คณาศิษยะฝึกฝน
เพราะเร่งร้นจะร่ำเรียน

O พระอาจารย์ประสารสอน
สุพจน์วอนก็ผ่านเวียน
ประโลมความละลามเศียร
เถอะพากเพียรจะช่วยครู

O อดีตมิตระเคยมี
ตลอดชีวะเชิดชู
ตระหลบสัตย์ผิว์ศัตรู
สถิตอยู่ ณ ปัญจาล

O พระนามนั้น"ทรุบท"เนื่อง
เพราะลือเลื่องอหังการ
สุพจน์วอนนะอ่อนหวาน
ก็บรรสาระรำพัน

O ณรงค์ปองเถอะผองศิษย์
ระรุมฤทธิโรมรัน
เถอะเพื่อครูจะรู้บรร-
ลุใฝ่ฝันและชิงชัย

O เสนอการณ์ประสารคิด
ทะลวงจิตทะลวงใจ
ณรงค์ยุทธจะฉุดให้-
สนองนัยะจำนน

O ประยุทธชาญะปาณฑพ
และเการพก็คล่องรณ
ประพิศภาพะทราบผล
ฉกรรจ์ชนจะได้ชัย

O กระนั้นโทรณาจารย์
ก็ทูลการณ์ประกอบไป
คณาศิษยะฤทธิ์ไกร
ณรงค์ใครจะล่มเขา

O ก็เหลือแต่จะฝึกปรือ
ประลองมือกะหนักเบา
ตวัดดาบวะวาบเงา
และใฝ่เฝ้าจะฝ่าฟัน

O ก็สุดที่จะมีสอน
ละบทตอนก็ต่างบรร-
ลุล่วงกละเลือกสรร
ถนัดกันก็ครันครบ


จบ .. บทที่๑




Create Date : 25 มกราคม 2552
Last Update : 21 กันยายน 2565 7:54:26 น. 49 comments
Counter : 4166 Pageviews.

 


พี่คะ..

จะค่อยๆ ตามอ่านนะคะ
สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ



โดย: ดวงใจพ่อ (Nok_Noah ) วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:11:08:20 น.  

 
สวัสดีครับ...
Cracky Dong
ยินดีครับที่แวะมา...
มีความเห็นความอ่านในเรื่องที่เขียนก็เชิญครับ





นก...
หน้านี้คงแช่นาน...เป้นร้อยบท
เพราะเรื่องนี้เรื่องยาว
หากเปลี่ยนเรื่องแล้ว..จะจบไม่ลง
จะเปลี่ยนฉันทลักษณ์ไปเป็นตอนๆ..
แบบสามัคคีเภทคำฉันท์...

อ่านไป..เขียนไป...โพสต์ไป
จะเอาแต่ฉันท์หลักๆอย่างในสามัคคีเภท
ลองอ่านดู...ศัพท์ไหนที่ไม่รู้ก็เปิด
พจนานุกรมออนไลน์หาเอา....



โดย: สดายุ... วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:20:55:27 น.  

 
สวัสดีพี่กายค่ะ...สวัสดีคุณนกด้วยค่ะ..

..พี่กาย..เดี๋ยวคืนนี้ทําอักษรให้นะคะ..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:23:50:46 น.  

 
มาภาพ มหาภารตะยุทธ แนวแฟนตาซีเพียบเลยครับ
ไปเจอมา ที่นี่
www.devacurse.com

เดวาเคิร์ส

มีสดายุด้วย


โดย: ตาโปน IP: 61.91.241.70 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:2:29:08 น.  

 
ความเจ็บปวด...
ขอบคุณครับ..กับคำอวยพร
วันปีใหม่จีน




ตาโปน...
ขอบคุณครับที่มาบอก...
เพียงแต่ไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ
ผมต้องการแบบรูปบนนั่นแหละ...
หากไม่มีตัวหนังสือทับ..จะงามมาก
ศิลปะแบบอินเดีย...มีรายละเอียดมาก
ถึงขนาดเห็นเส้นผมพลิ้วสะบัดทีเดียว





น้องเพลง...
ขอบคุณมากนะคะ..ในน้ำใจไมตรี

เพียงแต่งานชุดนี้จะยาวมากนะคะ
พี่เกรงว่าการทำตัวอักษรสำหรับบทยาวๆ
จะเป็นภาระให้น้องมากเกินไปนะคะ

เอาไว้เฉพาะบทสั้นๆก็ได้น้า

ส่วนโค๊ดบล็อค..พี่เมล์ไปให้แล้วค่ะ
ทาง hotmailธรรมดา

อ้อ..นี่แสดงว่าที่หายไป...เพราะงอน
มีเขียนบทใหม่ตัดพ้อต่อว่าด้วย...ใช่ไหม ?
อืม..สำคัญจริง...อิๆๆ...




โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:11:59:29 น.  

 
ใครๆๆๆๆ..ครายยยงอนน..
..ตอนนี้จมูกแดงเป็นลูกตําลึงละพี่กาย..
..อยู่ๆเป็นหวัดได้ไงไม่รู้..เฮ้อออ...แสบตะมูก..

..อ้อ..พี่กาย..ที่ส่งไปก้อยังเปิดไม่ได้ค่ะ..
..พอเปิดแล้วจะเป็นดาว์โหลด..พอดาว์โหลดเสร็จ..
..ก้อเปิดไม่ได้อะค่ะ..ทําไงดีอ่าคะ..


โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.15.154 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:18:15:27 น.  

 
สลับกลอนบ้างไหมคะ?

จีนมีหนังสือนี้ แต่อ่านไม่เคยจบเข้าใจ อ่านแบบนี้บ้างอาจง่ายขึ้น

ยิ้ม..


โดย: Jean IP: 79.79.136.130 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:19:20:47 น.  

 
เย้ เรื่องยาวมาอีกแล้ว...
อย่าเขียนเพลินจนลืม...ประทีปแห่งเอเชีย นะครับ... แฟนๆ รอคอย อิอิ
ว่าแต่ เรื่องนี้ขอเป็นฉบับจบสมบูรณ์ได้ไหมครับ
ไม่อยากอารมณ์ค้างครับ แหะๆ


โดย: ศารทูล IP: 113.53.10.58 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:20:58:48 น.  

 
น้องเพลง...
เป็นหวัดล่ะสิ...ดูแลตัวเองดีๆนะคะ
อากาศเปลี่ยน...จมูกแดงได้แสดงว่า
จะเป็นพวกอารยัน...ผิวขาว...อิอิ

เดี๋ยวมีวิธีใหม่...ให้เพลงเปิดจนได้แหลน่า
เชื่อพี่..แล้วเดี๋ยวดีเอง..

เป็นหวัดต้องพักผ่อนมากๆนะคะ...
อยู่ต่างบ้านต่างเมือง..ผู้คนก็ไม่เอาไหน

คิดถึงนะคะ...ขอให้หายเร็วๆ
อิๆๆ






จีนา....
พี่ตั้งใจจะเขียนเป็นฉันท์ตลอด...
พออ่านเข้าใจไหมคะ...ศัพท์แสงจะเยอะหน่อย
เพราะต้องเอามาใช้ในตำแหน่งลหุ
แต่มันก็สนุกดี...คนเขียนคงหนักแรงยิ่งนักกับเรื่องนี้

ในเมืองไทย..เขามีฉบับย่อ
เอามาแต่..บทเพลงแห่งองค์ภควัน
หรือ ภควัตคีตา...เฉพาะส่วน..แต่มันเป็นเรื่อง
ปรัชญา..ภาษาไทยยังเข้าใจยากเลย
ต้องมีพื้นฐานทางศาสนามาพอควร


โดย: พี่กาย IP: 125.27.79.48 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:21:07:00 น.  

 
ศารทูล...
กะเอาให้จบ...ยาวนานแค่ไหนก็คอยดูละกัน
ใครอยากอ่านกลอนนารีปราโมช..ก็ไปอ่าน
บทเก่ากันก่อน...อิๆๆ

จะเอาสักบทไหม..
ไว้ปิดเทอมก่อนละกัน


โดย: สดายุ IP: 125.27.79.48 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:21:14:30 น.  

 
..พี่กาย..
..อยู่ต่างบ้านต่างเมือง..ผู้คนไม่เอาไหน..
..บินมารับจิ จะได้กลับ..อิอิ..
..หรือว่ามาแล้วไม่ต้องกลับ..อยู่ที่นี่เลย..ดีม๊ะ..
..ไม่มีคนสนจายย..ไปเป็นไข้ต่อดีกว่า..
คิดถึงน๊าาาาาา...ฮัดดดชิ้ววว...


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:9:16:27 น.  

 
ยาวมากค่ะ ต้อง print มาอ่าน
ช่วนี้ทำจ้อสอบ ปวดตาจังค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:9:32:44 น.  

 
พี่สดายุคะ
หนูก็คิดถึงอัมพวาเหมือนกัน ตอนอยู่ กทม.ต้องไปทุกวันศุกร์ของเดือน (ไปส่งคุณป้าเก็บค่าเช่าอันน้อยนิด) ไปตั้งแต่ตลาดน้ำอัมพวายังไม่เป็นที่รู้จัก

ไม่เคยพลาดเลยสักครั้งที่ต้องไปไหว้หลวงพ่อบ้านแหลม แถมได้ดูละครแก้บนฟรีด้วย

แถมหน้าฝน อัมพวาสวยในแบบสาวชาวสวน ที่มีแต่ความเย็นชุมฉ่ำ ขับไปแถวๆ บางคนที ก็จะเห็นตัวเงินตัวทองวิ่งผ่านหน้ารถด้วยล่ะค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:13:07:49 น.  

 

เรื่องราวของ เทพ อรชุน ก็ต้องคู่กับ พระนางมาหยารัศมี

ใช่มั้ยคะ


โดย: ม่านจันทร์ IP: 202.57.132.197 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:8:26:43 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน...
เดี๋ยวตอบครับ..ขอแก้บทที่ผ่านมาสักหน่อย

๐ เฟื้องฟุ้งจรุงทิฐิวิภาษ
ธิระชาติรอมชอม
จึงมีฤษีจิตะประนอม
ทิฐิพร้อมประพันธ์คำ

๐ สืบสอนสะท้อนอริยะสัจจ์
ภวะวัฏฏะวงกรรม
นัยวรรคะอักขระจะสัม-
ผัสะนำลุศรัทธา

ที่เปลี่ยนจากประพันธ์ กรอง...
มาเป็นประพันธ์..คำ
เพราะ กรอง..เสียงใกล้กับ ประนอม เกินไป
คือ สระ ออ เหมือนกันทำให้ฟังแล้ว เฝือ

เดี๋ยวค่อยไปแก้ในบท...




เม็ดขนุน....
พี่ชอบไปเพราะมีที่เที่ยวเยอะ...
ไม่ไกลมาก...ไปเช้ากลับเย็นสบายๆ
อาหารการกินอุดมสมบูรณ์...บรรยากาศ
แห่งสวนผลไม้ริมทาง ทำให้ขับรถเพลิน

แต่ยังไม่เคยไปไหว้หลวงพ่อวัดบ้านแหลมเลย
ว่าจะเอาไว้ไปไหว้พร้อมกับสาวแม่กลองเลย
ละกัน..อิๆๆ

เรื่อง..สาวงาม
อันนี้..สำคัญ ..!..อิๆๆ





คุณคมเย็น...
ครับผมจะพยายามอย่างยิ่งยวด

ตอนนี้ยังไม่เท่าไร...เป็นฉันท์พื้นๆ
เดี๋ยวพอเจอ...อีทิสัง ๒๐ หรือ สัทธาฉันท์ ๒๑
แล้วท่าทางจะกระอักโลหิตเป็นแน่แท้..เอิ๊กๆๆ

ผมว่าจะลองเอาฉันท์ ที่พอจะมีความไพเราะมา
บรรเลงสลับกันไป...ให้มากชนิดที่สุด
อาจมีฉันท์ประดิษฐ์เองด้วย

ใครที่ไม่เคยอ่านจนจบเรื่องเพราะยาวมาก
ก็มาทะยอยอ่านไปด้วยกัน...จะได้ไม่เบื่อมาก
วันละนิดวันละหน่อย....






น้องเพลง....
อ้อ..ค่ะ...หน้าร้อนฤดูผลไม้พอดีนะ
เงาะ มังคุด ทุเรียน ก็น่าเมษานี่แหละ
น่าสนุก....

ไปทางนั้นจะมีครบรูปแบบ
ผลไม้...ขนมหวาน...อาหารทะเล
ประวัติศาสตร์...รูปแบบชีวิตพื้นบ้านแบบไทยๆ

เวลาไปอุทยาน ร๒ ก็มักนึกถึงสมัยนั้น...
สมัยที่...สาวงามลูกเจ้าสัวแห่งบ้านอัมพวา..
บ้านบางช้าง...พบรักกับหนุ่มผุ้สุขุมคัมภีรภาพ..
จากเมืองราชบุรี...หลังกรุงแตกครั้งที่สอง

มีเวลาก็ลองอ่านดูใน...นิราศเรื่องยาว
รัตนโกสินทร์







คุณม่านจันทร์...
เอ..ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็น ท่านอรชุน
กับสาวงามผู้ใด จำชื่อไม่ได้ครับ...
เพราะเขียนไปอ่านไป...

แต่อรชุน..ไม่ได้เป็นเทพนะครับ
เป็นขุนศึกฝ่าย ปาณฑป เท่านั้น
ผู้ที่เป็นเทพคือ สารถีที่ชักรถให้กลางศึก
คือ พระกฤษณะ ครับ


โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:9:37:43 น.  

 
อ้อ...คิดถึงคนป่วยนะคะ
นอนพักมากๆ...ทานยาตามที่หมอสั่ง
อย่าดื้อ..อย่าซน

ด้วยความคิดถึงนะคะ...


โดย: พี่กาย IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:9:45:21 น.  

 
๐ สืบสอนสะท้อนอริยะสัจจ์
ภวะวัฏฏะวงกรรม
หมายนัยและใจชนะจะสัม-
ผัสะทำนุศรัทธา

ดีกว่า...
ความหมายชัดดีกว่า
ได้สัมผัสอักษร...ทำ-ธา ด้วย


โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:11:20:12 น.  

 
พี่กาย...
พี่กายงานยุ่งหรอคะ..
..คิดถึงนะคะ..


โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.14.242 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:04:27 น.  

 
น้องเพลง....
ช่วงนี้ยุ่งอยู่บ้าง...
แต่ในเวลาทำงาน...พี่ไม่ออนเอมนะคะ

เดี๋ยวงานการไม่ต้องทำกันพอดี...อิๆๆ
ค่ะ..คิดถึงเช่นกันนะคะ

หายจากหวัดรึยัง....


โดย: พี่กาย IP: 125.27.95.104 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:18:55:43 น.  

 
รู้รอบ รู้ลึก สรุปประเด็นเก่ง
ทึ่งและศรัทธา

อย่าลืมรวมเล่มนะ
สว.รออ่านมานานแล้ว
ไม่มีเวลาอยู่หน้าจอนาน ๆ
อีกอย่างสุขภาพสายตาไม่อำนวย

.............................





โดย: praongai IP: 58.137.129.220 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:8:38:58 น.  

 
วันนี้ ลาป่วย เลยมีเวลาแวะเข้ามา ส่งข่าวว่าจะไปรับปริญญา 20 ก.พ.นี้ค่ะ ช่วงบ่าย


โดย: ม่านแพร IP: 118.174.92.25 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:12:29:45 น.  

 
สวัสดีครับ...
คุณเพรางาย...ชื่อแบบนี้คงหาคนซ้ำยาก
พอดีว่าเป็นคนชอบเรื่องออกทางแขกอยู่แล้ว
เลยอยากเขียนขึ้นมา

พอดีว่าฉันท์ จะเขียนได้ง่ายเมื่อใช้ภาษาบาลี
สันสกฤตมาช่วยเสริม...และเป็นภาษาแขกอยู่แล้ว
จึงพอไปกันได้

เรื่องรวมเล่มคงยังไม่คิดครับ
ยังไงก็ ก๊อปไปอ่านกัน ใน word ก่อนแล้วกัน
นะครับ พอเพลินๆ....อิๆๆ







ม่านแพร....
พี่ยินดีด้วยนะคะ...
เป็นมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร..แล้วสินะ
ต่อไปก็ดุษฎีบัณฑิต...แล้วค่อยย้ายเข้าเมืองหลวง
หรือไปสอนในระดับอุดมศึกษา..ท่าจะดี

มีเวลาแล้วค่อยแวะมาคุย...
พี่คงเขียนเรื่องนี้อีกนานไกล.....อิๆๆ









น้องเพลง....
พี่ไม่เหนื่อยค่ะ...มีคนมาคอยถามด้วยความห่วงใย
แบบนี้เหนื่อยได้อย่างไร...
อีกอย่างตอนนี้กำลังสนุกกับการเขียนฉันท์
เรื่องยาวนี้...

คาดว่าจะทำลายสถิติ - พุทธประวัติคำฉันท์
ที่เคยเขียนไว้ 603 บท ได้ (แต่เรื่องนั้นคำ-ความ
ไม่เอาไหน - เลยไม่เอามาลงให้อ่าน)

อ่านแล้วตรงไหนสงสัยถามได้นะคะ
จะได้รู้ว่าเขียนแล้วคนอ่านเขาอ่านกันไม่รู้เรื่อง...อิๆๆ

v
v
v

๐ คิดและครวญคะนึงก็ซึ้ง ณ ทรวง
ประโลมสมัยก็นัยะหวง.......และห่วงหา
๐ ดาลภิรมยะหยั่งภวังคะภา-
วะเจตะจินต์ถวิละสา-.......ธยายฉันท์
๐ ความกระนี้น่ะหรือก็คือประพัน-
ธะอีทิสังเพราะหวังจะบรร-.......ลุฝันตัว
๐ ความกระชึกกระชักเพราะรักบ่กลัว
ประเลงกะกลองประลองระรัว.......กะหัวใจ
๐จังหวะฉันท์กระตุกสนุกกระไร
มิลองมิดูจะรู้ไฉน.......นะใครนี้

อิๆๆ




โดย: สดายุ... วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:15:44:12 น.  

 
ท่านสดายุครับ

ท่านเคยติดต่อกับคุณ คมทวน คันธนู ไหมครับ

และขออนุญาตเรียนถามว่า...
ท่านสดายุมีความเห็นอย่างไรกับงานของกวีท่านนี้ครับ


โดย: ศารทูล IP: 61.7.174.156 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:13:14:28 น.  

 
ศารทูล...
ผมไม่เคยติดต่อ....ไม่มีสาเหตุให้ต้องติดต่อ

ส่วนเรื่องงาน...ของคุณคมทวน
ผมว่าเขาครบเครื่อง...สมกับคำว่า กวี
เป็นคนที่รู้แจ้งในหลักการของฉันทลักษณ์
ผมก็ใช้แนวทางของเขา เรื่องเสียงในฉันท์
และการสัมผัสอักษร...แต่มาเล่นสัมผัสภายใน
เป็นของตัวเอง

สัททุล จะแบบหนึ่ง
วสันตดิลก จะแบบหนึ่ง
อีทิสัง จะแบบหนึ่ง
สัทธาฉันท์ จะแบบหนึ่ง

ทั้งสี่ฉันท์..ที่พูดถึง..อ่านดูจะเห็นชัดว่าผมเขียน
นอกนั้นไม่ค่อยได้เขียน
วิชชุมมาลาข้างบนนี้...
เพิ่งเขียนเป็นครั้งที่สอง...หลังบท..บุหรงรำแพน
เพราะมันง่าย...เลยไม่ค่อยท้าทาย

ผมมี..วรรณวิเคราะห์ และ หลักการใหม่ทาง
ฉันทลักษณ์...ของคมทวน คันธนูอยู่
ถือได้ว่าเป็นคนเก่ง...ที่สุดในบรรดากวีซีไรท์
ทั้งหลายแหล่...ในความเห็นของผม


ใครเล่น..ฉันท์..โคลง...เป็นผมถึงจะนับเป็น...กวี
หากเขียนเป็นแค่กลอน...ก็เรียกคนเขียนกลอน
หรือ นักกลอน..เท่านั้น....

และหากเยี่ยมทั้งสองอย่าง...เช่น
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
นั่นคือยอดกวี

มหาภารตะยุทธนี้..ค่อนข้างยืดยาวมาก...
อาจต้องเขียนกันหลายเดือนหรือเป็นปี...
และน่าจะมีที่ทางมากพอให้เล่นฉันทลักษณ์
ของฉันท์ได้หลากหลายที่สุด....

และทั้งหมดทุกชนิดที่นายชิต ใช้บรรเลง
ใน สามัคคีเภท...ผมจะเอามาเล่นให้หมด

คอยดู....ละกัน




โดย: สดายุ IP: 124.120.112.155 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:21:33:00 น.  

 
สวัสดีครับท่านสดายุ

ที่ผมถามไปแบบนั้น (เรื่องคุณคมทวน)...
เพราะตอนที่ผมอ่านกระทู้เก่าๆ ที่ pantip
เหมือนจะเคยผ่านตาว่า ท่าน หรือใครสักคนที่มาคุยกับท่าน ณ ที่นั้น
กล่าวไว้ว่า เคยส่งงานไปให้คุณคมทวนดู
ครั้งนั้นผมอ่านผ่านๆ ครับ เพราะตั้งใจจะอ่านร้อยกรอง ไม่ใช่ความคิดเห็น
ครั้นต่อมา จะกลับไปดูให้แน่ใจ ว่านั่นเป็นกรอบความคิดเห็นของใครแน่ (ใช่ท่านสดายุหรือเปล่า??)
ก็หาไม่เจอเสียแล้ว
จำไม่ได้ด้วยครับ ว่ากระทู้ไหน เพราะผมเปิดดูต่อๆ กันไปเรื่อยๆ วันหนึ่งๆ ก็เยอะเหมือนกัน
ไปเช็คย้อนหลังใน history ไม่ไหว

็เลยตัดสินใจมาถามท่านตรงๆ ที่นี่ครับ
อาจเป็นเรื่องที่...ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสักหน่อย
ถ้าไม่สมควรประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
(คิดอยู่นานเหมือนกันครับ ว่าจะถามดีไหม)

ผมยกย่องนับถือคุณคมทวนอยู่มาก...
อีกทั้งดูจะเป็นกวีที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงด้วย
(สังเกตจากคำนำของหนังสือของเขา...
ผมมี จตุรงคมาลา กับ นาฏกรรมบนลานกว้างครับ)

ถ้าหากท่านเคยพูดคุยกับคุณคมทวน ก็...
คือ มันเป็นความรู้สึกที่ดีน่ะครับ ไม่รู้จะเขียนอย่างไร แหะๆ

สมมติว่า
ถ้าผมคุยกับเพื่อนอยู่ ก็จะพูดด้วยความตื่นเต้น ทำนองว่า
"เคยคุยกะเขาด้วยเหรอ....เป็นไงมั่ง" อะไรแบบนี้แหละครับ
(อันนี้ละสรรพนามสมัยพ่อขุนรามไว้นะครับ
เดี๋ยวจะสมจริงเกินไปจนท่านนึกว่าผมมาตอบบล็อกเพื่อน อิอิ)

...................................

ปล. ในมหาภารตฯ นี้
จะรออ่าน อีทิสัง, โตฎก, มาณวก เป็นพิเศษนะครับ
(โดยเฉพาะ 2 อย่างหลัง)


โดย: ศารทูล IP: 125.25.226.129 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:22:24:16 น.  

 
ศารทูล

คงหมายถึงคุณราม ลิขิต
นั่นเขารู้จักคุณคมทวน เป็นการส่วนตัว
เข้าใจว่ากลุ่มก้อนใน...อาศรมชาวโคลง..
ในถนนนักเขียน...จะรู้จักด้วย..เคยผ่านตาว่า
มีกิจกรรมร่วมกันอยู่...

ชื่นชอบ..ก็หาหนังสือมาอ่าน...ก็แล้วกัน
ผมมี...
นาฏกรรมบนลานกว้าง
วรรณวิเคราะห์กับหลักการใหม่
วรรณกามในวรรณคดีไทย

แค่นี้แหละ....






โดย: สดายุ... วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:23:01:41 น.  

 
สวัสดีพี่กาย..คนเก่งที่ซู๊ดดดด...
..เพลงมาแล้วน๊าาา...
..คิดถึงมั๊ยเนี๊ยย..ตอบๆๆๆๆๆ...อิอิ..
..คิดถึงมากมาย..คิดถึงคนเก่ง...ยิ้มๆๆ..
..ปล่อยให้นอนเป็นไข้..ไม่ไปเยี่ยมกันเล้ยย..
..ดอกไม้ให้ชืนใจสักดอก..ก็ไม่มี..เฮ้อออ...
..ไม่เป็นไรๆๆๆ...งั้นเดี๋ยวเพลงให้พี่กายเอง..
..แต่รอก่อนนะว่าจะใส่รูปตรงคอมเม้นยังไง..อิอิ

..กลับ..กทม..หรือยังคะ..
..ขับรถดีนํ๊าา...ห้ามใจลอย..

..ตอนนี้ไข้หายแล้วค่ะ..ยังมีนํ้ามูกอีกนิดหน่อย..
..แต่..ฤทธิ์..กลับมามีเหมือนเดิม..เย้ๆๆๆๆ...

คิดถึงนะๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:3:59:13 น.  

 
เย้ๆๆๆๆ...สําเร็จดอกแก้ว..ไปแล้ววว..ห๊อม หอม..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:4:01:07 น.  

 
น้องเพลง...
หายแล้วเหรอ...ดีจริง
ไม่งั้นบล็อคพี่เงียบมากเลย...
ดอกไม้..เดี๋ยวเอาไปให้...ชอบดอกอะไรล่ะคะ

เมื่อวานไปดำเนินสะดวก กะ อัมพวามาล่ะ
สนุกมาก....อิๆๆ
ไปเห็นว่า..อ้อ...คนแม่กลอง บางคนที
เขาอยู่กันอย่างไร....อิๆๆ

แต่สาวแม่กลองที่สวิส อยู่อย่างไร
นึกมะออกอ่า....

คิดถึงๆๆๆๆ...ค่ะ....

อ้อ..กลับมาเรืองฤทธี เหมือนเดิมแล้ว
พี่ก็ต้องระวังตัวสิ...

อิๆๆๆ


โดย: พี่กาย IP: 124.120.112.155 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:7:31:26 น.  

 
เย้...อีทิสังมาแล้ววววว

๏ เริงสำราญสำรวลปะนวลยุพา
ประหนึ่งปะนางสุรางคนา
วิลาวัณย์

๏ พัน ฤ หมื่น ฤ แสน ผิว์ศัพทสรร
ลุสิ้นพจี,พิธีจะพรรณ-
ะนาโฉม

๏ เธอ...เฉลาแฉล้มสิแย้มประโลม
อุทก,ธรา,ศิลา และโหม
โพยมไหว

อิอิ...อีทิสังนี่ ผมไม่ได้แต่งเสียนานเลยครับ


โดย: ศารทูล IP: 125.25.75.56 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:12:38:41 น.  

 
คุณคนนี้คือใคร...ข้างบน..????

ขอบคุณนะคะสําหรับคําแนะนํา...แต่คิดว่าไม่พูดจะดีกว่านะคะ...เพราะว่าเราค่อนข้างมั่นใจ..ในความคิดของเราค่ะ(ที่ไม่มีอะไรเสียหาย)

คุณ..นิรนามคนนี้..คงเข้าใจผิดนะคะ...
1. การคุยถามสารทุกข์สุขดิบ..และฝากความคิดถึง ถึงกัน..อย่างเปิดเผย...เป็นเรื่องธรรมชาติ และ ธรรมดาที่สุดค่ะ..หรือคุณคิดว่า..การบอกคิดถึง..กับใครสักคน..
หรือหลายคน..คือการจีบกันหรอคะ...ถ้างั้นคงให้คุณคิดแบบปกติ.คนธรรมดาไม่ได้..(เสียใจด้วยค่ะ)

2. ที่พิมพ์คุยกัน..ไม่ใช่ในบล๊อคนะคะ..แต่พิมพ์คุยกันที่..คอมเม้นค่ะ..เน้น..คอมเม้น..ไม่ใช่บล๊อค..ผิดนะคะ

3. ก้อได้ค่ะจีบก้อจีบ..ทําตามความคิดคุณ สักครั้ง..
..เผื่อทําให้คุณดีขึ้น...ไม่แปลกไม่ใช่หรอคะ..ถ้าคนรักกัน..จะพูดคําหวาน..ความเป็นห่วงเป็นใยต่อกัน..ไม่ว่าที่ไหนคงไม่ผิด..ใช่ไหมคะ..โดยฉะเพราะ..ในสถานที่..ส่วนตัวของของผู้นั้นเอง..ซึ่งขณะนี้..ถือว่าคุณเป็นผู้รุกราน..

4. ผลงานของพี่กาย...ถ้าหรือของดิฉันเอง..ถ้าขาดคนอย่างคุณ..เข้ามาอ่านสักคน...เน้นอีกรอบ..คนอย่างคุณ
(หวังว่า..คิดเองได้..ดีหรือไม่ดี..)..เราก้อยังคงทานข้าวลงค่ะ..

5. ไม่ทราบว่าดิฉันรู้จัก..คนอย่างคุณ ด้วยหรอค่ะ..
..คิดว่าคงไม่..แม้แต่แค่รูป..คุณยังไม่แน่ใจเลย..
ว่าเคยเห็น แน่นอนหรือ เปล่า...เท่าที่อ่านคําถาม..ที่คุณถามมา...
รูปที่บล๊อคเพลงผ้า..หน้าตาดีหรอคะ..ตัวจริงดีกว่าในรูปอีกค่ะ..

...ไม่ว่าคุณจะมาด้วยเหตุผล..อะไรก้อแล้วแต่...บอกไว้เลยนะคะ...ไม่เป็นผลด้านจิตใจ...หรือทุกความรู้สึกของ
ดิฉันค่ะ...อย่าเลยค่ะเหนื่อยเปล่าๆ..สู้คุณเอาเวลาที่เสียไปกับเรื่องแบบนี้ของคุณ..ไปหาอะไรที่สร้างสรรทําดีกว่าไหมคะ..อาทิเช่น...จูงคนแก่..หรือเด็กข้ามถนน..
..ได้ประโยชน์กว่าเยอะเลยค่ะ...ลองคิดดูนะคะ...
..คงมี..วิทยาทาน..ฝากคุณแค่นี้ค่ะ..

..เพลงผ้า..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:19:42:14 น.  

 
พี่กาย...เม้นที่เพลงคอมเม้น..พี่กายลบได้นะคะ..
..หรือจะเก็บไว้อ่านแก้เครียด..ก้อได้นะคะ..
..เพลงเฉยๆค่ะ..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:19:46:25 น.  

 
น้องเพลง...
คนเขียนคงไม่ใช่ผู้ชาย...
ปกติผู้ชายจะไม่มีอาการขี้หมั่นไส้ หรือ ริษยา
รุนแรงแบบที่เขียนมาแบบนั้น

มันไม่สร้างสรรค์และก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชาวบ้าน
ลักษณะนี้เป็นหญิง...แบบที่พี่เคยเล่าให้เพลงฟัง
เคยเกิดกับน้องคนอื่นๆ...

นี่คงไม่มี email เพลง เลยมาเล่นหน้าบล็อค
อยู่ในเมืองไทยนี่เอง...คงเจ้าเก่า

มาอีก...ก็ลบอีก
แต่ของเพลง...ไม่ลบ...อิๆๆ
พี่เอาไว้ให้คนอ่าน...

พี่ชอบคนสู้คน...!


โดย: สดายุ... วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:21:56:36 น.  

 
อ้าววว..หรอคะพี่กาย...
..อืมม..ถึงว่า..เจาะจงมาหาเพลงเลย...
..พวกโรคจิต...

คิดถึงมากมาย....
คิดถึงคนดี...
คิดถึงคนเก่ง...
คิดถึงคนของ.......อิอิ

กรุณาใส่ข้อความใน......ให้สมบูรณ์


โดย: เพลงผ้า IP: 80.226.12.11 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:23:01:46 น.  

 
น้องเพลง...
ใช่..พี่ก็รออยู่ว่าจะมา...อยู่ที่เมื่อไรเท่านั้น
แปลกใจจริง...ว่าจิตใจคนเราเป็นอย่างไรกัน
อยู่ดีดีก็ลุกขึ้นมาเขียนว่าคนโน้นคนนี้

ช่องความเห็นเป็นการสนทนากันฉันท์มิตร
ไม่ใช่จุดประสงค์ของการอ่าน...

ต้นกระทู้กลับไม่มีความเห็น
มามีความเห็นเอาเรื่องที่บุคคลอื่นเขาสนทนากัน
อืม...คนไทย


คิดถึงค่ะ...
คนวาจาสำคัญ...
ลูกน้ำเค็มคนนี้ใช้ได้เลย....



โดย: พี่กาย IP: 124.120.110.156 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:47:49 น.  

 
ตอนแรกนึกว่าคุณเพลงเขียนถึงคุณศารทูล
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ถึงรู้ว่าไม่ใช่ แต่เป็นใครไม่รู้ที่คงโพสต์อะไรไม่ดีไม่งาม....ช่างเขาเถิดค่ะ
คุณเพลงกับพี่สดายุต่อกลอนกันต่อดีกว่า
จะรออ่านค่ะ
อ้อ......

จะมาบอกว่า คิดถึงด้วยคนค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:23:14 น.  

 

ดีคะพี่
โฮ้..เขียนเรื่อง"มหาภารตยุทธ"คงจะยาวข้ามปีเป็นแน่แท้

เหมือนไม่ได้คุยกันนาน ไม่รู้ลืมกันหรืยัง
ถ้าลืมก็แปลว่าพี่แก่เลี้ยว..ฮ่า ๆๆๆๆ

พี่สบายดีนะคะ



โดย: ไลเดเลีย วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:46:04 น.  

 
สวัสดีพี่กาย..คุณเม็ดขนุน..และทุกท่านค่ะ..
..พี่กาย..เพลงหลับสนิทเลย พึ่งตื่น..อิอิ..
..เลยไม่ได้มาบอกคิดถึงก่อนนอน..แต่ตื่นมา
ก็รีบมาเลยนะ..คิดถึงๆๆๆ..

คุณเม็ดขนุนคะ..คือว่ามีบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี
มาโพสเรื่องไม่สมควรจะทําน่ะค่ะ..แต่พี่กายลบไปแล้ว
..ไม่ใช่คุณ..ศารทูลค่ะ..

เรื่องต่อกลอนกะพี่กาย..ต้องถามเจ้าตัวเค้าก่อน..
..ว่า..ว่างไหม..มีเวลาเปล่าน๊าา..อิอิ


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:25:07 น.  

 
ลืมๆๆๆ..ลืมบอกคุณเม็ดขนุนว่า..คิดถึงเช่นกันค่ะ..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:27:08 น.  

 
เม็ดขนุน....
คนที่มาโพสต์เขาไม่กล้าลงชื่ออะไรหรอก
เรื่องไม่ดี...ตัวเองก็รู้ว่าไม่ดี...จึงไม่ลงชื่อ
คนแบบนี้มีในทุกเวป...

อาจแสดงตัวเป็นคนดีอยู่เวปอื่น หรือ บล็อคตัวเอง
ก็อาจเป็นได้...และคงชอบอ่านบทร้อยกรอง
ถึงมาอ่านบล็อคพี่ได้....

ที่จริงภาวะการสร้างภาพหลอกลวงคนนี่...
พวกแสดงตัวเป็นคน...ฝักใฝ่ธรรม...นี่จะเป็นกันมาก
คือพูดเรื่องธรรมะธรรโม...แต่ขณะเดียวกัน
ก็ขโมยงานพี่ไปโพสต์ในชื่อตัว เคยประจาน
แล้วก็ยังทำ...หน้าบล็อคก็ยังมีรูปพระรูปเจ้า
เหมือนเดิม....แถมเอางานไปโพสต์มากขึ้น

ไว้จะหาลิงค์มาลงให้ดูกัน....
ว่าพี่ไม่ได้มีอคติกับพวกโวหารภาพพจน์
ที่เคยด่ามันอยู่เรื่อยๆ...เพราะมันมีจริง







ฝน
พี่สบายดี....
เรื่องนี้คงยาวมาก...แต่เขียนตอนต้นปี...
อาจไม่ลากยาวข้ามปี ขึ้นกับแรงใจของแควนๆ ฮ่าๆๆ

คนที่ไม่ได้คุยกันนานก็เป็นธรรมดาที่พี่จะลืม
(เสีย..ฮ่าๆๆ)
เพราะไม่รู้จะจำไปทำไม...อิๆๆๆ
จำคนที่เขาเข้ามาคุยด้วยบ่อยๆดีกว่า
เพราะเขามีอัชฌาศัย....

รวมทั้งการที่ตัวพี่เองไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมใครตอบ
ต้องขออำภัย....มันไม่ใช่การค้าต่างตอบแทน
ทั้งต้องนับว่าเป็นเรื่องที่จนปัญญา เพราะใช้
เวลาเขียนมาก...โดยเฉพาะช่วงนี้...
ไม่ได้ไปไหนเลย

ฝนสบายดีนะ...








น้องเพลง....
ต่อกลอนได้ค่ะ...ไม่มีปัญหา..ต่อกันในช่อง
ความเห็นแล้วให้น้องเพลงเอาไปรวมเล่มโพสต์ใน
บล็อคเพลงก่อนดีไหม...คะ

ไว้พี่ค่อยเอามาลงอีกทีเมื่อเขียนภารตยุทธจบ

ตอนนี้ได้รูปเพิ่ม...ได้เพลงมาเพิ่ม
จากน้องคนใจดี...ไว้จะทะยอยลงประกอบเรื่อง
ตามเวลาที่เหมาะสมต่อไป

เพลงจะลองเขียนฉันท์สักชนิดก็ได้นะ
ระหว่างที่พี่เขียนให้ดูเป็นตัวอย่าง

แล้วจะรู้ว่า...ม่วน...ขนาดไหน
อิๆๆ


โดย: สดายุ IP: 58.137.10.34 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:53:12 น.  

 
พี่กาย...
..ไม่ต่อด้วยแล้ววววว..คิดถึงสักคํา..ก็ไม่มี..ชิชิ..


โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:46:05 น.  

 
ปรบมือและชื่นชมกับผลงานที่สืบสานของคุณสดายุเสมอมา ขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศที่มีคนมีอุดมการรักภาษาไทยเช่นคุณสดายุ


โดย: ct393 IP: 124.120.119.124 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:09:29 น.  

 
คิดถึงนะคะ...เพลงน้อย
อย่าขี้งอนสิ...เดี๋ยวคนรู้กันหมด
อิๆๆ

คิดถึง...สาวแม่กลองคนนี้นะ


โดย: สดายุ... วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:30:14 น.  

 
สวัสดีครับคุณ ct 393
ยินดีครับที่แวะมา...
อย่าพูดว่าเป็นการอนุรักษ์เลยครับ...
ผมเขียนเพราะชอบเป็นการส่วนตัว
ชอบการใช้คำเดินเรื่องตามรูปแบบที่
กำหนดกฏเกณฑ์กันไว้...

เปรียบกับการเล่นเกมครับ...
เป็นเกมการเรียบเรียงตัวอักษรให้ได้ความหมาย

..............................................

ข้างล่างนี้สำหรับผู้สนใจเขียนฉันท์
ทั้งหลายลองพิจารณาดู ครับ

...............................................
การสัมผัสลหุ...
การใช้คำครึ่ง..ที่ท้ายวรรคคี่ในวสันตดิลก
และสัททุลจะทำให้เสียงอ่านพลิ้วมากขึ้น


๐ สรวงนั่นบุหลัน-รุ-จิ-พิลาส
ขณะภาษะรำพัน
โลกต่ำก็พร่ำ-ถ-วิ-ละ-ขวัญ
ขณะนั้น ฤ ห้ามไหว

๐ เมื่อวันถวั-ล-ยะ-ประภาส
นรชาติจะชิงชัย
หักโจระโค่น-ทุ-ระ-สมัย
ดละไท ณ ในทาง


รุจิพิลาส มี สัมผัสลหุ คือ จิ กับ พิ
(คำหลัง-ของลหุคู่หน้า..สัมผัสกับคำแรกของคำครึ่ง)

ถวัลยะประภาส มี สัมผัสลหุ คือ ยะ กับ ประ
พิลาส คือ คำครึ่ง
ประภาส คือ คำครึ่ง

ถวิละขวัญ...ไม่มีคำครึ่ง ยกเอามาเปรียบให้เห็น
ว่าการอ่านจะไม่ลื่นไหล...เนื่องจาก ขวัญ เป็นคำโดด
เนื่องจากคำว่า ละขวัญ มันไม่ใช่คำเดียวกัน
เป็นคำประสม การเขียน 3 ลหุ+1ครุ ตรงนี้
จึงไม่ค่อยงามเท่ากับ 2ลหุ+คำครึ่ง

ตั้งเป็นข้อสังเกตุ เพิ่มความเนียนขึ้นอีกระดับ
อิๆๆ




โดย: สดายุ... วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:35:26 น.  

 
สวัสดีพี่กายค่ะ...
..มาแล้ววว..ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ..
..พักนี้..พอจ้องหน้าจอนานๆ..ก็จะปวดตา..
..เมื่อวานเลยพักค่ะ..กลัวสายตาสั้นก่อนวัย..
..เดี๋ยวจะมองไม่เห็นพี่กายซะ..อิอิ..
..คิดถึงน๊าคะ..



โดย: คีตะพัสตร์ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:47:01 น.  

 

งดงาม...งดงาม...และเชิดจินต์

สวัสดีเดือนแห่งความรัก...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ



โดย: กระบี่ไล่ล่า //// IP: 119.42.77.152 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:02:04 น.  

 
น้องเพลง....
อ้าว..เหรอ..สงสัยจอไม่ดีสะท้อนแสงมากเกินไป
ต้องเปลี่ยนใหม่...
แต่สายตาสั้นต้องใส่แว่นก็ไม่ทำให้ดูแก่นะ
พี่ว่าบางคนใส่แว่นแล้วสวย..น่ารักดี
ยังไงหน้าพี่ก็ต้องมองใกล้ๆอยู่แล้ว
จึงไม่กังวลว่าจะมองไม่เห็น....อิๆๆ

คิดถึงเพลงน้า..







กระบี่ไล่ล่า....
ครับ...เขียนฉันท์ก็ต้องบรรจงกันหน่อย
เขียนหวัดๆไม่ได้...มันไม่งาม
เดือนแห่งความรัก...เหรอ
อืม..สำหรับผม..ความรักมีอยู่ทุกเดือน
ไม่ต้องรอกุมภา
อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:11:23 น.  

 
https://www.youtube.com/watch?v=IBfd1z214V8


โดย: สดายุ... วันที่: 11 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:15:04 น.  

 
.
.
outlook.comf


โดย: สดายุ... วันที่: 6 ธันวาคม 2566 เวลา:17:59:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.