Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

O มหาภารตะยุทธ .. บทที่ ๑๑ ..ตอนอวสาน .. O







ฤๅษีวยาส...ผู้รจนามหาภารตะยุทธ.





แผนที่อินเดียโบราณ.




เพลง .. Radhe Radhe Radhe Shyam 




= บทที่๑๑ .. อวสานแห่งเทราปทีและห้าปาณฑพ =
อีทิสังฉันท์ ๒๐
010101012 - - - 10101012
103
1 = ลหุ
0,2,3 = ครุ


O กลางสุรียะฉายพระพายรำเพย
สกุณะเสียงประเดียงจะเย้ย
เยาะยั่วธรรม

O คนระหกระเหินเผชิญกะกรรม
ประพฤติพรตลุบทะทำ-
นุบำเพ็ญ

O ไหลระรินระริกกระซิกกระเซ็น
อุทกะหลั่งประดังกระเด็น
ละเล่นฟอง

O ขาวพะพรูพะพรายขจายละออง
ละลิ่วและโจมถะโถมคะนอง
ละล่องสินธุ์

O โขดตะปุ่มตะป่ำเพราะน้ำระริน
กระแทกพลังประดังก็ยิน
ณ ถิ่นนั้น

O มัสยาประดุจะรุดถลัน
ฉวัดเฉวียนแวะเวียนสิบรร-
ลุหรรษา

O วกและวนเสาะภัตต์เลาะลัดชลา
อุทกะไหลไถลถลา
บ่ล้าแรง

O ท่องพนัสสิขระจรแสวง
ประพฤติวัตรจะปัดจะแปลง
และปรับตน

O มุ่งพนาก็เพื่อจะเอื้อกมล
พิพิธะทรรศวิวัฒนะผล
จะวนไหว

O ภัตตะรสะเลิศประเสริฐะใด
ก็ปราศะร้างระหว่างคระไล
ลุไพรวัลย์

O หมายสุเมรสิขระจรประจัน
กะปลกกะเปลี้ยละเหี่ยกระทั้น
กระแทกใจ

O หินกระปุ่มกระปำก็คลำเลาะไป
กะเรกะร่อนก็ซ้อนและไช
กะไม้พรรณ

O คนกระมอมกระแมม, แฉล้มก็อัน-
ตรธานะหายเพราะหมายประจัน
ละตัณหา

O เคยกระฉับกระเฉงเลาะเร่งก็มา-
กระป้อกระแป้เพราะแพ้สถา-
นภาพกาย

O ตั้งมนัสะแน่วละแล้วกะสาย-
วิบาก, จะล่มปฐมะหาย-
ยนากรรม

O ตั้งกมลประสงค์ดรงคะธรรม
จะผ่านประพฤติยึดและทำ-
นุนำทาง

O รัถยาจะก้าวก็ราวจะวาง
สภาพะรอและพอจะพราง
ละย่างนั้น

O ศรัทธะในพิถีฤดีจะบรร-
ลุเหตุดล..ละผลจะพัน-
ธนาไหว

O นั้น..เพราะจิตประสงค์จะบ่งพิจัย
ประทุษะกรรมะนำประลัย
ชิวาชน

O นันทิภาคะนามก็ลามและลน
ละเพทนาและราคะบน-
กมลผอง

O ทุกขะยากจะเอื้อและเกื้อตระกอง
พินิจะวัตรพิพัฒนะตรอง
คระลองธรรม

O เพื่อจะแทรกจะปนกุศละกรรม
ปลาตะโศกวิโมกข์จะทำ-
นุใจปรีดิ์

O กาละคล้อยและเคลื่อนลุเดือนลุปี
พิจิตระลักษณ์ประจักษะชี-
วะโทรมครัน

O เทราปทีอนงคะปลงชิวัน
นกุลและคู่ก็สู่สวรร-
คะศัลย์ทรวง

O แล้วก็อ-รชุนะบุญะปวง-
ปลาตเพราะบาปะทาบและทวง
ก็ล่วงลาญ

O จึงพระภีมะเชษฐ์เสาะเหตุเสาะการณ์
พระธรรมะบุตรเฉลยประทาน
อดีตกรรม

O เหตุเพราะฆาตะครูและรู้กระทำ-
ประภาษะโวและโอ่ก็นำ-
ลุม้วยมรณ์

O ใจพระภีมะองคะทรงสะท้อน
สว้านพลังประดังเซาะซอน
ก็ซบลง

O แว่วประโยคะถาม ณ ยามจะปลง
เพราะกรรมะใดประลัยะคง
ประสงค์ชนม์

O จึงพระเชษฐะชี้เพราะชีวะดล
ทุเจรจาและวาทะฉล
ก็หยาบคาย

O คำผรุสวาทประกาศระบาย
จะกินจะอยู่บ่รู้ละอาย
เพราะสามหาว

O เชษฐะศัพทะเผยเฉลยก็ราว-
จะปลดมุหันตะบั่น ณ คราว
มลายชนม์

O จึง-พระธรรมบุตระรุดผจญ
กะเศร้าและโศกพิโยคะดล
เพราะผลกรรม

O มรรคะในระหว่างเหยาะย่างจะทำ-
นุจิตพิสัยลุนัยะนำ-
ลุจุดหมาย

O ถึงสุเมรสิขระจรลุปลาย
ทิพาสวรรคะพลันก็ผาย
พระหัตถ์เชิญ

O โปรดเสด็จจรัลสวรรคะเทอญ
ประพฤติองคะทรงเจริญ
และมั่นคง

O ธรรมบุตรพระเอ่ยและเผยประสงค์
อนุชะ, เทราปทีอนงค์
จะส่งเสริม-

O สู่ทิพาสวรรคะสรรประเดิม
พระอินทร์สดับเพราะศัพทะเติม
ระบิลความ

O ทุกอนุชะองค์อนงคะยาม-
ละโลกะภาควิบากะตาม
พิพากษา

O ล้วนเสด็จสวรรคะชั้นทิพา
ลุก่อนพระองค์จะตรงเลาะมา
สุเมรนี้

O จึงพระธรรมบุตระอัญชลี
กรุณะเมตตะเจตพระมี
ก็ขอบคุณ

O เหลือ-ประการะรอจะขอกรุณ
สุนัขะน้อยก็คอยพระหนุน
เถอะอีกครา

O อัมรินทร์ลุเหตุและเจตนา
บ่-ควรกะการณ์สุวาณจะมา
สวรรค์บน

O ธรรมบุตรก็แจงแสดงนุสน-
ธิย้อน-เพราะวาระภาวะฉล-
และโฉดนั้น-

O ใช่-เพราะพันธุผู้จะรู้จะบรร-
ลุพฤติวัตรและสัตยะพัน-
ธนาใจ

O นี้..เพราะภักดิข้า ณ คราคระไล
ผิว่าจะพรากประจาคะไป
จะเหงานัก

O จึงสหัสะนัยนะใคร่ประจักษ์
ไฉนเพราะมรณ์ประอระรัก
พระหักใจ

O แล้วสุวาณะชีวะนี้ไฉน
มิอาจจะพรากประจาคะไป
นะทรงธรรม

O ธรรมบุตรก็แจงแสดงและนำ-
ลุเหตุกลและผละกรรม
กระทำมา

O การณ์ประลัยะชนมะป่นชิวา
นะเกินดนูจะรู้สภา-
วะทัดทาน

O แต่สุนัขะนี้นะชีวะกาล
บ่ถึงประลัยะขัยจะลาญ
ละโลกา

O เหตุก็ด้วยเพราะมันกตัญญุตา
พินิจเถอะดูจะรู้ประกา-
ระปวงนัย

O ครั้นเพราะพิศสุวาณก็พานกะไท้-
พระธรรมราชชนกะใน-
สมัยนั้น

O จึงชนกและบุตระรุดจรัล
เหาะผ่านสุเมรุตระเวนสวรร-
คะชั้นสรวง

O เห็นสกุละโฉดและโคตระปวง
สถิตะชั้นสวรรคะ..ตวง-
ภิรมยา

O แล้วสกุละเราจะเนาสถา-
นภาพะนันทิพันธะภา-
วะใดหนอ

O อัมรินทระถ้อยก็พลอยชะลอ
ประโยคะย้ำ..เคราะห์กรรมะรอ
พะนอชนม์

O เหตุเพราะชีพประลัยะในสกล
บ่บรรลุตอนสิขรสถล
นุสนธิ์สรวง

O ขาดพยานประจักษะมรรคะปวง
ประพฤติวัตรและสัตยะบวง
ทิพาบน

O เชิญสถิตะเถิดประเสริฐะชน
เพราะกรรมะสร้างจะล้างกุศล
ไฉนสูญ

O กรรมะใครนะสร้างจะพร่างและพูน-
วิบากะผลผจญกะกูณ-
ฑะพูนเผา

O ธรรมบุตระโศกพิโยค..จะเนา-
ทิพาสวรรคะอันเฉลา
จะได้หรือ

O ด้วยเพราะอัตตะพฤติยึดและถือ
อนุชะองค์อนงคะคือ
สหายธรรม

O ยอม-ผิว่าจะตกนรกะกรรม
จะทุกข์จะทนผจญกะช้ำ
บ่คร่ำครวญ

O อัมรินทร์สดับเพราะศัพท์ก็ชวน-
เสด็จนรกะวก..กระบวน
ณ ยามนั้น

O เทพบุตระน้อยก็ลอยจรัล
ลุทางนรกะผกและผัน
ณ บัดดล

O พฤกษะพรรณพินิจประดิษฐะกล
และหนามก็แหลมสิแซมระคน
กระวนไหว

O ทุพพละผ่านวิกาละไกล
เผอิญผิว่าถลาปะไป
จะเสียบแทง

O เลือดและหนองจะชุ่มระรุมบ่แล้ง
สรีระสรรพะปรับและแปลง
เลาะแล่งลง

O มวละกาและแร้งจะแย่งจะปลง
และฉีกกระชากกะซากประสง-
คะกลืนกิน

O ล้วนประดาพระญาติชาตินรินทร์
สรีระร่างก็พังและภิน-
ทะด้วยกรรม

O เทพบุตระจึงตะบึงและนำ
ลุเบื้องนทีพิถีระยำ
กระหน่ำเสริม

O สู่อุทกะเดือดบ่เหือดกระเหิม
พะพลั่งและพลุ่งคละคลุ้งจะเติม
และเพิ่มทัณฑ์

O ทุพพละโฉดลุโทษประจัน
ก็ลวกก็ลนกะผละพัน-
ธะทุกข์เข็ญ

O ธรรมบุตระจรลุร้อนลำเค็ญ
เพราะวาลุกาและภาสะเพ็ญ
บ่เร้นสาย

O กลางอุสุมะบทะจดระบาย
ประดาทุชนทุรนทุราย
กะทรายเพลิง

O ร้อนเพราะแรงตะวันถลันเถลิง
ตะลอนเตลิดกระเจิดกระเจิง
กะผลเวร

O ร่างกระเสือกกระสนทุรนกะเกณ-
ฑะโทษะทัณฑ์สวรรคะเบน
และโบยตี

O ท่ามพระเพลิงนะเผาก็เทราปที
อนุชะผองก็ต้องอัคคี
วิถีกรรม

O แว่วคระโหยทุรนกะผละทำ-
ณ เบื้องอดีตะขีดและค้ำ
ลุคร่ำครวญ

O อ้อนและวอนจริตกระบิดกระบวน
จะเหนี่ยวจะดึงคะนึงและชวน
เสาะส่วนทัณฑ์

O ธรรมบุตรพิโยคพระโศกะศัลย์
อธิษฐานละผ่านสวรร-
คะปันตน

O ยอมจะร่วมและอยู่กะผู้ผจญ-
ะโทษะทุกขะคลุกระคน
คละผลกรรม

O พลันประการะภาพะบาปะทำ
ก็เลือนปลาตะปราศะทำ-
นุใจปรีดิ์

O เทพะส่งพระองคะลงนที
ก็เปลื้องและปลงละองค์สรี-
ระสู่สรวง

O ทิพะรูปจรัลสวรรคะปวง
ประเทียบสมัยหทัยะดวง
ก็ช่วงนัย

O มิตรสนิทะรวมก็ร่วมคระไล
ลุทิพสถานพิมานะใน-
สมัยนั้น

O ล้วนประลัยะร่างระหว่างถลัน
ณรงคะรบประจบประจัน
ณ วันพู้น

O จักสถิตะนามะงามพิบูล-
ยะภพะชาติพิลาศะพูน
จรูญมี

O เพื่อประสบพิพัฒน์สวัสดิศรี
จริตะปรุงจะมุ่งทวี
พิถีธรรม

O เพื่อประพฤติวัตรจะจัดจะทำ-
นุจิตะผองมุปองกะสัม-
มะธรรมเทอญ



อวสาน






 

Create Date : 07 กันยายน 2552
41 comments
Last Update : 24 มกราคม 2564 6:49:30 น.
Counter : 6614 Pageviews.

 

กึงคืนจันทรวารวรสวัสดิ์ค่ะพี่กายขา


มาอ่านฉันท์ต่อค่ะ

ท่านฤๅษีวยาส ครองผ้าสีงามจังนะคะ

ลูกประคำท่านเม็ดใหญ่จัง ท่าจะไม่ถึง 108 เม็ด


ตรงนี้งามมากค่ะ...

๐ ไหลระรินระริกกระซิกกระเซ็น
อุทกะหลั่งประดังกระเด็น
ละเล่นฟอง


สัตว์บนท้องฟ้ากะท้องน้ำสิ.. มีสุข
ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว...และระเริงชล
มีแต่มนุษย์ฤๅคนที่ทุกข์ตรม...


เพิ่งพัก มาอ่านพร้อมทานมื้อที่สองค่ะ



สิริสวัสดิ์ภุมวาร-กมลมานฉานโชติฉายค่ะ

 

โดย: sirivinit 8 กันยายน 2552 0:13:41 น.  

 

พี่สดายุคะ
คุณตาเสียแล้ว....
ขอเอากลอนที่พี่สดายุต่งให้
ไปลงหนังสืองานที่ระลึกพะราชทางเพลิงศพนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ

 

โดย: medkhanun 8 กันยายน 2552 7:00:31 น.  

 



สวัสดีค่ะพี่

แวะมาหา มาเยี่ยมเยียนค่ะ ช่วงนี้ระยอง
ฝนตกบ่อย เป็นอุปสรรคกับการปลูกบ้านบ้างค่ะ
แต่นกก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ค่อยๆ ทำไป
เลือกวัสดุที่ใช้เองแทบทุกอย่างนะคะ
ที่จริงก็ไม่ได้เป็นอะไรนัก ค่อยๆ ดู ค่อยๆ ถาม
กับคนที่รู้เรื่องค่ะ พ่อกับแม่ก็ช่วยมาดูบ้าง

มหาภารตะยุทธ..ฉันท์ทั้งเรื่อง ทำเอา..ทึ่ง..นะคะ
เป็นงานที่หาได้ยากมากๆ สำหรับยุคสมัยนี้นะคะ
คนเขียนเก่งมากมาย คนอ่านก็ต้องพยายามตั้งใจอ่าน
แม้จะเป็นยาขมหม้อใหญ่สำหรับนกก็ตาม แต่คงต้อง
ใช้วิธีปริ้นท์เอาไปอ่านค่ะ จะได้ค่อยๆ แปลด้วย

เมื่อวาน..หลายต่อหลายคนในที่ทำงาน
นั่งลุ้นกับสรุปผลกับคำแถลงของ ปปช. น่ะค่ะ
เห็นเฮกันมากกับคำตัดสิน แถวนี้สีเหลืองเยอะค่ะ
นกเองสีขาวค่ะ เป็นพวกนั่งมอง ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง
ไม่เฮตามกับเขา ชอบอยู่แบบสงบๆ มากกว่าจะไปตามเฮนะคะ

ตั้งแต่กลับกรุงเทพฯ พี่คงไม่ได้มาระยองเลยมั้งคะ
หายเบื่อระยองหรือยัง อย่างว่านะ ระยองไม่ได้มี
สถานที่ที่น่าท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ส่วนมากก็จะมา
กันแถว หาดแม่รำพึง หรือไม่ก็ข้ามไปเกาะเสม็ด
ช่วงวันหยุด ก็ยังมีคนมาท่องเที่ยวมากเหมือนกันค่ะ
แต่นกอยู่จนชินแล้วนะคะ การจะไปนั่งเล่นชายทะเล
จึงแทบจะไม่ไปเลย ยกเว้นมีพรรคพวกมาเที่ยว
ก็อาจจะไปแจมกับเพื่อนๆ บ้าง ซึ่งก็นานๆ ทีค่ะ

พี่สบายดีนะคะ อากาศเปลี่ยนแปลง คงต้องดูแล
สุขภาพกันหน่อย ด้วยความห่วงใยนะคะ
ยังคงนึกถึงพี่กายเสมอๆ ค่ะ

 

โดย: Nok_Noah 8 กันยายน 2552 7:31:58 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึก ทึ่ง ชื่นชม คุณสดายุมากค่ะ เก่งจังเลย มีความรอบรู้ทุกด้่าน จะติดตามผลงานตลอดไปค่ะ

 

โดย: อนงค์นาง IP: 24.185.230.248 8 กันยายน 2552 9:29:54 น.  

 

ตัวน้อย.....
ค่ะ...พี่คิดว่าคล้ายจีวรของทางพุทธเรานะคะ
เหมือนกับว่านักบวช...ผู้จาริกแสวงหาโมกขธรรมในชมพูทวีป
ยุคก่อนโน้นจะใช้ผ้าย้อมสีเปลือกไม้เหมือนๆกันไปหมด

ทางพราหมณ์เขามีหลัก...อาศรมสี่...สำหรับชีวิตหนึ่งๆ
คือวัยเด็ก...วัยศึกษา...วัยครองเรือนทำงาน...วัยแสวงหาโมกขธรรม
พวกฤๅษี...โยคี...ก็เป็นหนึ่งในการแสวงหาการหลุดพ้น

ในสังคมอารยันนั้นการเผยแผ่ความคิดในหลักสัจธรรมนั้น
เป็นไปโดยอิสระเสรี....ไม่มีการบังคับแต่อย่างใด...เพราะจิตใจ
ที่เปิดกว้างของคนในสังคม...จึงศาสนาที่ถือกำเนิดขึ้นในอินเดีย
ส่วนมากจะไม่มีลักษณะของศาสนาที่ริษยาลัทธิอื่น....บรรดา
ศาสนาที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้จึงไม่มีการสู้รบเพื่อบังคับ
ให้คนเชื่อแบบตน....ซึ่งจะต่างกับศาสนาที่ก่อสงครามครูเสดขึ้น

อีทิสัง..จังหวะมันค่อนข้างกระชึกกระชักหน่อยนะคะ.....อิๆๆ





เม็ดขนุน.....
พี่เสียใจด้วย....แต่รู้ล่วงหน้ามาก่อนแบบนี้คงพอทำใจกันได้นะ
ค่ะ...พี่ยินดีหากจะเอากลอนนั่นไปใช้....
ชีวิตคนก็ย่อมมีที่สิ้นสุดกันทุกคน...ให้คนข้างหลังได้จดจำรำลึกถึง
ด้วยความภูมิใจ




นก....
ค่ะ...ระยองฝนคงหนัก...เพราะกรุงเทพนี่ก็ตกแทบทุกวัน
การก่อสร้างงานปูนก็จะเป็นปัญหา....มีพ่อแม่มาดูให้บ้าง
ก็ดี...ผู้หญิงที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางนี้อาจดูแลไม่ทั่วถึงดีพอ

พี่เขียนมหาภารตะยุทธหลังจากได้ฟัง..คุณวีระ พูดในเรื่องเล่า
จากมหาภารตะยุทธ....และพอดีมีหนังสือที่มีบทคัดย่อไว้แล้ว
ค่อนข้างดีก็เขียนง่ายหน่อย.....เพียงแต่ว่าไม่สามารถพอจะ
สนธิ หรือ สมาส คำได้แบบพวกจบบาลีหลายๆประโยค
จึงต้องใช้คำสำเร็จรูปที่มีในพจนานุกรมเป็นสำคัญ....แค่เอา
ตัวการันต์ออกเท่านั้นเอง...

ระยองเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามใช้ได้ค่ะ....แต่พี่เป็นคน
ที่เกิดกับทะเลก็เลยเฉยๆกับทะเล.....ชอบทางป่าเขาน้ำตกมากกว่า
อีกทั้งระยองนั้นหากเทียบกับเกาะสมุยคงลำบาก....
ดินชายหาดมันเนียนผิดกัน...แต่พี่ชอบเสม็ดนะ...ทรายขาวดี

พี่สบายดีค่ะ....ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง





คุณอนงค์นาง.....
สวัสดีครับ....ขอบคุณที่ชม....ผมเขียนเอามันครับ...อิๆๆ
พอดีกับว่าพอมีเวลา...และร้อยกรองนับเป็นความบันเทิงใจ
ที่ดีมากอย่างหนึ่ง...นอกจากการวาดรูปที่ผมเองก็ชอบมาก

พักหลังก็เขียนนารีปราโมชเป็นหลัก
ไม่ค่อยมีสะท้อนสังคมอะไรกับเขา....มีแต่บริภาษกันตรงๆเลย
ด้วยความเรียง...หากประเด็นมันโดนใจครับ....

ยินดีที่แวะมาคุยครับ....
ขอเชื้อเชิญทุกเวลา...ไม่ต้องเกรงใจครับ

 

โดย: สดายุ... 9 กันยายน 2552 7:21:05 น.  

 



สวัสดีค่ะ พี่กาย

เป็นฉันท์ที่พรรณาธรรมชาติได้อย่างไพเราะเพราะพริ้งจริงๆ ค่ะ
ตอนอวสานแล้ว...คงจบที่ปาณฑพทั้ง 5 และนางเทราปตี
ได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์นะคะ พระลักษมีที่แบ่งภาคลงมาเป็น
นางเทราปตี ก็คงจะกลับคืนสู่พระลักษมีดังเดิม ใช่มั้ยคะ

วันนี้เป็นวันที่ตัวเลข 9 มาตรงกัน เป็นวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009
คนไทยเราเชื่อตัวเลขอยู่แล้วนะคะ โดยเฉพาะกับเลข 9
ที่ถือกันว่าเป็นเลขมงคล จริงถ้าเราคิดว่าทุกๆ วันเป็นวันที่ดี ก็มีความสุขค่ะ
เมื่อตัวเลขมาตรงกันแบบนี้ ก็ถือว่า เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งนะคะ

9/9/2009 พูก็ขอให้พี่และทุกๆ คนในครอบครัวของพี่
มีความสุข และเจริญก้าวหน้า คิดสิ่งใดสมปรารถนานะคะ


 

โดย: พธู 9 กันยายน 2552 7:38:00 น.  

 

พู....

ที่จริง..อีทิสัง..ส่วนมากจะเขียนบทพิโรธวาทัง...
ดังของนายชิตในสามัคคีเภทคำฉันท์...แต่พี่ว่า
เขียนอะไรก็ได้...เหมือนบทดังของรัชกาลที่๖...
ที่ว่า

อ้าอรุณ แอร่มระเรื่อ รุจี
ประดุจ มโนภิรมย์ระตี....ณ แรกรัก

แสงอะรุณ วิโรจน์นะภา ประจักษ์
แฉล้มเฉลา และโสภินัก.....นะฉันใด

หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมลละไม......ก็ฉันนั้น

แสงอุษา สะกาวพะพราว ณ สวรรค์
ก็เหมือน ระตีวิสุทธิอัน........สว่างจิต

นี่ก็เขียนนารีปราโมช....
เพียงแต่การลงท้ายวรรคด้วยคำตายมัน
เหมือนก้อนสบู่ตกทราย...เสียงทึบ...ไม่พลิ้ว
เอาเสียเลย...

และหากมีสัมผัสในวรรค..จะแจ่มแจ๋วขึ้นอีก
มากมาย....


ส่วนเรื่องนางเทราปที...คือพระนางลักษมีเทวีนั้น
คิดว่าไม่ใช่ค่ะ...

พระนางลักษมี เป็นชายาของ พระวิษณุ
เมื่อพระวิษณุได้อวตารเป็นพระราม พระแม่ลักษมี
ก็ได้อวตารตามไปเป็นนางสีดา และเมื่อพระวิษณุ
อวตารเป็นพระกฤษณะ พระแม่ลักษมีก็ได้อวตาร
เป็น พระนางรัตตะ(พระราธา)

พระกฤษณะเป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์มีบทบาท
ในมหาภารตะยุทธ...ดังนั้นพระนางลักษมีอวตารตาม
มาเป็นพระนางรัตตตะ...ไม่ใช่พระนางเทราปที
แต่อย่างใด....

 

โดย: สดายุ... 9 กันยายน 2552 15:36:07 น.  

 

กึ่งคืนวุธวารศุภสวัสดิ์ค่พี่กายขา


มาอ่านฉันท์ต่อค่ะ...

ชอบตรงนี้ค่ะ


๐ รัถยาจะก้าวก็ราวจะวาง
สภาพะรอและพอจะพราง
ละย่างนั้น


สุดแสนจะวิบากตรากตรำ..ระหกระเหินนัก...
ท่องพนัสพนมไพรพนาพงดงกันดาร...
ลากสังขาร ตามทางเถื่อนรัถยา รถานึก..บ่ได้มา
ทั้งสินธพอาชาคชาธารบ่มิมี...

เศรษฐียามขาดไฟ...ทุกข์ท่วมใจหาใดปาน...

ปลงสังขาร สังขาราครานี้เลย...


ใกล้จะจบแล้วหนา...อัฏฐมาสรจนาเพลานาน...

ยินดีด้วยนะคะ


คุรุวารรัตนสวัสดิ์-มัยมนัสภิรมยาค่ะ

 

โดย: sirivinit 10 กันยายน 2552 0:15:07 น.  

 

ตัวน้อยๆ....

ค่ะวันนี้...จะเขียนต่ออีกสักสี่ซ้าห้าบท
พอมิให้แฟนๆ...นั่งเซ็งอ่านบทเก่าๆซ้ำอยู่...

ความระหกระเหินต่อความทุกข์ยากเป็น
วาระสุดท้ายของชีวิต...ก่อนละสังขาร
เพื่อเข้าไปเป็นส่วนเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า
ตามคติฮินดู....

การประพฤติตนเป็นสันยาสี...แสวงหา
โมกขธรรมเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพวก
อารยันมาแต่โบราณ....

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า
เป็นคติสูงสุดของพราหมณ์....เป็นการเปลี่ยนผ่าน
ของปัจเจกอาตมันสู่ปรมาตมันอันเป็นนิรันดร์
และเขาเรียกภาวะนี้ว่านิพพานเหมือนกัน
แต่คนละอย่างกับนิพพานทางพุทธ....

ทำงานให้สนุกสุขใจนะคะ....

 

โดย: สดายุ... 11 กันยายน 2552 19:25:30 น.  

 

จบเรื่องนี้แล้วจะต่อด้วย....
"กำเนิดอยุธยา"...ที่บล็อค..."นิราศ..เรื่องยาว"
นะขอรับ....

ไว้ไปอ่านโคลงกันบ้าง

 

โดย: สดายุ... 11 กันยายน 2552 19:32:24 น.  

 

สายัณหสมัยสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ


มาตามอ่านเหมือนกันค่ะ

" เป็นคติสูงสุดของพราหมณ์....เป็นการเปลี่ยนผ่าน
ของปัจเจกอาตมันสู่ปรมาตมันอันเป็นนิรันดร์
และเขาเรียกภาวะนี้ว่านิพพานเหมือนกัน
แต่คนละอย่างกับนิพพานทางพุทธ...."


คงเหมือนพุทธสายภูฐาน ที่พุทธะมีศักติแนบพระองค์หันหน้าโอบรัด เหนือพระเพลา

ท่านพุทธทาสพูดไว้เหมือนกันค่ะเรื่องแบบนี้
เพราะความเชื่อถือแตกต่างกันออกไป ตามแต่ท่านผู้สอน

เนื่องจากสภาพประเทศ ภูมิอากาศ และความจำเป็นในการดำรงชีวิต
ที่สตรีภูฐานสามารถมีสามี 5 คนที่เป็นพี่น้องกัน เหมือนทิเบต..คนนึงเลี้ยงทากิน อีกคนเลี้ยงลา อีกหนึ่งเลี้ยงล่อ อีกผู้ปลูกผัก อีกคนเป็นสามี ลูกที่เกิดมาเรียกทุกคนว่าพ่อ...

เพื่อนๆ บอกอยากไปอยู่แบบนี้บ้างค่ะ...5555

เหมือนคนในทะเลทราย...ความยากลำบากตากแดด เกรียมลม กรำทราย สอนให้ละหมาดวันละห้าหน จึงกำจัดความทุกข์ใจได้ชะงัดนัก พอจะหิว ก็ถึงเวลาละหมาดแล้ว...

เพราะ...อินชาห์อัลลาห์... แล้วแต่พระอัลเลาะห์จะทรงพระกรุณา นี่คือความฉลาดของท่านศาสดามูฮัมหมัด...
และเขาคิดได้น่ารักมาก ที่ว่า ไม่อด แล้วจะทราบหรือว่ามีกินอิ่มน่ะ วิเศษเพียงใด...

ตอนนี้อยากทานกล้วยปิ้งติดหมัด...
เวลาสลายร่างมาถึงในห้านาที อย่าลืมซื้อกล้วยปิ้งมาฝากด้วยซัก 40 บาทนะคะ...5555


ฉันท์ตรงนี้ ก็ค่อยๆ ลัดเลาะไปเรื่อยๆซีคะ เขียนมานาน ก็ผูกพัน ไม่อยากให้จบนะคะ...แต่ "กำเนิดอยุธยา" ก็น่าสนใจมากค่ะ


"เตรียม 27" ค่ะ


ทิวาวันพันทิวาทิตย์-กรองพันพินิตจันทรานิทรากาลค่ะ

 

โดย: sirivinit 11 กันยายน 2552 20:04:22 น.  

 

พี่กายขา


ยังข้องใจเล็กๆ เรื่องผ้าจีวรที่ท่านฤๅษีวยาสครองผ้ากาสาวพัสตร์น่ะคะ ทำไมจึงไม่ครองหนังเสือคะ

มหาเวสสันดรชาดก ทศชาติ..สิบชาติสุดท้ายก่อนพระเวสสันดร จะบำเพ็ญมหาทานบารมี บริจาคกัณหาอนงค์นาฏชินานางกับชาลี ให้ตาเฒ่าชูชก นำไปให้แม่เมียสาวอมิตตดาใช้งาน

และพระอินทร์ ทรงลงมาขอพระนางมัทรีไปก่อนนั้น...

พระเวสสันดร ทรงครองหนังเสือ รวมทั้งทุกๆ พระองค์ด้วย พระชาติสุดท้ายก่อนประสูติเป็นเจ้าชายสิตธัตถะ ก็ 2552+80+ประมาณ 80 หลังสงครามทุ่งกุรุเกษตรตั้งนาน...

หรือคนวาดภาพนี้ คือคนพุทธ...เพราะสีเหลืองทองนี้ ดูแล้วเรืองรองสว่างน่านับถือ...

ไม่ชวนขนหัวลุกเหมือนเจ้ากูครองผ้าสีเหลืองสีดอกบวบมีประกายระยิบระยับคราต้องแสงสปอร์ตไลท์ สี่ดวงสาดส่องมาต้องกายาจากสี่ทิศ.. แถวคลองสอง..

แลเห็นแว่นสีชาโดดเด่นออกมา ของนักบวชห่มเหลืองบนดอกบัวบาน ซึ่งถัดมาอีกชั้นมีพระ 8 องค์นั่งล้อมรอบ กับถัดมาอีกชั้นมีพระอีก 32 รูปนั่งล้อมรอบ...

และล่างสุดบนพื้นสนามที่ปรับเรียบ พระอีกจำนวนหนึ่ง นับแล้วทั้งหมดรวมได้ 1250 รูป อย่าลืมบวก 1 บนดอกบัวบาน...

"บิตุลานี" ไปทำบุญมาฆมาสปีนั้นที่ผันผ่านมานานแล้ว.. กลับมาขนหัวลุกอยู่หลายวัน เล่าให้ฟังจนจำได้ราวกับไปประสบด้วยตนเอง...และหากล้าไปซื้อทางสวรรค์วัดนั้นอีกไม่...

ตอบเฉพาะเรื่อง "หนังเสือ" นะคะท่าน ไม่สามารถมาหาได้ภายในห้านาที...ไม่มีคนมาประกันน้า...555


ศุกรวารวรสวัสดิ์-มานมนัสสวัสดิ์สิริค่ะ

 

โดย: sirivinit 11 กันยายน 2552 20:34:24 น.  

 

ตัวน้อย....

เอ...เรื่องผ้าห่มของสันยาสีทางพราหมณ์พี่เอง
ก็ไม่สันทัด....ไม่แน่ใจว่าที่ครองหนังเสือน่ะ
จะเป็นฤๅษี..หรือ..โยคี...

ภาพนี้น่าจะเป็นภาพวาดของทางอินเดีย...
เรื่องวัตรปฏิบัติก็จะเน้นแนวทางทรมานกาย
เพื่อฝึกจิตให้รับความทรมานผ่านรูปกายที่เข้มงวด
และไม่ปรนเปรอปรุงแต่ง...

มีเป้าใหญ่สำหรับยึดมั่นถือมั่นคือ...โลกสวรรค์
หรือ ปรมาตมัน...หรือพระผู้เป็นเจ้า...
จึงไม่อาจเรียกอย่างอื่นได้...ต้องเรียก
"หลักอัตตาเที่ยง"เท่านั้น

หลักการอันนี้เป็นการนำเอา..ตัวตน..หรือ"อัตตา"
ไป..."ขึ้นต่อ...หรือ..depend on" สมมุติภาวะหนึ่ง
เพื่อให้จิตจับยึดไว้เป็นที่พึ่งพา....

ซึ่งจะตรงข้ามกับหลักพุทธที่สอนว่าทุกอย่างเป็น
"อนัตตา"...ไม่สามารถจับยึดถือมั่นใดๆได้

พุทธ.....พราหมณ์
เกิดขึ้น...สร้าง...พระพรหม
ตั้งอยู่....ดำรงรักษา...พระศิวะ หรือ พระอิศวร
ดับไป....ทำลาย...พระนารายณ์

ขณะที่วงรอบของพุทธเกิดขึ้นเพียงการกระทบ
ของอวัยวะทั้งหกกับคู่ต่อกรของมัน...เพียงชั่ว
วินาที....

แต่วงรอบของการสร้าง..รักษาดูแล...ทำลาย
ที่เป็นพราหมณ์นั้น...กินเวลารอบหนึ่งนานมาก

อุทกดาบส...และอาฬารดาบส...ก็สอนแบบนี้
เป็นพราหมณ์โดยหลักการ

ส่วนเจ้ากูแถวๆคลองหลวงนั้น...เขาสอนสาวก
ไปในทางศรัทธา..ซึ่งเข้าใจง่ายสำหรับภูมิธรรม
ของคนระดับหนึ่งซึ่งมีปริมาณมาก....

ศาสนาที่ใช้หลักศรัทธาจึงมีจำนวนศาสนิกมากมาย
ตลอดกาล...ตามสัดส่วนประชากรที่ติด"ง่าย"
แต่เขาก็จะเสียเวลาเปล่า...ไปไม่ถึงสิ่งที่เขามุ่งหวัง
เพราะเขามุ่งหวังภาวะที่อยู่นอกกายที่ไม่มีจริง

ในความคิดของคนที่ศรัทธาแล้ว.."สมมุติภาวะ" นั้นมีอยู่
และมีอยู่โดยอาศัยความเชื่อนั้นคอยหล่อเลี้ยง...
และ.."สมมุติภาวะ"..นี้ที่มีในแต่ละคนนั้น..ไม่เคย
เหมือนกันเลย...แบบเดียวกับตาบอดคลำช้างนั่นแหละ
ก็ว่ากันไป....555




 

โดย: สดายุ... 11 กันยายน 2552 23:46:05 น.  

 

ผู้รู้ตั้งแต่โบราณนานมาจึงว่าไว้ว่า
พรหมจรรย์ของพระสมณะโคดมนั้นยากเย็น...
มิอาจเข้าถึงได้โดยง่าย....

ธรรมอันลึกซึ้งและเข้าถึงได้ยากทั้งสี่คือ
สัจจะ
สัตตะ
ปฏิสนธิ
ปัจจยาการ หรือ ปฏิจจสมุปบาท

เนื่องจากเป็นสิ่งที่ยก"สมมุติภาวะ"มาแสดงให้เห็น
ตามได้ยาก....

เจ้าค่ะ....อิๆๆ

 

โดย: สดายุ... 11 กันยายน 2552 23:54:08 น.  

 

กึ่งคืนโสรวารสวัสดิ์ค่ะ


ขอบพระคุณที่กรุณาอธิบายยืดยาวจนเข้าใจในอีกส่วนค่ะ

กำลังอ่านธรรมะที่พระสอนชาวไต (ไทยใหญ่) อยู่ค่ะ อยากทราบความคิดเห็นที่หลากหลายของสายมหานทีสีทันดร อันข้ามพ้นโอฆสงสารยากนักที่จะถึงฝั่ง..คือ นิพพาน...


พระเวสสันดรเป็นฤๅษีค่ะ โยคีต้องอินตระเดีย..เห็นโยคีขี่มุ้ง..พุง..ออกมาค่ะ...


ครั้นแล้ว...

๐ เทราปทีอนงคะปลงชิวัน
นกุลและคู่ก็สู่สวรร-
คะศัลย์ทรวง

๐ แล้วก็อ-รชุนะบุญะปวง-
ปลาตเพราะบาปะทาบและทวง
ก็ล่วงลาญ


เสด็จเข้าสู่ไกวัลย์เพิ่มอีก ๔ องค์แล้วสิคะ
อีกไม่นานก็ปิดม่านอำลา...รอท่านจรสรจนาต่ออยู่นะคะ


สิริโสรวารศุภสวัสดิ์-มัยมนัสเปรมปรีดีค่ะ

 

โดย: sirivinit 12 กันยายน 2552 0:20:36 น.  

 

จากบล็อกที่ 13


" แต่วงรอบของการสร้าง..รักษาดูแล...ทำลาย
ที่เป็นพราหมณ์นั้น...กินเวลารอบหนึ่งนานมาก"


พอดีมีอยู่ที่บล็อก เลยนำมาฝากค่ะ


ทางพราหมณ์แบ่งกาลเวลาไว้..น่าสนใจมาก


๑ วัน ของพระพรหม ยาวเท่ากับ ... ๑ คืน...... ของพระพรหม

๑ วัน ของพระพรหม ยาวเท่ากับ... ๑๒,๐๐๐... ปีสวรรค์

๑ ปีสวรรค์ ............ มี................ . ๓๖๐ .... วันสวรรค์

๑ วันสวรรค์........ เท่ากับ................. ๑ .......ปีโลกมนุษย์

๑ วันของพระพรหม เท่ากับ ๑,๕๗๖,๘๐๐,๐๐๐. วัน..มนุษย์

๑ วันของพระพรหม... เรียกว่า ............๑.........มหายุค

กฤตะยุค...... กินเวลา.. ๔,๘๐๐... ปีสวรรค์.. ยังบริสุทธิ์ ปราศจากบาป

ไตรดายุค... กินเวลา.. ๓,๖๐๐.... ปีสวรรค์.. ความดีเสื่อม ๑ ส่วน ๔

ทวาบรยุค... กินเวลา.. ๒,๔๐๐... ปีสวรรค์.. ความดีเสื่อม ๒ ส่วน ๔

กลียุค........ กินเวลา.. ๑,๒๐๐.... ปีสวรรค์.. ความดีเสื่อม ๓ ส่วน ๔


คงเห็นว่า "กินเวลารอบหนึ่งยาวมาก" นั้น ยาวเพียงใดนะคะ

 

โดย: sirivinit 12 กันยายน 2552 0:29:45 น.  

 

สายสวัสดิ์โสรวารค่ะ


มาเสพสุนทรียรสต่อค่ะ

..............
พระธรรมะบุตรเฉลยประทาน
อดีตกรรม

๐ เหตุเพราะฆาตะครูและรู้กระทำ-
ประภาษะโวและโอ่ก็นำ-
ลุม้วยมรณ์

อดีตกรรม..เพรงกรรม..กรรมแต่เบื้องบรรพกาล
ถึงว่าซีคะ เคยได้ยินประโยคนี้ค่ะ...

" ทำกรรมใดเล่า เหมือนเงาตามตน
แม้นสร้างกุศล เหมือนกันแลนา "

ปลูกมะนาว...จะได้ลูกพลับอย่างไร..

คิดดี พูดดี ทำดี ชีวีเป็นสุขค่ะ
เห็นข่าวบ้านเราแล้ว...เป็นทุกข์ค่ะ

" เสียงแซ่สังคีตดีดสี พาทย์กลองฆ้องตี สิกัมปนาทหวาดไหว "

สิ่งที่ผ่านออกมาจากปาก ลิ้นและไรฟัน..ราวกับพันธุ์ "เล็บงาม" ไรฟันละครอก...

" ผิวกาลมัชฌันติกอันรวีสาหัสร้อนและอ่อนกายสกนธ์พหลหาญ "

ยามรวีสาดส่องแสงสุดแรงร้อน..
ขอพระพิรุณโปรดย้อนมาโปรยปรายสายสหัสธารา
ยังพื้นพสุธาพาราสาวัตถี...ให้ดีขึ้นเทอญ


สิริสวัสดิ์โสรวาร-เปรมปรีดิ์มานวัฒนพรค่ะ

 

โดย: sirivinit 12 กันยายน 2552 10:40:48 น.  

 

ตัวน้อยๆ....

เรื่องพรหมจรรย์ของพระสมณะโคดมนั้น...หากว่าเรายกเอาเรื่อง
ศักดิ์สิทธิ์อภินิหารต่างๆออกเสียก่อน....แล้วค่อยศึกษาหลักคิด
ที่เป็นเหตุเป็นผลกันแล้วไซร้...จะเป็นประโยชน์มากมาย....

ในทิเบตนั้น....การโต้แย้งหลักธรรมกันด้วยเหตุด้วยผล...เรียกว่า
ตรรกะวิภาษ....แสดงถึงจิตใจที่กว้างขวางของผู้คนที่จะจนกันด้วย
เหตุและผลเท่านั้น....ไม่มีเรื่องของอายุ....วุฒิ...หรือชาติตระกูล
จะมีที่ว่างให้อาการเอาสีข้างเข้าถูได้เกิดขึ้นเลย.....

พุทธธรรมสายธิเบตจึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในหมู่
ชาวตะวันตกที่สนใจ....และเข้าใจว่าที่ธิเบตจะไม่มี....เครื่องราง
ของขลัง...เป่ากระหม่อม..รดน้ำมนต์..พ่นน้ำหมาก...เจิมเพดานรถ
ปัดรังควาน.......5555


และเมื่อพิจารณาการแบ่งกาลเวลาของพราหมณ์แล้วจะเห็นได้ว่า
เป็นการกำหนดกันแบบที่จินตนาการตามแทบไม่ได้...มันพิสูจน์ไม่ได้กับ
สมมุติภาวะเหล่านั้น....คิดว่าจะเป็นเรื่องเล่าปรัมปราที่สืบทอดกันมา....

ค่ะ...เพรงกรรม...อดีตชาติ...ที่เคยเป็น...เคยมี...นั้นจะสร้างเป็นวิบาก
ในชาติต่อมา....คติทำนองนี้ก็มีในศาสนาพุทธ...จากพระไตรปิฏก
ที่พระพุทธองค์จะตรัสเล่าถึงเบื้องหลังของผู้ใดผู้หนึ่งให้ได้อ่านกันเสมอ
เป็นต้นว่าอดีตชาติของพระองค์เอง....ของพระโมคคัลลานนะ....ของ
พระสารีบุตร...เป็นต้น


ส่วนการเมืองไทย.....ต้องรับรู้รับฟังอย่างมีโยนิโสมนสิการ....เพราะ
จะได้ยินได้ฟังอยู่สองเรื่องคือ....การกล่าวหา...และการแก้ข้อกล่าวหา
ระหว่างฝ่ายที่ยึดครองอำนาจรัฐ....และฝ่ายที่จ้องจะแย่งครองอำนาจรัฐ

ในการกล่าวหา....ก็จะมีทั้ง...
....การพูดจริงเพียงบางส่วนและใส่ไข่บางส่วน
....การสร้างภาพด้วยวิถีแห่ง..โวหารภาพพจน์
....การกล่าวเท็จอย่างรู้ไม่จริง...หรืออย่างโง่เขลาเบาปัญญา
....การกล่าวเท็จอย่างจงใจ เจตนา...ด้วยอาการตะแบง...ตีความดีเข้าตัว
ผลักความชั่วเข้าหาคนอื่น

ในการแก้ข้อกล่าวหา...ก็จะมี
.....พฤติตรงกันกับการกล่าวหาทุกประการ
.....ข้อจำกัดการรับรู้กฏเกณฑ์ส่วนรวม
.....หากผิดตัวบทกฎหมาย..ก็จะอ้างเจตนารมณ์ของกฎหมายยกขึ้นเถียง
.....หากผิดเจตนารมณ์กฎหมาย...ก็จะอ้างตัวอักษรที่ตราอยู่แทน

ต้องทำใจค่ะ....ตัวน้อย....อย่าเครียดค่ะ...
สงครามเพิ่งเริ่มต้นเองเจ้าค่ะ


 

โดย: สดายุ... 12 กันยายน 2552 20:52:08 น.  

 

ปัจฉิมยามโสรวารสวัสดิ์ค่ะพี่กายขา


ขอบพระคุณที่กรุณาอธิบายเสียยาว..
เป็นทุกข์นิดหน่อยค่ะ ไม่เครียดมากค่ะ

วันที่ 20 ท่านนายกมาที่ สนง.ใหญ่..อยากไปสวัสดีท่าน และขออาศัยท่านกลับบ้านด้วยสักคนจังเลยค่ะ
แม้จะได้ยินอะไรที่ไม่สู้ดีมา..ก็ไม่กลัวค่ะ...


อยากมาตอนนี้...มาเตรียม " สตฺตวีสติ " น่ะค่ะ...


ตื่นมาพบ..อาทิตยวารมงคล-มานกมลเจิดจรัสนะคะ

 

โดย: sirivinit 13 กันยายน 2552 3:37:44 น.  

 



สวัสดียามเช้าวันอาทิตย์ค่ะ

เช้านี้..ฝนไม่ตก เลยเดินไปใส่บาตรได้
หลังจากไม่ได้ใส่บาตรมา 2 วัน
เสียงไก่ขัน ลมโชย บรรยากาศยามเช้า
ที่พระอาทิตย์ยังไม่ร้อนแรง แสนจะสดชื่นจริงๆ ค่ะ

วันหยุดแบบนี้ ไม่ต้องทำอะไรที่เร่งร้อนมากนัก
ก็จะสบายๆ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้หยุดอยู่บ้านนักค่ะ
ต้องออกไปหาความรู้เพิ่มเติม..มาเพิ่มพูนความรู้เดิม
พยายามให้ถึงที่สุดนะคะ ส่วนผลจะได้แค่ไหน
ถ้าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาอย่างไร
ก็ยอมรับนะคะ เหนื่อยเหมือนกันค่ะ

ตามมาอ่านอยู่เนืองๆ พอจบแล้ว
คงต้องย้อนไปอ่านตั้งแต่แรกอีกครั้งนะคะ

มีความสุขมากๆ นะคะ พี่กาย

 

โดย: พธู 13 กันยายน 2552 7:35:04 น.  

 

ตัวน้อยๆ....

ค่ะ...โดยส่วนตัวพี่ไม่ค่อยเชื่อข่าวลือพวกนั้น
ยิ่งภาวะเศรษฐกิจกำลังแย่แบบนี้....มีใครพยายาม
ลากลงเหว...อาจถูกคนต่อต้านอย่างรุนแรง....

แล้วหากสีเสื้อที่อ้างว่าต่อต้านเผด็จการทหารไม่ออกมา
ต่อต้านแล้ว...ก็เข้าล็อคที่ตราหน้าไว้เลยทีเดียว
ว่าต่อต้านเฉพาะกิจ....ทีนี้กลายเป็นว่า...เสื้อแดง
จำต้องออกโรงมาช่วยกับสีเหลือง..อัดสีเขียวขี้ม้า
555

พี่ยังมองโลกในแง่ว่า...ยังไม่มีใครกล้า
เหตุผลไม่เพียงพอ...สถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอ
และพ้นสมัยกับสิ่งที่เคยทำเมื่อสามปีที่แล้วค่ะ....









พู...
ค่ะ...ทำอะไรก็ตามตั้งใจให้ดีที่สุด
ผลจะออกมาอย่างไรก็ยอมรับมัน...ใจก็จะไม่
เคร่งเครียดมากนัก....

เมื่อเราทำอะไรก็ตามอย่างเต็มความสามารถแล้ว
ก็ไม่มีเหตุผลต้องมาแก้ตัวอะไร....เราทำได้เพียง
ประมวลประเมินสิ่งที่ทำไปและตัดสินมัน
ด้วยตัวเราเอง....อย่าให้คนอื่นมาตัดสินให้
นั่นคือสิ่งที่พี่คิด...ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน

และไม่ต้องไปทุกข์กับมันมาก...หากผลออกมา
ไม่เป็นที่น่าพอใจของตัวเราเอง....จงพยายามใหม่

 

โดย: สดายุ... 13 กันยายน 2552 19:11:25 น.  

 

สายสวัสดิ์จันทรวารค่ะพี่กายขา


มาเสพสุนทรียรสต่อค่ะ


ท้าวสหัสนัยน์ ทรงรับทราบด้วยรึคะ

๐ สู่ทิพาสวรรคะสรรประเดิม
พระอินทร์สดับเพราะศัพทะเติม
จะเพิ่มความ


" ทิพอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา กระด้างดังศิลาประหลาดใจ " หรือไรคะ

เป็นพระอินทร์นี่ ๔ พระชายา ก็ทรงเหนื่อยหนักหนาสาหัสสากรรจ์แล้ว

ยังจะต้องทรงรับทราบทั่วสวรรค์อาณาจักร โลกมนุษย์ แลสุดขอบจักรวาล...อีกรึคะ

"ทรงพระเหนื่อย" หึ หึ ... แย่เลยนะคะ...หึ หึ หึ



สวัสดิ์สิริจันทรวาร-ปรีดิ์มานกมลสรวลค่ะ

 

โดย: sirivinit 14 กันยายน 2552 9:34:27 น.  

 

ตัวน้อย....

พระอินทร์นี่เฝ้าอยู่เชิงเขาพระสุเมรทางขึ้นสวรรค์ค่ะ
ยุธิษธีระมาถึงเหลือตนเองกับสุนัขน้อยตัวหนึ่ง
หลังจากน้องๆและนางเทราปทีเสียชีวิตระหว่าง
ทางจนหมดแล้ว....

และขอให้พระอินทร์อนุญาตให้สุนัขหรือสุวาณ
ตัวนี้ได้ขึ้นส่สวรรค์ด้วย...ก็กำลังเจรจากันอยู่ค่ะ
ชั้นแรกพระอินทร์ภาคเสธก่อน...เรียบร้อยกลัว
หมาขึ้นไปแล้ววิ่งเล่นวุ่นวายบนสวรรค์....555

 

โดย: สดายุ... 14 กันยายน 2552 9:40:26 น.  

 

555...สุนัขน้อย จะขึ้นสวรรค์แล้ว
ย่าเหล..อยู่ตรงไหนหนอ...

นิกกะพิม ล่ะอยู่ตรงไหนหนา...


สงสัยมาเห่า บ๊อก บ๊อก โฮ่ง โฮ่ง ...
รอทักทายกันขรมแล้วป่านนี้...

น้องหมาน้อยกะน้องหมาใหญ่ของหนู
ก็อยู่บนนั้นเหมือนกันค่ะ...


คิดถึงน้า หมาน้อย..กะหมาใหญ่...

 

โดย: sirivinit 14 กันยายน 2552 12:39:33 น.  

 

๐ จึงชนกและบุตระรุดจรัล
เหาะผ่านสุเมรตระเวนสวรร-
คะชั้นสรวง


กรุณาเติม ตีนเหยียดให้หน่อยนะคะ เดี๋ยวเรือรั่วค่ะ

 

โดย: sirivinit 14 กันยายน 2552 12:43:34 น.  

 

เติมแล้วค่ะ...ตีนเหยียด...
พระสุเมรุ....อืม..จะจำไว้ค่ะ
ขอบคุณนะเจ้าคะ....หลานสาวเจ้าคุณปู่...อิๆๆ

คิดถึงลูกหมาน้อยหรือคะ...
ไว้อีกหน่อยค่อยหาเอาใหม่นะ....
เอาเจ้าร๊อตไวเลอร์เลยดีกว่า...

ดูแลสุขภาพนะคะ

 

โดย: สดายุ... 14 กันยายน 2552 14:09:46 น.  

 

ตติยามภุมวารสวัสดิ์ค่ะพี่กายขา


มาเสพสุนทรียรสอันหมดจดงดงามต่อค่ะ

ชอบตรงนี้มากค่ะ

๐ ร้อนเพราะแรงตะวันถลันเถลิง
ตะลอนเตลิดกระเจิดกระเจิง
กะผลเวร

ไหนจะทรายเพลิง..ธรรมดา ทรายที่ร้อนระอุ ก็สุดจะทรมาน แล้วนี่เป็นทรายเพลิง..วาลุกาอัคนี วาลิกามีธุมเกตุ เศษธุมชาลประสานธุมเพลิง

การเห็นภาพลวงตา (mirage) ว่าเป็นบ่อน้ำ ในเปลวแดดยิบๆ..ของทะเลทรายอันเวิ้งว้าง

ทะเลทรายเพลิง...ก็คงจะเห็นควันอันร้อนระอุขึ้นคล้ายกัน...

ทำกรรมอันใดไว้ ก็ย่อมเสวยผลกรรมนั้น เป็นธรรมดา..นะคะ


วุธวารสิริทินา-หัทยาผาสุกภาวมาดลค่ะ

 

โดย: sirivinit 30 กันยายน 2552 0:45:08 น.  

 


ครั้นแล้วก็อวสาน..ใช้เวลานาน..นพมาสเกือบทศมาสเชียว...


ตรงนี้เพราะมากค่ะ

๐ ทิพะรูปจรัลสวรรคะปวง
ประเทียบสมัยหทัยะดวง
ก็ช่วงนัย


และหากจิตไสวใจสว่าง จิต..ดำรงเพียงพิสุทธิ์ประภาใส
มีวัตรปฏิบัติดีดังข้างล่างนี้... ก็พ้นอบายซีคะ

๐ เพื่อประสบพิพัฒน์สวัสดิศรี
จริตะปรุงจะมุ่งทวี
พิถีธรรม

๐ เพื่อประพฤติวัตรจะจัดจะทำ-
นุจิตะผองมุปองกะสัม-
มะธรรมเทอญ


แค่เรารักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วนไม่พร่อง ก็เลิศแล้วค่ะสมัยนี้..

มันมักจะเป็นแต่...

หนึ่งห้ามฆ่าสัตว์..พอยุงกัดก็ตบผลัวะ
สองห้ามลักทรัพย์..พอบังหลับแอบหยิบถั่ว..น่ะซีคะ


ขอแสดงความยินดีและแสดงมุทิตาจิต
ต่อ ผลงานอันเกริกก้องกีรติ ปนิธิ-ปณิธานเพ็ญบริบูรณ์ดีจริงๆ
ช่างมีวิระยะอุตสาหอันยิ่งยวด
เอกอุดมด้วยความเพียร
ให้ทานความรู้ด้วยความเต็มใจ

มีตบะ ต่อคำถามอันเขลาถามมา เพราะไม่ทราบ...
น่าจะไปบำเพ็ญ..เนกขัมมบารมี..ครองจีวรสีดอกบวบ ณ สำนักบางนาบางไร่บางสวน นะเจ้าค่ะท่าน...

เพราะเขียนแทรกไป ราวกับแหล่งรวม ทศพลญาณบริหารธัมมะกระนั้น

ด้วยความยินดีและนับถือในความเป็นเลิศยิ่งค่ะ

 

โดย: sirivinit 30 กันยายน 2552 1:37:10 น.  

 

ตัวน้อยๆ....

เขียนจบเสียที...หลังจากโอ้เอ้วิหารรายมานับนาน
เขียนฉันท์นี้ได้ประสบการณ์เพิ่มมากมายระหว่างเขียน

ขณะเดียวกันมหากาพย์มหาภารตะยุทธก็อยู่ในสมอง
อย่างยากจะลืมเลือนเพราะดำเนินเรื่องราวไปด้วย
ร้อยกรองตลอดกระบวนเรื่อง...ทีละขั้นทีละตอน

การเขียนฉันท์นี้นั้น...มิจำเป็นว่าจะวางฉันท์แบบไหน
กับเรื่องราวแบบไหนเป็นการเฉพาะเจาะจง...ไม่มี
ความแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย...(ขอค้านคำโบราณ
ตรงนี้ว่า...ประเภทฉันท์เขียนได้ทุกเนื้อหา...)

ขณะเริ่มต้นอาจจะดูยากหากเป็นฉันท์ที่มีลหุมากเช่น

สัทธราฉันท์ 21...
๐ ร่วมจิตศิษยาคณาจารย์
ศักยะรณะประทาน....(ลหุ 6 ตัว)
ทำจะชำนาญ
สถานใด

๐ เพ่งผาดราชวงศ์พระองค์ไหน
สมรรถะพละจะไพ-....(ลหุ 6 ตัว)
บูลยะลือไกล
ไผทแมน


หรือ สาลินีฉันท์ 15 ...
๐ กษณะนยะประลือดล....(ลหุ 6 ตัว)
หัสดินชน.....สดับการณ์

๐ ก็คณะสกุละวงศ์ปาณ-....(ลหุ 6 ตัว)
ฑพ ณ ปัญจาล......สราญชนม์

แต่เมื่อเริ่มไปได้สักพักก็จะไปต่อได้เอง...
และจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ...อย่างน่าแปลกใจ


เมืองไทยเราเองมีวรรณกรรมเรื่องรามายณะทั้งคำกลอน
และคำโคลง...ที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก...
เสียดายที่ไม่มีเป็นคำฉันท์...อาจเพราะเรื่องมันยาวมาก
เกินไปก็เป็นได้....และขาดพระประสงค์ที่จะบัญชา
ให้กวีเขียนขึ้นจากองค์พระมหากษัตริย์ตลอดคาบที่
ผ่านมาตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยามาแล้ว

มีแต่เพียงภาคส่วนเช่น..อิลราชคำฉันท์...
สมุทรโฆษคำฉันท์...และสาวิตรี...ที่นำเอาเรื่องราว
บางส่วนบางตอนมาเขียน

อีกทั้งมหาภารตะยุทธเอง...ก็ไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนักในเมืองไทย..ทั้งๆที่เป็นวรรณกรรมอันดับหนึ่ง
ในดินแดนชมพูทวีปมาอย่างยาวนาน....

แนวคิดของ"คัมภีร์วิสุทธิมรรค"ที่แพร่หลายในหมู่
พุทธเถรวาทของไทยเองก็ปนเปผสมผสานกับคติของ
พราหมณ์ที่แฝงอยู่ในมหาภารตะยุทธอย่างแยกกันไม่
ออก...

เป็นการแพร่หลายออกมาอย่างสับสนในหลักการอัน
พุทธและพราหมณ์จะปะปนกันเช่นนี้หาได้ไม่

คติเรื่องโลกและภพภูมิอบายต่างๆอันบรรยายไว้ใน
ไตรภูมิพระร่วง และวิสุทธิมรรคนั้น..ไม่ใช่พุทธแต่
เป็นพราหมณ์

เมื่ออ่านมหาภารตะยุทธแล้ว...จึงต้องแยกแยะให้
ออกว่านี้คือคติแบบพราหมณ์...หาใช่พุทธไม่

แล้วจิตใจจึงจะลงกันได้กับแนวทางสัมมามรรคตาม
ที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้...

ทิพะรูป...เป็นที่มุ่งหวังของคนส่วนใหญ่ในสังคม
เป็นนามธรรมที่แฝงอุบายแห่งธรรมอยู่หากมองผ่าน
พุทธธรรมนะคะ

มีความสุขกับวันเวลาที่ผ่านไปทุกๆช่วงนะคะ
ดูแลสุขภาพมากๆค่ะ....

ขอบคุณตัวน้อยมากนะคะที่คอยมาพูดคุยเป็น
กำลังใจให้พี่เขียนจนจบ....

เป็นฉันท์ที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมา....เจ้าค่ะ


 

โดย: สดายุ... 30 กันยายน 2552 7:49:42 น.  

 

ด้วยความยินดีอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ ที่กรุณาให้เกียรติค่ะ

 

โดย: sirivinit 30 กันยายน 2552 10:25:12 น.  

 

ตัวน้อย....

พี่ยินดีมากนะคะที่น้องชอบอ่านคำฉันท์
ที่คนส่วนใหญ่แหยงกันเพราะมีคำศัพท์
บาลีสันสกฤตมากมายที่ไม่คุ้นตา...

ความรอบรู้ทางภาษาที่เป็นเอกนี้
จะช่วยพี่ได้มากในอนาคต...เมื่อจะเขียน
"พุทธมรรคา"

พี่กำลังหาบทคัดย่อ...พุทธประวัติอยู่ค่ะ
การมีบทคัดย่อเป็นแนว...จะคุมเนื้อหาให้อยู่
ในกรอบกำหนดได้ดีกว่าการเขียนไปเรื่อยเปื่อย

หากน้องเคยผ่านตาเล่มไหนมา...บอกพี่ด้วยนะคะ



 

โดย: สดายุ... 30 กันยายน 2552 10:54:21 น.  

 

ยังไม่เคยพบบทคัดย่อเลยค่ะ มีแต่ยาวเฟื้อย ลงรายละเอียดเยอะมากค่ะ
หากพบจะหามาให้ค่ะ จะค่อยๆ ดูนะคะ

อย่าคาดหวัง ว่าใช้ประโยชน์ได้นักนะคะ
ไอ้ที่เหลวๆน่ะ ดีนักละค่ะ

 

โดย: sirivinit 30 กันยายน 2552 12:20:22 น.  

 

พี่กายขา

ถาม "บิตุลานี" ดูแล้ว ทราบว่า

ลองไปที่วัดบวร ตึก ภปร นะคะ มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก
ตั้งแต่วันที่ 1 มีงานฉลองฯ 200 ปีสมเด็จพระปวเรศฯ และ ชาตกาลสมเด็จพระสังฆราช 3 ต.ค. -- 96 พรรษา
ว่ามีงานทั้งเดือนเลยค่ะ

กรุณานำบล็อกข้างบนทั้งหมดนี้ออกไปด้วยนะคะ

 

โดย: sirivinit 30 กันยายน 2552 19:10:41 น.  

 

เขียนจบก่อนสิ้นปี...สำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้แล้วนะคะ


แทนความยินดีให้สำหรับพี่คนเก่ง
และ..."มหาภารตะฉันทกานท์"...
ฉบับแรกของประเทศค่ะ...



 

โดย: เพรง.พเยีย 1 ตุลาคม 2552 5:31:54 น.  

 



สวัสดีค่ะ พี่กาย

พักจากการอ่านหนังสือ
เข้ามาพักผ่อนด้วยงานของพี่ค่ะ
อดที่จะชื่นชมเสียไม่ได้ เมื่อเห็น
"มหาภารตะยุทธ" จบสมกับที่ตั้งใจ
เป็นงานที่ทรงคุณค่ามากค่ะ


 

โดย: พธู 1 ตุลาคม 2552 9:46:44 น.  

 

ตัวน้อย....
ค่ะ..พอดีแม่พี่เขาอยากไป..
เลยคิดว่าจะไปเสียสักหน่อย....คงมีหนังสือธรรมะ
น่าสนใจหลายเล่ม





น้องนาง....
ขอบคุณน้องมากค่ะที่แวะมาให้กำลังใจ
พร้อมทั้งขอบคุณที่ส่งทั้งรูปและเพลงใน
มหาภารตะยุทธมาให้พี่ใช้ประกอบการเขียน....
รวมทั้ง VCD เรื่องเล่าจากมหาภารตะของคุณ
วีระ ธีรภัทร...ทั้ง 50 แผ่น...

เป็นเรื่องน่ายินดีของพี่เองด้วย....สำหรับความ
ตั้งใจที่ได้ลุล่วงไปอีกหนึ่งประการ...
ขอบคุณน้องมากค่ะ...




พู....
สวัสดีค่ะ....
ก็เขียนไปเรื่อยๆ...จากกำลังใจของน้องๆที่ช่วยกันลุ้น
ว่าจะจบ หรือ จะค้างเติ่งแบบหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
ซึ่งก็จบได้ในที่สุด...จากเริ่มต้นที่ประมาณปีใหม่
มีความสุขกับสิ่งที่ทำค่ะ

 

โดย: สดายุ... 1 ตุลาคม 2552 23:25:16 น.  

 

..บทกวีงามล้ำท่านรำบาย จักสืบสายศิลป์ไทยให้วัฒนา..

 

โดย: times IP: 124.120.206.56 3 ตุลาคม 2552 16:14:25 น.  

 

times....

ยินดีที่แวะมา
ยังไม่รู้ว่าจะวัฒนาได้หรือเปล่า...เพราะมันยาว
และ"คนไทยขี้เกียจอ่านหนังสือ"....555

คงอีกหลายชั่วคนหรอก...ถึงจะวัฒนาชาติไทยไปได้
ต้องให้คนไทยเลิก"ฟังเขาว่ามา"
แล้วมาคอย"อ่านเขาเขียน"...ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก



 

โดย: สดายุ... 7 ตุลาคม 2552 10:47:59 น.  

 


เป็น "ตัวน้อย" ได้เนียนจังค่ะ คุณป้าขา... เป็นความสามารถพิเศษเลยนะคะ... ถ้าไม่ได้ติดตามอ่านตั้งแต่ทีแรก และ ถ้ามองเผินๆ จะไม่ทราบเลยค่ะ เก่งจังค่ะ แต่งนิยาย และ จินตนาการ สาวน้อย เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ได้เนียนสุดๆ... ^^

แต่จะบอกคุณป้า นะคะ ว่า 3 หมอ ที่ รพ. วิชัยยุทธ ทั้ง 3 ตึก ไม่มีค่ะ!! หมอที่นั่นยืนยันมา...

 

โดย: Witch IP: 118.172.115.177 10 ตุลาคม 2554 9:09:19 น.  

 



แม่มดขา..
ขอบพระคุณมาก สำหรับ มหาภารตะยุทธ..ไปอ่านหมดจนถึงรายงานจากแฟนคลับ กระเด็นออกมาเลยค่ะ น้ำหนักเกินไปนิดเป็น"ตัวน้อย"มิได้..
แล้วไปเห็นพิษผึ้งจากคนขับไม้กวาด ด้วย..555
ตอนนี้ไม่โปรดฉันท์แล้วล่ะ เหม็นกลิ่นสาบเนย !

ที่ชอบฉันท์นั้นเพราะเคยอ่านมัทนะพาธา..
แถมยังมีรูมเมทชื่อมัทนาทิพย์ด้วย..เธออ่อนหวาน สมชื่อทีเดียว อย่างมินตรานี่ ปลายแถวของเพื่อนเพื่อ่น..เลียบรั้ววังเท่านั้น..
เป็นได้อย่างเก่งก็โฉมสะคราญแห่งบู๊ลิ้ม..แถมตอนนี้ติดนางงามแปดสิบกะรัต..เพราะมาวนเวียนอยู่ในวงสิบแปดของ"พี่กายขา"อีก..

เล่าที่มาที่ไปของคำว่า"พี่กายขา"หน่อย.สนใจนิรุกติศาสตร์แล้วซิ

ต้องช่วยปวดกรามอีกนานไหมคะ..โทรไปถามหมอฟันที่นี่
หมอบอกว่าใช้ผ่าตัดเปิดทางให้ ก็จะไม่ปวดนะ..แล้วฟันชุดที่สามอย่างมินตรานี่ ไม่ต้องไปช่วยใครปวดหรอก!
บอกหมอว่าSolidality ไงคะ..หมออึ้งไปเลย..555
คือคำนี้ทางยุโรปและในอารยะประเทศชอบใช้ในภาษาการเมือง
เวลาร่วมใจกันทำอะไรที่ดีต่อส่วนรวม..
หรือจะเรียก"รวมหัวกัน"ย่อมได้..

รู้สึกว่าแม่มดจะเป็นเกลือที่ทำให้อาหารรส เด่นขึ้นนะ เช่นเกลือที่ใส่ในกล้วยบวดชี รสจะเด่นขึ้น..(ทำเป็นด้วยนะนี่..)อะไรกล้วยกล้วยนี่โปรดนัก..!





โดย: บุษบามินตรา IP: 79.221.154.169 10 ตุลาคม 2554 14:13:03 น.

 

โดย: Witch IP: 118.172.108.207 11 ตุลาคม 2554 9:35:48 น.  

 


อ่อค่ะ คุณมินตรา...จริงๆมีข้อมูลอีกเยอะเลย แต่ ปล่อยๆไปดีกว่าคงสำนึกได้บ้างแล้วมังค่ะ วัยขนาดนี้ถ้าไม่รู้จักอายตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ค่ะ บางทีธรรมะที่เอามาวางๆหรือ ที่พูดๆ คงแค่อ่านผ่านๆไปเท่านั้น คือ ประเภท โวหารภาพพจน์ ที่ท่านเจ้าของบล๊อคชอบว่าคนสร้างภาพน่ะค่ะ...

จริงๆแม่มดเห็นนานแล้วล่ะ และยิ่งชัดๆตอน เอ่ยถึง ดาราหญิง คนหนึ่งแล้วกระแนะกระแหน ท่าน จขบ. ว่าเป็น "เฒ่าชรา ผู้ลืมมองกายา" 555+ เลยตลก!! ว่า อ้าว... ตกลง ใครกันแน่ที่มาชอบท่าน จขบ. คุณย่า หรือ คุณหลาน...

แม่มดไม่ชอบ เห็นมีคนเจ็บปวดเสียใจ นึกว่ามี สาวน้อน ในจินตนาการคนนั้นมีจริง... อีก 2 คนได้มั้ง... จริงๆจะทำอะไร ใครจะไปว่า ในโลก เสมือนจริง นี้ แต่ อย่าให้มีคนเสียใจสิ...

จริงๆดูเหมือนเป็นคนดี นะคะ อาจจะดีก็ได้ แต่สิ่งที่กระทำมันน่าละอายค่ะ แก่แล้วน่าจะละอายต่อบาปบ้าง ชาตินี้เกิดมาไม่ได้อย่างใจแล้ว(ถึงต้องทำแบบนี้)จะสร้างกรรมไปทำไมอีก?

เผอิญแม่มดมี "คนรู้จัก" เป็นหมอพอดีน่ะค่ะ เลยยิ่งชัด!! อิอิ

ท่านจขบ. ลบได้นะคะ เพียงแค่บอกให้คุณมินตราทราบ ถ้ามีเมล์คุณมินตรา จะเล่าให้ฟังเลยไม่ต้องผ่านตรงนี้...

ขอโทษค่ะ บางทีจะปล่อยให้ผ่านๆไปหลายครั้งละ แต่แหม...แม่มดนี่นะ ทนอะไรได้ที่ไหนกัน อิอิ



โดย: Witch IP: 118.172.115.177 10 ตุลาคม 2554 17:51:00 น.

 

โดย: Witch IP: 118.172.108.207 11 ตุลาคม 2554 9:36:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.