O มหาภารตะยุทธ .. บทที่.๙.๔ - ๑๐ .. O
VIDEO สัญชัย กำลังทูลเล่าเหตุการณ์การรบให้ท้าวธฤตราษฎร์พระราชาตาบอดพระบิดาของเการพทั้ง 100 คน ให้ทราบความเป็นไปในสนามรบ .. สัญชัยนี้ได้รับพรจากฤษีวยาสพระบิดาของท้าวธฤตราษฎร์ให้มีสัมผัสพิเศษมองเห็นความเป็นไปในสนามรบได้ตลอดในทุกๆเหตุการณ์ . เพลง .. BhagavadGita_LightPassionDarkness= บทที่๙ .. สงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ๑๘ วัน = วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ 00101110 - - - 110102 00101112 - - - 110103 1 = ลหุ 0,2,3 = ครุ O หรุบแสงแสดงบทะสลด พระอุรสะวายชนม์ ครึ้มฟ้าวลาหกะสถล- พิศะหม่นและมัวหมอง O ลิ่มเลือดเพราะเชือดระดะละหลั่ง มรณังก็จับจอง ล้มร่าง ณ กลางรณะสยอง กุธะผองก็พลันสูญ O แดงโร่ก็โลหิตะกระเซ็น ทุขะเค้นทวีคูณ มอดดับสำหรับภวะอดูร บริบูรณะส่วนทรวง O สิ้นแล้วทะแกล้วมุขะพหล อนุสนธิบาปปวง- ท้อแท้ก็แผ่พละทะลวง ฤจะล่วงมลายหาย O เกรงว่าจะหายนะ .. กฤปา- ดละวาทะรำบาย หลังตรองคระลองพระอภิปราย มุขะวายก็หมดหวัง- O จักต้านกะปาณฑพะพหล อนุสนธิกำลัง จอมทัพสำหรับรณะ .. จะยัง- เหมาะจะตั้งจะมีหรือ O ควรที่จะมีนยะประนอม ระบุพร้อมจะร่วมมือ ด้วยธรรมบุตระ .. และถือ- สุขะศานติจำนง O ฟังทูลอดูระก็ประดัง ฤจะยั้งและหยุดลง สายเกินเผชิญ .. นยะประสง- คะจะคงจะขัดขืน O ด้วยกาละผ่านรณะประยุทธ บทะยุดก็เพื่อยืน- หยัดชาติมุอาชวะ..จะฝืน- บุพะกรรมะบันดล O พงศ์ราชะชาติสมรรถะผู้ นิระรู้จะยอมตน- คู้ค้อมและน้อมศิระ-สกน- ธะขมานะอย่าหมาย O แม้นชนม์จะป่นศิระจะขาด เพราะพิฆาตะทำลาย ยินดีจะพลีชิวะถวาย ผิวะพ่าย .. ก็ย่อมพร้อม O เพื่อนพ้องและน้องชิวะสลาย นิระหมายจะยินยอม- ยกแค้น .. เพราะแค้นฤจะประนอม- ยุติล้อมและบีบเค้น O ศิษย์ยังจะสั่งพละณรงค์ เพราะประสงคะเพียบเพ็ญ จนกว่าจะวาระชิวะเข็ญ วตะเว้นและดับหวัง O จอมทัพะคือศัลยะราช สหะชาติชิงชัง ร่วมภาวะอาวุธะ .. ประดัง- พละหาญทะยานรณ= บทที่๑๐ .. สิ้นสุดสงคราม = O จวบรุ่งอรุณอุทัยะส่อง ทัพะสองก็เตรียบพล- ฮึกเหิมจะเริ่มปะทะผจญ กุธะล้นอุราเขา O สิบแปดตะวัน ณ บุพะทิศ นิรมิตะรูป-เงา คือกาละปาณฑพะและเกา- รพะเหล่าจะเข้าผลาญ O เกริกก้องผยองพละกระบวน ตละล้วนกระเหิมการณ์- เร่งรุดประยุทธจะลุประหาร อวสานอรินทร์ตน O เการพประจบรหัสะลาง สรรพะต่างก็แทรกปน เสียงโห่ชโย .. ศัพท์พหล ดุจะไห้ .. คระโหยตรม O ธงชัยะในทัพะ .. บ่ผาย- และสยายสะบัดลม ม้วนพันกะคัน .. ดละผสม- กะระงมกระแสเสียง- O ปี่กลองทำนองรณะประยุท- ธะประดุจะเรื่อยเรียง บทโศกพิโยค .. ศัพท์จะเพียง- พิเราะกล่อม .. ประดาลาญ O เสียขวัญเพราะกรรณประลัยะชนม์ ตละคนประหวั่นการณ์ แกล้วมวละล้วนจิตะสะท้าน บทะปานจะสิ้นหวัง O เคยฮึกคะคึกจิตะผยอง ภวะผองก็ภินท์พัง เคยฝ่าพลา .. สหะพลัง นิระดังจะเช่นเดิม O ธรรมบุตระรุดมรรคะสมร รณะตอนก็แต่งเติม- ย้อนเหตุเทวษ .. ดละกระเหิม นิระชัยะจากตน O ทุกครั้งก็พลั้ง .. รณะกระบวน- บทะล้วนบ่ควรยล จึงร้องกะผองอนุชะ .. ดล- รณะการณะลำพัง O สองทัพลุถึงกุรุเกษตร สหะเภทะกำลัง สงครามก็ลามปะทะประนัง นิระยั้งระย่อใจ O ธรรมบุตระรุดรถะทะยาน รณะการณะเกริกไกร หมายศัลยะราชประลุประลัย ชิวะขัยะด้วยขรรค์ O เลือดโซมประโลมวรรณะสกน- ธะระคนตวัดฟัน คมวาบก็ภาพ .. ศิระพระศัล- ยะสะบั้นเพราะด้านคม O ด้านภีมะปรี่ปะทุรชาติ ทุศศาสน์ .. ก็ปรารมภ์- แหวกทรวงจะล้วงหทัยะชม- พิษะขมะดวงนั้น O ทุดถ่อยชะรอยจะเลาะจะหลบ เสาะประสบก็แดกดัน โฉดเอย .. จะเผยนรกะทัณ- ฑะเพราะพันธะสัญญา O ย่างย่องกระบองพละพระโหม ปะทะโถมทะลวงมา แกว่งฟาดจะฆาตอริ .. ชิวา- มรณา ณ บัดนั้น O เพียงครู่ก็รู้ระยะก็ฟาด ทุศศาสนะพลาด .. พลัน- ร่างภีมะปรี่ .. ขณะถลัน พะกระทั้นกระแทกถึง O มือแทรกชำแรกอุระทะลวง ฤดิดวงก็เหนี่ยวดึง แดงโร่ก็โลหิตะจะพึง- จะพะพุ่งทะลักสาย O แล้วพลันจรัลจระปะเทรา- ปทีเยาวะรำบาย- โศกสุมระรุมอุระสลาย ก็เพราะฉละชีพสูญ O สิ้นศักดิ์และศักยะจะรบ ขณะศพะเพิ่มพูน สิ้นดับสำหรับทุขะอดูร ก็ละหล่นปลาตหาย O จึงแกล้วพลาพหละปาณ- ฑพะลาญและทำลาย เการพประจบภวะสลาย ชิวะวายะทับถมหลังการยุทธจบลง .. บรรดาครอบครัวผู้ร่วมรบก็มาเก็บศพญาติพี่น้องตัวเองไปเผา .. . O เสียขวัญก็พลันสถุละโฉด ทุระโยธนะซานซม เร้นร่างจะพรางทุขะระทม ประลุถึง ณ บึงบัว O จมร่างระหว่างระดะอุบล ทุพพละซ่อนตัว งันเงียบยะเยียบภวะสลัว ดุจะรั้วระรายล้อม O กลุ่มพรานลุผ่านอุบละบึง ศัพท์อึง บ่ อด-ออม เห็นม้าคฑาสถิตะพร้อม พิเคราะห์การณ์ก็แจ้งใจ O เร้นมาเสาะหาสกุละปาณ- ฑพะผ่านลุความนัย พาธรรมบุตรอนุชะไป- เสาะระดมและค้นหา O จนแจ้ง ณ แหล่งอุบละนั้น ประจุขันธ์และสัญญา แห่งผู้-บ่รู้ .. ปฏิปทา สัมมาจะดำเนิน O ก้องวาทะพาศัพท์อุโฆษ ทะลุโสตะก้ำเกิน ท้าทายเพราะหมาย .. ปะทะเผชิญ หัตะชีพะลีบสูญ O โอ่หนอ .. จะรอระยะ ฤ สุด ธรรมบุตระเพียบพูน- เมตตาพระวาทะอนุกูล ยุติธรรมะหนักหนา O มาเถิดจะเปิดรณะประลอง เฉพาะสองนะสักครา เลือกผู้จะสู้, สมรรถะอา- วุธะกล้าณรงค์กัน O สบโสตประโมทยะระบัด ก็เพราะสัตย์พระทรงธรรม์ จึงโผล่ชโลทระประจัน มุณรงคะต่อตี O เลือกภีมะ .. อาวุธะคฑา เฉพาะวาระยุทธี เลือกนั้นเพราะมั่นจิตะทวี ประลุชัยะมั่นคง O สองศิษยาพระพ-ล-ราม ขณะยามจะหมายปลง- ชีพผู้ศัตรู .. นิระพะวง ก็ประจง .. จ-รดพลอง O โถมปราดก็ฟาดปะทะกระหน่ำ ระยะทำก็ช่ำชอง เหวี่ยงหลบ .. ประกบ, มรรคะกระบอง ก็ผยองคะนองตี O เพียงครู่ก็รู้รณะกระบวน พละส่วนและท่วงที โฉดฉละดล .. รณะพิถี ปะทะภีมะแกว่งไกว O เบือนพิศ .. พระกฤษณะพระคล้าย- จะชม้ายและบอกนัย- อรชุนจะหนุนพิชิตะชัย เฉพาะตี ณ ต้นขา O สื่อเลศกะเชษฐะจะบรร- ลุผจัญะบีฑา- กร-ตบกระทบเฉพาะจะสา- ธิตะท่าจะให้เห็น O ล่อหลอก .. ระลอก-มรรคะกระบอง จิตะสองก็เพียบเพ็ญ- หมายมาดพิฆาตประทุษะเข็ญ พละเค้นประยุทธี O เมื่อฉละเหินและเหาะทะยาน มุจะลาญะไพรี ช่วงขาก็เผยระยะ, พระภี- มะก็ตี ณ ต้นขา O เกินหลบ .. กระทบระยะกระดูก ปะทะถูกก็หักคา ร่วงร่างระหว่างประทุษะ .. สา- หัสะว่าจะพร่าผลาญ O จึง-ภีมะปรี่, ศิระพระเหยียบ กุธะเพียบจะพอ .. ลาญ- ล่มศักดิอัครสถาน ยุติเกียรติยศฉล O ดาล-ธรรมบุตระพิโรธ พระมิโปรดจะหยามคน เลือดเขาและเรา .. บุรพะชน- ยุคะต้นก็คนเดียว O ครั้งนั้นพระธรรมบุตระผู้ เฉพาะรู้จะกลมเกลียว สั่งเคลื่อนขบวน .. นิระจะเหลียว- พิศะฉละบนพื้น O สู่ค่ายเพราะหมายพหละผ่อน นิทระนอนระหว่างคืน จึงองค์พระกฤษณะพระยืน- บทะเพื่อปทัสถาน O ปลีกทัพะเพื่อนิทระคระลอง- นิระพ้องกะกลพาล ปล่อยพลพหลนิทระสนาน ณ กระโจมอรินทร์ตน O อัศวัตถามั-นะและกิตติ์- วรมันก็วางกล รู้ภาวะกาละทุรชน จะผจญกะมอดมรณ์ O ดลภาวะหายนะกะปาณ- ฑพะลาญชิวาตม์รอน เศียรธฤษฏ์ทยุม-นะกระดอน ขณะขรรคะวาดคม O เนื่องหนุนสถุลทมิฬะมาร ก็ละลานกะอารมณ์ ชีพบุตระปาณฑพะระงม- ระดะล้มเพราะคมขรรค์ O เศียรนั้นสะบั้นก็เพราะประทุษ อริรุดและลอบฟัน เลือดหยาดเพราะชาติสถุละนั้น มุกระทำ ณ ค่ำคืน O คุมแค้นเพราะแสนยะพละเกา- รพะเหล่ามิอาจยืน- หยัดสู้ริปู, และเพราะจะขืน- บุพะกรรมะนำทาง O เคียดแค้นเพราะโทรณะประลัย มรรคะไหนก็เลือนลาง อัศวัต-ะถามั-นะก็ว้าง- ณ ระว่างหทัยศัลย์ O ขืนกรรมะอำมะหิตะเพื่อ ชิวะเนื้อ .. จะเพื่อปัน- ทุกข์โศกวิโยคประลุผจัญ พิษะคั้นอรินทร์ตน O ล้วนบุตระเทราปทีประอร ชิวะมรณะถ้วนคน จึงโฉดประโมทย์จระปะฉล ระบุผล ณ ริมบึง O แก้พัสตระหุ้มศิระก็งัน อุระนั้นก็คำนึง ไป่ผลาญะปาณฑพะจะพึง ชิวะซึ่งจะควรผลาญ O นี้เศียรกุมาร .. พระยุวราช อริชาติใช่ปาณ- ฑพพ่อ .. สิหนอชิวะจะลาญ อวสานและลบสูญ O สมเพทะเหตุชิวะประลัย อุระไท้ก็อาดูร รวดร้าวระราวนรกะพูน พิษะเศร้าผสานทรวง O อักโขสิโลหิตะกระอัก ก็ทะลักทะลายดวง- จิตผู้เพราะรู้ทุขะทะลวง วตะล่วง .. ลุบรรลัย O สิ้นดับสำหรับกรรมะระบือ ฉละชื่อกระฉ่อนไกล สิ้นแล้ว ฤ แคล้วมรรคะหทัย จะคระไลบ่เห็นแสง O สิ้นดับสำหรับทุระสมรรถ อัตคัตบ่สำแดง สิ้นดับสำหรับธรรมะจะแผลง ทะนุแต่งหทัยชน อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ 00100 - - - 110102 00102 - - - 110103 1 = ลหุ 0,2,3 = ครุ O อัศวัตถามัน - - - จิตะนั้นประหวั่นลน- เกรงฆาตชิวาตม์ฉล - - - เพราะประหัตกุมารเขา O เร้นกายและบ่ายหน้า - - - เลาะวนาและลำเนา สิ้นวงศะผองเกา- - - - รพะเหล่าปลาตสูญ O ครั้นรุ่งอรุณย่ำ - - - ทุรกรรมและอาดูร แทรกเทราปทีพูน - - - ทุขะเหตุเทวษศัลย์ O ราวโลกจะแหลกยับ - - - รุจิดับและกัปกัลป์- ก้องกัมปนาทบรร- - - - ลุถล่มและวอดวาย O ปวดร้าวระราวว่า - - - จะลุวาระใจกาย ต้องทัณฑะโถมหาย- - - - ะนะบ่ายจะปลิดปลง O วอนองค์พระทรงเดช - - - ทะนุเจตะจำนง ค้นหาสถุลวง- - - - ศะประเล่หะชาติพราหมณ์ O จึง-กฤษณ์พระเอ่ยวา- - - - ทะประการะโทษทราม กฏฟ้าพยายาม - - - จะละลามพิพากษา O อดทนเถอะบังอร - - - ทุขะร้อนจะย้อนพา ฉลโฉดอุโฆษภา- - - - วะประณามและหยามหยัน O ท่องโลกวเนจร - - - นิระผ่อนประทุษทัณฑ์ แม้นพรรษะถึงพัน - - - จะผจัญกะขุกเข็ญ O จึงเทราปทีชี้ - - - บทะที่จะควรเป็น เพชรงามผกายเพ็ญ- - - - คุณะค่ามหาศาล O พราหมณ์โฉดสิหวงแหน - - - ดุจะแม้นกะดวงมาน แย่งได้จะคล้ายผลาญ - - - จิตะผู้บ่รู้ดี O ปาณฑพะครบหมู่ - - - ประลุสู่ก็เพื่อบี- ฑาฉละปรนศรี - - - และมณีก็นำมา O ออมขวัญเถอะขวัญเจ้า - - - ทุขะเศร้าจะลับลา สร่างศัลย์เถอะขวัญตา - - - เฉพาะว่าจะรื่นรมย์ O จึงธฤตราษฎร์ผู้ - - - เฉพาะรู้จะตรอมตรม ทุกขังก็สั่งสม - - - ระอุในหทัยองค์ O คานธารีสร้อยเศร้า - - - ทุขะเร้าประโลมลง จิตผู้ บ่ รู้สง- - - - สัยะถ้อยจะบิดเบือน O ร้อยองคะเการพ - - - ชิวะลบและลับเลือน ใครเล่าจะเศร้าเหมือน - - - จิตะมาตุเมื่อรู้ O ร้อยบุตระชีพมรณ์ - - - ทุขะตอนก็ล้อมตรู ตรองบทะอดสู - - - นิระรู้อุรสพาล O ควรสุดจะสมเพช - - - กะวิเวทนาการ บุตรผองเพราะต้องผลาญ - - - ทรมานะตราบวาย O ด้วยพรตะบำเพ็ญ - - - มุหะเว้นบ่วุ่นวาย จิตพร้อมประนอมกาย - - - ศิวะเทพะบูชา O จึงองค์อิศวรผู้ - - - ประลุรู้ก็เต็มอา- รีวัตระศรัทธา - - - กรุณา..พระตอบแทน O ให้พจนัตถ์นุช- - - - ะประดุจบ่คลอนแคลน เพียงสาปะบาปแสน- - - - ยะจะแล่นจำหลักลง O หากสาปะตราสู่ - - - นิระผู้จะอาจปลง ชนผู้จะรู้สง- - - - เคราะหะถอนนะห่อนมี O กฤษณ์, ภีมะหวั่นนุช - - - กุธะฉุด..จะสาปชี- วาตม์ตนกระวนบี- - - - ฑะประเล่หะทุกข์เข็ญ O จึงภีมะค่อยยาตร - - - อภิวาทะหวังเอ็น- ดู, โทษะเพียบเพ็ญ - - - จะละเว้นพระวาดหวัง O พากย์ภีมะอ่อนน้อม - - - ศิระค้อมสดับฟัง สำเนียงประเดียง..ดัง- - - - จะสุภาพะหนักหนา O ลอบยิ้มพระกฤษณ์มี - - - ก็เพราะภีมะเจ้าปรา- ศัยผิดจริตภา- - - - วะประพฤติเคยเห็น O เสียงอ้อนสิอ่อนหวาน - - - ก็ละลานและอ่อนเย็น วอนโทษพิโรธเว้น - - - นิระเค้นและบีบคั้น O ตราบโทสะในอร - - - ยุติผ่อนบ่พัวพัน กดข่มละโศกศัล- - - - ยะอภัยะปวงหลาน O มองศพะถ้วนบท - - - พระอุรสะชีพลาญ โอดครวญกำสรวล-ปาน- - - - ชิวะคราญบ่อาจคง O ซากศพตระหลบกลิ่น - - - ระดะถิ่นจะรอปลง ผ้าหุ้มและคลุมลง - - - เฉพาะจิตกาธาน O ปาณฑพะครบอง- - - - คะก็สรงและโสรจ, ดาล- จิตน้อมประนอมศาน- - - - ติอุทิศกุศลกรรม O อวยจิตอธิษฐาน - - - วิญญาณะน้อมนำ ดีงามละลามทำ- - - - นุกมละสุขศานติ์ O จึงธรรมบุตรครอง - - - ปุระสอง, พระรำบาญ- ทุกข์ราษฎร์บ่สืบสาน - - - บริบาลบำรุงศรี O อำมาตยะเสนา - - - ก็ตริวาระราวี เสริมส่งพระภูมี - - - เฉพาะที่เฉลิมนาม O สรรค์อัศวเมธมี - - - จระที่และเขตคาม ทัพแกล้วก็แน่วตาม - - - พละเนื่องและอุดหนุน O เมืองใดนะเห็นม้า - - - หทัยาบ่เจือจุน ไป่น้อมประนอมบุญ - - - ก็จะรบณรงค์ผลาญ O พลีกรรมะบำเพ็ญ - - - สรรพะเช่นอดีตกาล เตรียมไว้จะใช้งาน - - - บริการพิธีกรรม O จับจัดกระโจมเรียง - - - ระยะเคียงจะพอจำ- นวนผู้จะรู้สัม- - - - ผัสะนัยะห้าวหาญ O แนวอัฒจันทร์นั้น - - - เฉพาะพันธะมิตรปาณ- ฑพร่วมฉลองการณ์ - - - อุปการะม้ากล O จึงองค์พระทรงชัย - - - ประลุในกระโจมตน เสนาอำมาตย์พล- - - - ะพหลกษัตริย์ล้อม O ฐานันดระอันควร - - - ตละล้วนก็อดออม คอยฤกษะงามพร้อม - - - จิตะน้อมประนอมตน O แตรสังขะกังวาน - - - เสาะผสานผสมมนต์ พรพราหมณะบันดล - - - นฤนาทะเภรี O ตรงฤกษะเริ่มอัศ- - - - ะวะเมธะ .. ภูมี- พร้อมเทราปทีปรี- - - - ดิพิธีสนานสรง O เสร็จแล้วพระครรไล - - - ดละไถจรดลง พฤกษภะคู่องค์- - - - พละเคลื่อนและพลิกดิน O โปรยปรายเมล็ดพัน- - - - ธุกระนั้นจะเพื่อยิน- ดี..ช่วยอำนวยสิน - - - กสิกรรมะบำรุง O พราหมณ์พร่ำพระคัมภี- - - - ระชลีประโยคปรุง- แต่งความปณามฟุ้ง - - - นยะมุ่งถวายแถน O ตรีเภทพิธีกรรม - - - ระบุทำนุถ้วนแมน หอมหวนกำยานแม้น - - - รสะนั้นจะบรรสาร O ขุดหลุมจะรอใส่ - - - สรรพะในระเบียบการ เนยนมขนมหวาน - - - คละผสมสมุนไพร O ถัดหลุมก็เป็นหลัก - - - ระยะปักระเรียงไป ล่ามสัตวะรัดไว้ - - - แพะแกะโคกระบือนั้น O ถึงฤกษะเบิกมา - - - ทวิบาทะด้วยกัน ผลาญพร่าชิวาบรร- - - - ลัยะเพื่อจะบวงสรวง O ทำตามประเพณี - - - เสนาะคีตะพาทย์ปวง ฟ้อนรำระบำบวง - - - คุณะแถน ณ แดนฟ้า O เสียงกลองและฆ้องสัง- - - - ขะประดังระดมมา พราหมณ์ร่ายพระเวท,วา- - - - ระกษัตริย์บัตรพลี O ฤๅษีวยาสพลัน - - - ระบุพันธะควรมี พร้อมขัตติยะลี- - - - ละลุที่นทีธาร O น้อมนำชลาลัย - - - ประจุให้ประโลมปาณ- ฑพ, เทราปทีคราญ - - - อภิเศกะด้วยสินธุ์ O หัวม้าก็รดหลั่ง - - - ระดะหลังประโลมริน ร่วงหยดจรดดิน - - - ลุขนบบุราณมี O ถูกถ้วนกระบวนความ - - - ขณะพราหมณะพากย์มี ทูลองค์พระทรงศรี - - - อัศวาสะอางสม O ปวงเทพะรับรอง - - - จะสนองกะปรารมภ์ รับม้า..กระนั้นคม- - - - ขรรคะภีมะวาบเงา O หัวม้าก็หล่นร่วง - - - พละจ้วงและเถือเอา- เนื้ออัศวาเคล้า- - - - คละผสมกะเครื่องปรุง O เครื่องเทศวิเศษสรร- - - - พะประกันจะอำรุง ทวยเทพะแดนรุ้ง - - - จะจรุงประนังพร O ต่อองค์พระทรงธรรม - - - รณะกรรมะราญรอน ไพรินทระถ้วนตอน - - - จะประนอมและยอมตน O จึงบัณเฑาะว์เป่าศัง- - - - ขะประดังสนองกล สรรพขัตติยาชน- - - - ะพสกะแซ่ซ้อง O แจกพราหมณะพงศ์ราช - - - วรรณะทาสะเงินทอง แพรพัสตระแจกผอง - - - คณะชนเพราะเมตตา O พืชพรรณสมุนไพร - - - สละให้จะเป็นยา เจ็บป่วยจะช่วยภา- - - - วะพยาธิปราศหาย O โดยอัศวะเมธมง- - - - คละยศะกำจาย แรกนาก็พาสาย- - - - พระพิรุณะรดริน O ไร่นาเกษตรกรรม - - - เฉพาะทำนุพื้นดิน เพิ่มทรัพยะรับสิน - - - ทะนุจินตะสุขศานติ์ O จึงอินทรปรัสถ์ถิ่น - - - หัสดินะสำราญ ปวงราษฎระกล่าวขาน - - - สดุดีและชื่นชม O องค์ธฤตราษฎร์นั้น - - - ก็ผจัญกะรันทม คานธารีขื่นขม - - - ก็เพราะบุตระชีพสูญ O จักเนาพนาไพร - - - เพราะหทัยพระอาดูร พรตกรรมจะเพิ่มพูน - - - อนุกูละพ้นเข็ญ O ธรรมบุตระสุดขัด - - - ปฏิบัติบำเพ็ญ น้อมจิตะคิดเห็น - - - อนุโลมและคล้อยตาม O คานธารีชายา - - - ปฤถาวิทูรยาม- นั้น..ร่วมพฤฒาพราหม- - - - ณะเสด็จแสวงศานติ์ O ปาณฑพะพี่น้อง - - - ก็สนองประสงค์การณ์- จำนงลุสงสาร - - - บริบาละสู่ไพร O สองพรรษะผ่านล่วง - - - ชิวะปวงสนิทใน- นิทรา, ก็เมื่อไฟ - - - ปะทุไหม้พนารญ O หญิงชายก็ถึงกา- - - - ละชิวามลายปรน- เปรอวัฏฏะรอบวน - - - ณ วิกาละครั้งนั้น O ปาณฑพะเศร้าสา- - - - หัสะว่าจะถึงบรร- ลัยล่วงกะปวงทัณ- - - - ฑะกระทั้นกระแทกทรวง O สั่งให้ประกอบฌา- - - - ปนะกิจะเพื่อบวง- เทพไท้ ณ ในสรวง - - - สมะเกียรติ์กษัตริย์วงศ์ O ผ่านพรรษะอีกคาบ - - - พละบาปก็ตามบง- การณ์เรื่องจะเปลื้องพง- - - - ศะพระกฤษณะล่มสูญ O เกิดเรื่องเพราะเคืองขุ่น - - - กุธะกรุ่นก็เพียบพูน บาดหมางทวีคูณ - - - อนุกูละปราศหาย O ใจญาติพินาศแตก - - - มุหะแทรกและทำลาย เคยรักสมัครหมาย - - - ก็สลายปลาตเลือน O ดลกฤษณ์พระผิดหวัง - - - นิระฟังพระตักเตือน ป้องจิตะบิดเบือน - - - พระก็เนาพนาไพร O แล้วถึงเคราะห์กรรมผ่าน - - - ระยะกาละเปลี่ยนไป องค์กฤษณะจรใน - - - วนะป่าเสาะอาหาร O ศรพรานทะลวงบาท - - - ชิวะราชก็ล่มลาญ ปราศฤทธิ์จะทัดทาน - - - มรณังประดังผล O จุดตาย ณ ปลายบาท - - - ทะลุชาติทะลวงชนม์ ปราศทิพะฤทธิดล- - - - ะจะป้องจะปัดหาย O ยาฑพะกรรมซ้ำ - - - วตะ-น้ำสิกำจาย เมืองล่มและจมสาย- - - - พระสมุทระบัดนั้น O ปาณฑพะกำสรด - - - และระทดระทวยกัน กล้ำโกรกกะโศกศัล- - - - ยะกระทั้นกระแทกใจ O ดลมวละมุ่งหวัง - - - มนะตั้งจะจรไพร ฝืนฝ่ากะอาลัย - - - วัตระพรตะดำรู O อินทรปรัสถะมอบโคตร - - - ทุรโยธนะคอยดู แล, โดย"ยุยุตสู" - - - กุละผู้จะครอบครอง O หัสดินพระมอบบุตร- - - - อภิมัณยุรับรอง นาม"ปริกษิต" .. สอง- - - - นคเรศะสุขล้ำ O ปกครองนะด้วยจิต - - - ทศพิธะราชธรรม ไป่ควร, บ่ควรสัม- - - - ผัสะด้วยกิเลศเผา ๑๔ O คือทาน .. ประการสรรพะจะเอื้อ- คุณะเพื่อจะบรรเทา- ทุกข์เข็ญละเว้นชิพิตะเขา สุขะเข้าประโลมศรี O คือศีล .. สำรวมจิตะสมรรถ ปฏิบัติเพื่อบี- ฑาฉละป่นพิษะกลี เฉพาะที่จะนำใจ O อวยทรัพย์สำหรับจะบริจาค ทะนุภาคะถ้วนใน- ขอบเขตประเทศ .. สุขะจะไพ- บุลยาสถาวร O ซื่อตรงดำรงสถิตะใน หฤทัยะถ้วนตอน ปวงราษฎร์เพราะอาชชวะ สะท้อน จะขจระสรรเสริญ O อ่อนโยน-กมล, จริยะวัตร พจนัตถะ, ดำเนิน โลกทัศน์เพราะมัททวะ เจริญ จะประเมินและเกื้อกูล O บำเพ็ญะเพียรกิจะประชาตบะ วาระจำรูญ เกียจคร้านประการนิระจะพูน- พละเดชะเหนี่ยวดึง O อักโกธะ โทสะละสลาย นิระหมาย ณ คำนึง เต็มขันติธรรมขณะระรึง- กะประเล่หะกล่าวหา O ข่มฤทธิพิษะอวิหิง- สะ ประวิงพระเดชา เบียดเบียน บ่ เพียรจิตะสถา- ปนะภาวะแผดเผา O อดทนผจญมุหะมหันต์ เฉพาะขันติ ธรรม..เอา- กดข่มระทมทุขะระเร้า ทะนุกิจะยากเข็ญ O เที่ยงธรรมะนำนิติพิพัฒน์ ทะนุรัฐะร่มเย็น เต็มสัตยาพิสุทธิ์เพ็ญอวิโรธนา ศรี O เสร็จแล้วพระแน่วจิตะประนัง สละวังและบูรี ทรงพัสตระดาบสะฤษี จรลีลุไพรสณฑ์ O ร่อนเร่พเนจระประพฤติ พรตะยึดนะถ้วนตน แช่มชื่นระรื่นสุขะกมล มรรคะหนแสวงหา O ก้าวย่างระหว่างศัพท์ระทึก สัตว์-พฤกษะบรรดา ชวนชี้พิถีชิพิตะผา- สุกะภาพะยลยิน O โขดเขินและเนินสิขระสูง คณะฝูงวิหคบิน ผาพรายผกายรัตนะหิน- รุจะพินทุวับไหว O เขียวขาบประภาพะมรกต รุจิบทะอำไพ แดงก่ำเพราะน้ำรัศมิไข- ภวะรับก็ทับทิม O หม่นมัวสลัวนิละสยาย รุจิผ้ายประกายพิมพ์ เหลืองบุศราคัมะถนิม ก็พะพริ้มพะพรายตา O เพทายระร่ายรุจะจรูญ- ะพิฑูรยะมุกดา ขับแสงจะแข่งพิจิตระภา- สะประพาฬะดำรู O โกเมนะเบนรัตะรุจี รัศมีผกาย .. ดู- โดดเด่นบ่เร้นดุจะจะบู- ชิตะผู้แสวงหา O โครมครืนก็คลื่นชละกระโจน พละโผนระลอกมา หินขวางระหว่างระยะ .. ชลา- ก็กระเซ็นละเล่นสาย ๑๑ O ไหววาตะวูบผ่าน รสะหวานก็กำจาย พันลอกและดอกลาย ภุมรินก็บินรอ O ดอกช่อละออชู รสะ-ภู่ ฤ รู้พอ กลีบโง้งและโก่งงอ ดุจะล่อจะให้หลง O กลิ่นหวนก็ล้วนหอม ขณะล้อม ฤ ล้างลง กรุ่นดินและกลิ่นดง รสะคงบ่จางคลาย O แดดทอดตลอดถิ่น ดละจินตะกำจาย ภาพพิศวิจิตรผาย มรรคะปลายจะปลอดปรุง O สรรพสัตวะผ่านเสียง เสนาะเพียงจะอำรุง เมียงหมายกระจายมุง นิระมุ่งจะเป็นภัย O หวีดหวิวละลิ่ววน วตะบนสะบัดใบ กิ่งแกว่งเพราะแรงไกว กละไหวจะวันทา O มาลย์ลิ่วและปลิวล่วง ดุจะบวงพระบาทา ลาดสู่พระผู้ลา- ละประภาพกำราบฝืน O บาทเธียระเพียรธรรม ระยะกรรมจะกลบกลืน ล่วงคล้อยเพราะคอยขืน อัตะตื่น ณ ในตน O รอบาทะลาดใบ ขณะไท้บ่รอทน ทุกข์ผ่านจะลาญผล มุหะหนจะบั่นหาย O ลมวู่พบูวี ปฐพีก็พร่างพราย รังสีสุรีย์ฉาย ฤจะหายขจ่างหาว O เงาภาพกระหนาบพื้น ภวะยื่นน่ะเหยียดยาว ทุกข์ฤทธิพิษร้าว จะละน้าวบ่จำนน O เมื่อร้อนนะผ่อนแรง ทิฐิแปร่งก็ผ่อนปรน จิตไทก็ไม่ทน จะผละพ้นจะผ่าเผย
Create Date : 11 สิงหาคม 2552
84 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 13:20:30 น.
Counter : 4824 Pageviews.
เลือดท่วมเลย....
ทำไมมันน้อยจังคะ...
เหนื่อยแล้วหรือคะ...เชียร์อัพค่ะ...
สิริภุมวารสวัสดิ์-มัยมนัสรมเยศค่ะ