https://ch3plus.com/news/socialnews/ch3onlinenews/297528?fbclid=IwAR2JzPJn4T6LI2-ZlT9DMRfodLsouzRhsJfWpTDynN265SPMrJ2J7DqT_N8กดดูเพิ่มที่นี่
https://www.catdumb.com/wtf-stories/89259?fbclid=IwAR3rD4PF55X91iaIBQjP2GKWTo4rg4DpeJs1c6kMiaPUeW6GsCRFcqz1bfAแต่ธรรมชาติของเสือย่อมไว้ลาย

จะอยู่บนบกหรือลงน้ำก็ไม่ทิ้งลาย
https://assets.ch3plus.com/newsch/2022/06/623914808670.jpg "ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย (ภัยในอนาคต) ๕ ประการนี้ ยังมิได้ เกิดขึ้นในบัดนี้
แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยเหล่านั้น เธอทั้งหลาย พึงตระหนักทันการไว้ ครั้นตระหนักทันการแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยเหล่านั้น
อนาคตภัย ๕ ประการเป็นไฉน ?
“กล่าวคือ
ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย
ผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย)
มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล)
มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต)
มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา) ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา
ก็จักเป็น(อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำ ผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย) มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล) มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต) มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)
“
เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา
ก็จักเป็น(อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำ ผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าคนที่ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา
“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน
“ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๑ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลาย พึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย
“อีกประการหนึ่ง
ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย) มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล) มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต) มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)
ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่เหล่าภิกษุอื่น แลจักไม่สามารถแนะนำเหล่าภิกษุ ที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)
แม้เหล่าภิกษุที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา
“
เหล่าภิกษุ ที่ได้ถือนิสสัยนั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา
ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่ภิกษุเหล่านั้น แลจักไม่สามารถแนะนำภิกษุเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)
แม้เหล่าคนที่ได้นิสสัยนั้นก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา
“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน
“ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๒ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลายพึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย"
(องฺ.ปญฺจก.22/79/121)
(347)พระพุทธศาสนาเดินทางรอนแรมบุกป่าฝ่าดงข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงป้ายบอกนั่นแล้ว "
พระพุทธเจ้าไม่ได้เลี้ยงผม" คำตอบเมื่อถูกถาม เจตนาเขาเพียงต้องการสื่อว่า พ่อแม่เลี้ยงตนเองมา พระพุทธเจ้าไม่ได้เลี้ยงแค่นั้น. แต่ถ้ามองเลยไปนิดหนึ่ง ก็ตอนนี้ตนบวชสังกัดพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเป็นผู้ให้กำเนิดศาสนา นั่นก็เท่ากับว่าพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของศาสนา ท่านได้บัญญัติการบวชไว้ว่าผู้บวชต้องนุ่งห่มอย่างนี้ๆๆ กุลบุตรที่เข้ามาบวชจากวรรณะใดก็ตามถือว่าเป็น
สมณศากยบุตรเหมือนกัน นั่นก็เท่ากับว่าตนเองเป็นลูกของพระพุทธเจ้าแล้ว เราได้อาศัยการนุ่งห่มตามแบบพุทธบัญญัติหาเลี้ยงชีพอยู่ นั่นแปลว่า พระพุทธเจ้าได้เลี้ยงเราและลูกศิษย์เราแล้ว ถ้าเรายังนุ่งห่มแบบฤๅษีหาเลี้ยงชีพอยู่ก็พ้นประเด็นนี้ไป
เขาว่าตอนเป็นฤๅษี. ถ้าใช่ ก็น่าตอนไหว้ครู เพราะผู้ที่ตั้งตนเป็นอาจารย์สักยันต์นั่นนี่โน่น ต้องมีครู ถึงปีต้องจัดพิธีไหว้ครูรวมศิษย์ซึ่งเป็นวัยรุ่นวัยคะนองที่สักๆกันไป
https://www.facebook.com/100019729020639/videos/963978894272485ถอดคำพูดเต็มๆ ถึงพระอาจารย์จะมาศึกษา
ศาสตร์พระพุทธศาสนา พูดจริงๆนะจากใจ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งทางใจ แต่พระอรหันต์ในใจของพระอาจารย์มีแค่พ่อกับแม่ นะครับ จำคำพระอาจารย์ไว้ เขาบอกว่า จงยกเอาพ่อแม่ขึ้นไว้บนเหนือหัว เอาพระพุทธเจ้ามาไว้กลางหน้า เอาครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรามาไว้ในใจแค่นั้นเอง นะครับ ใครจะว่าพระอาจารย์ยังไงก็ชั่ง พระอาจารย์ไม่สน เขาบอกว่านับถือทำไมยังโง้นยังงี้ นับถือพะเพอะ สงสารพระพุทธเจ้าท่านอรหันต์ จริงครับพระพุทธเจ้าท่านอรหันต์ท่านเก่งท่านรู้หลายๆอย่าง
แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้เลี้ยงผม (ยิ้มเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ) คนที่เลี้ยงผมดูแลผมให้ผมมาเป็นพระอาจารย์แจ้ในวันนี้ได้ คือ พ่อ แม่ นะครับ จำไว้เลยนะ.
จาก
https://www.facebook.com/watch?v=539161734540431‘พระอาจารย์แจ้’ ขอขมาพระรัตนตรัย เซ่นคลิปแสดงความไม่เคารพพระพุทธเจ้า
ผอ.สำนักพุทธฯอยุธยา ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิป "พระอาจารย์แจ้" แสดงความไม่เคารพพระพุทธเจ้า
เผยเป็นคลิปเก่า ขณะที่ "พระอาจารย์แจ้" ยอมขอขมาพระรัตนตรัย ยันเป็นศิษย์ตถาคต
ชี้คลิปถูกตัดต่อ ทั้งที่ต้องการสอนลูกศิษย์ว่าให้รักพ่อรักแม่ให้มาก เพราะเป็นผู้เลี้ยงเรามา มิได้คิดจะไปปรามาสพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด...
https://www.facebook.com/dailynewsonlinefan/photos/a.163875363655978/5499277246782403/
คำพูด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกใครต่อใครนำมาใช้บ่อยมากๆ