|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สะสมดอกไม้
ช่อคาร์เนชั่น: ถ่ายวันแรกที่ได้รับ
ดอกคาร์เนชั่น แม้มันแบบบาง ทำไมเจ้าช่าง อยู่อย่างอดทน
สิ่งที่สะสมยากที่สุด ก็คือการสะสมดอกไม้ เวลาที่คุณได้รับดอกไม้สวยๆ มาสักช่อนึง หลายๆ ครั้งก็อยากจะเก็บมันไว้อย่างนั้นนานๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ จริงๆ แล้วสำหรับฉันเอง ฉันคิดว่าดอกไม้เปรียบเสมือนเป็นความรักหนุ่มสาวเลยนะ คือเป็นสิ่งบริสุทธิ์สวยงาม เบ่งบานได้อย่างน่าชม แต่ก็ไม่สามารถคงทน คงเป็นได้เพียงภาพประทับใจ ตรึงตราตรึงใจในยามหวนถึงเรื่องวันวาน และก็อยู่ที่คนที่เคยผ่านมันว่า คุณจะจำภาพยามที่มันสวยงามเอาไว้ หรือยามที่มันโรยรา ถ้าคนเราอยากอยู่อย่างมีความสุขในชีวิต ก็เลือกจำภาพยามที่มันเคยสวยงามเอาไว้เถิดว่าเป็นภาพหนึ่งในอดีตที่อย่างน้อยเราก็เคยได้ชื่นชม
ดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุด คือดอกคาร์เนชั่นสีขาว ดอกไม้ในภาพชุดนี้เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ คือนิสิตที่สอนทั้งรุ่นไปช่วยกันซื้อมาให้ในวันปิด class พวกนิสิตเหมือนมาค้นข้อมูลที่โพสใน web ว่าฉันชอบดอกคาร์เนชั่นสีขาว เลยไปซื้อมาทำ surprise ในวันสุดท้ายให้เป็นช่อได้อย่างน่าประทับใจ ที่ชื่นใจนั้นไม่ใช่เพียงแค่ดอกไม้แต่เป็นความพยายามในการสืบหาว่าอะไรเป็นของที่ฉันชอบต่างหาก ความรู้สึกดีๆ ว่ามีคนอยากจะทำให้เรารู้สึกดีๆ นั้นมันมีค่ามากกว่าช่อดอกไม้เสียอีก ความตั้งใจของผู้ให้นั่นคือความทรงจำ ที่เก็บไว้ได้แม้ในวันที่ดอกไม้โรยรา
คาร์เนชั่นในแจกัน: ถ่ายเมื่อผ่านมาเกือบอาทิตย์
สาเหตุที่ฉันชอบดอกคาร์เนชั่นที่สุด เป็นเพราะว่าฉันเคยได้ดอกไม้มากมายมาครั้งหนึ่ง แล้วฉันก็จัดและเลี้ยงดอกไม้อยู่พักใหญ่ สิ่งที่พบคือดอกคาร์เนชั่นเป็นดอกไม้เรียบๆ ที่ไม่เตะตาแต่อยู่อย่างอดทน ดอกคาร์เนชั่นนั้นเป็นดอกไม้เรียบร้อย ก้านอ้วนๆ ของมันไม่ได้มีหนามแหลมคมแบบดอกกุหลาบ กลีบบางๆ ของมันไม่ได้มีกลินหอมละมุนแบบดอกมะลิ หรือลวดลายของมันไม่ได้งดงามตระการตาแบบดอกลิลลี่ แต่ความ "พยายามที่จะมีชีวิต" ให้ยาวนานที่สุดและอย่างสวยงามของมันนั้นเป็นสิ่งที่ฉันประทับใจ (จริงๆ แล้วชอบพอๆ กับดอกหญ้า ซึ่งก็มีมาให้ในช่อเดียวกันพอดี)
แต่คนเราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ทุกๆ สิ่งก็มีกำหนดของมันที่จะต้องจากไปในวันใดวันหนึ่ง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คนเรานั้นก็คือว่าช่วงเวลาที่เคยมีโอกาสได้เบ่งบานนั้นได้สร้างคุณค่าเอาไว้ขนาดไหน ซึ่งถ้าจะเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับชีวิตของคนเรา การที่คนเราเกิดมานั้นมีชีวิตอยู่เพียงสั้นๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์กาลเวลาที่ได้ล่วงผ่านมาและกำลังจะผ่านไป เราจะฝากชีวิตเราให้จารลงไปในรอยแห่งกาลเวลาอย่างไร? คุณเคยถามตัวเองเหมือนฉันไหม? เวลาไปเดินเล่นดูโบราณสถานหรืออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ว่าต่อไปเมื่อชีวิตเราผ่านไป แล้วเราจะอยู่อย่างฝาก "จาร" อะไรลงไปในหน้าประวัติศาสตร์บ้างได้หรือไม่? หรือจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีดินของห้วงจักรวาลที่ลืมตาเกิดมาดูโลกเพื่อจะสั่นสะเทือนเพียงชั่วครู่แล้วก็เลือนหายไปตามกาลเวลา คนเราควรจะมีชีวิตที่งดงามและมีความหมายแม้จะมีเวลาเพียงน้อยนิดมิใช่หรือ
แม้ดอกไม้จะร่วงโรยลงไป เหมือนๆ กับความรักของหนุ่มสาว หรือช่วงชีวิตสั้นๆ ของคนในห้วงกาลเวลา แต่ฉันเชื่อว่าพวกมันได้ฝากรอยยิ้มไว้ได้ในวันก่อนจากลา ด้วยความภูมิใจที่ได้อยู่อย่างเต็มที่และสวยงาม... แล้วพวกเราล่ะ? ได้ทำวันนี้ ได้ทำชีวิตตอนนี้ อย่างสวยงามไม่แพ้ดอกไม้แล้วหรือยัง?... เรามาสะสมดอกไม้ให้บานสะพรั่งเต็มหัวใจของพวกเราและคนรอบข้างในยามที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่กันดีไหม? @^_^@
ดอกคาร์เนชั่น: ในวันท้ายๆ ที่เหลือไม่กี่ดอกแต่ก็ยังยืนหยัดสวยงาม
ฝากภาพจารจำ งามล้ำชวนยล ดั่งสอนให้คน อดทนงดงาม
Create Date : 18 กรกฎาคม 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 22:33:53 น. |
Counter : 2048 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.11.97.32 19 กรกฎาคม 2552 15:23:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.11.97.32 19 กรกฎาคม 2552 15:30:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไร้นาม 21 กรกฎาคม 2552 22:19:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.160.56 21 กรกฎาคม 2552 23:58:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไร้นาม 26 กรกฎาคม 2552 23:34:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.155.198 28 กรกฎาคม 2552 1:31:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.151.65 29 กรกฎาคม 2552 4:57:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.150.167 29 กรกฎาคม 2552 15:07:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: SkyOneOne_2009 IP: 61.90.31.120 1 สิงหาคม 2552 12:14:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไร้นาม 20 กันยายน 2552 16:27:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friends
|
|
|
|
คุ้นเคยกับการมีเขาเหลือเพียงเรา...กับความสับสนในใจ"
"ชีวิตหนึ่ง (ชีวิตหนึ่ง) กับความหวัง...ฉันก็ยัง..หวังในใจ
ซักวันหนึ่งสิ่งที่ฝัน...จะหวนคืนวันกลับเป็นดั่งกำลังใจ"
"ไม่เป็นไร (ไม่เป็นไร) มาเริ่มกันใหม่...จะไม่ยอม...ให้วันใด ปล่อยให้ใจฉันต้องขาดเธอ...จะผูกพัน..สองเราให้เป็นหนึ่งเดียว"
(กลับมาเป็น...เหมือนเคย กลับมาเลย....เพราะเรานั้นคู่กัน)
++++
ไร้นาม"...แต่คนเราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ทุกๆ สิ่งก็มีกำหนดของมันที่จะต้องจากไปในวันใดวันหนึ่ง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คนเรานั้นก็คือว่าช่วงเวลาที่เคยมีโอกาสได้เบ่งบานนั้นได้สร้างคุณค่าเอาไว้ขนาดไหน..." ตรงนี้เยี่ยมมากครับ ชอบ ชอบมากๆ.
++++
แต่เก่าก่อน ไม่ค่อยสนใจเรื่องราว"ความว่างเปล่า"ของชีวิตเท่าใดนัก(ในมุมทางโลกีย์) แต่จะสนเฉพาะทางธรรมมากกว่าอ่ะครับ
โดยเฉพาะ"ความว่างเปล่า"ของท่านพุทธทาสฯนั้นให้มุมมองชีวิตที่เป็นแก่นสารดีเหลือเกินแต่แน่นอนก็อิงวิถีพุทธ.. ซึ่งสรุปได้ ๓ นิยาม คือ
(๑) "ความว่างทางวัตถุ" หมายถึงความว่างที่ไม่มีอะไรมารบกวน เป็นการเล็งถึงความว่างทางร่างกาย...อนัตตา.
(๒) "ความว่างทางจิต"หมายถึงจิตที่กำลังว่างจากความ นึกคิด ไม่รู้สึกอะไรและไม่ทำหน้าที่อะไรเลย...จิตว่างงัย.
(๓) "ความว่างทางวิญญาณ" หมายถึง ความว่างที่เกิดจากการรับรู้ (วิญญาณ) สัมผัสทางอายตนะทั้ง ๖ ด้วยอุเบกขา ถึงพร้อมด้วยสติปัญญา และความละวาง...
---เห็นรูป(แม้สวยมากๆๆๆ)ก็สักแต่ว่า"เห็น"ไม่ปรุงแต่งให้เกิดเป็นกิเลส...เป็นอาทิ.ดั่งนี้..เอวัง...
---ว่าแต่ว่าปุถุชนคนธรรมดาคงยากที่กระทำ(ปลง)ยาก!?! อิอิ.
++++
จริงๆ แล้วผมเข้ามาเม้นต์แรกนี้ก็เพราะอยากจะเผยมุมมองของชีวิตของตนว่า ปัจจุบันนี้มักจะเน้นเรื่องของ"อยู่ร่วมกันของสังคม"กันอย่างไรดีจึงจะเป็นสุข.
--ดังนั้น"ความว่างเปล่า"ในความหมายจึงแปลกจากคนอื่นไปบ้าง..จะเป็นแบบว่าคล้ายกับความบางตอนของไร้นามที่ยกมาแหละครับ.
--ฝันใฝ่ที่จะให้สังคมเราเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"(หมายเอาความไม่เท่าเทียมกัน, ความอยุติธรรมที่น่าจะยังมีฯลฯ)
--สรุป..ส่วนตัวจึงมองอีกว่า"ผู้คนในบ้านเมืองเรา...นั้น.."มอง"ประเทศชาติ...,มองคนไทยด้วยกัน, มองความเจริญของประเทศชาติที่ด้อยลง!?! ..."ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า!!!...ทั้งๆที่อยากให้เต็ม"(หมายเอาควรต้องเปี่ยมด้วยความสมัครสมานสามัคคี...การขจัดความอยุติธรรมที่น่าจะยังมี?...ฯลฯ)
--แล้วหันมาช่วยกันจรรโลงความยุติธรรม,สร้างชาติในแนวทางที่ถูกต้อง.และเชื่อว่ายังไม่สายที่เราจะเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"นี้อ่ะครับ.
--ทั้งหมดทั้งมวลเป็นมุมมองของผม...โดยเน้นที่ข้อ"สรุป"ข้างต้น...เป็นสำคัญสุดๆครับ.