The Counselor's Story ตอนที่ 28 มันได้อย่างเสียอย่างอ่ะน้องเอ๊ย
ช่วงหลัง ๆ มานี่ค่าเงินออสเตรเลียแพงขึ้นมามาก มากจนกระทั่งแพงกว่าเงิน US ซะอีกครับ นักเรียนหลาย ๆ คนเริ่มหันกลับไปมองอเมริกามากขึ้น ยังไงซะ อเมริกาก็คือ first destination สำหรับเด็กไทยอยู่วันยังรุ่ง
เรื่องนี้ผมไม่โทษนักเรียนหรอกนะครับ โดยเฉพาะคนรุ่นผม(แก่เชียว)จะโดนกรอกหูมาตลอดว่าอเมริกาคือสถานที่ที่เจ๋งสุดในจักรภพนี้แล้ว การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยก็จะเป็นระบบภาษาแบบอเมริกัน แกรมม่าแบบเมกัน พูดแบบเมกัน ดูหนังเมกัน ฯลฯเมกัน
เรื่องของเรื่องก็คือว่า เด็กผมคนนึงก็กำลังเหล่ ๆ ไปทางอเมริกาเหมือนกัน ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่บังเอิญว่าวันนั้นเป็นวันเสาร์ พี่ counselor ที่ดูแลอเมริกาไม่เข้าซักกะคน ผมก็เลยต้องให้ข้อมูลเบื้องต้นไปนิด ๆ หน่อย ๆ
มันมาสะดุดที่คำถามนึง "พี่ เมกาทำงานได้ป่าว"
คำถามคลาสสิคมาก ๆ ก็เลยตอบไปตามตรงว่า "ทำได้เฉพาะใน campus นะ แต่ถ้าจะทำงานอื่น ๆ เช่น เสริฟ ล้างจาน ล้างรถ ฯลฯ อันนี้ทำไม่ได้ ผิดกม. เด๋วจะมีเรื่องกับตม."
คุณน้องก็ยังคงถามต่อ "จริงเหรอพี่ ทำไมหนูเห็นเค้าทำกันเยอะแยะเลยล่ะ"
"ก็แอบทำทั้งนั้นล่ะครับน้อง ถ้าโดนจับได้ก็เสร็จ เหมือนที่เห็นในข่าวที่ฟลอริด้าอ่ะ ยังจำได้มะ โดนรวบตัวยกบ้านเลย"
สรุปแล้วน้องคนนี้ก็ยังคงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปที่ไหนดี เพราะ่ว่าเงินออสเตรเลียก็แพง กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่เชิงว่าราคาถูกเหมือนเมื่อก่อนซะแ้ล้ว โดยเฉพาะค่าเรียนภาษาในศูนย์ภาษามหาวิทยาลัย ราคาแพงสุดเท่าที่ผมนึกออกตอนนี้อยู่ที่สัปดาห์ละ 450AUD เข้าไปแล้ว เห็นราคาแล้วก็จะเป็นลมจริง ๆ
แต่ถ้าอยากจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยอย่างถูกกม. หนูก็ต้องยอมจ่ายแพง ค่าครองชีพในเมืองเล็กยังไงซะก็ถูกกว่าเมืองใหญ่้ น้อง ๆ เลือกไปเรียนที่เมืองเล็ก ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเจาะจงไป Sydney หรือ Melbourne
Perth หรือ Adelaide หรือ Hobart ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการไปเรียนภาษาครับ และค่าครองชีพค่อนข้างโอเคเลยด้วย
สรุปก็คือว่า ได้อย่างเสียอย่างครับ จ่ายค่าเรียนถูก แต่ทำงานไม่ได้ หรือจะจ่ายค่าเรียนแพง แต่ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกม. เลือกเอาครับ
มีคนกลุ่มนึงหัวเราะขึ้นมา ตำรวจบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พูดจริงทำจริง ไม่เชื่อลองดู ทราบมั้ยครับทำไมเค้าหัวเราะ เพราะมีเพื่อนฝรั่งคนนึงสอนภาษาอีงกฤษให้ลูกตำรวจคนนึงอยู่