The Counselor's Story ตอนที่ 23 Mission Possible: IELTS 7.0, the direct experiences!!!
"หกอีกแล้วอ่ะ เมื่อไหร่จะผ่านซะที"
"สี่รอบแล้วนะ ได้แค่ 5.5 เอง จะรอดมะเนี่ย"
"ถ้ายังไม่ได้ 7.0 รอบนี้ คงต้องกลับบ้านแ้่ล้วล่ะ"
"ฯลฯ"

ที่เห็นข้างต้นเป็นเสียงบ่นที่ผมได้ยินบ่อย ๆ ครับ รวมถึงตัวผมเองด้วยแหละ ที่สอบสองครั้งแรกก็ยังไม่ผ่าน ต้องมีรอบสาม ถึงจะผ่าน ได้ 7.0 มาเชยชมได้สำเร็จ แน่นอนครับ การเตรียมตัวเป็นเรื่องสำัคัญ ผมขอไม่พูดถึงการสอบครั้งแรกของผมก็แล้วกันนะครับ เพราะว่าไม่ีได้เตรียมตัวอะไรเลย สมัครสอบวันนี้อีกสี่-ห้าวันก็เข้าสอบเลย ได้มา 5.5 ก็สมควรแล้ว

หลังจากที่ได้มา 5.5 ปมก็เลยตัดสินใจบินมาเรียนภาษาที่ออสเตรเลียซะเลย เข้าเรียนที่ ICTE - UQ ที่เมือง Brisbane หลักสูตร English for Academic Purposes ลงไว้ 10 สัปดาห์ กะว่าหมดคอร์สแล้วก็จะสอบอีกรอบนึง กะเอาให้ผ่าน เพื่อจะเข้าเรียน July in-take ให้ทัน แต่ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ก็ได้วันสอบในสัปดาห์ที่ 7 ของการเรียนน่ะแหละ ก็ไม่เป็นไป เต็มที่ ๆๆ ลุย ๆๆ

ระหว่างนั้นก็เตรียมตัวตามตำราเป๊ะ ๆ ว่าควรจะฝึกฟัง พูด อ่าน เขียนยังไง แล้วก็ไปเข้าสอบ สองสัปดาห์ต่อมาก็ถึงวันเปิดซอง

Listening 6.5 Reading 6.0 Writing 6.0 Speaking 6.0
Overall 6.0

sick รับประทานครับ แทบล้มทั้งยืน เพราะว่านั้นหมายถึงจะเข้าเรียน July in-take ไม่ได้ซะแล้ว ทั้งแก๊งค์เลย เพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันวันนั้นก็ได้แค่ 6.0 กันเป็นแถว

เอาล่ะสิ ทำไงดี!!! มาถึงนี่แล้ว ห้ามกลับบ้านมือเปล่าเด็ดขาด

ก็เลยต้องถอยหลังตั้งหลัก มานั่งดูอีกทีนึงว่าปัญหาอยู่ตรงไหน Listening ก็น่าจะโอเคแล้ว reading ก็ฝึกเพิ่มเยอะ ๆ หน่อย เพราะรู้แล้วว่ายังอ่านไม่เร็วพอ การเขียนนี่น่าจะเป็นปัญหาหลัก เพราะว่าในส่วนของ writing task 1 ก็ยังสร้างความปวดหัวอยู่ และก็เรื่องของความรอบคอบด้วย เวลาเขียนคำตอบก็จะชอบลืมเรื่องของการเติม -s -ed -ing อะไรพวกนี้

หลังจากที่มืองเห็นปัญหาแล้ว ก็เริ่มต้นพยายามเอาชนะปัญหาทันที สำหรับส่วน listening กับ speaking จะขอไม่พูดถึงมากนักก็แล้วกันนะครับ เพราะว่าไม่ค่อยมีอะไรจะพูดถึง และสถานการณ์ตอนนั้นของผมก็คืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทุก ๆ วันอยู่แล้ว ถือว่าได้เปรียบไปขั้นนึง ที่เหลือก็แค่ต้องการเวลาเท่านั้น

ส่วนของ reading ผมยังคิดแบบเด็ก ๆ อยู่ ก็คือฝึกบ่อย ๆ ก็น่าจะได้ผล ก็พยายามฝึกอ่านครับ หนังสือแทบทุกชนิด โดยเฉพาะนิตยสารรถยนต์และเครื่องบินทั้งหลาย (ชีวิตผมบ้าอยู่สองอย่างครับ รถกับเครื่องบิน แต่ตอนหลังนี่มีกล้องมาด้วย) อ่าน อ่าน อ่าน และอ่าน จนรู้สึกได้ว่า นี่ไม่ใช่ทางดับทุกข์ของเรา ความเร็วของเรายังเท่าเดิม ทำยังไงต่อดี ก็เลยองทำอย่างอื่นดู ลองใช้วิธีอ่านแล้วจับใจความสำคัญ แล้วก็เอามาเขียนใหม่เป็นแบบ summary ผลก็คือยิ่งออกทะเลไปใหญ่ กลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ให้ตัวเองซะอีก

ทำไงต่อดี!!!

ก็เลยตัดสินใจเข้าหาทางธรรม เอ๊ยมะใช่ เข้าหคุณครูที่สอนวิชา IELTS Preparation นั่งคุยแบบเครียดเลยว่าจะทำยังไงดี ทำยังไงจะอ่านให้เร็วได้มากกว่านี้ ความแม่นยำด้วยแหละ ก็ได้รับคำแนะนำมาว่า ในการสอบ reading ของ IELTS ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตัว ให้อ่านแบบกวาดสายตา โดยใช้นิ้วมือชี้ไปด้วย เป็นการกำกับสายตาไม่ให้หลงบรรทัด ได้ผลครับ อ่านได้เร็วขึ้นแบบรู้สึกได้ และได้ใจความสำคัญมาครับ เมื่อเอามาประกอบกับหลักการทำข้อสอบที่เรา ๆ ทราบกันดีอยู่แล้ว ก็คือให้อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยไป scan หาคำตอบ ทุกอย่างก็เลยงตัว ที่เหลือก็คือต้องให้เวลาตัวเองหน่อยครับ ฝึกบ่อย ๆ จะได้เป็นเร็ว

ขอแนะนำเพิ่มเติมนิดนึง ไหน ๆ เราก็ต้องเตรียมตัวสอบ writing อยู่แล้ว ขณะฝึกอ่าน แนะนำให้ศึกษารูปประโยค โครงสร้าง ศัพท์แสะสำนวน ไปในตัวด้วยเลย รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอนสำหรับ writing ที่เราจะไ้ด้เจอครับ

ต่อมาคือเรื่องของ writing ปัญหาของผมก็คือ task 1 แปลกมาก ส่วนใหญ่ชาวบ้านเค้าจะมีปัญหากับ task 2 ซะมากกว่า เพราะว่ายากกว่า ต้องเขียนยาวกว่า และสัดส่วนคะแนนก็มากกว่า ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้มองเห็นความสำคัญของคุณครูผู้สอนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราไม่ใช่ native English user การได้รับคำแนะนำจากเจ้าของภาษาจะเป็นประโยชน์มากครับ

วิธีที่ผมใช้ฝึกเขียนก็คือ ข้อสอบเก่า ๆ ทั้งหลายน่ะแหละครับ หาได้จากหนังสือเตรียมตัวสอบทั่ว ๆ ไป พยายามหาที่มีตัวอย่างคำตอบด้วยนะครับ เขียนเองแล้วลองเอามาเปรียบเทียบกับตัวอย่างคำตอบ ดูวิธีการว่าเค้า grouping graphic information อย่างไร

สำหรับ task 2 ผมฝึกตัวเองด้วยการฝึกวาด out-line ในหัวครับ เมื่อเห็นห้วข้อแล้ว จะเขียนมันออกมาในรูปแบบไหน อย่างไร โดยทั่วไปแล้ว writing task 2 มักจะมีหัวข้อประเภท argumentative topics เป็นส่วนใหญ่ วิธีการเขียนที่จะเรียกคะแนนได้มาก ๆ มีดังนี้ครับ
1. เลือกข้าง อยู่ข้างไหน ระบุให้ชัดเจนใน thesis statement
2. เหตุผลสนับสนุน หรือ supporting idea ของเราต้อง strong และ logical
3. acknowledge เหตผลของฝ่ายตรงข้าม แล้วหาเหตุผลที่ดีของเรามาหักล้าง จะทำให้ essay ของเรา strong มากขึ้น

สำหรับหัวข้อที่ใช้ในการฝึกเขียน อาจเข้า google ค้นดูก็ได้ครับ ใช้คำค้นว่า "IELTS writing topics" แค่นี้ก็ได้ออกมาเป็นร้อยครับ

ผมฝึกเขียนแบบนี้เป็นเวลา 12 สัปดาห์เต็ม ๆ นั่งเขียนทุกวัน วันละ 2-3 topics เขียนเสร็จก็เอาไปให้คุณครูดูมั่ง ให้เพื่อน ๆ ที่เค้าเขียนเก่งกว่าดูมั่ง เผื่อว่ามีคำแนะนำดี ๆ ก็จะได้เอามาปรับปรุง

แนะนำให้จับเวลาด้วยนะครับ จะได้รู้ว่าเราพัฒนาขึ้น หรือยิ่งเขียนยิ่งช้า จะได้ปรับปรุงครับ คร่าว ๆ ก็คือ task 1 มีเวลาให้ 20 นาที แนะนำให้ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีแรก อ่านหัวข้อให้เข้าใจ ทำความเข้าใจกับ graphic information ที่เค้าให้มา จากนั้นใช้เวลาอีก 10-15 นาทีเขียนออกมาให้ได้ความยาว 150 คำเป็นอย่างน้อย (ประมาณเท่ากับ 15 บรรทัด) แล้วใช้เวลาที่เหลือตรวจเช็คความเรียบร้อย

สำหรับ task 2 มีเวลา 40 นาที ก็เช่นเดียวกันครับ ใช้เวลา 1-2 นาทีแรก อ่านหัวข้อใ้หเข้าใจ วาด out-line ในหัว แล้วก็ใช้เวลา 25-30 นาที เขียนออกมาให้ได้ 250 คำ (ประมาณเท่ากับ 25 บรรทัด) แล้วใช้เวลาที่เหลือตรวจสอบควมเรียบร้อยครับ อย่าลืมบันทึกเวลาด้วยนะครับ จะได้รู้ความเปลี่ยนแปลงของเรา ช่วงแรก ๆ อาจจะเกินเวลามั่งก็ไม่ต้องไปกังวลครับ พยายามฝึกไปเรื่อย ๆ เราจะพัฒนาขึ้นได้เองครับ

ถึงตรงนี้แล้วก็ต้องขอย้ำอีกครั้งครับว่า ระดับภาษาของผู้เข้าสอบต้องดีในระดับนึงด้วย ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่ดี เช่น complex sentence คืออะไร part of speech คืออะไร การเขียน short essay เขียนยังไง ถ้ายังมีคำถามพวกนี้อยู่ แนะนำว่าอย่าไปสอบครับ เสียดาย 5900 บาท ช่องว่างระหว่างคะแนนของการสอบ IELTS มันไม่เหมือนการสอบทั่ว ๆ ไปที่เป็นแบบ
1.........2.........3.........4.........5.........6.........7.........8.........9

ของ IELTS จะเป็นแบบนี้ครับ
1. 2... 3.......... 4...................................5.........................................
.................. 6................................................................................ ..................................................................................................... ............................................................... 7................................... ......................................................................................................
......................................................................................................
............ 8...................................................................................... ......................................................................................................
......................................................................................................
......................................................................................................
................................................................................................... 9

ไม่ได้เว่อร์นะครับ เป็นแบบนี้จริง ๆ

ผมฝึกอ่านฝึกเขียนแบบนี้เป็นเวลา 12 สัปดาห์เต็ม ๆ ไม่มีัวันหยุด ผลที่ได้รับก็จัดว่าคุ้มครับ เปิดซองรอบนี้ เลขที่ออกคือ
Listening 7.0 Reading 7.0 Writing 8.0 Speaking 6.0
Overall 7.0

ดังนั้นแล้ว "believe me, 7 is heaven" (Pike, 2009)



Create Date : 09 กรกฎาคม 2553
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 12:17:31 น.
Counter : 6473 Pageviews.

3 comments
  
เค้าว่ากันว่า.....


คนแก่....มักนึกถึงแต่เรื่องในอดีต



อ่า..........อ่านจาก Blog จานละ


สงสัยจะจริงอะเนอะ ^-+-^
โดย: kaesri IP: 58.9.121.16 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:46:27 น.
  
โหววว ได้ writing 8.0 เลยหรอคะเก่งจังเลยค่ะ
โดย: dearohio IP: 58.11.47.212 วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:21:03:09 น.
  
โหหหหหห writing เมพมากค่ะ
โดย: เมย์ IP: 203.114.102.22 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:10:18:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Queenslander
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



กรกฏาคม 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog