The Counselor’s Story ตอนที่ 4 เริ่มต้นคิดเรียนต่อออสเตรเลีย

วันนี้ย้อนกลับไปดูกระแสตอบรับที่กระทู้ ก็เห็นมีทั้ง กระแสตอบรับที่ดี และไม่ดี แบบว่าด่าเลย ก็เอาเถอะครับ แล้วแต่จะคิด ไอ้การที่ไม่หาข้อมูลเลย พอไปเจออะไรที่ไม่ดี ๆ แล้วก็มาเหมารวมว่ามันไม่ดีทั้งหมด ถามจริง ๆ ว่าใครกันแน่ที่โคตะระเลว แล้วตรงไหนที่ผมพูดไม่ดีเกี่ยวกับชาวมุสลิมก็ไม่ชี้ชัด ผมแค่อยากจะบอกว่าความต้องการของคุณพ่อท่านนั้นมันเป็นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

เข้าเรื่องดีกว่าครับ สำหรับการคิดจะไปเรียนต่อเมืองนอก แน่นอนครับว่าการจะไปเรียนต่อก็คือการลงทุนอย่างนึง ผมจะข้ามเรื่องของเงินไปก่อนตอนนี้นะครับ เริ่มที่การหาสิ่งที่อยากจะเรียนกันก่อน

ในชีวิตการเป็น counselor ของผม ผมเคยเกริ่น ๆ ไว้แล้วว่าเจอนักเรียนมาเกือบทุกแบบแล้ว มาดีมั่ง มาร้ายมั่ง มาแปลก ๆ มั่ง เดี๋ยวนี้ชักจะเยอะขึ้นก็ประเภทพวกยังไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่าอยากเรียนอะไร เช่น อยู่ ๆ เดินเข้ามา แล้วก็ยิงคำถามกวน ๆ ทันทีเลยว่า “พี่ ออสเตรเลียมีอะไรให้เรียนมั่ง” แรก ๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่อ้อมแอ่มไป หลัง ๆ ก็ก็เลยใช้วิธีตอบพร้อมกับถามกลับไปเลยว่า “มีทุกอย่างอย่างที่ประเทศไทยมีครับ น้องอยากไปเรียนอะไรล่ะ” นักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ามาถามแบบนี้ ก็จะรู้ได้เลยว่า ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ มองออกได้เลยว่าบางคนเหมือนเข้ามาลองภูมิ ดูซิว่าจะรู้มั๊ยประมาณนี้ครับ

สิ่งแรกที่ต้องรู้เลยก็คือมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียใช้ระบบ admission ในการคัดเลือกคนเข้าเรียนครับ ไม่ต้องห่วงว่ามันจะเป็นระบบห่วย ๆ แบบของไทยนะครับ เป็นระบบ admission แท้ ๆ เลยครับ คือคุณต้องมีคุณสมบัติตามที่เค้ากำหนดซึ่งมันก็จะต่าง ๆ กันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย

สำหรับการเรียนป.ตรีก็คือคุณต้องจบม.6 หรือจบมหาวิทยาลัยปี 1 มีคะแนน IELTS 6.0 โดยที่แต่ละส่วนห้ามต่ำกว่า 5.5 เป็นอย่างน้อยสำหรับการไปเรียนสาขาทั่วไปเช่น ธุรกิจ ศิลปศาสตร์บางสาขา วิศวะบางสาขา เทคโนโลยีและสารสนเทศ ฯลฯ บางสาขาเช่น ภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์การบิน นักบินพานิชย์ จิตวิทยา ฯลฯ พวกนี้ส่วนใหญ่ต้องการคะแนน IELTS 6.5 ครับ คุณต้องไปเรียน 1+3 ปีคือ foundation year 1 ปี และป.ตรี 3 ปี ถ้าเรียนจบปี 1 จากเมืองไทยมาแล้วก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเรียน foundation year 1 ปี ครับ

สำหรับการเรียนป.โท แน่นอนว่าคุณต้องจบป.ตรี มีเกรดเฉลี่ยในระดับที่ “น่าพอใจ” แต่บางมหาวิทยาลัยก็ไม่สนใจเกรดเท่าไหร่ แน่นอนว่าควรมีประสบการณ์ทำงาน เพราะว่าการเรียนจะเป็นแบบ group discussion ถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยก็จะทำให้เรียนลำบาก หรืออาจจะถึงกับท้อจนเลิกเรียนกลางคันไปเลยก็มีครับ ต้องมีคะแนน IELTS 6.5 โดยที่แต่ละส่วนห้ามต่ำกว่า 6.0 เป็นอย่างน้อยครับ สำหรับการเรียนสาขาทั่วไป เช่น ธุรกิจ ศิลปศาสตร์บางสาขา วิศวะบางสาขา เทคโนโลยีและสารสนเทศ ฯลฯ บางสาขาเช่น ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา บริหารธุรกิจฯลฯ พวกนี้ส่วนใหญ่ต้องการคะแนน IELTS 7.0 ครับ ใช้เวลาเรียนประมาณ 1-1.5 ปีเป็นส่วนใหญ่ บางมหาวิทยาลัยก็จะมีให้เลือกด้วยว่าจะเรียนเป็น double major หรืออาจจะมี double degree ให้เลือกเรียนด้วย

เอาล่ะสิ double major กับ double degree มันต่างกันยังไงเนี่ย มันก็ต่างกันที่ว่า double major คือการเรียนป.โทใบเดียว แต่ว่าเรียนสองวิชาเอกครับ เพราะว่าบางครั้ง สองวิชาเอกนี้เรียนวิชาบังคับแกนตัวเดียวกันเลยก็มี เช่น Master of Business in Marketing and Finance เป็นต้น

ส่วน double degree คือการเรียนป.โทสองใบที่มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ก็อาจจะมีบางอย่างที่มันเชื่อมกันได้ เช่น Master of Management and Master of IT เป็นต้น จบไปก็จะได้เป็นระดับผู้บริหารของส่วน IT ทำนองนี้ครับ

ที่ผมเขียนมาก็เป็นข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับการเริ่มคิดที่จะไปเรียนต่อครับ และมันจะเป็นคำถามที่ผมเจอบ่อย ๆ ด้วยในการให้คำแนะนำการเรียนต่อ ตอนต่อไปผมจะพูดถึงขั้นตอนต่อไปครับว่าการสมัครเรียนต้องทำยังไงบ้าง คอยติดตามนะครับ

Create Date : 26 กรกฎาคม 2551 Last Update : 26 กรกฎาคม 2551 12:05:12 น. Counter : 1041 Pageviews.		2 comments
Share Tweet