The Counselor's Story ตอนที่ 5 เรื่องของการสมัครเรียน

ต่อจากครั้งที่แล้ว ผมเพิ่งจะนึกได้ว่าผมลืมพูดถึงเรื่องคุณสมบัติของผู้เรียนป.เอกไป ก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะสรุปให้ในครั้งนี้เลยก็แล้วกัน

ในตอนนี้จะว่าด้วยขั้นตอนการสมัครเรียนครับ ง่าย ๆ ก็แค่เอาเอกสารทุกอย่างมาให้ผม แล้วเดี๋ยวผมจัดการต่อให้ทั้งหมดครับ

จบตอน

อ้าว เฮ้ย ๆๆๆๆๆ ทำไมมันจบง่ายแบบนี้ ขอโทษคับ อิอิ วิญญาณขี้เกียจเข้าสิง ไหน ๆ ก็หลงเข้ามาแล้วผมก็จะอธิบายให้ฟังเป็นขั้นตอน ๆ เลยนะครับ

เรียนภาษา
ง่ายมากครับ เข้ามาเลือกโรงเรียนตามกำลังทรัพย์และเมืองที่ชอบได้เลย กรอกใบสมัคร และก็พรุ่งนี้เข้ามารับ offer แล้วก็ไปจ่ายเงินเตรียมทำวีซ่าได้เลยครับ

เรียนป.ตรี
แน่นอนครับ ต้องจบม.6 เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครได้แก่
- ทรานส์คริปที่จบม. 6
- เอกสารที่รับรองว่าคุณจบม. 6 ชัวร์ ๆ
- ผลคะแนน IELTS 6.0 โดยที่แต่ละส่วนห้ามต่ำกว่า 5.5
- เอกสารที่รับรองว่าคุณเรียนมาโดยที่โรงเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน (กรณีโรงเรียนนานาชาติ)
- ประกาศนียบัตรต่าง ๆ (ถ้ามี)
- ทรานสคริปที่จบปี 1 ของมหาวิทยาลัย (กรณีไม่อยากเรียน foundation year)
* เอกสารทุกอย่างต้องเป็นภาษาอังกฤษ

ขั้นตอนก็คือต้องเข้ามากรอกใบสมัครครับ ซึ่งพี่ ๆ counselor ก็จะเตรียมไว้ให้ แต่ว่าก่อนหน้านั้นล่ะ เลือกได้รึยังว่าอยากจะไปเรียนอะไร เด็กนักเรียนหลายคนเข้ามาพร้อมกับหัวสมองว่าง ๆ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนอะไร จากนั้น counselor ก็จะเอาเอกสารทั้งหมดไปทำสำเนา (ซีร๊อกซ์อ่ะแหละ) และปั๊มตราสำเนาถูกต้องและจัดการส่งไปที่สถาบันให้ครับ ผมไม่ปฏิเสธว่ามันมีบาง agent ก็จะมีการขอเก็บค่าบริการส่งเอกสารตรงนี้ ซึ่งโดยจรรยาบรรณ ก็ควรจะบอกกันก่อนตั้งแต่ก่อนหน้าทำสมัคร ดังนั้นแล้วก่อนที่จะให้ agent ไหนทำสมัครให้ ลองถามเค้าก่อนได้ครับว่ามีการเก็บค่าบริการอะไรรึเปล่า ถามได้ครับ ไม่น่าเกลียด

จากนั้น ก็ทำได้แค่รอครับ รออย่างเดียวจริง ๆ ขั้นตอนนี้ พี่ ๆ counselor ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันครับ เสียใจด้วย เพราะว่าทางมหาวิทยาลัยต้องทำการพิจารณาอย่างละเอียดครับ นักเรียนบางคนอยากไปเรียนทางด้านธุรกิจ แต่ว่าผลการเรียนตอนม.ปลายก็อ่อนคณิตศาสตร์เหลือเกิน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ยากครับที่ใบสมัครจะผ่านการพิจารณา ดังนั้นแล้วน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียต้องตั้งใจเรียนตั้งแต่ขึ้นปีม.4 เลยนะครับ โดยเฉพาะปีม. 5 และม. 6 เพราะว่าเค้าจะดูสองปีนี้เป็นพิเศษครับ

เรียนป.โท
แน่นอนครับ ต้องจบป.ตรีก่อน การเรียนป.โทในประเทศออสเตรเลียมีสองแบบครับคือเป็น Master by Coursework กับ Master by Research ซึ่งอย่างแรกจะเน้นเรียนในห้อง และทำงานตามที่อาจารย์สั่ง ทำได้ตามเป้าก็โอเคครับ สำหรับอย่างหลังคือการทำวิจัยครับ เรียนในห้องน้อยมาก ๆ และต้องเลือกตามหัวข้อที่ทางมหาวิทยาลัยมีอาจารย์ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนต์ได้ด้วยครับ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็คือจะมีหัวข้อมาให้เลยว่าอยากจะทำหัวข้อไหน ก็ระบุไปตอนสมัครเลยครับ

เอกสารที่ต้องใช้ได้แก่
- ทรานสคริปอย่างเป็นทางการที่จบป.ตรี (เกรดเฉลี่ยควรอยู่ที่ 2.5++)
- ใบรับรองว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และจบชัวร์ ๆ
- ผลคะแนน IELTS 6.5 โดยที่แต่ละส่วนห้ามต่ำกว่า 6.0 (บางสาขา หรือบางมหาวิทยาลัยก็ขอแค่ 6.0 แต่ว่าน้อยเหลือเกิน เกือบหาไม่ได้แล้ว)
- เอกสารรับรองว่าคุณเรียนมาโดยที่มหาวิทยาลัยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน (กรณีเรียน International Program)
- Research Proposal (กรณีไปเรียน Master by research)
- Resume ระบุให้ละเอียดว่าเคยก่อกรรมทำเข็ญ เอ๊ย ไม่ใช่ ระบุให้ละเอียดครับว่าเรียนอะไรมา เคยทำอะไรมาบ้าง
- จม.Recommendation จากอาจารย์เก่า หรือเจ้านายเก่า ซัก 2 ฉบับ
- จม. รับรองการทำงาน กรณีมีประสบการณ์ทำงานครับ
- อื่น ๆ ที่ภูมิใจนำเสนอ
* เอกสารทุกชิ้นต้องเป็นภาษาอังกฤษครับ

ขั้นตอนทุกอย่างก็เหมือนทำสมัครป.ตรีครับ แต่ว่าอาจจะใช้เวลานานหน่อยในการพิจารณา บางมหาวิทยาลัยอาจใช้เวลาถึง 4-6 สัปดาห์ครับ ช่วงนี้ก็ทำใจสบาย ๆ เตรียมเอกสารวีซ่าไปพลาง ๆ เลยก็ได้ครับ

เรียนป.เอก
แน่นอนครับ ต้องจบป.โทมาก่อน หรือไม่งั้นก็ต้องจบป.ตรีพ่วงด้วยเกียติรนิยมหกเหรียญทองโอลิมปิก ผมไม่ได้เว่อนะครับ ถ้าอยากจะข้ามป.โทมาเรียนป.เอกเลย ก็สามารถทำได้ครับในออสเตรเลีย แต่ว่าต้องมีผลการเรียนตอนป.ตรีแบบไร้ที่ติมาแสดงให้เค้าดูครับ

การเรียนป.เอกในประเทศออสเตรเลียก็มีสองแบบหลัก ๆ ครับ คือ Ph.D. ใช้เวลาเรียน 3-5 ปี เป็นการเรียนแบบเน้นวิจัย และ Professional Doctorate คือการเรียนแบบกึ่ง ๆ วิจัย กึ่ง ๆ Coursework ใช้เวลาเรียน 3-5 ปีเช่นกัน แต่มีบางที่สามารถจบได้ใน 2 ปี

เอกสารที่ต้องใช้ได้แก่
- ทรานสคริปป.โท หรือป.ตรีพ่วงเกียติรนิยมหกเหรียญทอง
- ผลคะแนน IELTS 7.0 โดยที่แต่ละส่วนห้ามต่ำกว่า 6.5
- Research Proposal ความยาวควรอยู่ระหว่าง 5-15 หน้า แต่ว่ายิ่งละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดีครับ
- Resume ระบุให้ละเอียดว่าเคยก่อกรรมทำเข็ญ เอ๊ย ไม่ใช่ ระบุให้ละเอียดครับว่าเรียนอะไรมา เคยทำอะไรมาบ้าง
- จม.Recommendation จากอาจารย์เก่า หรือเจ้านายเก่า ซัก 3-4 ฉบับ
- จม. รับรองการทำงาน กรณีมีประสบการณ์ทำงานครับ ควรมีประสบการณ์ทำงาน 7-10 ปี
- อื่น ๆ ที่ภูมิใจนำเสนอ
* เอกสารทุกชิ้นต้องเป็นภาษาอังกฤษครับ

ขั้นตอนทำสมัครจะต่างจากอย่างอื่นตรงที่ว่า ผู้ที่จะไปเรียนต้องช่วยตัวเองก่อน โดยการหาโปรแกรมที่ต้องการไปเรียน มองหามหาวิทยาลัยที่ต้องการ แนะนำตัวเองไปที่คณะหรือภาควิชาที่จะไปเรียน อาจจะเป็นการส่งเป็นอีเมล์หรือส่งเป็นไปรษณีย์ก็ทำได้ครับ และก็อย่าลืมส่ง research proposal ไปด้วยเลยก็แล้วกัน เพื่อให้ทางนู้นเค้าหาอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนต์ให้เราได้ เมื่อหาได้แล้ว Professor ทางนู้นตอบรับเรามาแล้วว่าจะรับเป็นที่ปรึกษาให้ ถึงจะเริ่มทำสมัครครับ คราวนี้ก็ขั้นตอนเดียวกับป.โทเลยล่ะครับ ไม่น่าจะยากแล้วล่ะ

ขั้นตอนการหา Professor ที่จะมาเป็นที่ปรึกษาเราตามที่ผมอธิบายมาคร่าว ๆ นี่ไม่ใช่ว่าแป็บเดียวเสร็จนะครับ บางคนใช้เวลาหาเป็นปีกว่าจะหาได้ตามที่ต้องการ บางคนถึงกับต้องทำเรื่องเลื่อนในการขอรับทุนทีเดียว ดังนั้นแล้ว Research Proposal ต้องเตรียมแต่เนิ่น ๆ นะครับ เตรียมตัวหา Professor ไว้ให้เร็วที่สุดเลยครับ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

ตอนหน้าจะกล่าวถึงการรับ offer และการขอวีซ่านักเรียนแบบ eVISA ครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวเรื่องนึงได้เลยสำหรับการไปเรียนต่อออสเตรเลีย คอยติดตามนะครับ

ปล. ผมเขียนตอนนี้ไปพร้อมกับความรู้สึกว่าเหมือนกับลืมอะไรไปซักอย่างหรือหลายอย่างเหมือนกัน ท่านใดคิดออกบอกผมที (อ้าว เรื่องของใครกันแน่ฟะ) เอาเป็นว่าถ้ามีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของการทำสมัครก็หลังไมค์มาก็แล้วกันนะครับ

Create Date : 27 กรกฎาคม 2551 Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:15:18 น. Counter : 1088 Pageviews.		5 comments
Share Tweet