Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

ความรักริมดาว 03

ความรักริมดาว 03
ผู้แต่ง ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)

“เจ็ดแสนสี่หมื่นบาท!”
คุณทิพย์ยกมือทาบอกเหมือนจะกันไม่ให้หัวใจเต้นกระโดดออกมานอกกายกับจำนวนเงินมากมายเหล่านั้น

“พี่ริศจะไปเอาจากไหนมาใช้คุณเพชร ถ้าฟ้องร้องว่าสัญญามีที่มาไม่สมเหตุสมผลหรืออะไรแบบนั้นมันก็ต้องใช้เงินจ้างทนาย อีกอย่างเราจะเอาปัญญาที่ไหนไปจัดการ คุณเพชรตั้งใจแกล้งกันชัดๆนี่นา”

รุ้งพรายบ่นขณะยกน้ำเย็นในแก้วใสเลื่อนส่งให้วุ้นเส้นที่มาเป็นแขก

สีหน้าท่าทางของหญิงสาวบอกชัดว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เพชรกะรัตใช้บีบบังคับปวริศ

เจ้าของเรื่องถอนหายใจยาว คิ้วยังขมวดมุ่น

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เจ้าหนี้คือทนายความของคุณเพชรที่เขาไม่ยอมอะลุ่มอล่วยแน่ พี่รู้จักเขามานานแล้วตอนวิ่งไปประสานงานเรื่องอื่นๆให้ แล้วก็รู้ด้วยว่าครอบครัวคุณเพชรมีบุญคุณกับทนายคนนี้มาก่อนเขาเลยถือว่าต้องจงรักภักดี ลองคุณเพชรออกปากขอร้องมีหรือจะกล้าขัด ยิ่งเธอตายแบบนี้เขายิ่งต้องทำตามคำพูดเธอเข้าไปใหญ่”

“คุณเพชรนี่ขนาดตายไปยังไม่วายสร้างปัญหา” รุ้งพรายอดตำหนิไม่ได้

ทว่าผู้เป็นมารดากลับนิ่วหน้าแสดงความไม่ชอบใจนัก
“รุ้งนี่ยังไงนะ คนตายไปแล้วแม่ไม่อยากให้เราไปว่าเขา เดี๋ยววิญญาณไปไม่สงบสุข”

“ก็ที่คุณเพชรทำอยู่นี่ไม่ใช่เจตนาจะให้บ้านเราร้อนเป็นไฟเหรอคะแม่”

คุณทิพย์ไตร่ตรองก่อนหันไปกล่าวช้าๆกับบุตรชายคล้ายปรึกษา

“ริศว่ายังไงล่ะลูก ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักแม่กับน้องก็จะยอมย้ายไปอยู่บ้านคุณเพชร”

“แม่คะ!”

“เงียบก่อนเถอะรุ้ง”คุณทิพย์หันไปปรามอย่างหนักแน่นจนอีกฝ่ายฮึดฮัดแต่ไม่กล้าขัดอีก ท่าทางครุ่นคิดของท่านทำให้ทุกคนจำเป็นต้องรับฟัง

ปวริศเองก็จนแต้มเพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ผูกรวมถึงชีวิตของคนอื่นในบ้านด้วยไม่ใช่ตัวเขาเพียงลำพัง

“ริศ...คุณเพชรเธออาจจะหวังดีอยากให้ริศกับครอบครัวสบาย คิดดูสิว่าใครที่ไหนจะยอมยกมรดกมากมายก่ายกองขนาดนี้ให้กันได้ง่ายๆ คุณเพชรเธอก็ไม่มีใคร...ญาติก็มีแต่ปัญหากวนใจ เพื่อนที่ไหนก็ไม่มีสักคน มองไปมองมาก็คงเห็นแต่ริศเลยตั้งเงื่อนไขไว้แบบนี้ เพราะถึงยังไงก็พอรู้นิสัยริศดีว่าไม่ทิ้งขว้างสมบัติของเธอหรือเอาไปผลาญเล่น”

เขายิ้มเจื่อนๆกับข้อสันนิษฐานของมารดา

“แม่มองคุณเพชรในแง่ดีเกินไปแล้วล่ะครับ แม่รู้ไหมว่าพินัยกรรมฉบับนี้เป็นฉบับล่าสุดที่คุณเพชรเปลี่ยนตอนทะเลาะหนใหญ่กับญาติๆก่อนไปเมืองนอกครั้งสุดท้าย เธอทำประชดครับ...ผมยืนยันได้ในข้อนี้...เธออยากแกล้งให้สะใจที่สุดและกันท่าไม่ให้คนอื่นมาเสวยสุขบนสมบัติเธอก็แค่นั้นเอง เห็นนิ่งๆแบบนั้นคุณเพชระรรมดาแบบคนอื่นเสียที่ไหนกัน ลูกชายแม่เป็นแค่ไม้กันหมาในสายตาเธอมากกว่า”

“พูดเกินไปหรือเปล่าริศ”

“ผมพูดความจริง” เขาย้ำถ้อยคำ “คุณเพชรไม่ใช่คนใจดีขนาดที่จะทำอะไรโดยคิดถึงคนอื่นหรอกครับแม่ นี่ถ้าเธอไม่ตายกะทันหันผมว่าพินัยกรรมคงเปลี่ยนอีกไม่รู้กี่สิบฉบับ”

เพชรกะรัตเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อยากเข้าใกล้แต่ก็เลี่ยงไม่พ้น...

“ถึงอย่างนั้นริศก็ลองคิดดูดีๆ แม่กับน้องแค่เปลี่ยนที่อยู่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ถ้าริศยืนยันว่าจะปลดภาระจากมรดกคุณเพชรแม่อาจต้องขายบ้านนี้เพื่อให้ริศเอาเงินมาใช้หนี้แล้วเราก็จะไม่มีที่ไป แม่ทนเห็นริศทุกข์ไม่ได้หรอกลูก...ริศทำเพื่อแม่กับน้องมาตั้งเท่าไหร่แล้ว”

ชายหนุ่มอึ้งกับประโยคนั้น

“บ้านทั้งหลังไม่ได้ขายกันง่ายๆนะคะ แถมทนายความยังเร่งรัดให้พี่ริศสะสางเงินต้นรวมดอกเบี้ยภายในสามวันด้วยน่ะ รถพี่ริศก็ตกรุ่นไปแล้วขายคงได้ราคาไม่เท่าไหร่วุ่นวายพอกันแหละค่ะ” รุ้งพรายกระแทกเสียงอย่างจนปัญญา

“พี่กลัวแต่เราจะอยู่กันไม่สงบสุขในบ้านหลังนั้นน่ะสิ เพราะญาติๆคุณเพชรคงมาราวีไม่หยุดหย่อน”

มรดกมากมายของเพชรกะรัตไม่ต่างจากถ่านร้อนๆที่ลุกแดงและบัดนี้ถูกโยนใส่มือเขา ปวริศกลัดกลุ้มจนพูดไม่ออก มองไปทางไหนเขาก็เห็นเพียงทางเส้นเดียวที่ถูกขีดเอาไว้ให้

วุ้นเส้นเอื้อมมือมาตบไหล่เบาๆพลางยิ้มแต้
“รับมรดกคุณเพชรเถอะริศ พี่ว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ”




อย่างน้อยการย้ายบ้านก็ไม่ได้ง่ายดายดังใจคิด เมื่อปวริศตอบรับข้อตกลงและขอทราบเงื่อนไขจุกจิกเพิ่มเติม

“คุณเพชรกะรัตอยากให้คงความสมบูรณ์ของบ้านหลังนี้เอาไว้อย่างเดิม ห้ามเคลื่อนย้ายข้าวของที่เธอมีอยู่ แต่ยอมให้คุณหามาเพิ่มได้โดยไม่ทำลายความงดงามของบ้านไป...ประเด็นหลังนี่เอาเป็นว่าผมไม่ไปตัดสินอะไรมากก็แล้วกัน ถือว่าเราเจอกันครึ่งทาง เพราะเรื่องความสวยงามนี่ผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไหร่หรอก” ทนายความแจกแจงแคล่วคล่องพลางยื่นเอกสารชุดหนึ่งมาให้ดู

“ผมทนอยู่กับเครื่องเรือนชุดหลุยส์ไม่ได้แน่ๆ” ชายหนุ่มยืนยัน

อีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะอ่อนข้อให้เช่นกัน “คงไม่มีทางเลือกอื่นครับเว้นแต่ว่าคุณจะชำระหนี้แล้วเราก็ยุติเรื่องนี้ลง”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะเป็นคนกลางติดต่อให้คุณมาทำงานกับคุณเพชร”

“ขอบคุณครับ” ชายสูงวัยหัวเราะคล้ายไม่รับรู้ถึงกระแสประชดประชันนั้น “แต่จากวันที่คุณเซ็นรับเงื่อนไขตามพินัยกรรมผมก็คงไม่มีอะไรมากวนใจคุณอีกแล้วล่ะ โชคดีครับคุณปวริศ”

นั่นเป็นหนสุดท้ายที่เขาพาความผิดหวังกลับมาจากการเจรจาต่อรอง

ปวริศหยุดยืนกลางห้องรับแขกที่กว้างขวางโออ่าพลางกวาดสายตาไปรอบๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนัก...วันนี้เขาตัดสินใจว่าจะมาสำรวจเป็นหนสุดท้ายก่อนย้ายของเข้ามาในเช้าพรุ่งนี้ บ้านทั้งหลังสงบเงียบและชวนวังเวงเมื่อนึกว่าผู้เป็นเจ้าของรายล่าสุดเสียชีวิตไปด้วยอาการไม่เตรียมใจ สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลไปให้เพชรกะรัตแต่นั่นคงต้องรออีกสักระยะเมื่อทุกสิ่งเข้าที่เข้าทาง

น่าแปลกที่บ้านหลังนี้ไม่มีรูปผู้เป็นเจ้าของบ้านติดประดับไว้อย่างที่ควรเมื่อคำนึงถึงลักษณะนิสัยอดีตเจ้านายสาวผู้วายชนม์ที่มักยึดถือเอาตนเองเป็นศูนย์กลางทางความคิด...

แต่อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์สาวสมัยใหม่หรูหราที่ไม่อาจหลอมกลืนเข้ากับบรรยากาศโบราณมีมนต์ขลังของเครื่องเรือนและของตกแต่งต่างๆที่รายล้อมก็เป็นได้

ความคิดของเขาสะดุดหยุดลงจากเสียงแตรรถยนต์ที่ดังแสบแก้วหูจากประตูรั้ว

...เห็นทีจะต้องประกาศจ้างคนรับใช้ใหม่ แม่คงดูแลคนเดียวไม่ไหว...

ปวริศส่ายศีรษะช้าๆเมื่อนึกว่าอันที่จริงเงินก้อนใหญ่ที่เพชรกะรัตจะมอบให้มางวดแรกพร้อมบ้านนี้คงหมดไปเพราะเรื่องจุกจิกที่เขาเองไม่เคยคาดฝัน

ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่เขาจะเดินกลับมาที่ประตูรั้ว แท็กซี่สีสันสดใสไม่เท่าร่างสูงของชายหนุ่มผิวคล้ำเค้าหน้าคมคายโดดเด่น คิ้วเข้ม โหนกแก้มสูง สันคางเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย สวมเครื่องแต่งกายสุภาพพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโตอีกใบที่ลงมาหยุดยืนรอด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มเป็นกังวล

ปวริศยืนงงไปพักหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายถามไถ่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“ผมทราบข่าวคุณเพชร...”
ประโยคท้ายถูกกลืนหายไปกับเปลวแดดที่แผดจ้า ผู้มาเยือนดูลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อว่า
“เถ้ากระดูกคุณเพชรอยู่ในบ้านหรือเปล่าครับ ผมอยากไปไหว้สักหน่อย ผมจองเที่ยวบินจากญี่ปุ่นมาไม่ทันงานศพเธอ”

“คุณเป็นเพื่อนคุณเพชรหรือครับ”

ปวริศผ่อนคลายความระมัดระวังตัวลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างหงอยๆ เขาคะเนว่าอย่างน้อยผู้มาเยือนรายนี้น่าจะทำความรู้จักมักคุ้นกับเพชรกะรัตมาพอสมควรจึงบอกว่า

“เชิญในบ้านก่อนครับ”

“คุณคงเป็นคุณปวริศ คุณเพชรบอกว่าคุณไว้ใจได้...ผมชื่อแทนไท” คู่สนทนายื่นมือมาเบื้องหน้าทักทายตามธรรมเนียมสากล ก่อนจะทำอาการฉุกใจคิดและถอนมือกลับไปพลางว่า “ขอโทษทีครับ ผมลืมว่าที่นี่เมืองไทย พอดีผมทำงานสายการบินต่างชาติจนชิน”

คนฟังยิ้มตามมารยาทไม่ได้ติดใจเอาความอะไรมากนัก แค่อยากต้อนรับขับสู้ให้จบเรื่องไปมากกว่า

แทนไทกำลังหันไปจะจ่ายค่ารถแท็กซี่ พอดีกับที่รถยนต์อีกคันแล่นเข้ามาต่อท้ายขวางทางถอยออกของผู้มาก่อน

ปวริศไม่ได้เปิดรั้วกว้างไว้เพียงแต่เปิดประตูเล็กออกมารับหน้าแขกเห็นแบบนั้นจึงอดขมวดคิ้วมองด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยไม่ได้ กระทั่งคนในรถยนต์คันหลังลดกระจกชะโงกหน้าออกมาถามไถ่ยิ้มๆว่า

“ขอโทษ ผมมาพบคุณปวริศ...พวกคุณพอทราบไหมว่าเขาอยู่หรือเปล่า”

“ผมชื่อปวริศครับ” ชายหนุ่มก้าวออกไปแสดงตัว

กิริยาผิวปากอย่างถูกใจเมื่อทราบว่าโชคดีได้เจอตัวผู้ที่ต้องการ ทำให้ปวริศนึกขวาง แต่เมื่อมองเห็นท่าทางเริงรื่นของคนมาใหม่ก็รู้ดีว่าจำเป็นต้องใส่หน้ากากเอาไว้รับรองตามความเหมาะสม เพราะคนที่มาที่นี่นั้นสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่ามาด้วยจุดประสงค์อันหนึ่งอันเดียวกัน

...มาเพราะเพชรกะรัต

คุณเพชรนะคุณเพชร...ตอนอยู่ก็เสน่ห์แรง ตายไปแล้วก็ยังไม่วาย...คนคิดยังไม่ทันจบประโยคดีต้องสะดุ้งโหยงเมื่อรับรู้ถึงอาการเจ็บแปลบที่ด้านหลัง

อีกครั้งที่ปวริศมองหาต้นสายปลายเหตุของอาการไม่เจอได้แต่เพียงยกมือลูบคลำจุดที่เป็นปัญหาอย่างงงๆ ก่อนจะถูกดึงกลับสู่ประโยคบอกเล่าที่เหมือนจะทวนบทสนทนาเมื่อครู่ของเขากลับแทนไท เพียงแต่ผู้พูดไม่ได้มีความเศร้าซึมนอบน้อม หากแต่เป็นแววตาเปิดเผยที่จ้องมองมาของชายหนุ่มซึ่งดูคล้ายกับว่าจะมีเชื้อสายต่างแดนปนอยู่ไม่มากก็น้อย

“ผมเพิ่งหายป่วยออกจากโรงพยาบาลได้เลยมาไม่ทันงานศพคุณเพชร ขอเข้าไปไหว้เธอในบ้านหน่อยได้ไหมคุณ”

“ปวริศครับ...ผมชื่อปวริศ” สุ้มเสียงเหมือนเหนื่อยใจนิดๆ

ทว่าแขกของเพชรกะรัตรายนี้ไม่ได้สนใจจะบอกชื่อตัวเองกลับ เขาเพียงบุ้ยใบ้ไปยังรถคันหน้าที่หาทิศทางไปต่อไม่ถูกพลางว่า

“คุณช่วยเปิดประตูรั้วให้แท็กซี่เข้าไปกลับรถด้านในก่อนได้ไหม ผมจะได้ขับรถเลยเข้าไปฝากจอดที่โรงจอดรถโน่นด้วย แดดเมืองไทยนี่แรงชะมัดเลยแฮะ”

ปวริศหันมองประตูอัลลอยด์ขนาดใหญ่แต่นึกถึงรีโมทที่ไม่ได้รอบคอบพอจะหยิบฉวยติดตัวมาด้วย แล้วละสายตากลับไปมองทางแทนไทแกมขอร้องในที

อีกฝ่ายเข้าอกเข้าใจพอจะรับอาสาอย่างมีน้ำใจว่า
“ผมช่วยเปิดประตูฝั่งนี้ก็แล้วกันครับ จะได้ไวหน่อย”

“ขอบคุณครับ” ปวริศบอกอย่างซึ้งใจ

แทนไทเอากระเป๋าเดินทางวางไว้บนสนามหญ้าก่อนกลับมาช่วยปวริศเปิดประตูตามสัญญา หากแต่ในจังหวะที่รถของอาคันตุกะรายหลังสุดผ่านหน้าพลางโบกมือแทนคำขอบคุณให้แก่แทนไทนั้น แสงแดดที่จัดจ้าสะท้อนกับบางอย่างเป็นประกายวูบวาบก่อนวับหายไปพร้อมกับมือที่ลดกลับลงไปยังพวงมาลัยรถ

ปวริศก็ทันเห็นกิริยาเบิกตากว้างอ้ำอึ้งของแทนไทที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

แต่ยังไม่ทันได้ทักถามถึงสาเหตุก็พอดีกับที่รถอีกสองคันแล่นตรงเข้ามาจอดที่หน้ารั้วซึ่งเปิดกว้าง

คราวนี้ปวริศไม่สนใจมารยาทอีกแล้วเมื่อเห็นว่าคนขับรถต่างพากันเปิดประตูก้าวลงมา รายหนึ่งผิวขาวจัดท่าทางสำอางสวมเชิ้ตแขนยาวเรียบเนี้ยบ ส่วนอีกคนยังเป็นเพียงหนุ่มน้อยวัยยี่สิบต้นๆในเสื้อยืดกางเกงยีนแต่ดูดี ชายหนุ่มจึงตะโกนถามรวดเดียวว่า

“พวกคุณมางานศพคุณเพชรไม่ทันเลยจะมาไหว้เธอใช่ไหมครับ เชิญที่ห้องพระด้านในบ้านพร้อมกันเลยก็ได้ ผมชื่อปวริศ...ยินดีที่ได้ต้อนรับทุกคนครับ!”

สังหรณ์ของเขาของเริ่มทำงานขึ้นเมื่อชายหนุ่มทั้งสามคนในที่นั้นทำในสิ่งเดียวกัน...

สายตาทุกคนลดต่ำลงสำรวจที่มือของกันไปมาอย่างรวดเร็วด้วยความพิศวงสนเท่ ทึ่ง แกมกระอักกระอ่วนใจ

ในขณะที่เจ้าบ้านอย่างปวริศไม่รู้อะไรเลยนอกจากเริ่มเอะใจถึงบางอย่าง

...ดูเหมือนการตายของเพชรกะรัตกำลังจะนำพาเรื่องปวดหัวบางประการมาสู่เขา ไม่ว่าหล่อนจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามที!




ควันธูปที่ลอยสูงก่อนวนเวียนอยู่ในห้องนั้นก่อเกิดเส้นสายชวนมองอย่างประหลาด ปวริศยืนอยู่ชิดประตูห้องด้านนอกขณะที่ทอดสายตาตามร่างชายหนุ่มสี่คนซึ่งก้มกราบลงหน้าโต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีโกศใส่เถ้ากระดูกเล็กๆวางไว้ต่ำลงมาจากชั้นที่วางพระพุทธรูปบูชา

แทนไทเป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นและเหม่อมองรูปของเพชรกะรัตที่ถูกนำกลับมาจากวัด ตั้งไว้เยื้องข้างโต๊ะหมู่บูชา

แม้ในมุมนี้ปวริศไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีอย่างไรแต่ความโศกเศร้าของแทนไทก็ดูจะกลายเป็นรอยเงาที่ครอบงำเขาเอาไว้อย่างแจ่มชัดด้วยช่วงไหล่ที่ลู่ลงเล็กน้อยอย่างท้อแท้และหมดแรงใจ

อีกสองคนถัดมานั้นหลังจากทำความเคารพเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดูเหมือนนิ่งคิดบางสิ่งเงียบๆจนลืมเลือนคนอื่นๆในที่เดียวกันนั้นไปสนิท ส่วนรายสุดท้ายที่ดูอ่อนเยาว์สุดเพียงกราบลวกๆแล้วยกมือไหว้ค้างก่อนเอ่ยเสียงดังฉะฉานว่า

“พี่เพชรฮะ น้องรินเสียใจที่มาไม่ทันเผาศพพี่เพชร แต่พี่เพชรคงทราบดีกว่าใครว่าน้องรินไม่สะดวกมาจริงๆ...ไม่ว่าพี่เพชรจะไปอยู่ที่ไหนน้องรินหวังว่าพี่เพชรคงจะทราบดีว่าน้องรินไม่เคยเปลี่ยนไป น้องรินมาที่นี่แล้วตามคำบอกครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันแต่น่าเสียดายที่มาไม่ทัน...พี่เพชรเป็นที่พึ่งสุดท้ายของน้องริน...” ประโยคท้ายสั่นเครือลงทีละน้อยก่อนที่เขาจะท่อนแขนปาดซับน้ำตาที่เริ่มซึมออกมาและเงียบไป

แทนไทถอนใจเฮือกราวกับพอจะเดาอะไรบางอย่างออกได้ ค่อยๆถอนกายออกมาจากห้องนั้น

“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณปวริศน่ะครับ ถ้าคุณพอจะสะดวก”

ประโยคที่แฝงความนัยระคนเกรงอกเกรงใจนั้นเหมือนฉุดรั้งเอาคนที่เหลือภายในห้องหันขวับเป็นตาเดียว

ใครคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นทว่าแฝงความเย่อหยิ่งนิดๆเมื่อขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ก่อนพูดขึ้นว่า
“คงไม่ต้องเป็นการส่วนตัวมั้งครับ ถ้าเรื่องเกี่ยวกับของที่คุณเพชรทิ้งเอาไว้ให้”

“ผมเองก็เห็นด้วยนะฮะ...คุณปวริศ” ชายหนุ่มอายุน้อยสุดแปรเปลี่ยนท่าทีเป็นความกระตือรือร้นสนับสนุนขึ้นมาอีกเสียงเหมือนคาดหวังบางสิ่ง “ผมชื่อพีริน ผมมาที่นี่ก็เพราะสัญญาของคุณเพชรแล้วถ้าจะให้เดาทุกคนที่มาวันนี้ก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกัน”

คราวนี้ปวริศเป็นฝ่ายยกมือโบกสั่งทุกคนยุติลงอย่างเฉียบขาด

ชายหนุ่มออกอาการงุนงงเมื่อกวาดมองสายตาสี่คู่ที่จ้องกันไปมาอย่างประเมินท่าทีซึ่งกันและกัน เขามองออกว่ามันไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนักแต่ก็ยังรวบรวมข้อมูลได้ไม่มากพอจะคลี่คลายปริศนาที่เพชรกะรัตทิ้งเอาไว้ก่อนตาย

ปวริศกลับมาเป็นคนควบคุมสถานการณ์อีกครั้งเมื่อถามว่า

“ก่อนอื่นผมคงต้องบอกก่อนว่าผมไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว แล้วเท่าที่จำได้ผมก็รู้จักญาติทุกคนของคุณเพชรดีพอที่จะแน่ใจได้ว่าพวกคุณทั้งสี่ไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกับตระกูลนี้ ดังนั้นคงไม่ละลาบละล้วงเกินไปนักถ้าผมจะขอให้พวกคุณแนะนำตัวกันก่อนที่จะพูดอะไรออกมาซึ่งเกี่ยวพันถึงคุณเพชรต่อไป”

“ผมชื่อมิกซ์” ชายหนุ่มร่างสูงที่ปวริศคาดเดาแต่ต้นแล้วว่าไม่น่าจะเป็นคนไทยแท้เพิ่งเอ่ยขึ้นเป็นหนแรกนับจากเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังนี้ เขาไหวไหล่ก่อนอธิบายต่อว่า “บางคนอาจคุ้นหน้าเพราะผมเป็นนายแบบเพิ่งบินกลับมาจากอเมริกา”

“ผมไม่คุ้น...ผมไม่ชอบพวกเต้นกินรำกิน” ชายหนุ่มที่สวมแว่นสายตากรอบทองท่าทางภูมิฐานเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “คุณปวริศจะเรียกผมว่าเจ้าน้อยก็ได้นะครับ แต่ชื่อเต็มผมคือเจ้าเลอสรวง ถึงเราจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันนักเพราะอยู่คนละสังคมแต่ระหว่างผมกับคุณเพชรเราสนิทสนมกันดีตั้งแต่เมื่อคราวที่ผมไปทัวร์แสวงบุญที่ธิเบตแล้วพบเธอ”

“คุณเพชรเนี่ยนะครับไปทัวร์แสวงบุญ...” ปวริศอ้าปากค้าง ก่อนจะหุบฉับลงเมื่อถูกสายตาคมกริบของเจ้าเลอสรวงปลายมองคล้ายจะตำหนิ

ผู้อ้างว่าตนเองสืบเชื้อสายสูงส่งจากทางเหนือปกป้องเพชรกะรัตทันควัน “คุณเพชรเธอมีจิตใจที่ดีงามครับ”

“ครับ...” ปวริศทบทวนในใจอย่างรวดเร็วว่าเพชรกะรัตมีหรือจะยอมไปทัวร์แสวงบุญ

แต่เมื่อคิดได้ว่าสำหรับสังคมบางกลุ่มการทำบุญในลักษณะของการเปิดหูเปิดตาท่องเที่ยวก็จัดอยู่ในกระแสนิยม เป็นไปได้สูงที่เพชรกะรัตอาจถูกกล่อมให้คิดว่าน่าสนใจ เขาจึงค่อยคลายความสงสัยลงอีกนิด

เอาเถอะ...ไว้ไปลองตรวจสอบระยะเวลาดูทีหลังว่าจริงหรือเปล่า...

ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้นให้ปวริศซักถาม

“ส่วนอีกคนก็คุณพีรินกับคุณแทนไท ทีนี้เราก็รู้จักกันทั้งหมดแล้ว ถือโอกาสคุยกันแบบไม่เป็นทางการตรงนี้ต่อหน้าคุณเพชรในห้องพระเลยก็แล้วกันนะครับว่าพวกคุณมีจุดประสงค์อะไรนอกเหนือจากการมาเคารพเถ้ากระดูกของเธอ”

ทุกคนมองหน้ากันเหมือนต่างฝ่ายต่างลังเลชอบกลที่จะเอ่ยขึ้นก่อน ทั้งที่ตอนแรกทำท่าจะกีดกันไม่ให้แทนไทปลีกตัวไปเจรจากับปวริศตามลำพัง

“ผมคิดว่า-เรา-เป็นคนรักของคุณเพชรครับ” แทนไททำหน้าเหมือนกลั้นหายใจขณะค่อยๆแย้มพรายความลับบางส่วนเสี้ยวของเพชรกะรัตให้เผยออกมา

“เรา...” ปวริศทวนคำ

“ครับ” มิกซ์กลับเป็นฝ่ายยอมรับหนักแน่น ยิ้มเหมือนจะท้าทายให้ใครสักคนปฏิเสธแต่ก็ไม่มีใครค้านขึ้นเลยแม้แต่เสียงเดียว

“คุณเพชรให้แหวนเราไว้” เจ้าเลอสรวงเสริมขึ้นอีกเสียง ก่อนยื่นมือออกมาเบื้องหน้าให้เห็นแหวนทองคำขาวแบบเรียบหรูที่ดูคุ้นตา

พีรินเป็นคนชูมือขึ้นอวดแหวนแบบเดียวกันในนิ้วนางข้างซ้ายของตน ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยยกให้ปวริศดูอย่างอิดออดเล็กน้อย

สายตาของคนกลางอย่างปวริศพร่าเลือนไปด้วยประกายสดใสสวยงามยามแสงไฟส่องกระทบ อัญมณีเม็ดเดี่ยวขนาดเล็กวาวใสเจียระไนเหลี่ยมมุมแพรวพราวที่ฝังนิ่งสงบเฉิดฉายสุกใส ถัดมาเป็นลวดลายสัญลักษณ์ที่เรียบหรูทรงคุณค่า

แต่เหนืออื่นใดนั้นคนที่จับจ้องมองเพียงด้านหน้าก็แทบจะแลทะลุไปยังคำสลักอ่อนช้อยด้านหลังวงแหวนที่เขียนไว้อย่างประณีตว่า...Cartier...






 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551
3 comments
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 8:12:32 น.
Counter : 644 Pageviews.

 

ไม่อยากให้คนไทยตีกัน
มาช่วยกันอธิษฐานจิตกันเถอะ
คลิป สามัคคี


 

โดย: พลังชีวิต 26 สิงหาคม 2551 11:50:42 น.  

 


ข้าวปั้นไปญี่ปุ่นแล้วนะค๊ะ โชคดีค่ะทุกคน
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเองที่ glitter.postjung.com

 

โดย: fuku 26 สิงหาคม 2551 13:16:25 น.  

 

แวะมารับแขกแทนเจ๊พลอย(หลอน) 55+

คุณ พลังชีวิต
ครับ... ขอให้สงบซะที เห็นแล้วเหนื่อยแทน



คุณ Fuku

เที่ยวหนุกๆนะคร้าบบบ

..........................

 

โดย: รักดี IP: 118.172.70.190 27 สิงหาคม 2551 12:49:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.