Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

ดวงใจในเงาจันทร์ 04

ดวงใจในเงาจันทร์
4 - โชคชะตาพลิกผัน


ความอ่อนเพลียจากการผ่าตัดและฤทธิ์ยาที่ได้รับ ทำให้วริสายังรู้สึกสะลึมสะลือ รู้สึกเบาหวิวไปทั่วกายคล้ายจะลอยได้อย่างนั้น

“ตื่นแล้วเหรอริส”

เสียงที่เรียกชื่อเธอนั้นคือภาพิมลไม่ผิดแน่ วริสาชำเลืองตาปรือๆไปยังต้นเสียง ก็เห็นเพื่อนสาวเกาะอยู่ขอบเตียง ส่งยิ้มแต้มาให้

“เป็นไงบ้างล่ะ เกือบตายแน่ะ”

แม้วริสาจะคิดว่าตัวเองโต้ตอบมาทันควัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำพูดของเธอหลุดพ้นจากริมฝีปากช้ากว่าความคิดของเธอมาก

“ขอโทษด้วย... แกไม่เป็นอะไรนะ” น้ำเสียงของวริสาเบาๆ ต่ำๆ

ภาพิมลยกแขนที่เข้าเฝือกให้ดู พร้อมๆกับรอยยิ้มที่ไม่จางหาย วริสาเพิ่งสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า เพื่อนของเธอนั่งอยู่บนรถเข็น

“เป็นหนักจังเลยนะแก...” วริสาว่า หากแต่พิมลหัวเราะคิกคัก

“ดีกว่าตัวเองแหละ เกือบตายไปแล้วรู้ไหม เราล่ะกลัวจริงๆเลย”

“ขอบใจที่เป็นห่วง”

“เปล๊า... ไม่ได้เป็นห่วง” ภาพิมลร้องเสียงสูง “แต่กลัวผีริสน่ะ”

วริสาพยายามฝืนไม่ให้หนังตาปิด ภาพของภาพิมลจึงดูมัวๆ เบลอๆ

“เออ... ถ้าฉันตาย ฉันจะเป็นผีไปหลอกแกคนแรก”

“เราก็จะจ้างหมอผีจับริสถ่วงน้ำซะเลย” ภาพิมลย้อนทันควัน แล้วก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้อีกนิด “เออนี่... ตื่นมาก็ดีแล้ว เมื่อตะกี้พ่อริสมาเยี่ยมแน่ะ”

พ่อ... วริสาได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในห้วงคำนึงของตน พ่อมาเยี่ยมเธอจริงๆหรือ พ่อน่าจะอยู่รออีกสักหน่อย เธอจะได้ตื่นมาแล้วพบท่าน ในความฝัน... ดินแดนอันแสนไกล ที่แห่งนั้นทั้งมืด หนาว มีเพียงเส้นสีเงินบางๆที่หลอกล่อให้เธอคว้าไขว่ แต่ก็พ่อนั่นแหละที่เรียกเธอกลับมา

พอตื่นขึ้นมาและพบว่ามีเพียงเพื่อนสาวคนเดียวที่อยู่เคียงข้าง ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจเล็กๆ

...เธอคงไม่สำคัญเท่ากับงานและผู้หญิงที่ชื่อนาถยาหรอกมั้ง

“พ่อริสบอกเราว่า ให้ช่วงกล่อม ให้ริสกลับไปพักฟื้นที่บ้าน” ภาพิมลเล่าต่อ น้ำเสียงแจ้วๆทำให้วริสาไม่อยากเชื่อนักว่าเพื่อนสาวของเธอบาดเจ็บอยู่

“แล้วแกก็ตอบตกลงพ่อฉันใช่รึเปล่า” วริสาเอยเนือยๆ

“อือ... ก็บอกท่านไปว่าจะพูดให้ แต่ริสก็... เราเป็นเพื่อนริสนะ ไม่ใช่เพื่อนพ่อริสซะหน่อย ถึงแม้มันจะดูไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่เราก็ไม่บังคับให้ริสทำในสิ่งที่ริสไม่ชอบหรอก... เพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันสิ”

เป็นครั้งแรกที่วริสาหัวเราะหลังจากหลับๆตื่นๆมาหลายรอบ แต่เสียงหัวเราะก็เพียงเบาๆ เพราะรู้สึกปวดร้าวไปทั้งกระบังลมและซี่โครง

“มีเพื่อนอย่างแกนี่ฉันเสียคนแน่ๆ”

“ช่วยไม่ได้นี่ อยากมาเป็นเพื่อนเราทำไมล่ะ” ภาพิมลยักคิ้วให้หนึ่ง

วริสาออกจะดีใจอยู่ไม่น้อยที่คบกับภาพิมลเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้อุปนิสัยใจคอจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก และบ่อยๆที่ทัศนคติของเธอกับภาพิมลไม่ตรงกันซึ่งบางครั้งอาจลุกลามเป็นเรื่องทะเลาะใหญ่โต แต่ก็ไม่เคยว่าจะโกรธกันลงสักครั้ง

บางที... เกิดมาทั้งชีวิตจะมีเพื่อนดีๆก็เพียงแค่คนเดียวล่ะมั้ง

“ทีแรกแม่เราก็บอกให้เรากลับไปพักที่บ้านเหมือนกัน” ภาพิมลเล่า “แต่เราไม่ไปหรอก ว่าจะจ้างเด็กที่บ้านน่ะให้มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเราเจ็บอยู่อย่างนี้คงทำอะไรหลายๆอย่างไม่ถนัด ว่าแต่ริสเถอะ พ่อออกปากชวนขนาดนี้แล้วจะกลับบ้านหรือว่าจะอยู่กับเราต่อ”

“ไปกับแกสิถามได้... เออ แล้วแกถามเด็กที่จะจ้างมาหน่อยสิว่าถ้าดูแลนังเดี้ยงอีกคนหนึ่งจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า ฉันจะจ่ายค่าจ้างเพิ่มให้ด้วย”

ภาพิมลยิ้มแฉ่ง “ถ้าจ่ายตังค์เพิ่มก็คงไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ หรือถึงไม่จ่าย เราก็หักคอรวบอยู่แล้ว”

“ร้ายกาจมากเพื่อนฉัน”

“ติดมาจากริสแหละ”

คำตอบของภาพิมลทำให้วริสายิ้มออกอีกครั้งหนึ่ง

แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง อะไรบางอย่างในใจกลับมากระตุ้นให้เธอต้องชะงัก เสียงหัวเราะดูไม่ใช่เสียงหัวเราะจากความสุข สังหรณ์ใจอยู่ลึกๆว่าเรื่องร้ายๆยังไม่หมด

“มล... แกจำตอนที่เราเพิ่งประสบอุบัติเหตุได้ไหม”

“จำได้สิ... เรากลัวมากเลย แล้วก็กรี๊ดลั่นรถด้วย ริสน่ะไม่ช่วยกันกรี๊ดเลย แล้วตอนรถเหวี่ยงนะ โฮ๊ย... กระแทกจนระบมไปหมด นี่ถ้าหายเจ็บเมื่อไหร่นะ เราจะไปศัลยกรรมหน้าอกให้บึ้มๆ จะได้มีถุงลมนิรภัยแบบพกติดตัว ไม่ต้องกลัวอันตรายอีก”

“บ้า!...” วริสาค้อน ก่อนจะทำหน้าตาจริงจังอีกครั้ง “ตอนนั้นแกให้ฉันฟังรายการดูดวงอะไรสักอย่างใช่ไหม เขาบอกว่า ฉันจะได้รับบาดเจ็บ แล้วก็มีเรื่องต้องพัวพันกับสิ่งเร้นลับ”

“รายการหมออ้อยน่ะเหรอ มั่วแล้วล่ะรายกาจเนี่ยะ...” ภาพิมลค้าน ทำให้วริสาต้องแปลกใจเพราะโดยปกติแล้ว เรื่องโชคชะตาจะเป็นสิ่งที่ภาพิมลเชื่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง

“มั่วยังไง”

“ริสก็ดูสิ เขาทายว่า คนเกิดวันจันทร์จะเลือดออกตามไรฟัน แล้วนี่...” ภาพิมลยกแขนให้ดู “ไรฟันบ้านไหนเนี่ยะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

สิ่งที่ภาพิมลเอามาค้านดูสมเหตุสมผลและจริงจังจนน่าขัน ถ้าหากว่าคำพยากรณ์ของแม่หมออ้อยไม่เป็นจริงก็คงจะดี

หากแต่ลึกๆลงไป... ในห้วงลึกลับแห่งจิตวิญญาณ เธอรู้สึกว่าเรื่องไม่ดีกำลังคืบคลานมา

“มัน... อาจจะไม่แม่นจริงๆก็ได้ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า... ฉันกำลังจะตาย”

ภาพิมลตกใจ หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งถอดสีจนเผือดลงกว่าเก่า ดวงตาโตนั้นบอกถึงความตระหนกที่จู่ๆก็ได้ยินคำพูดที่น่ากลัวด้วยโทนเสียงขึงขัง

“ริส อย่าล้อเล่นนะ”

“ไม่ได้ล้อเล่น... แต่ ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ ก่อนที่ฉันจะฟื้น มันเหมือนกับว่าฉันได้ไปในที่ไหนสักทีซึ่งมืดมาก มันอ้างว้าง โดดเดี่ยวชอบกล มีแต่หมอกรายล้อม มันน่ากลัว... น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะน่ากลัวน่ะ แล้วต่อจากนั้น ภาพมันก็แว่บๆ กลายเป็นว่า ฉันกำลังเดินเข้าไปในห้องเก็บศพ...”

“ไม่เอาอ่ะ ริส... จะแกล้งเราใช่ไหมเนี่ยะ ก็รู้อยู่ว่าเรากลัวผี”

วริสาไม่ยอมฟังคำพูดขัดบทของเพื่อนสาว หากแต่ยังเล่าต่อเรื่อยๆ ราวกับหากไม่ถ่ายทอดมันออกมา สิ่งเหล่านี้จะล้นและทะลักออกมาเอง

“ตอนนั้นฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อฉัน เขาตามฉันมา แต่พอฉันเข้าไปในห้องดับจิตแล้ว เขาก็ตามฉันเข้าไปไม่ได้... นี่ฉันจะตายจริงๆใช่ไหม”

ภาพิมลแสดงท่าทางให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอึดอัดอย่างมากกับการสนทนาเรื่องนี้

“ริส... มันก็แค่ความฝันนะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี รู้ไหม”

“เราแค่ฝันไปจริงๆเหรอ...”

วริสาสบตากับเพื่อนสาว... อยากให้เป็นดั่งที่ภาพิมลคิดจริงๆ แต่... โชคชะตาชอบเล่นตลกกับเธอเสมออย่างคราวของที่แม่ตายนั่นก็ครั้งหนึ่งแล้ว ตอนพ่อแต่งงานใหม่ก็อีกครั้งหนึ่ง หากคราวนี้อยู่ๆเธอจะต้องตายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ภาพิมลไม่อาจให้คำตอบใดๆได้อีก นอกจากนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ

วริสาถอนสายตาจากเพื่อนสาว เหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ปุยเมฆรูปนกกำลังลอยเลื่อนบนท้องฟ้ายามบ่ายอันแสนสดใส

*********


ราเชนทร์กึ่งนั่งกึ่งนอนที่ชานข้างบ้าน เขาแอบมองปุยเมฆรูปนกที่หนีซ่อนหลังยอดตึกสูงใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มากนัก

วันนี้รามินทร์ปล่อยให้เขาอยู่เฝ้าบ้านตามลำพังด้วยเหตุผลของ ‘คนขี้งก’

“ไปที่ร้านก็เกะกะเปล่าๆ ช่วยอะไรไม่ได้หรอก อยู่บ้านนี่แหละ แล้วเดี๋ยวค่ำๆจะหอบบัญชีมาให้ช่วยทำ”

...เฮ้อ! เป็นคนป่วยนี่น่าเบื่อเสียจริง

กระย่องกระแย่งเดินไปเปิดสเตอริโอ เสียงเปียโนหวานซึ้งแทรกซึมทั่วบ้าน ให้เพลงเป็นเพื่อนแก้เหงาอย่างนี้ น่าจะดีกว่าอยู่อย่างเงียบๆ

ระหว่างกำลังหลับตา ปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้ม โทรศัพท์มือถือของเขาที่วางทิ้งไว้ตรงชานบ้านก็กรีดร้องเป็นช่วงสั้นๆแล้วหยุด แม้จะรำคาญในตอนแรกที่โทรมาขัดจังหวะ แต่พอไปดูแล้วจึงพบว่า หนึ่งสายที่ไม่ได้รับนั้นคือ สายของแพรไหม

อารมณ์เซ็งๆก็กลายเป็นความคึกคักทันตา

“ไหมเหรอคะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่เอ่ย” เขาถาม หลังจากโทรกลับไปหาแพรไหมและเธอก็รับสาย

“ไหมมาซื้อของน่ะค่ะ นัดเพื่อนเอาไว้ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมากันสักคน” แพรไหมบ่น

“เพื่อนผู้ชายหรือเพื่อนผู้หญิงคะ”

“ทำไมคะ ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชาย พี่เชนทร์จะหึงเหรอ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก

ทว่า... ในจังหวะนี้ เขาไม่ค่อยตลกกับมุขของเธอเท่าไหร่

นับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ เขายังไม่เห็นแพรไหมเลย น่าจะมาเยี่ยมเขาบ้าง ไหนๆก็ได้ชื่อว่าคนรักแล้ว บางที แพรไหมอาจคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็น แต่ถึงจะไม่จำเป็น เขาก็ต้องการ

เรียกร้องมากเกินไปรึเปล่าว้า...

“พี่หึงแน่ล่ะ... ก็พี่รักไหมนี่” ราเชนทร์ให้คำตอบ

“อุ๊ย! ปากหวาน...” แพรไหมล้อ “แล้วนี่พี่เชนทร์ดีขึ้นรึยังคะ”

ราเชนทร์เผลอพยักหน้า “ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่มากหรอก ก็กำลังใจของพี่ไปเที่ยว ไม่ยอมมาหาสักที”

“ไหมไม่ได้เที่ยวนะคะ” แพรไหมโต้กลับทันควัน “ไหมมาทำธุระ... พี่เชนทร์น่ะคิดมากไปได้ ถ้าไหมไม่ยุ่ง ไหมก็ต้องไปหาพี่เชนทร์อยู่แล้ว”

ราเชนทร์ออกจะแปลกใจนิดๆกับท่าทีที่ได้รับ แพรไหมบอกว่าเขาคิดมาก แต่ทำไมหนอ เขาถึงรู้สึกว่าแพรไหมต่างหากที่คิดมากและคิดลึกจนเกินไป ราวกับพยายามปกปิดความลับ

คำเตือนของพี่ชายโผล่ผุดขึ้นในมโนสำนึก... ชวนให้แสลงใจอย่างบอกไม่ถูก

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไหมนี่คะ รู้ว่าไหมไม่ค่อยว่าง”

“ค่ะ” แพรไหมรับสั้นๆ

ปล่อยให้ความเงียบคั่นกลางสักพัก ต่างคนต่างใช้ความคิด จนกระทั่งความคิดนั้นแปรเป็นความอึดอัด และพองตัวมากดดันทับแน่นลงทุกที

“เอ่อ... พี่เชนทร์คะ เพื่อนไหมมาแล้ว เท่านี้ก่อนนะคะ”

ราเชนทร์ยิ้มจางๆให้กับตัวเอง

“ไปเถอะ”

สายของแพรไหมถูกตัดไป ราเชนทร์ลดโทรศัพท์ลง แต่ยังกำไว้แน่น พร้อมๆกันนั้นก็ระบายลมหายใจยาว

หวั่นไหว... ต่ออนาคตของความรักนี้

...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะมั้ง...

*********


อากาศเย็นเยียบลงฉับพลัน ทั้งที่เมื่อครูแดดยังจ้า แต่ปุบปับก็เหมือนกับมีพายุพัดผ่าน เมฆทะมึนดำแผ่คลุมทั่วฟ้า ลมแรงกระโชกโหม เม็ดฝนเม็ดโตๆพรูร่วง กระแทกหลังคาและฝาบ้านจนกึกก้อง กลบทุกสรรพเสียงเสียสิ้น

ราเชนทร์รีบปิดประตูหน้าต่าง แล้วกลับมานั่งจุมปุ๊กอยู่ในห้องนั่งเล่น บทบรรเลงเปียโนยังไม่หยุด

แม้ใจจะหมกมุ่นครุ่นคิดถึงการกระทำของแพรไหม แต่ก็เบาบางลงกว่าเมื่อครู่มากแล้ว และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสัมผัสได้ถนัดถนี่ ถึงกำแพงความวังเวงที่ก่อล้อมรอบตัวเขา

...ในบ้านของเขาเอง...

อยู่ดีๆก็นึกย้อนกลับไปถึงความฝันเมื่อสองวันที่แล้ว ในโรงพยาบาล วริสานำพาเขาไปยังห้องดับจิต มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ แล้วยิ่ง... รามินทร์ก็เห็นเธอไม่มีเงาหัว... จะเกิดอะไรขึ้นกับเธออีกรอบรึเปล่า

...บ้าจริงๆเลย เมื่อวานเขาก็บอกกับรามินทร์เองแท้ๆว่าเรื่องเหล่านี้เหลวไหล แล้วทำไมเขาจะต้องกลับมานั่งคิดถึงมันด้วยเล่า

ส่ายหัวหนักๆไล่ความคิดรกๆออกจากสมอง แล้วลุก ตรงสู่ห้องครัวเพื่อหาข้าวเย็นกิน อาหารส่วนมากจะเป็นอาหารสำเร็จรูป แช่ตู้เย็น หากต้องการเมื่อไหร่ก็ยัดใส่ไมโครเวฟ รอไม่กี่นาทีก็เสร็จ กินได้เลย

ราเชนทร์เลือกผัดกะเพราหมู ทำตามขั้นตอน ‘อาหารมื้อง่าย’ อย่างชำนาญ จากนี้ไปก็แค่รอเวลาไม่กี่นาที

แต่นาฬิกาเหมือนเดินช้าลง อากาศชื้นหนักชวนหงุดหงิด

เสียงเพลงบรรเลงกลายเป็นเสียงซู่ซ่า เหมือนกับเวลาหาคลื่นวิทยุไม่เจอ ถ้าไม่สนใจอะไรนักก็ไม่มีปัญหา ก็แค่ฟังแก้เหงา หากงานนี้ ราเชนทร์กลับต้องหน้าซีด...

...ก็เขาเปิดแผ่นซีดี แต่ทำไม เสียงนี้จึงแทรกเข้ามาได้

โขยกเขยกไปยังสเตอริโอเพื่อจะดูว่ามีอะไรขัดข้องหรือเปล่า แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้ยินชัด ในเสียงซู่ซ่านั้นยังมีเสียงเบาๆของผู้หญิงแทรกมาให้ได้ยิน แต่ไม่อาจจับใจความ... ดูเหมือนจะเป็นคำพูดคำเดียว ซ้ำๆ...

ขนลุกขนพอง... อยากจะหนีแต่สองขากลับพาเข้าใกล้ น้ำเสียงที่ว่านั้นเข้มขึ้นเรื่อยๆ

และก่อนที่ประสาทจะหลอนมากไปกว่านี้เขาก็พุ่งเข้าปิดสวิซต์ดึงปลั๊กออกทันที

ทว่า... สิ่งที่เขย่าขวัญเขาอยู่กลับไม่ยอมเงียบ

ราเชนทร์ตะโกนลั่น โดดถอยออกมา ลืมเจ็บลืมปวดไปชั่วขณะ และในชั่วอึดใจหนึ่ง ก็ละม้ายว่ามี ‘ใคร’ ก้าวเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น ตรงมาข้างหลังเขา พร้อมลมหายใจหนักๆและกลิ่นเหม็น แสงสว่างจากหลอดไฟที่เปิดอยู่สั่นกระพริบ แล้วดับวูบ กลับกลายเป็นความมืดที่โอบอุ้มตัวเขา... ความกลัวล้นทะลัก

สัมผัสแผ่วๆแตะลงตรงบ่าข้างหนึ่ง เขาถึงกับเข่าอ่อนและทรุดตัวลงกองกับพื้น โสตประสาทชัดเจนอย่างกับจงใจจะแกล้งกัน กระซิบครวญครางนั้นเร่งจังหวะถี่กระชั้น... รุนแรง... จนในที่สุดก็กึกก้องคับบ้าน

เปรี้ยง!

สายฟ้าแล่นพาด แสงสว่างปลาบแปลบ

ในซอกมุมเร้นลับ เสี้ยวหน้าของใครบางคนแวบโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจน...

*********




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2551
8 comments
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 0:59:45 น.
Counter : 479 Pageviews.

 

มาอ่านต่อเเล้วค่ะ พี่พลอยขาขอถามหน่อยนะช่วงนี้พี่จะไม่เล่นเอ็มเเล้วก็ตอบเมล์เเล้วเหรอ

 

โดย: รัตจันทน์ 25 สิงหาคม 2551 11:43:37 น.  

 

พี่พลอยไม่ค่อยได้เล่นแล้วค่ะ
จะเข้าไปเช็คเมล์เฉพาะที่มาจากสำนักพิมพ์
ถ้าเป็นเมล์อื่นๆขออนุญาตผ่านค่ะ ขอบคุณจ้า
^--^

 

โดย: ploy666 IP: 58.147.46.89 25 สิงหาคม 2551 13:53:26 น.  

 

สวัสดีค่ะ ขอบคุณ ที่ไป ทักทายกันนะคะ
คุณ เขียนนิยาย เก่ง มากเลยค่ะ
ขออนุญาติ เข้ามาอ่าน นะคะ

 

โดย: สุนันยา 25 สิงหาคม 2551 21:55:28 น.  

 

อ่า กุ๊กกิ๊กๆกันสองคนล่ะน่ะ คุณรัตจันทร์กะเจ๊พลอย ฮ่า ฮ่า

.................

คุณ สุนันยา
สวัสดีครับ ลงกลอนบทใหม่ยังเอ่ย
ว่าแล้วก็ตามไปดูดีกว่า... ฮิฮิ

.................

 

โดย: รักดี (ploy666 ) 26 สิงหาคม 2551 0:09:48 น.  

 

เข้ามาปูเสื้อจองที่นั่งอ่านด้วยหนึ่งที่นะคะ

ปล.เซียนตามพี่รักดีเข้ามาจ้า ~~~*

 

โดย: ดูบัวเองจ้า (pongpei ) 26 สิงหาคม 2551 0:10:48 น.  

 

ลืมสวัสดี

...สวัสดีทั้งพี่พลอย แล้วก็พี่รักดีด้วยค่ะ

 

โดย: pongpei 26 สิงหาคม 2551 0:12:43 น.  

 

ดีจ้าดูบัว ^o^
บล็อกนี้คงไม่ขึ้นสนิมเพราะอัพกันสองคน
จะเข็นไปให้เนื้อเรื่องเยอะๆเลย...สู้ๆ!!

***

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 26 สิงหาคม 2551 8:15:36 น.  

 

น่ากลัวค่ะ สยองได้อีก

 

โดย: Tukta21 15 กันยายน 2551 4:33:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.