Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
ความรักริมดาว 04


ความรักริมดาว 04
ผู้แต่ง ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)


ทำไมต้อง คาร์เทียร์...

ปวริศมีคำถามอึงอลในสมอง เมื่อกะพริบตามองไปยังความมืดรอบตัวในห้องนอนที่เขาไม่คุ้นเคยนัก

มันคือห้องนอนของเพชรกะรัตที่มีเตียงขนาดมหึมาและเครื่องนอนสีสันโทนเรียบขรึมแบบยุคเก่าดูเข้ากับเครื่องเรือนไม้ที่ยังได้รับการบูรณะไว้ในสภาพดี

บรรดาเครื่องสำอางชั้นเลิศยังคงวางเกลื่อนที่โต๊ะเครื่องแป้งและในชั้นวางของภายในห้องน้ำ
แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าการไปแตะต้องเคลื่อนย้ายในเวลานี้นั้นเป็นการล่วงเกินมุมส่วนตัวของเจ้าของเดิม

...บรรยากาศที่เคยไหลเวียนรอบตัวเพชรกะรัตยังเป็นอะไรบางอย่างที่ปวริศไม่อาจก้าวผ่านเข้าไปทำลายได้โดยง่าย

เขาไม่ได้คิดว่าจะนอนค้างที่นี่จนกระทั่งเรื่องราวหลายอย่างประดังเข้ามาจนชายหนุ่มสับสนและต้องการเวลาใคร่ครวญ

ปวริศไม่ได้เอากุญแจห้องพักแขกมาด้วย โชคดีที่พวงกุญแจรั้วและประตูเข้าบ้านมีกุญแจห้องนอนใหญ่นี้รวมอยู่ด้วย
แต่ตอนนี้เขาแน่ใจว่าเขานอนหลับสนิท และหลับลึกมากพอที่จะฝัน

ใช่...เขาต้องกำลังฝันอยู่แน่นอนเมื่อรับรู้ถึงตัวที่เบาหวิวลอยละล่องอย่างแปลกๆ ยามเมื่อก้มลงมองก็มองเห็นร่างของตนที่นอนเหยียดยาวใต้ผ้าห่มซ้อนอยู่อย่างพร่ามัวกับร่างที่นั่งทำตาปริบๆมองฝ่าความมืดออกไปยังทิศที่จำได้ว่าเป็นระเบียงกว้างขวางสะดวกสบายมีโต๊ะนั่งเล่นชุดสวยตั้งเอาไว้ทอดสายตาชมสวนเบื้องล่าง

ขาสั่งการให้เขาลุกเดินไปทางนั้น

แต่การเคลื่อนตัวที่เหมือนเหยียบไปบนปุยเมฆนุ่มควะคว้างอย่างบอกไม่ถูกก็ทำให้สติของเขาเลื่อนลอยแบบแปลกๆ

ปวริศเน้นย้ำกับตนเองว่านี่คือความฝัน

อย่างน้อยเขาก็สามารถรับมือกับมันได้ดีกว่าการคิดเพ้อเจ้อไปว่าวิญญาณของเขากำลังถูกชักจูงออกจากร่างในยามวิกาลอันเงียบสงัด

มือที่ผลักประตูระเบียงเปิดออกนั้นเหมือนไม่รู้สึกถึงกลอนที่เคยลงไว้ก่อนเข้านอน ราวกับว่ามันไม่เคยปิดล็อกใดๆมาก่อนหน้านี้ ร่างสูงเพรียวก้าวเท้าออกไปยืนใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องอย่างเต็มตา ก่อนจะสูดเอาไอเย็นของน้ำค้างกลางดึกเข้าไปเต็มปอดและเรียกสติสัมปชัญญะกลับคืนมา

หากก็ไม่ไวไปกว่าที่หางตาจะมองเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างอีกมุมระเบียงห่างออกไปเล็กน้อย

เงาร่างของสตรีโปร่งระหงคุ้นตาในพัตราภรณ์สีดำอยู่ในเงามืดของกิ่งไม้ใหญ่ที่ทอดบดบังดวงหน้า
กระนั้นเรือนร่างที่โค้งคอดซึ่งยืนในอิริยาบถผ่อนคลายแต่ดูสง่างามก็ให้ความรู้สึกที่ปวริศหนาวยะเยือกขึ้นมาในอกกะทันหัน

“คุณเพชร...” เขาครางอย่างแผ่วเบา

ดวงตาเบิกตระหนกอย่างสุดระงับ

หากเขาไม่ได้คิดหรือคอยบอกตัวเองว่ากำลังหลับฝันอยู่ ชายหนุ่มคงขนลุกเกรียวด้วยความแตกตื่นหวาดกลัว

แต่สิ่งที่เขาทำกลับมีเพียงอาการกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ขาแข็งค้างจะก้าวหนีก็ไปไม่ได้ราวกับถูกสะกดตรึงให้นิ่งมองร่างบางที่เคลื่อนออกมาจากเงื้อมเงาแห่งรัตติกาลทีละนิด

ริมฝีปากบางสวยในลิปสติกเนื้อมุกไร้อาการแย้มยิ้ม แต่แค่เพียงเหยียดมุมปากออกน้อยๆดูไว้ตัว ผมที่เกล้าสวยยังคงเดิมแม้จะมีปอยผมบางส่วนร่วงระลงมาบ้าง หากใบหน้าที่แต่งไว้อย่างงดงามชวนตะลึงลานยังคงโดดเด่น โดยเฉพาะนัยน์ตาที่แต้มคมเข้มราวเย็นชาที่มองจับจ้องมาเหมือนไม่ยอมให้คลาดคลา ทำให้คนถูกมองรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทุกครั้งไป ความแตกต่างระหว่างกันกลับถูกตอกย้ำด้วยแสงเรืองๆที่อาบร่างอันงดงามเอาไว้ราวกับมิใช่กายเนื้อของมนุษย์

และในยามนี้ภาพที่ผุดแวบขึ้นมาในความทรงจำของปวริศคือภาพศพสยดสยองที่เขาไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังญาติหลายรายปฏิเสธหน้าที่อันชวนพรั่นนี้โดยสิ้นเชิง

เขาจำได้ถึงใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะโครงกะโหลกอันแตกร้าวจากการไถลปะทะกระแทกต้นไม้ริมทาง และเสื้อผ้าที่ยับเยินเต็มไปด้วยเลือดชุ่มโชกจนชุดสีดำอาบกลืนไปกับคราบเลือดแดงฉาน

แต่บัดนี้ความทรงจำของเขากลับย้อนทวนไปยังเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่ตนเองและครอบครัวกำลังนั่งมองภาพในโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดงานเลี้ยงเพื่อการกุศลครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี

ชุดนี้...ใบหน้านี้เอง ที่เดือนอย่างเชื่อมั่นโดยมีกล้องเลื่อนจับตามไปสู่เวทีในฐานะพิธีกรกิตติมศักดิ์แสนสวยสะดุดตา

ก่อนที่ความงามนั้นจะดับวับหายลงเพราะความตายที่พรากเอาหล่อนจากไปโดยไม่ทันตั้งตัว

“ผมฝันไปใช่ไหมครับ...”
ชายหนุ่มหลุดเสียงแทบเป็นกระซิบออกมาได้ในที่สุด

ร่างโปร่งบางของใครอีกคนก้าวมาหยุดในระยะมือเอื้อมถึง แต่ปวริศก็ไม่กล้าพอจะพิสูจน์ว่านั่นคือร่างที่มีเลือดเนื้อหรือเป็นเพียงสภาวะที่ปรากฏให้เห็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว

ความกลัวของเขายังฝังตรึงอยู่กับร่างที่โชกเลือดในห้องเก็บศพอยู่ดีนั่นแหละ...

ชายหนุ่มได้กลิ่นน้ำหอมกรุ่นจางเย้ายวนเข้ามาแทนที่กลิ่นน้ำยารักษาสภาพศพที่หลงเหลือในความคิดคำนึง

ไม่มีคำพูดใดหลุดมาจากคนตรงหน้า แค่เพียงหล่อนยังคงยืนอยู่ที่นั่นก็ดูเหมือนจะมากเกินพอสำหรับเขาแล้ว

ปวริศอยากจะถอยหลังเพิ่มระยะห่างแต่ขาของเขากลับทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไปเมื่อสำนึกเตือนให้เขาจำได้แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆว่าคนที่ยืนตรงหน้านั้นไร้ลมหายใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ความฝันกับความเป็นจริงทำไมมันถึงได้เหมือนคาบเกี่ยวกันชัดเจนขนาดนี้นะ...

ชายหนุ่มอยากจะร้องตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายิ้มกร่อยๆออกมา

“ผมต้องฝันไปแน่ๆ ก็คุณเพชรตายไปแล้วนี่ครับ”

คำว่า ‘ตาย’ ที่หลุดออกจากปากเขาดูเหมือนไปจี้ใจดำทำให้ดวงตาอีกฝ่ายวะวับวาวขึ้นมาแวบหนึ่งและถูกเกลื่อนกลืนไปอย่างรวดเร็วพอกัน

เพชรกะรัตเคลื่อนกายใกล้เข้ามาอีกจนมองเห็นแพขนตาปลอมที่กระพือไหวยามมองลงไปจากมุมมองของเขา ปวริศขยับถอยโดยอัตโนมัติราวกับว่าไม่ทันตั้งตัวนั้น

“ฉันยังอยู่...”

ประโยคนั้นฟังแผ่วละม้ายแทรกมาในสายลมมากกว่าจะเปล่งออกจากปากสวยโดยตรง เปลือกตาที่หลุบลงเล็กน้อยสะกิดให้ส่วนเสี้ยวความทรงจำยามมีชีวิตอยู่ที่ตกค้างกลับคืนมาในความทรงจำปวริศอย่างเลี่ยงไม่พ้น

แต่ให้ตายเถอะ...

ปวริศแน่ใจว่านี่มันแค่ความฝันเองนะ อีกเดี๋ยวเขาก็จะตื่นขึ้นแล้วหล่อนก็จะจากไปตลอดกาลอยู่ดีแหละน่า!

ถึงอย่างนั้นมือของเขาที่กำข้างตัวก็เย็นเฉียบ

“คุณเพชรทำแบบนี้กับผมทำไมกัน พินัยกรรมนั่นมันทำให้ผมลำบากใจ แล้ววันนี้ก็มีคนของคุณเพชรมาที่นี่ตั้งหลายคน พวกเขาบอกว่าคุณเพชรสัญญาอะไรบางอย่างเอาไว้ ทำไมคุณเพชรไม่ไปที่ชอบๆอย่างที่วิญญาณอื่นเขาทำกัน”

ถ้อยคำพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบน้ำที่พังทลายลง

ปวริศเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดมาความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัด แม้เส้นบางๆที่จำกัดกั้นนั้นเป็นใจเขาที่ตั้งขึ้นเองโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้เห็นด้วยก็ตามที

ไม่มีคำตอบจากเพชรกะรัต
สายตาที่มองมาเหมือนจะตำหนิในทีกับวาจาอันอุกอาจ

หล่อนเพียงยกมือมาเบื้องหน้าเขาพลางบ่นเบาๆเหมือนเจตนาจะเบี่ยงเบนประเด็นไปอีกทาง เสียงผะแผ่วแว่วมาราวกับกระซิบว่า

“ช่วงนี้เจ็บมือบ่อยจัง ดูนี่สิ...”

เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้หากสิ่งที่หล่อนให้ดูคือมือสีน้ำผึ้งเรียบเนียนที่คุ้นชินมาแต่ไหนแต่ไร

เปล่าเลย...

ภาพตรงหน้าคือผิวหนังชั้นนอกที่ค่อยๆเปื่อยยุ่ยหลุดล่อนออกไปเป็นก้อนจนเห็นเนื้อแดงและเลือดที่ไหลเละคละก้อนเนื้อที่เริ่มหลุดลงมาเป็นชิ้นๆ กลิ่นเนื้อเน่าค่อยๆลอยเข้ามาแทนที่น้ำหอมทำให้เขาเกิดอาการผะอืดผะอมท้องไส้ปั่นป่วน

หากแต่บางสิ่งที่ยังแวววาวติดตา

แหวนวงน้อยทำจากทองคำขาวที่นิ้วนางค่อยๆยุบยวบลงในในกองเนื้อสีแดงคล้ำเละๆซึ่งเหลือแขวนติดกับกระดูกขาวโพลนนั่น

มันเป็นการย้ำความทรงจำที่น่าสะอิดสะเอียนและปวริศรู้ดีแก่ใจว่าเขาจะจำติดตาไปอีกนานแสนนานเมื่อร่างบางตรงหน้าเริ่มโอนเอนส่ายไหวและหายวับไปทันใด!




เขาควรจะตื่นแล้ว...

ชายหนุ่มบอกตนเองเมื่อเหลียวมองนาฬิกาเห็นเข็มหยุดที่เวลาเก้าโมงเช้า สายพอที่แดดอุ่นๆจะทอผ่านทะลุกระจกประตูระเบียงสู่ม่านบางๆสีขาวทาบลงยังพื้นห้องนอน

แต่สาบานได้ว่าร่างที่เห็นหลังเดินไวๆผ่านเตียงไปยังห้องน้ำเมื่อครู่นี้เป็นเงาคน

คนที่เขาจดจำได้ดี!

ปวริศขยี้ตาอีกหนก่อนจะสลัดผ้าห่มพ้นตัว ลุกถลันเข้าไปในห้องน้ำอย่างตกใจ

มีเพียงความว่างเปล่าที่ก้าวเข้ามาทักทายจนเขาระบายลมหายใจอย่างโล่งอก...

...ไม่มีเพชรกะรัต...

เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับตัวเอง

หล่อนตายแล้วแน่นอน เขาแค่หลับไม่สนิทนักเมื่อนอนแปลกที่จึงฝันฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย

ปวริศเดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าและถือวิสาสะหยิบเอาผ้าขนหนูผืนหนึ่งจากลิ้นชักด้านล่างที่ค้นเจอออกมา เครื่องแต่งกายของอดีตเจ้าของห้องยังเต็มแน่นแทบไร้ช่องว่าง แบรนด์ดังเนื้อผ้าดีตัดเย็บประณีตสวยงามฟ้องรูปแบบการใช้ชีวิตที่ราวกับภาพฝันซึ่งปวริศไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมันจะเป็นของเขา

เพชรกะรัตเหมือนเจ้าหญิงในหอคอยสูงส่งสุดเอื้อมคว้า

ชีวิตของหล่อนยิ่งกว่าดวงดาวที่เปล่งประกายเจิดจ้า เพียงแต่รัศมีดาวดวงน้อยนั้นกลับโหมไปด้วยการเผาไหม้ที่ร้อนแรงและวูบดับลับโรยไปรวดเร็วจนไม่เหลือทิ้งสิ่งใดค้างบนท้องฟ้า

เป็นการตายที่ไม่ควรอิจฉาเมื่อนึกว่าเจ้าตัวรั้นเพียงใดที่จะขับรถไปทะเลไกลๆทั้งที่อยู่ในขณะมึนเมาเต็มพิกัด...

เขาปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นผ่านเลยไปพร้อมสายน้ำเย็นสดชื่นที่ไหลผ่านร่างกาย

ใช้เวลาไม่นานนักปวริศก็พร้อมจะเริ่มต้นวันใหม่

“รุ้ง...บอกแม่ย้ายของมาที่บ้านนี้ได้เลยนะ พี่รออยู่นี่แล้ว” ปวริศสั่งการไปทางโทรศัพท์

รุ้งพรายรับคำตามที่นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า

เท่านั้นชายหนุ่มก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าเดินสำรวจบ้านอีกสักรอบ

เขาไม่คุ้นกับการกินอาหารเช้าก็จริง แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีน้ำดื่มแก้กระหายสักแก้วอยู่ในตู้เย็นที่ไหนสักแห่ง

ปวริศจำได้ว่าก่อนปิดตายบ้านนี้ไว้เมื่อหลายวันก่อน เขาเป็นคนออกคำสั่งให้เด็กรับใช้นำของในตู้เย็นไปแจกจ่ายจนหมดและพวกนั้นก็นำไปหมดจริงๆจนทุกอย่างเกลี้ยงโล่ง ก่อนแยกย้ายกันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่คนละทิศละทาง

ใครจะคิดว่าเขากลับเป็นคนเดียวที่มาที่นี่อีกหนในฐานะเจ้าของบ้านรายใหม่

ชายหนุ่มไม่ได้หวังพึ่งตู้เย็นในครัวอีกต่อไป เขามีเป้าหมายใหม่ที่ห้องทำงานของเพชรกะรัตที่ตนเองเคยเหยียบย่างเข้าไปแทบนับครั้งได้

เพชรกะรัตไม่ชอบทำงาน
หล่อนสนใจแค่เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในบัญชีว่าพอต่อการช็อปปิ้งหรือไม่...

คิดไปคิดมาเขาก็ไม่แน่ใจว่าเพชรกะรัตที่เขารู้จักนั้นมีชีวิตแบบไหนกันแน่ บางหนเขาก็รู้สึกว่าหล่อนไม่แตกต่างจากลูกคนรวยทั่วไปที่ได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ แต่บางครั้งคราวเขาก็เห็นท่าทีสนใจบางอย่างในถ้อยคำของเขา แน่ล่ะว่าแบบหลังนั้นจะคงอยู่ไม่นาน...สุดท้ายเพชรกะรัตก็มักเข้าสู่วงจรชีวิตเดิมๆซ้ำซากอยู่ดี

แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่เมืองไทยมากพอที่เขาจะใส่ใจ

ไม่มีผี...ไม่มีเพชรกะรัต

คำที่ท่องทวนซ้ำไปมาทำให้เขากล้าพอสำหรับการไขเปิดล็อกไปยังห้องทำงานส่วนตัว โต๊ะไม้ขัดขึ้นเงาแกะลายเนียนละเอียดบอกฝีมือช่างได้ดีแม้จะไม่ใช่คนที่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากนัก อย่างน้อยปวริศก็พอรู้ว่าทำไมเพชรกะรัตอยากให้คงสภาพบ้านหลังนี้เอาไว้

หนึ่งปีอาจมากพอที่จะให้คนมาอยู่ใหม่เคยชินและรู้คุณค่าจนไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง

...น่าเสียดายที่คงไม่ใช่เขา

ปวริศเดินไปเปิดหน้าต่างออกกว้างให้ทั้งห้องสว่างขึ้นทันตา บรรยากาศสงบเงียบทำให้ดูน่าสบายจนเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้

หากไม่เพราะเสียงเครื่องแฟกซ์ที่โต๊ะมุมห้องจะส่งสัญญาณดังขึ้นหนหนึ่งและเริ่มทำงาน

กระดาษที่เลื่อนไหลออกมานั้นเป็นไปตามจังหวะเวลาที่ตั้งไว้ ปวริศหันกลับไปทั้งตัวพลางทำหน้างงๆ เขาไม่คิดว่าจะมีใครติดต่อมาที่นี่ แต่สัญญาณแฟกซ์ก็ตั้งไว้แบบอัตโนมัติมาแต่ไหนแต่ไรจนชายหนุ่มไม่แปลกใจมากนักที่มันทำงานเอง

กระทั่งกระดาษแผ่นสุดท้ายไหลลื่นลงสู่กองนั้น

เขาก้าวยาวๆตรงไปหยิบดูก่อนจะชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้างตัวชาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า

กระดาษทุกแผ่นมีข้อความตัวโตๆมหึมา
หมึกที่ย้อยเลอะลงมาเหมือนถูกเขียนจากสีที่ยังไม่แห้งสนิทดีมองผาดๆไม่ผิดจากอักษรเลือดให้ความรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่แฝงเร้น

ลายมือหวัดๆที่คุ้นเคยดีระบุถ้อยคำสั้นไว้เพียงว่า

‘ฉันยังอยู่!’

ประสาทสั่งงานในสมองของปวริศเสมือนยุติการทำงานลงไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อจำได้ทันทีว่าที่เขากำลังเพ่งมองเหมือนจะให้ทะลุลงไปอีกฟากกระดาษนั้นจะเป็นลายมือของใครอื่นไปไม่ได้

นอกเสียจากเพชรกะรัต!




Create Date : 31 สิงหาคม 2551
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 18:49:48 น. 4 comments
Counter : 604 Pageviews.

 
ผี "เลิ่ด" นะเจ๊
ใส่ขนตาปลอมด้วย หวายๆๆ กริ๊ววววว

(55+ เพี้ยนไปละผม ว่าแล้วก็ไปลงหลุมมั่งดีกว่า เผื่อจะหายบ้าได้มั่ง)

++++++++++++


โดย: รักดี (ploy666 ) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:11:47:56 น.  

 
ไหนว่าไม่น่ากลัวไง มอลลี่อ่านแล้วขนลุกทุกทีเลย


โดย: Tukta21 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:2:17:22 น.  

 
...ชุดนี้...ใบหน้านี้เอง ที่เดือนอย่างเชื่อมั่นโดยมีกล้องเลื่อนจับ...

อันนี้หมายความว่างัยอะ งงนิดหน่อยค่ะ


โดย: Tukta21 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:2:20:06 น.  

 
"เดิน" อย่างเชื่อมั่นน่ะค่ะ
แต้งค์กิ้ว จะเผ่นไปแก้โดยพลัน T^T


โดย: ploy666 IP: 124.157.236.104 วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:4:28:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.