Group Blog
 
 
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 

รอยทรายบนลายรัก ๓


คุยกันก่อน

สวัสดีเช้าวันคริสต์มาสอันอบอุ่นด้วยแสงตะวันอ่อนๆ
สวัสดีตอนเช้าแสนสดชื่นในวันอังคารนะครับ
สวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆ ท่าน จุ๊ฟๆ ^_^
และสวัสดีล่วงหน้าสำหรับวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

เหตุที่ผู้เขียนเอาหนูขิม กับ คุณหมวด มาลงในวันนี้
ไม่ใช่เพราะคนเขียนจำวันผิด
หรือขยันเกินเหตุแต่อย่างใด
(อันที่จริงคือของเก่าจากอาทิตย์ที่แล้วนั่นเอง ป่อย!)

แต่เนื่องด้วย วันพุธที่ซาวหก ธันวาคม เป็นวันสำคัญ
เลยไม่สะดวก (และคาดว่าจะไม่สะดวกอีกหลายงานเลยทีเดียว)
ทั้งงานแต่งญาติ งานแต่งเพื่อน งานแต่งน้อง ฯลฯ
เปิดร้านขายของ ต่อเติมบ้าน... แค่เล่าก็น่าสนุกแล้วสิ 555
เอ๊ะ นอกเรื่องไปไหนแล้ว?

อ้อ... เนื่องจากวันพรุ่งนี้ติดภารกิจสำมะคัญนะค้าบ
เลยขออนุญาตคุณผู้อ่านนำรอยทรายฯ บทที่สามมาลงกันก่อน
บทนี้ผู้เขียนขอยอมรับเลยว่า เหนื่อยใจกับนางเอก!
แล้วคนอ่านจะไปเหลืออะไร - -"
(คนเขียนเริ่มซีด กลัวเรตติ้งนางเอกตก 5555)

มัวช้าอยู่ไย อ่านกันเลยดีกว่า

ปล. หนูขิมฝากเตือนว่า ปีใหม่นี้ เมาไม่ขับนะจ๊ะ
ถ้าอยากหลับ จะให้ยืมคุณหมวดไปขับรถแทน

ปล. ๒ ขอขอบคุณคำทักท้วงจากนักอ่านผู้น่ารักคุณ sakeena นะค้าบ
ที่ช่วยทักท้วงเรื่องข้อผิดพลาด (อันมหันต์!!!)

"ชื่อ ฟาติมะห์ เห็นแต่เป็นชื่อของผู้หญิงนะ
ไม่น่าจะเป็นชื่อสำหรับเจ้าชาย ^^"

รับทราบค้าบ... คนเขียนขออนุญาตเปลี่ยนจาก
ฟาติมะห์ เป็น ฟาอีส แทนนะครับ
หากผิดพลาดประการใด แนะนำเพิ่มเติมได้ครับ
คนเขียนแฮปปี้อย่างยิ่ง

(ม่ายนะ... เจ้าชายจะกลายเป็นหญิงซะแล้ว โธ่...
เกือบได้นิยายวายทะเลทรายเลยนะเนี่ย 555)

ขอบคุณครับ ...(วันนี้เวิ่นเว้อเยอะแท้ 555)


^____^

..............................................................by กิรนัจ

รอยทรายบนลายรัก
บทที่ ๓


ข้อตกลงเป็นไปอย่างไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เรียกว่าขี้เหร่เลยก็ได้ ตาคลีบอกว่าเขาจะยอมเอ่ยปากกับพี่โย รับประกันความปลอดภัยของเธอก็ต่อเมื่อเห็นว่าเธอพร้อมจริงๆ แล้วไอ้คำว่าพร้อมจริงๆ ของเขาก็หมายถึงสมรรถภาพทางกายและใจอันสมบูรณ์แข็งแกร่ง ซึ่งจะถูกทดสอบโดยการวิ่ง ซิทอัพ ดึงข้อ วิดพื้น และว่ายน้ำให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานภายในเวลากำหนด พร้อมทั้งต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ และวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นี่ยังไม่นับรายวิชาการเดินทางไกล การดูดาว ดูแผนที่ เข็มทิศ บลาๆๆ จิปาถะที่เขาจำแนกให้ฟัง จนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงนี่เธอกำลังจะไปบูรณะโบราณสถานหรือเตรียมพร้อมออกรบกันแน่

“ขอขีดเส้นใต้คำว่าว่ายน้ำนะคะคุณหมวด ฉันจะไปทะเลทราย ทำไมต้องฝึกว่ายน้ำด้วยมิทราบ” ช้องนางนั่งเท้าคางถาม โดยมีฉากหลังเป็นวินาศกรรมที่เธอก่อเหตุไว้ พร้อมกับนายประสิทธิ์ผู้ช่วยส่วนตัวของพี่โยที่คาบข้อความลับมาบอกเธอว่า “คุณโยเอาตายแน่ครับงานนี้” ซึ่งกำลังประเมินความเสียหายของลูกรักพี่ชายเธอ กับคนงานอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังเร่งมือกันจัดการกำแพงบ้านของตาคลี

คนตัวโตวางหน้าเรียบเช่นเดิม สายตาก็แน่วแน่เหมือนเดิม “คุณจะถามหรือจะทำ”

“ดุจังเลยนะคะคุณหมวด” ช้องนางกรี๊ดเสียงแหลม “ฉันก็ต้องถามก่อนทำสิคะ ว่าต้องทำอะไรเพื่ออะไร เหมือนเวลาเรียนหนังสือครูก็ต้องอธิบายจุดประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละบทให้นักเรียนเข้าใจก่อนว่า เอ้อนะ เรียนไปเพื่อใช้อย่างงู้นอย่างงี้นะ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจและแรงจูงใจในการเรียน ไม่ใช่ว่ามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป เพราะความไม่รู้ว่าเรียนแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างนี่แหละค่ะที่ทำให้การศึกษามันไม่พัฒนาน่ะ”

หญิงสาวมองคนตรงหน้าที่กำลังหรี่ตาลงราวกับจะถามเธอว่า “แล้วไง” จนเธออยากถอนสายบัวศิโรราบให้เขาเสียจริง

“พูดอย่างตรงไปตรงมานะคุณหมวด ฉันทำไอ้ที่คุณบอกมาทั้งหมดไม่ได้หรอก คุณก็รู้ว่าผู้หญิงสะสวยบอบบางอย่างฉันไม่คิดจะเอาดีด้านบู๊” ช้องนางฉกธนบัตรในกระเป๋าออกมาม้วน แล้วเตะหน้าแข้งตาคลีเบาๆ ก่อนจะยื่นเงินจำนวนนั้นให้ใต้โต๊ะ “แล้วอีกอย่างที่โน่นก็ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด จริงไหม” พร้อมยักคิ้วหลิ่วตาส่งซิก

“เป็นอะไร เส้นกระตุกเหรอ” ชายหนุ่มถาม

“ฮื้อ” หญิงสาวบุ้ยปากชี้นำทางให้เขามองดูด้านล่าง

“อะไร”

“อื้อ” ช้องนางอธิบายผ่านสายตา “อื้อ อึ้ อื้อ... อื้อ!”

ตาคลีพูด “ถ้าจะเอาแต่อื้อๆ ฮื้อๆ ไปหาหมอก่อนแล้วค่อยกลับมาเคลียร์แล้วกัน”

ช้องนางเวอร์ชั่นหมดความอดทน พ่นลมหายใจพรืด เอาเหอะ เธอจะพยายามทำความเข้าใจว่าพวกตำแหน่งเล็กๆ น้อยๆ ยศแค่ร้อยเอกอย่างเขาคงยังไม่คุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ นี่ต้องให้อธิบายทุกคำหมดเลยใช่ไหมยะ เฮ้อ ไม่ได้เรื่อง “ข้างล่างค่ะ ข้างล่าง”

คนตัวโตมองเธอราวกับพิจารณา ก่อนจะยอมก้มดู พอเห็นแล้วเขาก็ทำหน้านิ่ว “เงิน” ตาคลีพูด “เอามาม้วนเล่นทำไม”

“เงินใต้โต๊ะไงคุณหมวด” ช้องนางทำสุ้มเสียงกระซิบ มือข้างหนึ่งยกป้องปากราวกับเกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินเสียเต็มประดา “นี่แค่ออเดิร์ฟนะ ถ้าเจรจากับพี่โยเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะจัดให้ชุดใหญ่เลย”

ตาคลีตบหน้าผากตัวเองป้าบ “ใครสอนเนี่ย”

“ทำไมคะ” หญิงสาวทำตากลมใสแบ๊วราวกับกระต่ายน้อยไร้เดียงสา “ไม่แนบเนียนเหรอ ฉันเลียนแบบท่าทางมาจากหนังฮอลลีวู้ดเลยนะ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น” คนตัวใหญ่กว่ากัดฟันพูด ทำท่าเหมือนอัดอั้นตันใจ “เออ เอ้า ตามสบาย อยากทำอะไร เชิญ... แต่ผมจะยอมคุยกับคุณโยธาให้ ต่อเมื่อผมมั่นใจแล้วว่าคุณจะเอาตัวรอดจากประเทศที่เต็มไปด้วยสงครามได้”

ก็เธอไม่ได้จะไปรบ แต่จะไปทำงาน แถมยังเป็นงานระดับชาติด้วย ยังไงก็ต้องได้รับการคุ้มกันภัยเป็นอย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว พวกผู้ชายนี่คิดเยอะกันทุกคนรึเปล่าเนี่ย ทั้งพี่โย ทั้งตาคลี “เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย” หญิงสาวทำปากขมุบขมิบ “ตัวฉัน ชีวิตฉัน เกิดครั้งเดียว ตายก็ครั้งเดียว ก็ต้องใช้ให้มันคุ้มค่าหน่อยสิคุณหมวด จะให้มาอุดอู้มัวอยู่แต่บ้านตัวเองเมืองตัวเอง ไม่เห็น ไม่ไปเรียนรู้ที่อื่นเลย แล้วเราจะเอาอะไรมาพัฒนาความสามารถของตัวเองล่ะคะ นี่ยังไม่นับว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับโลกนะคะ กำลังๆ มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ไม่ใช่เพราะว่ามัวแต่กลัว เลยจมปลักอยู่กับที่เหรอไงคะ”

“แต่มันเสี่ยง”

“อยู่นี่ก็เสี่ยง” ช้องนางโต้ “ไหนจะมลพิษทางอากาศ รังสียูวี ความร้อน คลื่นพลังงานจากพายุสุริยะ น้ำท่วม ขยะเน่า เชื้อโรค โจรกรรม ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รถชน ดูสิ ขนาดคุณอยู่ดีๆ บ้านยังพังเล้ย”

“เพราะใครล่ะ” ตาคลีกลอกตาระอา

“โอ.เค. นั่นไม่นับ” หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานให้เสียหนึ่งทีเพื่อเอาใจ ก่อนจะกลับสู่โหมดเคร่งขรึม วางมาดเป็นเวิร์กกิ้งวูเมนผู้มากล้นด้วยประสบการณ์ อะห๊ะ เท่ฉิบ ขนาดไม่ได้ส่องกระจกเธอยังหลงรักมาดนี้ของตัวเองเลยให้ตายเถอะ “ฉันแค่จะอธิบายว่าไหนๆ ชีวิตคนเราก็ต้องเจอกับความเสี่ยงมากมายอยู่แล้ว งั้นทำไมเราถึงไม่เสี่ยงที่จะทำตามความฝันของเราล่ะ”

“พูดได้ดี” คนตรงหน้ายอมรับ แหงล่ะ คำนี้เธอก็ลอกมาจากหนังสือนิยายไทย เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวที่ตะกายดาว ไขว้คว้าจะเป็นดาราดัง ทว่าจู่ๆ คำคมที่อุตส่าห์ขุดขึ้นมาก็ถูกอีกฝ่ายโต้ตอบรวดเร็วว่องไว “แต่การเสี่ยงแบบฉลาดๆ กับการเสี่ยงแบบโง่ๆ มันให้ผลต่างกัน”

คำคมบาดใจเกินไป คนอะไรปากจัดชะมัด “หลอกด่าฉันนี่” ช้องนางทำท่าจะเถียงต่อ แต่เสียงแตรรถขัดจังหวะ คนตัวโตยกมือห้ามเป็นสัญญาณหญิงสาวจึงหุบปากฉับ หันไปตามทิศทางของเสียง ตรงหน้าประตูรั้วที่เปิดอยู่ เก๋งสีดำติดเครื่องจอดรอตรงนั้น หลังพวงมาลัยคนขับมีผู้หญิงนั่งอยู่ อายุน่าจะไล่ๆ กับเธอ หน้าตาพอใช้ได้... ดี... สวยก็ได้ แต่น้อยกว่าเธอนิดนึงนั่งอยู่ ไว้ผมยาวเคลียบ่า ดูคร่าวๆ แล้วน่าจะเป็นคนร่างสูงโปร่ง หุ่นดีทะมัดทะแมง

ตาคลีโบกมือให้คนมาใหม่ ตะโกนบอกเสียงดัง “เข้ามารอข้างในก่อน” ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นประโยคเชิญชวน บอกเล่า หรือคำสั่ง

“แค่เดินไปบอกไม่กี่ก้าว ทำไมไม่เดินล่ะคะคุณหมวด จะตะโกนทำไม” ช้องนางคลึงเบาๆ บริเวณหูราวกับเสียงเมื่อครู่ทำร้ายโสตประสาทของเธอเสียเต็มแก่ แล้วมองดูผู้หญิงคนนั้นขับรถเข้าไปจอดในโรงรถตรงส่วนที่เหลือ“แฟนคุณหมวดเหรอ” ช้องนางถาม หญิงสาวหันกลับมาประสานตากับคู่สนทนาหนุ่มตรงหน้า

ตาคลีไม่ตอบ กลับทำหน้าตาย แล้วย้ำประเด็นเดิม

“ว่าไง จะยอมรับเงื่อนไขของผมไหม”

ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ช้องนางมั่นใจแน่ว่าจะต้องกล่อมจนอยู่หมัด แต่กับตาคลี ไม่รู้หัวใจเขาทำด้วยอะไร ก้อนหินหรือเหล็ก ทำไมใจเขาถึงแข็งขนาดนี้ จะยอมลดราวาศอกให้สักนิดก็ไม่มี ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ทว่าไร้ผล ก็เหลือแต่ไม้หน้าสามที่ยังไม่ได้เอามาฟาดเขาสักเปรี้ยง น่าลองเหมือนกัน

เพลียใจเหลือประมาณ คะเนจากอุปนิสัยส่วนตัวของตัวเองแล้ว หากตกปากรับคำล่ะก็ เธอคงหมดสภาพ ถอดใจเสียก่อน แต่จะพูด “ไม่” ก็ไม่ได้อีก

“เอาแต่ภาคทฤษฏี ไม่เอาปฏิบัติได้ไหมคะ”หญิงสาวต่อรองเสียงอ่อย

ตาคลีส่ายหน้าปฏิเสธ

“งั้นขอตัดกิจกรรมกลางแจ้งออก”

ตาคลีเบือนหน้าไปทางอื่น

“เอาแค่ไม่วิ่งก็ได้ ฉันกลัวน่องปูด”

ตาคลีลุก

“ได้!” ช้องนางตะโกนลั่น “ได้ค่ะ ได้ ตกลง” ขบเคี้ยวกรอด “คุณจะให้ฉันทำอะไรบัญชามาเลย ขึ้นเขาลงห้วย ไปตกระกำลำบากที่ไหนสุดแล้วแต่ความประสงค์เถอะค่ะ ฉันยอมแพ้แล้ว”

คนตัวสูงใหญ่ที่ยืนกอดอก ยิ้มแบบแสยะให้เธอบอก “ดี แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ผมจะสอนคุณยิงปืน!!”

จบเพียงเท่านั้น ตาคลีพูดเสร็จปุ๊บ ก็เอ่ยปากไล่เธอกลับบ้านปั๊บ ช้องนางได้แต่รับคำ กล่าวลาเซ็งๆ แล้วตรงดิ่งไปหาประสิทธิ์ที่ยังยืนไว้อาลัยให้ลูกรักของพี่ชายเธอที่กำลังถูกลากไปเข้าอู่ เพื่อจะให้เขาพาเธอไปส่งบ้าน

เสียงของตาคลีเหมือนจะเปิดวนอยู่ในหูซ้ำไปซ้ำมา ยิงปืน... ยิงปืนเชียวนะเว้ย ตอนเด็กๆ เธอเล่นตุ๊กตา ขายขนม ตบแปะ หมากเก็บ โดดหนังยาง มันเฉียดใกล้กับปืนตรงไหนวะคะ อย่างมากที่สุดที่เธอเคยจับก็คือปืนฉีดน้ำตอนวันสงกรานต์

และด้วยสายตาอ่อนต่อโลก (แม้จะวัยขนาดนี้ก็ตาม) เธอคิดว่าการเป็นนักโบราณคดีสาวกับการยิงปืน เป็นเรื่องที่ไม่เข้ากันเลย พับผ่าสิ





“น้องสาวคุณโยธาเหรอคะ” น้ำเสียงใสทักทายเมื่อตาคลีก้าวผ่านประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้ ร้อยโทเหมือนเนตรในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนพอดีตัวนั่งบนโซฟารับรองแขก วางไอแพดบนตัก และหันหน้ามาทางเขา พูดเป็นเชิงแหย่เล่น “ผู้กองรู้จักคนระดับนั้นทั้งที ทำไมไม่เลื่อนขั้นเป็นผู้พันซักทีล่ะคะ นี่ถ้าผู้กองตกปากรับคำยอมเลื่อนตำแหน่งตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้ได้นั่งแท่นบัญชาการสบายไปแล้ว”

“ไม่ได้อยากรู้จัก และถ้าไม่รู้จักจะดีมาก” เขาตอบพลางเลื่อนเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งฝั่งตรงข้ามกับผู้มาเยือน “หน่วยข่าวเจอตออะไรเข้าอีกล่ะ หมวดถึงต้องรีบมาหาผมที่บ้าน ไม่รอไปคุยกันที่กองร้อย”

“ดิฉันกลัวระเบิดลงกองร้อยค่ะ”

“แล้วหมวดไม่กลัวระเบิดลงหมวดคนเดียวเหรอ” คิ้วของคนถามขมวดนิดๆ

“กลัวค่ะ คนทั้งกรม ทั้งผู้ใหญ่ทั้งผู้น้อย ยังไม่เห็นมีใครไม่กลัวผู้กอง” เหมือนเนตรตอบ ใช้นิ้วสัมผัสบนหน้าจอไอแพดเบาๆ แล้วยื่นให้เขา

“กลัวหรือเกลียดจนไม่กล้ายุ่งด้วยกันแน่” เขาถามอย่างไม่ใคร่จะสนใจนัก ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขาที่มักได้รับความเมตตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างน้อยที่สุดก็ท่านศักดิ์ชาติกับพี่ชายของยัยตัวป่วนช้องนางนั่นแหละ ทำให้คนทั่วไปต่างพากันเกรงอกเกรงใจเขา มากเกินกว่ายศกว่าตำแหน่งที่เขามีเสียอีก แต่นั่นก็เพียงเมื่อหันหน้าให้หรอก พอหันหลัง เสียงนินทาก็กระหึ่มว่าเขาฉ้อโกงมั่งล่ะ รับสินบนมั่ง ทำผิดกฏหมาย สารพัดที่จะใส่สีตีไข่ว่ากันไปทั้งที่เขาไม่แม้แต่จะคิดสักนิด นี่ถ้าเกิดเขาทำจริงๆ ไม่ต้องมาก แค่ครั้งเดียวก็พอ คงถูกขุดคุ้ยเล่นงานซ้ำซากไม่รู้จบแน่

จ้องมองดูรูปภาพในจอ ชายชาวตะวันตกสองคน ตัวหนาใหญ่เหมือนพวกนักมวยปล้ำ คนนึงไว้ผมเดรดร็อก ส่วนอีกคนสกินเฮด ใส่แว่นดำทั้งคู่ ถูกแอบถ่ายรูปขณะกำลังอยู่ในล็อบบี้โรงแรมที่ไหนสักแห่ง “ใคร”

“คนของเอ.โอ.ซี.” ผู้หมวดสาวหมายถึงองค์กรอัลฟา แอนด์ โอเมกา ไซเคิล (Alpha and Omega Cycle) องค์กรเถื่อนที่ขึ้นชื่อลือชาด้านการค้าอาวุธสงคราม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายในหลายประเทศ จนถูกหมายหัวจากสหประชาชาติ “เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า ตอนนี้ท่านผู้การสั่งให้หมวดเต้กับจ่าเก่งตามดู”

ตาคลีเลื่อนรูปภาพดูต่อไปเรื่อยๆ ภายในสมองเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับคนพวกนี้ “ตำรวจว่าไง” เขามองคนตรงหน้า เพราะตามปกติแล้วแม้ทางมหาดไทยกับกลาโหมจะมีความร่วมมือกันในบางส่วน หากหน้าที่ของแต่ละฝ่ายย่อมมีขอบข่ายที่ชัดเจน และไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันเพื่อไม่ให้เกิดข้อกระทบกระทั่งในอนาคต การดูแลพื้นที่ภายในประเทศซึ่งเป็นเขตดูแลหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ใช่เรื่องที่ทหารอย่างพวกเขาจะเข้าไปแทรกแซง

“สั่งการกันตามปกติค่ะ แต่เราให้สองคนนั้นตามไปดูด้วยลับๆ กันเหนียว ท่านผู้การบอกว่าคราวนี้ท่านไม่ไว้วางใจ”

คำถามของตาคลีคือ ทำไม... และโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ทว่าแสงกล้าจากดวงตาที่สะท้อนเครื่องหมายปรัศนีย์ตัวมหึมาดุจจะสื่อสารกับเหมือนเนตรได้อย่างแจ่มชัด

“เพราะนอกจากเอ.โอ.ซี.สองคนนั้นแล้ว เรายังเจอรายชื่อบุคคลน่าสงสัยซึ่งกำลังจะเดินทางมาถึงไทยคืนวันมะรืน... โซเฟีย สไนเปอร์”

ตาคลีรู้สึกเหมือนมีค้อนอันใหญ่ยักษ์เหวี่ยงฟาดเข้าที่กลางอกเมื่อได้ยินชื่อนี้ แผลเป็นใต้ชายโครงเหมือนจะปวดแปลบราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่าน ริมฝีปากเม้ม ขณะที่นัยน์ตาซึ่งจ้องผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แท้ๆ แต่เหมือนจะมองย้อนกลับไปถึงอดีตมากกว่า... เส้นผมสีทอง ดวงตาสีเขียวคู่งาม ฝ่ามือนุ่ม และผัสสะอ่อนโยนราวกับโปรยเสน่ห์ได้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงชาวต่างชาติคนนี้จะทำให้เขาหลงรักได้ถึงสองครั้ง และเดินจากเขาไปทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกนั้นจากเป็น ส่วนครั้งที่สองนั้น เกือบเป็นการจากตาย!

“ผู้กองคะ” น้ำเสียงใสดึงเขาออกจากหลุมแห่งความคิดที่จมลึก “ท่านผู้การอยากให้ตามสืบว่าเธอมาประเทศไทยทำไม... ผู้กองกับดิฉันช่วยกัน... ได้ใช่ไหมคะ”

“ผมรู้หน้าที่ของตัวเองนะหมวด” ตาคลีตอบเรียบ

“ขอบคุณค่ะ”

“มีแค่นี้เหรอระเบิดของหมวด” ตาคลีถาม เหมือนเนตรยิ้มบางๆ รับ

“ระเบิดของผู้กองต่างหากล่ะคะ”

ตาคลียื่นไอแพดคืน “เรื่องมันจบตั้งนานแล้ว”

“ถ้าดิฉันเป็นผู้กอง ดิฉันก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ไขปัญหาพวกนี้ยังไง หัวใจกับหน้าที่ที่สวนทางกัน แต่มันเจ็บปวดเกินไปไหมคะ กับการจมในวังวนความรู้สึกของตัวเองวันแล้ววันเล่า”

เหมือนเนตรรับไอแพดคืน เปิดเอกสารอีกตัวแล้วยื่นส่งให้ตาคลี ชายหนุ่มเหลือบดูหน้าจอที่ส่องสว่าง ข้อความภายในเอกสารคือคำสั่งให้จัดกำลังพลเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังสหประชาชาติเพื่อสังเกตการณ์ความรุนแรงของประเทศโปรตูเซีย

“ไม่น่าจะเกินสองวัน ฝ่ายยุทธการคงวางกำลังพลเรียบร้อย ดิฉันเอง ท่านผู้การเพิ่งอนุมัติให้ไปแบกวิทยุสื่อสาร... อย่าหาว่าดิฉันวุ่นวายกับผู้กองเลยนะคะ แต่ท่านฝากมาถามอีกเรื่องว่า ผู้กองจะไปไหม”

“ผมมีสิทธิ์เลือกได้?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม หญิงสาวยิ้มบางแทนตอบ ตาคลีพูดต่อ “อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ว่ามันจบแล้ว ไม่ว่าจะไปหรือไม่ไป ค่ามันก็เท่ากัน”

“ค่ะ ดิฉันจะได้รายงานท่านตามนี้ และจะช่วยภาวนาให้ท่านผู้การไม่ใส่ชื่อผู้กองลงไป” หญิงสาวดึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกคืน พูดอย่างจงใจ “แต่คงยากนะคะผู้กอง เพราะดิฉันเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนเราถ้าสลัดอดีตไม่หลุด อดีตก็จะหาทางให้เรากลับไปจัดการกับมันเสมอค่ะ!”






ช้องนางในชุดเดรสกระโปรงยาวสไตล์สาวโบฮีเมียน ดูอ่อนหวานปนดื้นรั้น นั่งบนโซฟาในห้องรับแขก แหวใส่ผู้ช่วยพี่ชาย อ้อมแขนกอดรัดชิสุเพศเมียที่กำลังร้องหงิงๆ ตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดจากอุ้งมือมารของเธอให้พ้น หน็อย ไอ้หมาไม่รักดี เดี๋ยวเหอะถ่ายรูปคู่เสร็จแม่จะเอาแลกถังซะ

“ว่าไงประสิทธิ์ ใครเป็นคนจ่ายเงินเดือนนายห๊ะ!”

“คุณโยครับ” ชายหนุ่มหน้าจืดตอบเสียงอ่อย มือข้างหนึ่งหอบกระเป๋าเอกสาร มืออีกกำโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงระงมโวยวายแน่น

“แล้วใครเป็นคนด่านาย หาเรื่องเดือดร้อนให้นาย แกล้งนาย และทำให้นายรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น!”

“เออ... คุณขิมครับ” คนตอบ ตอบตรงๆ แม้จะกระอักกระอ่วนไปบ้าง

“นั่นไง!! แล้วทีนี้นายจะยอมเชื่อฟังใครระหว่างพี่โยที่คอยให้เงินนาย มีบุญคุณกับนาย ทำให้นายมีงานมีการทำจนสุขสบาย กับฉันที่คอยโยนความทุกข์ใส่นายวันเว้นวันจนนายแทบจะเสียเงินทั้งหมดที่หามาได้เพื่อไปรักษาโรคเครียด... อย่าดิ้นเซ่!” ช้องนางแว๊ดใส่หมาน้อยกลอยใจในอ้อมแขน จนมันทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ก่อนจะหันไปเจรจาสันติกับคนตรงหน้าต่อ “ว่าไง คิดออกรึยัง ถ้าคิดไม่ออกฉันจะบอกให้ว่านายต้องเชื่อฟังฉัน เพราะถ้าไม่อย่างงั้น ฉันก็จะหาเรื่องอื่นมาทำให้นายปวดหัวอีก สู้ยอมๆ ถ่ายรูปให้ฉันซะ แล้วทีนี้นายจะไปไหนก็ตามสบาย”

“เสียงดังหนวกหูอะไรแต่เช้าโว้ย” เสียงโยธาลอยมาแต่ไกล ก่อนเจ้าตัวจะเดินมาหยุดตรงประตูทางเข้าห้อง พร้อมกับมองหน้าลูกน้องของตัวเองอย่างประหลาดใจ “มายืนทำอะไรตรงนี้วะประสิทธิ์ ไม่เอาเอกสารไปให้ท่านรัฐมนตรีเซ็นต์ซะที เดี๋ยวก็โดนเม้งแตกกลับมาหรอก แล้วโทรศัพท์ทำไมไม่รับ ปล่อยให้มันดังเป็นมดฉี่รดสังกะสีอยู่ได้”

คนถูกไต่สวนตั้งท่าจะฟ้องเจ้านาย จนหญิงสาวต้องขู่เสียงเข้ม “ประสิทธิ์!”

โยธามองมาเธอสลับกับลูกน้องของตนเองแล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะเดินตรงมาหาเธอ ติดกระดุมปลายแขนเสื้อเชิ้ตโดยไม่มอง “เล่นอะไรอีกไอ้ขิม จะเอาแต่ใจก็หัดดูเวลามั่งเว้ยเฮ้ย เมื่อวานเราก็...”

“ด่าแล้วด่าเลยอย่าด่าซ้ำสิ เคยได้ยินไหมพี่โย หนังสือศิลปะการพูดเขาสอนกันมาอย่างนี้ ว่าคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดีต้องไม่มานั่งรื้อฟื้นความผิดของผู้น้อย” ช้องนางหมายถึงกรณีเมื่อวาน ที่พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นพี่ชายนั่งโมโหหน้าแดงรอท่า แม้จะพยายามหัวเราะแหะๆ กลบเกลื่อนความผิดตัวเอง แต่ยังโดนบ่นจนแทบจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด กะแค่เธอเอารถปอร์เช่ลูกรักของเขาไปเฉี่ยวนิดหน่อย ทำหวง

“หัดอ่านหนังสือศิลปะการฟังบ้างก็ดีนะ” โยธาตราหน้า “พี่แค่จะบอกเราว่า เมื่อวานเราก็ทำซะพี่เครียดจนนอนแทบไม่หลับ วันนี้ก็ช่วยทำตัวให้ดีๆ หน่อย”

“แล้วขิมทำตัวไม่ดีตรงไหนล่ะพี่โย ขิมแค่จะถ่ายรูปอัพรูปให้แฟนคลับดู”

“มันไม่ดีตรงที่เรามาใช้คนของพี่ในเวลาเร่งด่วน เด็กในบ้านมีเยอะแยะไม่เรียกมาเล่า”

“ก็คนอื่นถ่ายรูปไม่สวย” ช้องนางเถียง “แล้วลูกหมาตัวนี้มันไม่เห็นจะแสนรู้เหมือนในหมาในโฆษณาเลย บอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำซักกะอย่าง” อู้มหมาน้อยชูให้พี่ชายดู โยธาไม่พยายามสักนิดในการปกปิดอาการหาวกับสีหน้าเหนื่อยหน่ายของตนเอง เขาหันไปโบกมือไล่ลูกน้องให้ไปทำงาน

“อย่าเพิ่งไป!” ช้องนางห้าม

“ไอ้ขิม” คนเป็นพี่ฮึ่มฮั่มในลำคอ

หญิงสาวเลิกคิ้วบางๆ เบ้ปากนิดๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ “หมาตัวนี้มีเพดดีกรีรึเปล่า ฉันไม่อุ้มหมาไร้สกุลรุนชาตินะ”

สองหนุ่มในห้องทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนยาขมๆ คราวนี้โยธาหันไปไล่ลูกน้องด้วยเสียง ก่อนถามหญิงสาว

“ไหนช่วยกรุณาบอกพี่ซิว่าทำไมเราต้องเจาะจงถ่ายรูปคู่กับหมาตอนนี้ด้วย”

ช้องนางวางชิสุกับพื้น ทันทีที่เป็นอิสระมันก็วิ่งปรู๊ดหายลับออกไปจากห้องตามประสิทธิ์ไปติดๆ เธอตั้งใจจะวิ่งไล่จับกลับมาทั้งคู่ แต่ถูกพี่ชายสกัดไว้ จึงต้องยอมนั่งให้ปากคำตามเดิม “เมื่อคืนยัยมิลล่าอัพรูปคู่กับหมาเรียกเรตติ้ง”

“อิจฉา เลยทำมั่งว่างั้น”

“อะไร ใครอิจฉา” หญิงสาวเบิกตากว้าง “คิดผิดคิดใหม่ได้นะพี่โย คนอย่างขิมทำไมต้องไปอิจฉายัยมิลล่าด้วย ไร้สาระ ขิมแค่เห็นรูปแอ๊บใจบุญของยัยมิลล่าเลยนึกออกว่าถ้าไปโปรตูเซียแล้ว เจ้าชายจะต้องสะดุดตาสะดุดใจในตัวขิม ทีนี้เจ้าชายก็อาจจะอยากรู้จักขิมในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น แล้วรูปของขิมที่ทุกคนหาเจอก็มีแต่รูปขิมเวลาสวยๆ ทั้งนั้น หรือไม่ก็เป็นภาพขิมออกงานสังคม ซึ่งมันเกร่อมาก และเจ้าชายก็รู้อยู่แล้วว่าขิมสวย ขิมต้องการสร้างความประทับใจที่แตกต่างออกไป นำเสนอความใจดี อ่อนโยน มีเมตตากรุณา เหมาะแก่การเป็นเจ้าหญิง... เริ่ดใช่ไหมล่ะ”

“เลยถ่ายรูปคู่กับหมาสร้างหลักฐานเท็จ” โยธากำลังทำความเข้าใจ

“หลักฐานเท็จที่ไหนล่ะพี่โย ขิมก็เป็นของขิมอย่างนี้อยู่แล้ว อย่าสาดโคลนน้อง ขอร้อง”

“ร้อยวันพันปีพี่เห็นเราเอาแต่ตีหัวหมาด่าแม่เจ็ก เมตตาจิต กรุณาจิตของเราอยู่ตรงไหนวะ”

“น่า... ใหม่ๆ ก็งี้แหละ เดี๋ยวก็คุ้นเอง” ช้องนางพูดปัด “นี่ขิมยังคิดโครงการไปถ่ายรูปที่บ้านบางแคกับคนชรา ทำอาหารกลางวันแจกเด็กนักเรียนในโรงเรียนระดับล่าง มอบกระเช้าของขวัญให้กับสมาคมแม่บ้าน ช่วยสร้างฝายชะลอน้ำกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เชียงใหม่ แล้วไหนจะอะไรอีกมากมายก่ายกอง”

“ไม่ต้องทำเยอะขนาดนั้นหรอก พี่ว่าเราทำแค่สองอย่างพอ”

“คะ”

“อยู่นิ่งๆ ให้ได้ และเงียบให้เป็น แค่นี้เจ้าชายก็โคตรประทับใจในตัวเราแล้วล่ะ”

“พี่โยอ่ะ... แรงอ่ะ... ทำไมชอบว่าน้องอย่างนี้นะ ขิมเป็นน้องพี่นะ คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ทำไมถึงไม่ให้กำลังใจกันบ้างเลย ดีแต่ขัด โป้งแล้ว” ไม่พูดเปล่า ยังยื่นนิ้วโป้งให้ด้วย

“อู๊ย น่ารักจ้ะ น่ารักตายเลย... ไอ้นิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจ ชอบทำตะแง้วๆ ใส่คนอื่น ถ้าเป็นเด็กสาวรุ่นๆ มันก็น่ารักหรอก แต่พอแก่แล้วทำมันน่าเกลียด”

“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะพี่โย” ช้องนางขู่อาฆาตผ่านทางสายตา “ขิมยังไม่แก่ พี่โยนั่นแหละที่แก่ แล้วอีกอย่างมีกฏหมายข้อไหนระบุว่าคนอายุเท่าไหร่ต้องทำตัวยังไงด้วยเหรอ แหมทีผู้หญิงล่ะก็ข้อจำกัดนู่นนี่นั่น เพียบ! แต่ผู้ชายอยากทำตัวให้หนุ่ม กระฉับกระเฉง หิ้วน้องๆ หนูๆ อวดศักดาบารมีทั้งที่มือข้างที่แง้มฝาโลงนี่สั่นพั่บๆๆ อยู่นั่นแล้ว พอเขาเรียกป๋า ก็ถาม “เรียกพี่ได้ไหม” อย่างงี้ไม่น่าเกลียดกว่ากันเหรอไง”

“มันเกี่ยวกันตรงไหน”

“เกี่ยวตั้งแต่ที่พี่โยหาว่าขิมแก่แล้วล่ะ จะถอนคำพูดไหม”

ช้องนางใช้วรยุทธทางสายตาอย่างแม่นมั่น จนโยธาทำท่าขยาด “เออๆ พี่ถอนคำพูด เราเป็นสาวน้อย สาวรุ่น สวยเสมอ สวยไม่สร่าง จนคนทั่วบ้านทั่วเมืองเวลาจะพูดคำว่าสวย ต้องพูดคำว่าขิมหรือช้องนางแทน”

“เยอะไปละ” ช้องนางค้อนตาคว่ำ

“แล้ววันนี้จะไปฝึกอะไรกับผู้กองตาคลีก็หัดทำตัวให้ว่านอนสอนง่าย อย่าเรื่องมากล่ะ ถ้าเขาบอกพี่ว่าเราไม่ให้ความร่วมมือนะ ไม่ต้องไป”

“ขู่ตลอดๆ”

“ไม่ได้ขู่ พูดจริง”

หญิงสาวย่นจมูกใส่คนเป็นพี่ ก็พอดีกับสมาร์ทโฟนที่วางบนโต๊ะดังเตือนว่าข้อความเข้า พี่ชายเธอบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะเธอกดเปิดข้อความอ่าน ฉับพลันความหวาดกลัวผสมผสานกับความตกใจปนประหลาดใจก็พุ่งทะลุหัวใจเธออย่างไม่ทันตั้งตัว อักขระภาษาอังกฤษบนหน้าจอที่เรียงร้อยเป็นวลี ราวกับสามารถส่งเสียงตะคอกใส่เธอได้ก็ไม่ปาน

ข้อความที่เขียนว่า...

“ไปลงนรกซะ นังสารเลว!!”





โปรดติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2555
3 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2555 7:39:59 น.
Counter : 2859 Pageviews.

 

ช้องนางฮาได้อีก 555+

 

โดย: wa-ne IP: 99.54.47.70 11 มกราคม 2556 6:11:44 น.  

 

คุณ wa-ne

ช่วงนี้คนเขียนช้องนางมีจัดงานรวมญาติที่บ้านค่ะ
เลยยังไม่สะดวกอัพต่อ เขาขอจัดการภารกิจนิดนึงนะคะ

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 17 มกราคม 2556 12:57:14 น.  

 

หาอยู่ว่าเรื่องนี้หายไปไหนหว่า(คือลืมชื่อเรื่อง)55555+
ดีใจจังที่มีส่วนช่วยนักเชียนได้...ชื่อฟาอีสได้เลยคะ เพราะหลานชายชื่อนี่ ^____^

 

โดย: sakeena IP: 171.96.23.203 20 พฤษภาคม 2556 13:09:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.