Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

ดวงใจในเงาจันทร์ 02

ดวงใจในเงาจันทร์
2 - อุบัติรัก


วริสาตัดสินใจหักหลบรถสิบล้อที่ถาเข้าใส่ ภาพิมลกรีดร้องเสียงเสียดหูขณะที่รถของเธอกระตุกวูบก่อนจะตีโค้งและพุ่งออกนอกเส้นทาง แต่ด้วยความที่เจ้ากรรมนายเวรคันมหึมาที่ไล่บี้เธออยู่นั้นมีความเร็วมากกว่า ทำให้ท้ายรถของเธอไม่อาจพ้นวิถีการชนของรถสิบล้อคันนี้ไปได้

รถเก๋งหมุนคว้างกลางถนน วริสารู้สึกสับสนด้วยภาพต่างๆที่แวบผ่านสายตาไวๆจนพร่าเบลอ และช่วงเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น รถของเธอก็หมุนไปปัดรถโฟร์คเต่าสีเหลืองที่อยู่ข้างๆ ส่งผลให้รถของเธอเหินทะยานขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะหมุนพลิกแล้วดิ่งกระแทกอย่างรุนแรง

กระจกแตกเกลื่อน หลังคาโครงเหล็กหักงอ ทั้งเธอและเพื่อนต่างอยู่ในท่ากลับหัวกลับหาง ไร้ทางดิ้นรนขัดขืน อาการชากัดแทะไปทั้งตัว ไร้ซึ่งความเจ็บปวดและตกใจใดๆ ภาพในอดีตวิ่งผ่านเข้ามาในหัวมากมายทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยวนาที...

...ถ้าพ่อรู้ว่าเธอกำลังจะตาย พ่อจะว่าอะไรไหมนะ

วริสาเหลือบไปทางภาพิมล เพื่อนสาวของเธอมีเลือดอาบทั่วใบหน้า ตอนนี้หมดสติไปแล้ว และเธอเองก็กำลังจะเป็นเช่นกัน

กระพริบตาอย่างอ่อนโรย เบื้องหน้ามีใครสักคนเดินเข้ามาหาช้าๆ เดินมาจากรถโฟร์คเต่าที่อัดชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ริมทาง

ความมืดปกคลุมดวงตาไปสิ้น

*********


วริสาเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันที่ล่องลอย ดูเลือนๆ พร่าๆ เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวพร้อมจะวับหายไปทุกเมื่อ แต่มันก็ไม่เคยวับหายไปสักที หมอกหนาๆห่อหุ้มปกปิด มืดสลัวจนมองระยะไกลไม่เห็น...

เกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ เธออยู่ที่ไหนในเวลานี้

…แล้วภาพิมลล่ะ ...หายไปไหน

ในช่วงเวลาแห่งความสับสนที่ก่อเกิดขึ้นในดวงจิต เธอคล้ายจะได้ยินเสียงเรียกชื่อ แต่เสียงเรียกนั้นก็แผ่วค่อย เหมือนห่างไกลเสียเต็มประดา ไม่ว่าเธอจะพยายามก้าวไปหาต้นเสียงมากแค่ไหน แต่มันก็ยิ่งหนีห่างเธอออกไปมากเท่านั้น

เส้นสีเงินบางๆแหวกผ่านความมืดมัว เปล่งประกายลากยาวเป็นทางในแนวนอนขวางอยู่ในที่แสนไกลสุดสายตา
...หากแค่นั้นก็ยังดี เพราะในยามนี้ เธอไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวได้เลย

วริสาสาวเท้าเข้าไปหาเส้นสีเงินนั้นเรื่อยๆ หากเพียงชั่วสายลมพัดแผ่ว และในขณะทุกอย่างก็เงียบจนทำให้เธอสามารถดิ่งลึกถึงความสงบงัน กลับมีกระซิบบางเบาเรียกชื่อเธอ

“ริส... มาหาพ่อ... อย่าไปทางนั้นนะลูก... มาหาพ่อ…”

“พ่อคะ” วริสาชะงักหยุดและตะโกนร้อง “พ่ออยู่ที่ไหน มารับหนูหน่อย” วริสาตะโกน ทว่าน้ำเสียงของเธอเบาหวิวจนเหมือนจะขาดลอย

“ริส... กลับมาหาพ่อ... กลับมา...”

น้ำเสียงของพ่อไม่ต่างจากวันวารที่เธอเคยคุ้นชิน เหมือนเมื่อยามที่เธอยังเป็นเด็ก เวลาที่เธอหลงทาง หรือในเวลาที่เธอหวาดกลัวในความมืด ในยามที่เธออ่อนแอ และในวันที่เธอเกรี้ยวกราด พ่อยังคงใช้น้ำเสียงเดิมกับเธอตลอด ไม่มีผิดแปลกไปเลย

“พ่อ... พ่อมารับหนูหน่อยสิคะ”

วริสาหมุนมองรอบด้าน หวังว่าอาจพบพ่อยืนอยู่ใกล้ๆ หลังม่านหมอกที่ปกคลุม แต่ก็ไม่มี

...ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเลย

“พ่อ...”

วริสาทรุดตัว นั่งเงียบๆ และสะอื้นอยู่ในอก ความเดียวดายกัดแทะดวงจิตของเธอทีละนิด... ทีละนิด... อย่างเชื่องช้า และทรมาน

*********


ราเชนทร์ถูกส่งไปตรวจอาการบาดเจ็บทั้งหมด แพทย์สรุปออกมาว่านอกจากบาดแผลเล็กๆน้อยๆอย่างหัวแตก เอนข้อมือพลิก กับกล้ามเนื้อหัวไหล่ฉีกแล้ว ไม่มีอาการใดที่น่าเป็นห่วงอีก

หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ นายตำรวจสองคนก็ตามมาสอบปากคำเขาถึงห้องพักในโรงพยาบาล

“คุณแน่ใจนะครับว่าเห็นรถสิบล้อเบรกแตก...” นายตำรวจวัยต้นสามสิบซัก

“ไม่แน่ใจครับ ผมเดา” ราเชนทร์ตอบ

เขายังจำเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายได้ชัดเจนทุกวินาที ตอนที่เขาขับรถคุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิง กับแพรไหม จู่ๆมีเสียงแตรดังไล่หลังมา และเมื่อดูกระจกมองหลัง เขาก็เห็นรถสิบล้อคันใหญ่พุ่งเข้าใส่รถเก๋งสีบรอนซ์ จนรถเก๋งกระเด็นออกนอกทาง ซ้ำยังมาปัดรถเขาทำให้แม่โฟร์คเต่าที่น่าสงสารวิ่งอัดกับต้นไม้ใหญ่ ส่วนเจ้ารถสิบล้อตัวดีก็วิ่งแถดๆต่อไป พร้อมกับเอียงลงเรื่อยๆเมื่อพยายามเลี้ยว ก่อนจะล้มตึงขวางถนน

...ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันมหาวิปโยคหรือไงกัน

“คงเป็นเบรกแตกมั้งครับคุณตำรวจ ไม่งั้นคนขับสิบล้อคงไม่บีบแตรดังลั่นขนาดนั้นหรอก” ราเชนทร์บอก “หรือจะให้คนขับเมายาบ้าดีครับ เพราะพี่แกเล่นเร่งมาไม่ยั้งเลย ที่ผมไม่ได้ไปคารวะท่านยมบาลนี่ผมก็ว่าโชคดีมากแล้วนะครับ” ราเชนทร์ตอบ แต่ตำรวจทำหน้าหงุดหงิด “เออ... คุณตำรวจครับ บอกหมอให้สแกนสมองผมให้ทีสิ ดูว่าความจำผมเสื่อมไปบ้างรึเปล่า”

ตำรวจคู่หูที่มาด้วยกันกับตำรวจคนที่สอบสวนเขาหันหน้ายิ้มๆไปทางอื่น ขณะที่ตำรวจคนที่กำลังสอบปากคำเขาฝืนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วผมจะบอกให้ ขอตัวก่อนนะครับ”

พอรู้ว่าเขาไม่อาจให้ปากคำได้มากกว่านี้ ตำรวจทั้งสองก็พากันออกไป

ปล่อยให้เขาได้นอนนิ่งๆ สงบๆ ในห้องพักยามตะวันรอนอย่างนี้แหละดี คนเจ็บนะ ยังจะมาเซ้าซี้อยู่ได้

เขามองไปรอบๆห้อง โซฟายาวที่มุมห้องด้านหนึ่ง ตู้สำหรับใส่ของส่วนตัว และโทรทัศน์ที่อยู่เยื้องกับปลายเตียง หน้าต่างอยู่ทางขวามือของเขา เป็นหน้าต่างบานยาวเท่าๆกับผนัง แต่มีขอบสูงทั้งบนล่างเหมือนเวลาดูหนังครึ่งจอ ผ้าม่านที่กระจกเปิดกว้าง ทำให้เห็นทัศนียภาพภายนอกค่อนข้างชัดเจน ตึกอาคารที่สูงบ้างต่ำบ้างเรียงซ้อนๆกันโดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าที่กำลังเล่นแปรสีดูสวยงามดี

เอ้อ... การมีชีวิตอยู่มันดีอย่างนี้นี่เอง

เสียงเคาะประตูดังก๊อกๆๆ ราเชนทร์ชะเง้อดูและพบว่าเป็นรามินทร์ พี่ชายคนเดียวของเขาเอง

“ทำไงให้รถคว่ำวะ นี่รถเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ยะ เรื่องประกันล่ะว่าไง ใครออกเงินค่าเสียหาย”

ราเชนทร์ยันตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วก็มองรามินทร์ที่ถามหน้าซื่อๆ ยิ่งใส่แว่นสายตาทรงกลมด้วยแล้วยิ่งทำให้หน้าของพี่รามินทร์ซื่อหนักเข้าไปอีก...

อย่างนี้ต้องเรียกว่า ‘งกหน้าซื่อ’

“ไอ้คุณพี่ครับ... น้องจะตายอยู่แล้วครับ ไม่ค่อยงกเลยนะ ถามแต่เรื่องรถก๊ะประกันน่ะ”

“เอาน่า... เอ็งก็รู้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดี แล้วอีกอย่างที่ร้านก็ไม่มีรายได้มากนี่หว่า ถ้าต้องเสียค่าประกันอีก มีหวังเงินเก็บหมดไปอีกหลาย...”

“โห... พี่มินทร์ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้ขับไปชนใครนี่ แถมเจ็บตัวอีก ประกันจ่ายชัวร์ และถึงไม่จ่าย ผมก็ว่าพี่มินทร์ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก นั่นขนาดบ่นว่าที่ร้านไม่มีคนเข้านะ ยังเบียดกันจนแทบจะต้องต่อแถว เข้าคิวเลือกหนังกันอยู่แล้ว”

รามินทร์ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง

“นี่ไม่ต้องพูดมาก... พี่ว่าย้ายไปนอนห้องรวมเหอะ ประหยัดดี”

“โอ๊ย!... ไอ้คุณพี่คร้าบ จะทารุณผมไปถึงไหน ผมเจ็บอยู่นะ”

“พูดจริงนะเนี่ยะ”

“ล้อเล่นบ้างก็ได้พี่”

รามินทร์หัวเราะร่วน แล้วถามเรื่อยๆ

“ว่าแต่ใครมาขับชนเอ็งวะ”

“ไม่รู้... เพราะลุงถึกแกขับรถสิบล้อไปชนรถของแม่สาวเหลือน้อย แล้วรถของแม่สาวเหลือน้อยก็มาชนผมอีกทีนึง พี่ว่าใครชนผมล่ะ...” ราเชนทร์พูด ก่อนจะคิดได้ว่า เขายังไม่รู้อาการของคู่กรณีทั้งสามเลย “เออ... พี่มินทร์ ช่วยไปถามให้ผมหน่อยสิ ว่าผู้หญิงสองคนนั่นกับลุงถึกเป็นไงบ้าง ตายยัง”

“อ้าว... ไอ้นี่ แช่งคนอื่นเฉยเลยนะเอ็ง”

“ไม่ได้แช่ง” ราเชนทร์ร้องเสียงหลง “ก็แค่ถามไถ่ ถ้าไม่ตายก็แล้วไปไง แต่ถ้าตายจะได้ไปทำบุญกรวดน้ำอโหสิให้ เขาจะได้ไม่ต้องมาหาผม”

รามินทร์หัวเราะหึหึ แล้วลุกขึ้น ท่าทางเหนื่อยใจกับความเจ้าปัญหาของน้องชายไม่ใช่น้อย

“ดี... คืนนี้จะให้เอ็งนอนคนเดียว จะได้โดนผีหลอกหัวโกร๋นไปเลย”

ทว่าราเชนทร์ยิ้มรับอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

“ขอโทษครับคุณพี่ชาย... ถึงพี่ไม่มาผมก็มีคนมาเฝ้าอยู่แล้ว

“ใคร... อย่าบอกนะว่าเป็นน้องไหมหม่อนอะไรนั่น”

“อ๊ะ...” ราเชนทร์อุทาน ชี้นิ้ว “เดาเก่งนะนี่ เดี๋ยวผมโทรไปบอกเขาว่าผมเจ็บ แป๊บเดียวเดี๋ยวเขาก็มา”

รามินทร์โคลงศีรษะเล็กน้อย และน้ำเสียงที่กล่าวเตือนนั้นก็จริงจัง

“อย่าหวังอะไรให้มากเลยนะไอ้เชนทร์ ผู้หญิงคนนั้น มองตาแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าเป็นคนยังไง อย่าอยู่ใกล้ดีกว่า”

“คนยังไงนั่นยังไง” ราเชนทร์ตีรวน ไม่พอใจนักที่ผู้เป็นพี่มาบอกว่าคนที่เขารักเป็นผู้หญิงที่ไม่คู่ควร แม้จะไม่บอกอย่างโจ่งแจ้งแต่ก็หมิ่นเหม่ในความรู้สึก

“พนันกันไหม ว่าคืนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มาเฝ้าเอ็ง”

ราเชนทร์ขมวดคิ้วมุ่น ยิ่งเห็นสีหน้าเอาเรื่องของคนเป็นพี่ยิ่งคิดหนัก

...แต่เพื่อศักดิ์ศรี...

“ก็ได้... พี่มินทร์คอยดูแล้วกัน ผมชนะชัวร์”

*********


“ตายแล้ว เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า ไหมเป็นห่วงพี่เชนทร์จังเลย”

เสียงหวานๆของแพรไหมดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ราเชนทร์ยิ้มปุ้ยยิ้มป้ายให้กับถ้อยคำเพราะๆของสาวน้อยที่เขาคิดจริงจังด้วย

“ไม่มากหรอกค่ะ นิดเดียวเอง”

“นิดเดียวแล้วทำไมต้องนอนโรงพยาบาลคะ” เสียงออดอ้อนถาม

“หมอสั่งไว้ พี่เชนทร์เลยต้องทำตาม”

“เหรอคะ... แย่จังเลยเนาะ” แพรไหมพูด “งั้นพี่เชนทร์ต้องพักผ่อนเยอะๆนะคะ แล้วอย่าออกไปตากลมล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา อ๋อ... อย่าไปชีกอกับพยาบาลด้วย ไม่งั้นไหมตามไปฉีกอกพี่เชนทร์แน่”

“โอ๊ย... แม่เสือน้อย พี่เชนทร์ไม่กล้าหรอกค่ะ”

เสียงแพรไหมหัวเราะคิกคัก ราเชนร์รู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตจนแทบจะคับอก นี่เพียงแค่ได้ยินเสียงก็มีความสุขแล้ว

“เออ... พี่เชนทร์คะ เท่านี้ก่อนนะ เพื่อนมาเรียกแล้ว”

“แล้วไหมไม่มาฝ้าพี่เหรอ...” ราเชนทร์ทำเสียงออดอ้อน

“เอ่อ...” แพรไหมละล่ำละลัก “ไหมขอโทษพี่เชนทร์ด้วยนะคะ คือว่าไหมต้องดูแลแม่ แม่ไม่ค่อยสบาย พี่เชนทร์ไม่ว่าอะไรไหมนะคะ”

หากจะบอกว่าถ้อยคำเมื่อครู่เป็นน้ำตาลหวาน ตอนนี้เขาชักรู้สึกขมๆขึ้นมาเสียแล้วสิ

...แต่ก็เอาเถอะ ก็แม่เขาทั้งคนนี่นา

“ไม่ว่าหรอกค่ะ ไหมดูแลแม่ดีๆนะ บอกแม่ด้วยว่าพี่เป็นห่วง”

“ค่ะ... พี่เชนทร์พักผ่อนเยอะๆนะคะ แล้วไหมจะไปเยี่ยม”

ราเชนทร์ยังไม่ทันพูดตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตัดสายลงรวดเร็ว เขาได้แต่มองโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ขัดใจไม่น้อยที่แพรไหมไม่อาจมาเฝ้าเขาได้

...ช่างเถอะ อย่าสนใจให้มากนักเลย

ราเชนทร์โยนโทรศัพท์ลงโต๊ะข้างหัวเตียง ขณะนี้ภายนอกค่อนข้างมืดลงแล้ว แต่ในห้องเขาสว่างด้วยแสงไฟที่นางพยาบาลเข้ามาเปิดให้เมื่อครู่

ผู้หญิงอย่างแพรไหม... เป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ

ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ประวัติของแพรไหมเลย เขาพอจะรู้มาบ้างว่าแพรไหมเป็นคนที่บริหารเสน่ห์เก่ง ด้วยความที่มีหน้าตาสะสวยเป็นทุน จึงทำให้มีผู้ชายมากมายมาติดพันกับเธอ แต่เท่าที่เขาเห็น แพรไหมก็ไม่เคยสนใจใครจริงจัง ในขณะที่กับเขา เธอจะคอยออดอ้อน ตะแง้วๆอย่างมีเสน่ห์ จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาคือคนพิเศษสำหรับเธอ

...หรือที่จริงแล้วมันไม่ใช่ ...ทั้งหมดนี้เขาคิดไปเอง

ราเชนทร์ถอนใจเฮือก

ย้ำกับตัวเองไว้... รักแท้ย่อมต้องมีอุปสรรคกันบ้าง...

*********






 

Create Date : 17 สิงหาคม 2551
2 comments
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 9:17:09 น.
Counter : 590 Pageviews.

 

อ๊าก แล้วหนูริสกับเพื่อนจะเป็นไงมั่งเนี่ย หยึย...

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 18 สิงหาคม 2551 18:43:30 น.  

 

แง... อยากให้ออกเป็นหนังสือ อยากซื้อมาอ่าน มันสนุก เรื่องนี้ต่างพี่หมอมาก พี่หมอก็สนุก เรื่องนี้ก็สนุก แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ จะกระตุ้นความรู้สึอยู่ตลอดเวลา เฮ้อ... ชอบนิยายของพี่พลอยจัง อิๆ^^

แต่วันนี้ไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวมาอ่านใหม่

 

โดย: โต๊ะอู้ IP: 115.67.127.101 28 ตุลาคม 2551 10:04:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.