ดาวหลงจันทร์ Crush on You บทที่ ๑๒ (Yuri)
๑๒ โปรดเห็นใจ เงยหน้าเห็นดาราเต็มฟากฟ้า อยากเอื้อมคว้าสักดวงจะได้ไหม รักกับพี่อยู่ด้วยกันตลอดไป โปรดเห็นใจปรานีพี่นะดาริน. แทบทุกคืนก่อนนอน ติชิลาจะยืนเหม่อมองดวงดาวระยิบระยับที่แข่งกันประชันความงามบนฟากฟ้าในใจหวนคิดถึงผู้หญิงหน้าคมที่ ณ เวลานี้พักอยู่ชั้นเดียวกัน แม้จะอยู่ห่างแค่ไม่กี่ก้าวแต่หล่อนกลับไม่กล้าไปหา เกรงว่าจะเป็นการชวนทะเลาะ ทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่าเดิม เฮ้อ! หล่อนถอนหายใจยาวเหยียดบ่อยครั้งในสมองคิดหาหนทางร้อยแปดที่จะทำให้เธอคนนั้นกลับมาอยู่ข้างกายตลอดไปภายนอกสาวสวยยิ้มแย้มแจ่มใส แท้จริงเก็บกลั้นความระทมทุกข์มากมายเอาไว้หลายปี พี่อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม พนมมืออ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นทุกคืน โดยหวังว่าคำขอนี้จะสัมฤทธิ์ผลเร็ววันสำหรับหล่อน...ชีวิตที่ไร้ซึ่งดารินเคียงข้าง ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้แต่ไร้ซึ่งหัวใจและวิญญาณ ทว่าความหวังที่จะคืนดีช่างตีบตันเสียเหลือเกิน ช่วย Premium Group ว่ายากแล้วการคืนดีกับดารินยิ่งกว่ายากเสียอีก และแล้วจู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวทำให้ติชิลายกยิ้มออกมาได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองเปลี่ยนบทดูบ้างจะเป็นไรพี่ไม่เชื่อหรอกว่าน้องดาจะไม่หลงเสน่ห์พี่อีกครั้ง เช้าวันรุ่งขึ้น ดารินกำลังยุ่งกับการแต่งตัวเพื่อไปทำงานหูได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าประตู จึงนึกสงสัย ด้วยปกติไม่ค่อยมีใครมาหาเวลาแบบนี้หลังมองผ่านตาแมว แต่ไม่เห็นเงาใครสักคน นึกลังเลใจอยู่หลายวินาที สุดท้ายเปิดประตูแง้มๆโดยมีโซ่คล้องไว้เพื่อความปลอดภัย แต่ไม่เจอใครเลยนอกจากถุงพลาสติกห้อยอยู่กับลูกบิดประตู อะไรล่ะเนี่ย? คิ้วเรียวขมวดขึ้น ก่อนคว้าถุงนั้นมาเปิดออกเป็นขนมครกเจ็ดคู่หนึ่งในขนมโปรดของเธอ ในถุงนั้นนอกจากขนมครก ยังมีจดหมายน้อยเขียนแนบมาด้วย ดารินจึงหยิบมาอ่าน สำหรับน้องดา ทานให้อร่อยนะคะ พี่เต กวนประสาทแต่เช้าเลยนะ ให้ตายสิ! สาวร่างเล็กถอนใจ ก่อนปิดประตูห้องเอาถุงขนมไปวางไว้ที่โต๊ะรับแขก แล้วไปแต่งตัวแต่งหน้าต่อ ดารินเพ่งมองเงาสะท้อนผ่านกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วอดที่จะกังวลถึงริ้วรอยดำใต้ขอบตาไม่ได้หลักฐานที่บ่งบอกชัดว่า เธอนอนน้อยมาก เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเจ้าของถุงขนมครกเกือบทั้งคืนภาพที่หล่อนกอดกับทินกรหน้าลิฟต์ ยังตามหลอกหลอนให้ร้าวรานใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะคบกับคุณทินก็คบไปสิ...มาตอแยฉันอีกทำไม?คนนิสัยไม่ดี! สาวหน้าคมพูดกับตัวเองในกระจกเหมือนจะตอกย้ำให้ตัดใจไปจากหล่อน ก่อนสะบัดความฟุ้งซ่าน แล้วรีบแต่งหน้ากลบเกลื่อนร่องรอยจนไม่เห็นความหมองคล้ำก่อนออกจากห้องเหลือบมองถุงขนมครก จึงหยิบติดมือออกไปด้วย ตอนแรกคิดจะทิ้งแล้วเปลี่ยนใจ จะทิ้งก็เสียของ เอาไปฝากคนอื่นดีกว่า ขณะรถติดแน่นขนัดบนท้องถนน ดารินที่เริ่มหิวอดใจไม่ไหวจึงเปิดถุงหยิบขนมเข้าปากจากคิดแค่ทานรองท้องไม่กี่ชิ้น กลายเป็นหมดเกลี้ยงในที่สุด พลันรู้สึกเหมือนพลาดท่าเสียทีติชิลาอีกครั้ง นี่ฉันเผลอกินหมดเหรอเนี่ย...ให้ตายสิ! ช่วงมื้อกลางวัน แม้จะนั่งกันคนละโต๊ะดารินก็ประสานสายตากับหล่อนแวบหนึ่ง อีกฝ่ายส่งยิ้มสวยชวนละลายมาให้แต่เธอเลือกที่จะเมินเสียจงใจสนทนากับวัลลภมากกว่าทุกวัน ทั้งยิ้มและหัวเราะแต่แล้วสาวร่างเล็กก็ให้ใจหาย ยามเห็นดวงตาคู่สวยที่เป็นประกายเมื่อกี้ดูหม่นหมองไปรู้สึกเหมือนตนเองทำอะไรผิด บ้าน่า! อย่าคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นดารินคนใจร้ายอย่างนั้นไม่สนใจคนแบบเธอหรอก...จะไปสนใจหล่อนทำไมอีก บอกย้ำกับตัวเองให้ตัดใจ พลันได้ยินปรียานุชคุยกับติชิลาขณะสองคนกำลังเดินผ่านโต๊ะที่เธอนั่งอยู่กับวัลลภ ถ้าใครบางคนเขาไม่รักเรา ก็ต้องปล่อยไปนะ หมดสมัยรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่งแล้ว...แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทราจำไว้นะแก งั้นเหรอ สาวสวยเอ่ยตอบเพื่อน ปรายตามองคนรักเก่าที่เงยหน้ามองมาพอดีแต่บังเอิญฉันเป็นพวกรักเดียวใจเดียว รักแล้วรักเลย รักกันชั่วนิรันดร์เสียด้วยสิ ปรียานุชหัวเราะหึหึเหมือนรู้ทันเพื่อนแต่ไม่คิดต่อล้อต่อเถียง จากนั้นสองสาวก็ก้าวพ้นประตูห้องอาหารออกไป ดารินอึ้งงันตัวแข็ง นึกทวนคำว่า รักกันชั่วนิรันดร์ ไปมาในใจหลายรอบเป็นประโยคที่ติชิลากับเธอเคยสาบานรักกันต่อดวงจันทร์ในวัยเยาว์ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร พี่จะรัก และซื่อสัตย์ต่อน้องดาคนเดียวไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ พี่จะไม่มีวันทอดทิ้งน้องดา เราสองคนจะรักกันชั่วนิรันดร์ติชิลาในสมัยวัยรุ่นได้กล่าวกับเธอ สาวร่างเล็กยิ้มอายๆก่อนกล่าวประโยคแบบเดียวกันออกมา ไม่ยักรู้ว่า คุณเตจะเป็นคนโรแมนติกขนาดนี้ใครได้เป็นคนรักคงโชคดีมาก วัลลภที่ได้ยินชมขึ้นลอยๆ จ้องไปยังดารินเหมือนจะสื่อความนัยอะไรบางอย่างผ่านสายตา ผมอยากให้ดารักผมแบบคุณเตบ้างจัง เธอทำหน้ากระอักกระอ่วน กับสายตาหวานเชื่อมของเพื่อนชาย จึงทำทีไปสนใจอาหารต่อแต่ทว่าในใจยังคงคิดทบทวนคำพูดของติชิลาที่แว่วผ่านหูเมื่อกี้ รักกันชั่วนิรันดร์น่ะเหรอ หึหึ...ก็แค่คำพูดไม่คิดของเด็กๆ คิดถึง คิดถึงพักตร์เมื่อยามทุกข์ คิดถึงสุขยามโอบอุ่น คิดถึงแก้มหอมละมุน คิดถึงคุณแทบขาดใจ. ตอนบ่าย ติชิลาปรากฏตัวที่ฝ่ายจัดซื้อ ซึ่งเป็นห้องทำงานรวมพนักงานหลายคนออกอาการตื่นเต้น เดาไม่ถูกว่า ผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่มาที่ฝ่ายด้วยธุระอะไรหนุ่มบางคนออกอาการตะลึงในความงามผุดผาดของหล่อน หลังยลโฉมใกล้ๆ เป็นครั้งแรกหากแต่หญิงสาวหาได้สนใจไม่ ขอตัวก่อนนะคะ ฉันมีธุระจะปรึกษากับคุณดาเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพกับคนของฝ่ายจัดซื้อ หลังเห็นว่าเป้าหมายนั่งอยู่ตรงไหน เชิญครับ ชายหนุ่มรีบรับคำลอบมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่สืบเท้าไปหาดาริน เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลติชิลาเข้าอย่างจังเหมือนต้องมนตร์ มีเสน่ห์เหลือเกิน...ผมอยากเป็นแฟนคุณ คุณดาคะ ติชิลาเรียกเบาๆ หลังยืนข้างโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย สาวผมสั้นที่กำลังเขียนงาน เงยหน้ามองแขกไม่ได้รับเชิญเผลอขมวดคิ้วบางเล็กน้อย ไม่คิดว่าหล่อนจะบุกมาถึงที่นี่ ต้องการอะไร? เอ่ยถามเสียงห้วนๆ หล่อนยกยิ้มสวย ไม่สนใจท่าทีเย็นชาดุจน้ำแข็งของอีกฝ่าย สำเนาข้อมูลของฝ่ายจัดซื้อรายไตรมาสของปีที่แล้วค่ะ แล้วทำไมไม่แจ้งขอมาที่เลขาฝ่ายฯ ไม่จำเป็นต้องลงมาเอาเองก็ได้เธอย้อนถาม หลังคิดถึงขนาดและจำนวนแฟ้มที่มีความหนักไม่น้อย แถมเยอะอีกต่างหาก พี่มีเหตุผลค่ะ ดารินทำหน้างุนงง ก่อนหลุดปากถามออกไป อะไร? พี่คิดถึงน้องดา เอ่ยความรู้สึกออกมาให้ได้ยินเมื่ออยู่ตามลำพัง หา! เธออึ้งงันไปหลายวินาที ที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวหัวใจเต้นแรงรัวจนกระแทกซี่โครง หน้าคมสวยขึ้นสีเรื่อจางๆ กายร้อนผ่าวขึ้น อย่ามาทำปากหวานกับฉัน! เอ็ดลอดไรฟัน หลังสติกลับเข้าร่าง ปากพี่ไม่หวานค่ะ สู้ปากน้องดาไม่ได้ สาวสวยยักคิ้วบาง ทะลึ่ง! คนอายุน้อยกว่าค้อนขวับ นึกหมั่นไส้หล่อนที่ชอบกวนประสาทกันเหลือเกิน มันน่าจริงๆ นึกอยากจะทุบคนตรงหน้าสักหลายที แต่ติดว่าอยู่ในห้องทำงานรวมซึ่งมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาอย่างสนใจ จึงได้แต่ปล่อยผ่านชั่วคราว ไว้สบโอกาสเหมาะค่อยเอาคืนภายหลัง...แก้แค้นสิบปียังไม่สาย เธอคว้าพวงกุญแจ สำหรับไขตู้เหล็กที่ตั้งอยู่ในห้องเก็บเอกสารก่อนลุกพรวดพราด ร่างบอบบางมีอาการหน้ามืด ซวนเซถลาไปข้างหน้า แย่แล้ว! ติชิลาที่ยืนอยู่ รีบยกแขนคว้าดารินมากอดเอาไว้แน่นก่อนที่จะล้มลงกระแทกพื้น หน้ามืดเหรอคะ? หล่อนกระซิบถามอย่างเป็นห่วง สาวผมสั้นที่ซุกหน้าอยู่กับซอกคอเรียวระหงของหล่อน กายร้อนวูบอายจนพูดไม่ออก ได้แต่รับคำเบาๆ ในลำคอ อือ น้องดาไม่ค่อยแข็งแรง อย่านอนดึกเกิน แล้วพยายามพักผ่อนให้พอหน่อยนะคะพี่เป็นห่วง ปะ ปล่อยค่ะ ค่อยยังชั่วแล้ว ดารินพึมพำพยายามขืนตัวออกจากวงแขนของคนตรงหน้า ที่ยอมคลายออกโดยดีสายตาเหลือบมองไปยังรอบห้อง เห็นสายตาหลายคู่ของเพื่อนร่วมงานจ้องมองแบบฉงนสงสัย ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดมากจึงพูดกลบเกลื่อน คุณเตคะ เอกสารที่ต้องการอยู่ทางนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ หล่อนรับลูกอย่างเข้าใจ เดินตามดารินไปยังห้องเก็บเอกสารด้านในซึ่งมีตู้เหล็กตั้งมากกว่าสิบตู้ เก็บข้อมูลเรียงตามปีไว้อย่างเป็นระเบียบ เธอไขกุญแจเปิดตู้ที่เขียนชื่อปีที่แล้วอย่างคุ้นเคยด้วยเป็นคนเก็บเองกับมือ ติชิลาก้าวมายืนใกล้ จนร่างกายส่วนหน้าเกือบแนบแผ่นหลังของเธอ แล้วเอ่ยเอื้อนอ้อนวอนเสียงเศร้าโดยไม่คิดว่าเป็นการเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ...หากทำผิดก็ต้องยอมรับอย่างกล้าหาญ พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นขอโทษที่ทิ้งน้องดาไปตอนนั้น พี่พร้อมจะรับผิดทุกอย่างจะให้พี่ทำอะไรพี่ยอมทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่ใกล้น้องดา...ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหมคะ? ดารินหลับตาแน่นหลังได้ยินคำร้องขอที่กระแทกหัวใจลมหายใจอุ่นรวยรินรดต้นคอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาเตะจมูกช่างแสนคุ้นเคยทั้งที่ควรจะลืมเลือนไปแล้ว ยิ่งทำให้เธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ลังเลใจไม่น้อยว่าควรตอบอย่างไรถึงจะเหมาะ แค่ขอโทษไม่กี่คำ ไม่อาจสมานบาดแผลลึกร้าวในหัวใจได้บางเรื่องจำเป็นต้องใช้เวลากว่าจะหายเป็นปกติ โดยเฉพาะกับความรู้สึกดีๆที่เสียไปแล้ว ยากเหลือเกินที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พี่จะไม่เซ้าซี้ให้น้องดารำคาญ แต่พี่ขออยู่ใกล้ๆ นะคะได้โปรด ขอได้เห็นหน้า ได้คุยบ้างก็พอ อย่าใจอ่อนเด็ดขาดนะดาริน บอกย้ำกับตัวเองหลายต่อหลายรอบเกรงกำแพงในใจที่สร้างขึ้นอย่างยากเย็นจะพังทลายลง...ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของหล่อน จะ จะเอากี่แฟ้มคะ? สาวร่างเล็กกลั้นใจถามเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่หันหลังให้หล่อนไม่กล้าสบตาด้วย เกรงใจจะอ่อนยวบกว่าเดิม แล้วแต่น้องดาจะกรุณาค่ะ ติชิลาตอบเบาๆ ดารินคว้าแฟ้มดำตรงหน้ายื่นให้ โดยไม่ยอมหันกลับไปมอง หันหน้ามาคุยกันดีๆ สิคะ พี่ขอร้อง สาวสวยเอ่ยขอเสียงแหบแห้งเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินที่อีกฝ่ายทำเมิน อย่าทำเหมือนรังเกียจพี่จนถึงขั้นไม่อยากมองหน้ากันแบบนี้ ฉันน่ะเหรอ รังเกียจพี่เต? คำว่า รังเกียจ ทำให้คนฟังสะดุดใจไม่น้อย ชั่วครู่จึงเอี้ยวตัวไปเผชิญหน้ากับติชิลาแต่ช่องว่างระหว่างทั้งคู่มีไม่มากนัก ลมหายใจอุ่นๆ ของหล่อนจึงปะทะใบหน้าคมสวย เธอยกแฟ้มขึ้นกั้นไม่ให้ร่างกายสัมผัสกันไม่ยินยอมให้อีกคนแตะต้องตัวเกินความจำเป็น แม้ทำเป็นใจแข็งเว้นระยะห่าง แต่ทว่าหัวใจก็กระตุกหวั่นไหวไม่ต่างจากสมัยก่อนนัก ติชิลาฝืนยิ้มออกมา อย่างน้อยดารินก็ไม่ใจร้ายเกินไปลดสายตามองแฟ้มที่อีกคนถือ แฟ้มที่พี่ขอ? ชะ ใช่ค่ะ พูดตะกุกตะกักติดอ่าง มีทั้งหมดกี่แฟ้มคะ? หล่อนยื่นมือรับแฟ้มมาถือไว้เป็นแฟ้มแรกของปีที่แล้ว สิบสองค่ะ หืม! เลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าสาวร่างเล็กก็อยากเจอตนบ่อยๆเหมือนกัน อดดีใจไม่ได้ที่มีข้ออ้างแวะมาหาอีกฝ่ายจนกว่าจะอ่านครบทั้งสิบสองแฟ้ม จึงผุดยิ้มหวานออกมา ไว้พี่อ่านจบแล้วจะเอามาคืน แล้วขอยืมแฟ้มที่เหลืออีกนะคะ ค่ะ ดารินพยักหน้าน้อยๆ เผลอจ้องหน้าสวยหวานอย่างพินิจพิจารณาอย่างใกล้ชิดหลายวินาทีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีแล้วนึกชื่นชมในใจ ไม่แปลกใจเลยที่พนักงานชายและหญิงของบริษัทจะปลื้มหล่อนเหลือเกิน สวยขึ้น มีเสน่ห์กว่าเดิมมากเกินไปนะ นึกหึงหวงขึ้นมาแบบไร้เหตุผล ขอบคุณนะคะ ไว้จะมารบกวนอีก โน้มตัวไปกระซิบเบาๆข้างใบหูเรียวเล็ก แล้วพี่จะหาขนมอร่อยๆ มาฝากอีกนะคะ สาวผมสั้นยืนนิ่งมองหล่อนเดินจากไป ก่อนพ่นลมหายใจออกมาเธอลืมหายใจไปชั่วขณะในจังหวะที่ติชิลาโน้มมากระซิบใกล้ๆ ด้วยเข้าใจผิดว่าตนจะโดนหอมแก้มยกมือทาบอกเหนือตำแหน่งก้อนเนื้อ ซึ่งกำลังเต้นผิดจังหวะเกือบทุกครั้งยามอยู่ใกล้สาวสวยคนนี้ ใจเย็น ใจเย็นไว้ดาริน พูดกับตัวเอง ก่อนหมุนตัวไปล็อกตู้เหล็ก แล้วกลับไปทำงานต่อ วันรุ่งขึ้นก่อนไปทำงาน ดารินก็มีขนมอร่อยทาน แม้จะไม่เห็นคนใจดีแม้แต่เงาแต่ก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าปกติ ดาไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง? คนในฝ่ายจัดซื้อถามขึ้นอย่างเป็นห่วงหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนร่วมงาน ขณะเอาสรุปงานไปส่งที่โต๊ะทำงานของดารินในบ่ายวันศุกร์ แค่มึนน่ะ ดื่มกาแฟสักแก้วคงดีขึ้น เธอฝืนยิ้มหลังเมื่อคืนเร่งทำงานจนดึกดื่น กว่าจะได้นอนปาไปเที่ยงคืนกว่า งั้นเหรอ อือ ดูแลตัวเองหน่อยนะ เพื่อนคนนั้นเตือน ก่อนกลับไปทำงานต่อ สงสัยวันนี้ต้องกาแฟดำเพียวๆ ดารินลุกไปมุมห้องที่มีเคาน์เตอร์เครื่องดื่มตั้งอยู่ เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะมาตั้งแต่เช้าเหมือนไมเกรนจะกำเริบ หลังชงเสร็จยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นเป่าไล่ความร้อน แล้วลองจิบหลับตาปี๋กับความขมที่ไม่คุ้นชิน ก่อนกลั้นใจยกเครื่องดื่มสีดำขึ้นซดรวดเดียวหมดเพื่อจะได้ไปทำงานต่อ สายตาพลันเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง วางทิ้งค้างอยู่ในเครื่องถ่ายเอกสารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆจึงหยิบมาดู คาดว่าคงมีใครสักคนลืมทิ้งไว้ นี่มันอะไร? ดารินไม่คุ้นกับตัวเลขที่เห็นเลยสักนิดทั้งที่ปกติข้อมูลพวกนี้ต้องผ่านมือเธอ ซึ่งทำหน้าที่จัดพิมพ์รวมเล่มส่งให้หัวหน้าฝ่ายฯเซ็นรับทราบ จึงหรี่ตาอ่านอย่างงงๆ สัญชาตญาณสั่นรัวเตือนว่า มีบางอย่างชวนไม่ไว้วางใจจึงพับกระดาษนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนไปล้างแก้วเก็บเข้าที่เดิม อย่าบอกนะว่า มีคนทำงบจัดซื้อสองชุด...เป็นไปไม่ได้ เธอรีบสะบัดความคิดลบออกไปโดยเร็วไม่อยากจะปรักปรำใครส่งเดชจากกระดาษแผ่นเดียว ทว่าเครื่องถ่ายเอกสารที่ห้องนี้ไม่มีคนนอกเข้ามาใช้เครื่องได้กระดาษแผ่นนี้ต้องเป็นของคนใดคนหนึ่งในฝ่ายจัดซื้ออย่างไม่ต้องสงสัย และคนอย่างดารินไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ ยังไงก็ต้องตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เธอมีอยู่เพื่อให้หายข้องใจ หวังว่าฉันจะแค่คิดมากไป ดารินพยายามมองโลกในแง่บวก ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานแต่ไม่ทันจะเริ่มงานก็โดนขัดจังหวะ กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น ขณะหญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน จึงหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาเผลอยิ้มทันทีที่เห็นชื่อเพื่อนสนิท จึงกดรับสาย ว่างเหรอคุณชลทิพย์ถึงโทรมาได้ อย่าบอกนะว่าจะชวนฉันไปไหน?พูดแซวกึ่งประชดที่อีกคนไม่ได้ติดต่อมาหลายวัน แต่ชอบจะโทรมาชวนในวันศุกร์...คืนปล่อยผีของเหล่าคนทำงาน คนในสายหัวเราะร่วนที่โดนดักคอ เก่งไปนะดา สนใจกินข้าวด้วยกันไหม คืนนี้มีเจ้ามือด้วยล่ะ? ใคร? คนฟังอดถามออกไปไม่ได้ ไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใครโดยไม่จำเป็นแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม วัลลภไง เห็นว่านัดฉลองมีข่าวดีกับแก๊งค์ คนในสายเฉลย ก่อนนึกเอะใจจึงย้อนถามเฮ้ย!อย่าบอกนะว่าลภไม่ได้บอกแก? ไม่นี่ ดารินปฏิเสธเสียงเรียบพรุ่งนี้ลภมีนัดไปกินข้าวเย็นบ้านฉัน วันนี้จะนัดทำไม อ้าว!ชลทิพย์ทำเสียงประหลาดใจอีกครั้ง ว่าแต่ฉลองเรื่องอะไร? สาวร่างเล็กถาม ได้ข่าวว่าฉลองความรักคืบหน้า อะไรนะ? ผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจที่อีกคนพูดสักเท่าไหร่ หมายถึงกับฉันเหรอ? ไม่ใช่กับแกแล้วกับใคร? คนในสายถามเสียงเข้ม คลางแคลงใจที่เพื่อนสองคนถึงพูดไม่ค่อยจะตรงกัน โดยเฉพาะดารินที่นับเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ถามจริงตกลงแกเปิดใจกับลภแล้วไม่ใช่เหรอ? พูดเรื่อยเปื่อยอีกล่ะสิ ฉันยังไม่ได้ตอบรับอะไรสักหน่อย นึกบ่นในใจอย่างรำคาญ เดาว่าเพื่อนชายคงหลุดปากคุยโขมงเกินความจริงอีกเป็นแน่คราวก่อนบอกชลทิพย์ว่าเธอเป็นแฟนเขาแล้วครั้งนี้ไม่อยากจะคิดเลยว่าเลยเถิดไปขนาดไหน กะอีแค่พ่อชวนไปกินข้าว อย่าบอกนะว่าคิดแต่งงาน...เฮ้อ! ไว้ค่อยคุยกันนะชล ท่าทางจะต้องเล่ากันยาวตัดบทไม่อยากคุยต่อ กลัวอารมณ์จะเดือด ขนาดนั้นเชียว อือ สาวผมสั้นขานรับเบาๆ ในลำคอ ตกลงคืนนี้ไม่มา? ไม่ล่ะ ฉันว่าจะกลับไปค้างบ้านโน้น สาวร่างเล็กตั้งใจจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่ตามที่รับปากเอาไว้ โอเค ไว้คุยกันนะ บาย คนขี้โม้! ดารินถอนใจออกมาอย่างเบื่อๆ หงุดหงิดที่เพื่อนชายเอาเรื่องไม่จริงไปเล่าทั้งที่ความสัมพันธ์ของเรายังไม่เกินไปกว่าเพื่อนสนิทเลยสักนิด และหยุดนิ่งแบบนี้มานานหลายปีเพียงแต่คนภายนอกไม่รู้เท่านั้น เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ที่พ่อแม่ของเธอสนับสนุนออกหน้าออกตาให้เธอตกลงปลงใจด้วยแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ดารินมองเขาในฐานะคนรัก หญิงสาวยังคงรู้สึกกับอีกฝ่ายไม่ต่างจากตอนแรกเจอวัลลภอาจจะเป็นสเปคมาตรฐานของสาวหลายคน แต่เขากลับไม่ใช่ผู้ชายในฝันของเธอ ถ้าพูดจากใจก็คือไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด น้องดาอยากมีคนรักแบบไหนบอกพี่ได้ไหมคะ? ใครคนหนึ่งเคยถามเธอเมื่อนานมาแล้ว อืม เป็นคนธรรมดาที่อบอุ่นรู้ใจและเข้าใจดาเสมอ อยู่เคียงข้างในเวลาที่ดาต้องการ ไม่โกหกดาที่สำคัญคือต้องรักและซื่อสัตย์กับดา ทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ เธอในสมัยวัยรุ่นตอบออกไปแบบนั้น คนนั้นเอียงคอแล้วถามต่อ แล้วจะพิจารณาไหมคะถ้าบังเอิญว่าใครคนนั้นมีคุณสมบัติครบทุกอย่างที่น้องดาต้องการ...แต่ไม่ใช่ผู้ชายน่ะ ดา... เธออ้ำอึ้งตอบไม่ถูกหลังสบตาคู่สวยหวานตรงหน้า ก่อนส่ายหน้า ยกมือบางขึ้นประคองแก้มนิ่มเนียนของหล่อนแค่คนนี้รักดาก็พอแล้ว ดาไม่ต้องการคนอื่น พี่จะรักน้องดาคนเดียวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะต้องกลับมาหาน้องดาของพี่แน่นอนค่ะ พี่สัญญาติชิลาประทับจูบที่หลังมือของดาริน นั่นเป็นครั้งแรกที่หล่อนบอกรักเธอ แม้จะผ่านไปหลายปีแต่ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงประทับอยู่ในหัวใจของเธอชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เผลอคิดถึงหล่อนทำไม ดารินนึกเอ็ดตัวเอง ที่ดันเผลอนึกถึงภาพหวานชื่นในอดีต แล้วเอาสองคนที่ไม่ได้มีความเหมือนกันเลยมาเปรียบเทียบกันลึกๆ ในใจรู้ดีว่า ใจของเธอจะเอนเอียงไปหาใคร ต้นรักที่เข้าใจว่ามีอันเป็นไปนานแล้วแอบซ่อนหยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจ แค่รอเวลาฟื้นกลับมาเท่านั้น First love is always beautiful inmind. เป็นประโยคที่เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นไปได้...แต่มันก็กำลังจะเป็นแบบนั้น กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เหลือบมองว่าใครโทรมา ก่อนถอนใจเฮือกยาวเหยียด น่าเบื่อจริงๆ ถึงไม่อยากคุย แต่จำใจกดรับ ไม่เช่นนั้นวัลลภจะบุกมาหาถึงที่ด้วยห้องทำงานของสองฝ่ายอยู่ไม่ไกลกันดารินไม่อยากเจอหน้าเขาในเวลานี้กลัวตบะจะแตกแล้ววีนใส่ความอดทนอดกลั้นที่มีลดต่ำลง หลังไม่สบายแล้วเจอหลายเรื่องที่ไม่สบอารมณ์ ประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย มีอะไรหรือเปล่า? พูดเสียงเรียบราบ คงไม่ได้จะมานัดอะไรอีกนะ เย็นนี้ดาว่างไหม? ลภนัดเลี้ยงแก๊งค์เพื่อนไว้น่ะคงมาได้ราวห้าหกคน ชายหนุ่มชวนไม่ผิดไปจากที่ชลทิพย์บอกไว้เมื่อสักครู่ เย็นนี้ดาจะกลับบ้าน ตอบไม่ตรงคำถาม แต่ให้คิดเอาเอง แย่จังเสียงในสายบ่นอย่างเสียดายที่ผิดไปจากแผนที่คิดเอาไว้ในใจ ตั้งใจจะประกาศความสัมพันธ์ของเราอย่างเป็นทางการในค่ำคืนนี้หลังได้คุยโทรศัพท์กับปรีชา ว่าที่พ่อตา ...โดยที่ดารินไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่สองหนุ่มคุยเลยสักนิด มีอะไรอีกไหม? ดากำลังจะเก็บของกลับบ้านหญิงสาวหาเรื่องตัดบท หลังมองว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ให้ไปถึงสักกี่โมงดี? ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยโดยถามถึงนัดวันพรุ่งนี้ที่บ้านของเธอแทน สักห้าโมงครึ่งก็ได้ จะได้นั่งคุยกับพ่อก่อน โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ อือ เธอกดวางสาย แล้วรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งนานวันความรู้สึกดีๆที่มีกับเขาก็ยิ่งจางหายไป บางครั้งการอยู่ใกล้นานๆ กลับทำให้อึดอัดคับข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะยามที่วัลลภแตะต้องตัว แม้จะเป็นการจับมือถือแขนธรรมดา ดารินมักมีอาการสะดุ้งและถอยห่างอัตโนมัติแทบทุกครั้งบอกไม่ถูกว่าแค่ไม่ชอบ หรือรังเกียจสัมผัสของเขา ครั้งหนึ่งวัลลภฉวยโอกาสหอมแก้มเธอยามเผลอ แม้จะแผ่วเบานุ่มนวลไม่ได้จาบจ้วงทว่าดารินตัวแข็งทื่อราวรูปปั้น ไม่ได้รู้สึกประทับใจกับสัมผัสของอีกคนแม้แต่น้อยดีแค่ไหนแล้วที่ไม่พลั้งมือตบหน้าเขา ดาไม่ชอบคนฉวยโอกาส เข้าใจไหม? ลภขอโทษ ลภแค่อดใจไม่ไหว อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าหากยังอยากจะคบกันอยู่หญิงสาวขู่เสียงเข้ม ทำให้เขาไม่กล้าล่วงเกินเธออีก ...จนถึงตอนนี้ ดารินก็ยังไม่ชินกับสัมผัสของเขา หวังว่าฉันคงไม่เป็นโรคเกลียดผู้ชายหรอกนะ
OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ หนังสือปิดจองวันนี้นะคะ สนใจ inbox สอบถามได้ที่เพจ นิ้วนาง
Ebook ซื้อได้ที่ MEB ค่ะ นาง OoXoO
Create Date : 21 ธันวาคม 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2560 18:06:43 น. |
Counter : 778 Pageviews. |
|
|
|