ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
ธันวาคม 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 ธันวาคม 2560
 
 
ดาวหลงจันทร์ Crush on You บทที่ ๗ (Yuri)



“พี่ทินมีอะไรเหรอคะ?” ติชิลาถามขึ้นหลังเข้าไปห้องทำงานของเขา โดยก่อนออกจากห้องประชุมหล่อนรับปากกับปรียานุชไว้ว่าจะไปทานข้าวเย็นด้วย

“นั่งก่อนสิ” รองประธานฯ ถามเสียงเครียด “เตคิดว่าไง?”

หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างตรงข้ามอีกฝ่ายโดยมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ขวางอยู่ หล่อนเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร

“ประชุมเมื่อกี้งบของฝ่ายผลิตน่าสงสัยมากค่ะ” หล่อนเอ่ยตามสิ่งที่เห็น“แต่ถ้าจะให้ดี เราควรเห็นรายละเอียดของข้อมูลทั้งหมด ถึงค่อยสรุปจะเหมาะกว่า”

ติชิลาเลือกที่จะไม่เดาสุ่มด้วยเรื่องนี้อาจทำให้กระทบกระทั่งกับหลายฝ่าย ในงบบริษัทต้องลงข้อมูลละเอียดยิบ ทุกรายรับรายจ่ายต้องมีที่มาที่ไปต้องมีหลักฐานที่มาที่ไป จะมานั่งเทียนเขียนขึ้นไม่ได้ซึ่งการตรวจสอบความถูกต้องอาจใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ใช่ว่าทำไม่ได้

ถือคติว่า...ล่าช้า แต่ดีกว่าปรักปรำคนบริสุทธิ์

...ที่สำคัญคือ หล่อนไม่คิดให้ปรีชาพ่อของดาริน กลายเป็นแพะ

ทินกรถอนใจยาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“ปัญหาก็ตรงนี้แหละ”

“ทำไมคะ?” หล่อนทำหน้าสงสัย

“เตคงไม่รู้สินะว่าใครเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิต”

จะทราบได้อย่างไรคะ...ฉันเพิ่งมาที่นี่วันแรกเองนะคะ

คนเป็นน้องขมวดคิ้วเรียว ก่อนส่ายหน้า

“ไม่ทราบค่ะ”

“น้าเผด็จหัวหน้าฝ่ายผลิต...เป็นน้องแท้ๆ ของแม่น่ะ” ทินกรพูดเสียงอ่อยๆทำหน้าหนักใจ ประหนึ่งแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ

โห! น้องเมียประธานฯ ...เส้นใหญ่มากเลยนะ

ติชิลาทำตาโตกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสาม ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่ชายถึงล้วงลูกข้อมูลของฝ่ายผลิตไม่ได้คาดว่าเป็นเพราะเผด็จใช้คุณหญิงธนิดาเป็นโล่กำบังชั้นเลิศ หากช่างเอาใจก็ทำให้เธอคนนั้นโปรดปรานได้ไม่ยากตามประสาพวกรักหลงง่าย

งานนี้ไม่ง่ายซะแล้ว

“แล้วเราจะเอาข้อมูลยังไงคะ?” หญิงสาวถามอย่างกังวลหากไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรไม่ได้เลย

หล่อนเห็นปัญหาของธุรกิจที่บริหารแบบเครือญาติหลายแห่ง ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการตรวจสอบจะทำอะไรทีก็ต้องเกรงใจ หยิกเล็บเกรงจะเจ็บเนื้อ แต่หากไม่ทำอะไรเลยธุรกิจจะเสียหายถึงขั้นล่มสลายสุดท้ายญาติก็เข้าหน้ากันไม่ติด เพราะคำว่าผลประโยชน์คำเดียว

...เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ

“พ่อสั่งกิตติคุณไปแล้ว ดูสิจะเอามาให้ไหม?” พี่ชายตอบอย่างไม่มั่นใจนักแม้ยามอยู่ต่อหน้าเผด็จจะพูดจาไพเราะเสนาะหู ดูนอบน้อมพินอบพิเทา แต่แท้จริงอีกฝ่ายไม่เห็นเขาเป็นรองประธานฯเลยด้วยซ้ำ ดูแคลนประหนึ่งเขาเป็นแค่เด็กน้อย ด้วยมีคุณหญิงธนิดาคอยให้ท้ายจนเป็นใหญ่เป็นโต

คนเดียวที่หัวหน้าฝ่ายผลิตไม่กล้าต่อกรด้วยในบริษัทนี้มีเพียงทรงพลเท่านั้น ส่วนอีกคนที่เผด็จเกรงใจอยู่บ้างก็คือปรีชา ...ซึ่งเขาก็ไม่มั่นใจว่าแท้จริงปรีชาเป็นฝ่ายไหน เขากับพ่อ หรือเผด็จ?

ยากนะเนี่ย

หล่อนปั้นหน้าเครียดคิดหนัก เข้าใจความยากลำบากของทินกรที่ต้องแบกภาระมากมายไว้บนบ่าหากเรือลำใหญ่ที่มีผู้โดยสารหลายร้อยชีวิตลำนี้เกิดล่มลง ไม่รู้ว่าจะมีครอบครัวอีกกี่ชีวิตต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเป็นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของเขาจึงทำอะไรมั่วๆ ไม่ได้

“ก็คงต้องรอดูต่อไป”

“อืม” ทินกรครางรับเบาๆ ในลำคอ “ตอนนี้ก็เช็คข้อมูลที่มีก่อนพรุ่งนี้คุณอาปรีชาคงให้เตอ่านแฟ้มเก่าๆ สงสัยตรงไหนก็ถามพี่ได้นะ”

“ค่ะ” หล่อนพยักหน้า “แล้วพี่ทินสงสัยใครอีกหรือเปล่าคะ?”

“บอกตรงๆ คือพี่ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง”

“แม้แต่ตัวแทนของฝ่ายบัญชีเหรอคะ?”

“หมายถึงปรียานุชน่ะเหรอ?”

“ค่ะ” หญิงสาวผงกหัว

“ก็ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง” ทุกครั้งที่ชายหนุ่มคิดถึงผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจแบบแปลกๆ “คุณนุชเป็นคนตรงๆ บางทีก็โผงผางจนน่ากลัว”

“ถ้าเตจะให้นุชช่วยเช็คข้อมูล พี่ทินจะโอเคไหมคะ?”

“รู้จักกันมาก่อนเหรอ?” เขาย้อนถามบ้าง

“ใช่ค่ะ นุชเป็นเพื่อนสนิท เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันค่ะ”

“อ้าวเหรอ! ไม่ยักรู้ว่ารู้จักกันมาก่อน” คนเป็นพี่ทำหน้าประหลาดใจ “ไว้ใจได้เหรอ?”

“ค่ะ ยิ่งกว่าไว้ใจได้อีก เตรับรอง” หล่อนรู้จักนิสัยใจคอเพื่อนรักเป็นอย่างดี

“งั้นก็ได้ ถ้ามีคนช่วยอีกแรงก็ดี แค่เราสองคนคงทำอะไรไม่ทันกินแน่”เขาอยากให้จบเรื่องร้ายๆ ลงโดยเร็ว

“ไว้เตจะลองชวนนุชดู ส่วนนุชจะช่วยหรือไม่ช่วย เย็นนี้ก็คงจะทราบมีนัดทานข้าวกันค่ะ”

“ฝากด้วยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยฝากฝัง

“ค่ะพี่ทิน”

“กลับบ้านกันเถอะ ห้าโมงกว่าแล้ว” ทินกรชวนหลังมองเวลาที่สมควรแก่การออกจากบริษัท

“ค่ะ”

ดารินปฏิเสธที่จะไปทานข้าวเย็นกับวัลลภ โดยให้เหตุผลว่าไม่ค่อยสบาย ทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าเซ้าซี้

“ถ้าดาขับรถไม่ไหว ผมไปส่งได้นะ” เพื่อนชายถามอย่างเป็นห่วงอาสาช่วยอย่างเต็มใจ ขณะเดินไปยังลานจอดรถพร้อมกันเขามักจะแวะมาหาสาวเจ้าที่ฝ่ายหลังเลิกงาน อยากเห็นหน้าคมสวยของเธอแม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม

เธอจะออกจากออฟฟิศช้ากว่าคนอื่น โดยให้เหตุผลว่าออกเร็วก็ต้องไปรถติดอยู่หน้าทางออก ไม่รู้จะรีบทำไมเอาเวลามานั่งทำงานดีกว่า

“ไม่เป็นไร ดากลับเองได้” เอ่ยเสียงเรียบ

“ขับรถดีๆ นะ” ชายหนุ่มได้แต่ตามใจ

สาวร่างเล็กพยักหน้า ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เขา

“พรุ่งนี้เจอกัน”

“บาย” วัลลภโบกมือ แล้วแยกไปยังรถของตนที่จอดอีกด้าน

เธอกดรีโมทปลดล็อกประตูรถยนต์แต่ไม่ทันก้าวขึ้นพลันเหลือบสายตาไปเห็นติชิลาเดินมากับทินกร จึงชะงักแล้วมองตามก่อนก้มตัวต่ำข้างรถของตน ด้วยระยะห่างกันไม่กี่เมตรดารินจึงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองชัดเจนทุกถ้อยคำ

“ไว้ว่างๆ พี่จะแวะไปหาที่คอนโดนะเต” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม

“บอกล่วงหน้าด้วยนะคะ เตจะได้จัดห้องก่อนเพิ่งย้ายมาห้องยังรกอยู่เลย” ยิ้มอ่อนหวานให้อีกฝ่าย

“อยากได้คนช่วยจัดก็บอกนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เตเกรงใจ”สาวสวยไม่คิดจะรบกวนเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“พี่ต่างหากที่ต้องเกรงใจเต” ทินกรกล่าวเสียงแผ่วรู้สึกเหมือนตัวเองกับพ่อเห็นแก่ตัวมาก ที่ดึงน้องสาวมาช่วยแก้ปัญหาบริษัทแทนที่อีกฝ่ายจะได้ทำงานอย่างที่ตั้งใจแต่อีกใจหนึ่งเขาอยากให้หล่อนมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

ในฐานะพ่อเดียวกัน ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าติชิลามาแย่งอะไรกับเขากลับกันทินกรคิดว่าหล่อนสมควรได้ทุกอย่างจากบิดาเท่าๆ กับเขาถึงจะถูก

“อย่าคิดมากเลยค่ะ ถือว่าเตมาฝึกงานก็แล้วกัน”

“ก็ได้ มีนัดกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ”

“ค่ะ”

“พรุ่งนี้มาถึงบริษัท ก็แวะมาหาพี่ก่อนนะ”

“รับทราบค่ะ” หล่อนแกล้งพูดติดตลก

“รีบไปเลย” ทินกรยกมือขยี้ผมนิ่มสลวยของน้องสาวเบาๆแบบที่ชอบทำ เวลาเอ็นดูหรือหมั่นไส้อีกฝ่าย

“ค่ะท่านรองฯ” ติชิลาทำหน้าทะเล้นให้เขา

ชายหนุ่มส่ายหัวกับความกวนประสาทของน้องสาวโบกมือแล้วก้าวไปยังที่จอดรถประจำตำแหน่งของตน ซึ่งพาหนะเป็นรถสีดำตราดาวส่วนหล่อนแยกไปขึ้นรถของตัวเองอีกทาง

สนิทแบบนี้...คงเป็นแฟนกันสินะ

ดารินคิดในใจ อดที่จะเจ็บแปลบในหัวใจไม่ได้ที่เห็นหล่อนสนิทสนมกับทินกรมากเป็นพิเศษ เธอรอจนรถยนต์สองคันนั้นออกไปก่อนจึงขึ้นรถไปนั่ง ฟุบหน้าซบกับพวงมาลัยอย่างคนหัวใจสลายไม่รู้ทำไมการเห็นหน้าคนรักคนแรก ถึงได้มีอิทธิพลกับหัวใจตนขนาดนี้ทั้งที่คิดว่าตนเข้มแข็งพอจะกล้าข้ามอดีตได้แล้วแต่พอเอาเข้าจริงกลับระทดท้ออย่างบอกไม่ถูก

ฉันนี่มันไม่เอาไหนเลยจริงๆ

นึกตัดพ้อต่อว่าตัวเองในใจ

น้ำตานอง

แอบเหม่อเหงาโศกเศร้า เดียวดาย

คิดครุ่นสุดวุ่นวาย หม่นไหม้

อาภัพรักกลับกลาย มืดมิดร้าวรอน

จันทร์ดับลับลาไซ้ แอบน้ำตานองฯ

“ถามจริง นี่แกสนิทกับคุณทินตั้งแต่เมื่อไหร่เรียกชื่อเล่นกันแบบนั้น?” ปรียานุชเริ่มเปิดประเด็นหลังสั่งอาหารกับบริกรเรียบร้อยแล้ว

ทั้งคู่นั่งอยู่ในสวนอาหารที่อยู่ห่างจากบริษัทไปสมควรเป็นร้านชื่อดังบรรยากาศดี อาหารอร่อยสมราคา เพิ่งจะหกโมงเย็นจึงมีลูกค้ามาใช้บริการไม่มากนักโดยต่างคนต่างขับรถออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ก็นานแล้วนะ สิบกว่าปีได้”

“เฮ้ย!ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้” เพื่อนสนิทเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าอีกคนจะรู้จักบุคคลระดับมหาเศรษฐีพันล้านด้วย

สาวสวยหัวเราะเบาๆ แต่ไม่คิดจะพูดเรื่องสำคัญในที่สาธารณะไว้หาที่เงียบๆ คุยกันตามลำพังจะเหมาะกว่า

“ก็แกไม่ได้ถาม”

“อ้าว! ไอ้นี่กวน” ปรียานุชส่งค้อนให้เพื่อนที่มีความลับ

“เปล่าสักหน่อย” ติชิลายักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้

น่าเอากล้วยกวนยัดปาก

ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการเงินคิดในใจ

“ตกลงแกสมัครเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของที่นี่จริงเหรอ?”

“อือ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้ตำแหน่งนั้นเพิ่งมารู้เมื่อเช้าเอง ตลกมาก”

“ไม่ตลกหรอก หลายบริษัทก็เป็นแบบนี้ล่ะ ถ้าให้ดูดีก็สัมภาษณ์เป็นพิธีอีกหน่อยคนอื่นจะได้ไม่ครหา แต่แกเส้นใหญ่ว่ะมาปุ๊บก็อยู่ระดับบริหารเลย”

เส้นไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอกแค่ลูกคนหนึ่งของท่านประธานฯ เอง

ติชิลาคิดตอบในใจกึ่งประชด แม้จะสนิทสนมกัน แต่ก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนอย่างน้อยก็ตอนนี้ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า หล่อนเป็นเด็กกำพร้ามีแค่แม่กับยายเท่านั้นมีไม่กี่คนที่รู้ว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริงของหญิงสาว

...ลำบากใจที่จะพูดออกมา

“จู่ๆ ตำแหน่งใหญ่หล่นใส่หัวแก มีเหตุผลอะไรพิเศษหรือเปล่า?” หญิงสาวโพล่งถามออกมาอย่างสงสัยด้วยไม่เชื่อว่าผู้บริหารของบริษัทจะแต่งตั้งใครส่งเดช ...น่าจะมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าฐานะคนที่รู้จักกันมานาน

ขี้สงสัยไม่เปลี่ยน หึหึ

สาวผมยาวยิ้มมุมปาก จิบน้ำในแก้วเล็กน้อยแก้กระหายน้ำก่อนพยักหน้า

“เดาแม่นมาก”

“เรื่องอะไร?” ปรียานุชอดที่จะถามต่อไม่ได้

“แกลองเดาดูสิ”

อืม...หรือจะเป็นเรื่องนี้

เธอขมวดคิ้ว นึกไปถึงเรื่องที่ประชุมเสร็จไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน

“อย่าบอกนะว่า คุณทินจะให้แกเข้ามาตรวจสอบงบการเงินของบริษัท”

ว้าว! แกน่าไปเป็นนักสืบมากกว่านะ รับรองรุ่งแน่

“จะพูดอย่างนั้นก็ได้”

“จริงอ่ะ!” ปรียานุชตาโต ไม่คิดว่าตนจะทายถูก หยุดคิดชั่วขณะก่อนพูดต่อ “ฝ่ายผลิตใช่ไหม?”

“อือ” ติชิลาขานรับเบาๆ ในลำคอ

เพื่อนสนิทส่ายหน้าไปมา พลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ

“เรื่องนี้คงไม่ง่ายเท่าไหร่”

สาวสวยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ทำไมคิดแบบนั้น?”

ปรียานุชไม่ตอบ แต่ย้อนถามกลับ

“จำผู้ชายที่เจอในผับกับดารินหลายวันก่อนได้ไหม?”

“อือ” สาวสวยจำหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำแม้จะเห็นไม่กี่นาทีก็ตาม

“หมอนั่นแหละเผด็จหัวหน้าฝ่ายผลิต น้าของคุณทิน” เพื่อนสนิทเล่าเสียงราบเรียบ

“เฮ้ย!” หล่อนทำหน้าตกใจไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้

นั่นนะเผด็จ ไม่อยากเชื่อ

“งานประจำคือท่องราตรีเกี้ยวสาวๆ ที่ผับส่วนงานอดิเรกคือเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตมาทำงานบ้างไม่มาบ้างรู้กันว่ากิตติคุณเป็นหัวหน้าฝ่ายเงา ทำแทนเกือบทุกอย่าง” เล่าแบบประชดประชันกับคนที่ได้สิทธิพิเศษสุดๆของบริษัท ที่แทบไม่มีใครกล้าแตะต้อง “ได้ข่าวว่า เป็นนักพนันตัวยงด้วยนะ โดดงานทีละหลายวันข้ามไปเล่นประเทศเพื่อนบ้าน”

ปรียานุชรู้กิตติศักดิ์ของเขา ที่ชอบตีสนิทกับพนักงานสาวหน้าใหม่เสมอเจ้าชู้พอๆ กับไชยยันต์ แต่เขาร้ายกาจกว่ามาก ชอบฟันแล้วทิ้งขณะที่หัวหน้าฝ่ายขายเป็นพวกหมาหยอกไก่จีบเล่นสนุกไปวันๆ

ถ้าลงว่าติดการพนันงอมแงมคงไม่พ้นยักยอกเงินบริษัทแน่

ติชิลาเชื่อแบบนั้น

หล่อนไม่เคยเห็นใครเจริญเพราะการพนัน นอกจากเจ้ามือไม่ว่าจะฝีมือเก่งขนาดไหนก็ตาม หากระงับความโลภไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็หมดตูดทุกรายบางคนเป็นหนี้ท่วมหัวต้องขายทุกอย่างกระทั่งลูกเมีย แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงหลงใหลในการพนัน

แถมผู้ชายคนนี้ยังคิดจะงาบดารินตอนเมาด้วยยิ่งไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด

ร้ายกาจมากจริงๆ...แต่สรุปว่าฉันเลวกว่าหมอนี่ตรงที่เอาเปรียบน้องดาคืนนั้น

หล่อนคิดเปรียบเทียบพฤติกรรมของตนกับเผด็จแล้วอดที่ตำหนิตัวเองไม่ได้ที่เผลอตัวเผลอใจ กระทำการชั่วช้าไม่ต่างจากข่มขืนอีกฝ่ายในค่ำคืนนั้นไม่แปลกใจเลยที่ดารินจะโกรธเคือง และไม่ยอมอภัยให้ กลัวใจเหลือเกินว่าอีกคนจะแค้นฝังหุ่นเกลียดกันจนตายจาก แต่สาวสวยก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขอความเมตตาจากเธอคนนั้น

“งั้นก็เป็นไปได้มากว่า เผด็จโกงเงินบริษัทสินะ” ติชิลาพูดเสียงเย็นเยือก

“ใช่ แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็เล่นงานหมอนั่นไม่ได้อยู่ดี”พูดเนือยๆ อย่างเบื่อหน่าย เซ็งจิตที่รู้ว่ามีคนทำเลวต่อหน้าต่อตา แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองฝ่ายนั้นปล้นต่อไป โดยคนร้ายไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดง่ายๆ เสียด้วย...เจ็บกระดองใจสุดๆ

ปรียานุชเป็นคนตรงไปตรงมา แม้จะทำงานที่นี่ไม่นาน แต่รู้เห็นอะไรมากมายขึ้นอยู่แต่จะพูดหรือไม่พูดออกมาเท่านั้น หากไม่ใช่คนที่ไว้ใจกันแบบติชิลาเธอจะไม่มีวันหลุดปากพูดแน่

“ก็คงงั้นแหละ” สาวผมยาวเห็นพ้องด้วย“ว่าแต่ถ้าฉันจะชวนแกให้ร่วมกันหาคนยักยอกเงินบริษัท แกจะช่วยฉันไหม?”

หืม!

คนฟังทำหน้าประหลาดใจ

“เอาจริง?”

“ใช่ ฉันอยากช่วยท่านประธานฯ กับคุณทินน่ะ”ติชิลาพูดออกมาจากใจ แม้ตนจะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ฐานะสายเลือดเดียวกันทำให้หล่อนพร้อมยื่นมือเข้าช่วยเพื่อตอบแทนพระคุณ

เฮ้ย! มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า?

เธอนึกสงสัย ด้วยความสนิทสนมกันจึงกล้าถามตรงๆ

“แกคงไม่ได้เปลี่ยนสเปคไปเสพหนุ่มหรอกใช่ไหม?”

คิดลึกไปนะ

หล่อนนึกขำที่เพื่อนจินตนาการไกลเกินเหตุ

“เปล่า เราเป็นเหมือนพี่น้องกันน่ะ”

“โล่งอกไป ไม่งั้นได้มีศึกชิงแกที่บริษัทแน่” สาวเพรียวพูดขำๆ

ติชิลาเป็นคนสวย ฉลาด ไหวพริบดีมีคนตามจีบเป็นพรวนตั้งแต่สมัยเรียนหากเทียบกันแล้วตอนนี้ยิ่งงามกว่าเดิม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีหนุ่มๆ หมายตาหมายปองมาทำงานเพียงวันเดียวกลายเป็นหัวข้อเสวนากระฉ่อนไปทั้งบริษัท

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” สาวสวยกล่าวอย่างถ่อมตัว

ปรียานุชนิ่งไปชั่วขณะ รอให้บริกรวางอาหารจนครบแล้วเดินไปทางอื่น จึงเริ่มคุยต่อโดยเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงสาวอีกคนที่เคยเป็นคู่กรณีกับคนตรงหน้า

“แล้วเรื่องดาล่ะ แกจะทำยังไงต่อ?”

“หมายถึงอะไร?” อีกคนทำหน้าไม่เข้าใจคำถาม

“ถ่านไฟเก่าน่ะสิ ฉันรู้หรอกว่าแกยังลืมดาไม่ได้ มองตาเยิ้มเสียขนาดนั้น”

แสนรู้จริงๆ

นึกประชดความรู้เท่าทันของเพื่อนสนิทที่หล่อนแทบจะปกปิดอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เอาเสียเลย ก่อนถามความเห็นออกมา

“ถ้าฉันจะคืนดีกับดา แกคิดว่าจะมีโอกาสบ้างไหม?”

ถามยากไปนะ

เพื่อนซี้หยุดคิดอย่างชั่งใจ

“ตอบไม่ได้ ตอนนี้ดาก็มีคนคอยเฝ้าอยู่นะ ดูแล้วหมอนั่นคงเอาจริงตามเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาตั้งนาน”

“ใคร?” เริ่มร้อนรุ่มหลังรู้ว่า ดารินกำลังคบหากับคนอื่นอยู่

“วัลลภ ลูกน้องของคุณไชยยันต์ฝ่ายขาย เป็นเพื่อนเรียนจบมอเดียวกันกับดาพ่อตาแกโปรดปรานน่าดู คงกะเอาเป็นเขยขวัญ” เธอให้ข้อมูลคู่แข่งคนสำคัญ ไม่อยากให้เพื่อนชักช้าหรือนิ่งนอนใจเกินไป เกรงจะชวดรับประทานแห้วอีกรอบ ด้วยมองว่าความรักเป็นเรื่องของความใกล้ชิด ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความผูกพัน

แต่หลายครั้งคนในครอบครัว มีอิทธิพลกับการตัดสินใจเลือกไม่น้อยทั้งที่จริงแล้วคนนอกไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่ก็ชอบเจ้ากี้เจ้าการชีวิตคนอื่นกันจริงๆ

จะทำอะไร ก็รีบๆ ทำซะนะคุณเต

ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการเงินคิดในใจ ตักต้มยำกุ้งมาใส่ช้อนตัวเองแล้วตักเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ กลืนลงคอแล้วเอ่ยชมออกมา

“อาหารที่นี่อร่อยชะมัด”

สำหรับปรียานุชอาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ...เนื่องจากกินฟรี

ส่วนสาวสวยจมอยู่กับคำบอกเล่าของเพื่อนสนิท หรี่ตาคู่สวยลงเล็กน้อยยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมอย่างหนักแน่น

ฉันไม่ยอมยกดาให้ใครเด็ดขาด

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ

สนใจ Ebook โหลดซื้อที่ MEB ลิงค์ขวามือค่ะ

หนังสือจองได้ถึง 21 ธค 60 นะคะ

นาง

OoXoO




Create Date : 07 ธันวาคม 2560
Last Update : 7 ธันวาคม 2560 16:51:03 น. 0 comments
Counter : 686 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com