ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
ธันวาคม 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 ธันวาคม 2560
 
 

ดาวหลงจันทร์ Crush on You บทที่ ๖ (Yuri)



ตอนบ่ายในห้องประชุมของบริษัทซึ่งมีผู้บริหารเข้าร่วมฟังเกือบทุกฝ่าย หากใครติดงานก็ส่งตัวแทนมารับฟังเรื่องที่จะประชุมวันนี้เป็นการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัท

เฮ้ย! แกมาทำอะไรเนี่ย!

ปรียานุช...ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการเงิน ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก่อนทำหน้าสับสนหลังเห็นเพื่อนสนิทเข้ามาพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท แต่แล้วเธอก็แค่พยักหน้าหลังเห็นอีกคนกลอกตาให้ เป็นเชิงบอกว่า 'เดี๋ยวค่อยคุยกัน’

พลันนึกไปถึงคำสนทนาที่โรงอาหารในวันนี้ ว่ามีผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทนัยน์ตาของหญิงสาวก็วาววับเป็นประกายขึ้น

อย่าบอกนะว่าแกคือผู้หญิงที่เขาลือกันให้แซดวันนี้...ว้าว!

“เตนั่งข้างคุณอาปรีชานะ” ทินกรกระซิบบอกน้องสาว

หล่อนผงกหัวน้อยๆ รับคำอย่างเข้าใจเดินไปหาปรีชาที่นั่งเปิดเอกสารตรงหน้าอ่านรอเวลา เก้าอี้ซ้ายมือของประธานฯ ส่วนพี่ชายก้าวไปนั่งที่ประจำของตนเองขวามือของประธานฯ

“ขอนั่งด้วยคนนะคะ” ติชิลาเอ่ยกับปรีชา

ชายสูงวัยเงยหน้าส่งยิ้มให้ผู้ช่วยคนใหม่ของตน

“เชิญครับคุณเต”

“ขอบคุณค่ะ” สาวสวยทรุดตัวลงนั่งซ้ายมือของอีกฝ่าย

“ทานข้าวเรียบร้อย?” ปรีชาถาม

“เรียบร้อยค่ะ”

“ดีครับ” ผู้จัดการสูงวัยยิ้ม “วันนี้เป็นประชุมประจำเดือนน่ะครับถ้าไงก็ลองอ่านแฟ้มดูก่อน ค่อยๆ ทำความเข้าใจข้อมูลไปเรื่อยๆ ไม่ยากหรอกครับสงสัยก็ถามผมได้นะ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

สาวสวยหยิบแฟ้มใส่เอกสารตรงหน้ามาพลิกอ่านคร่าวๆ อย่างสนใจเป็นข้อมูลการดำเนินงานของแต่ละฝ่ายในบริษัท ซึ่งบันทึกในรูปตารางเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจและตีความ

กำไรลดลงฮวบเลยนะเนี่ย

ติชิลาหรี่ตาลง ขมวดคิ้วเรียวหลังเห็นตัวเลขในงบกำไรขาดทุนที่อยู่หน้าต้นๆ แสดงผลกำไรลดลงติดต่อกันสองไตรมาส แม้เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์จะไม่เยอะมากแค่หลักหน่วยแต่ทว่าหากคิดเป็นตัวเงินแบบคร่าวๆ หายไปหย่อนห้าสิบล้าน

งบการเงินเปรียบเสมือนเครื่องส่งสัญญาณชั้นเลิศคอยชี้ให้เห็นแนวโน้มธุรกิจ เตือนให้ผู้บริหารธุรกิจต้องรอบคอบในการทำงาน

หายทีละเยอะแบบนี้ต่อไป...ไม่สนุกแน่

หญิงสาวเข้าใจว่าทำไมทรงพลกับทินกรถึงได้เครียดกับเรื่องนี้นัก หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นานบริษัทแห่งนี้อาจจะล้มครืนลงได้หากไม่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ขนาดธุรกิจที่เคยยิ่งใหญ่ระดับตำนานหลายแห่ง ก็ล่มสลายกันให้เห็นมานักต่อนักแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกธุรกิจ

...ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

ติชิลาพลิกดูอีกสองสามหน้าก่อนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนอื่นเข้ามาในห้อง แล้วต้องอึ้งงันเมื่อเห็นหน้าสวยคมของดารินปรากฏที่หน้าประตู

สองสาวชะงักไปชั่วครู่ แล้วเป็นสาวร่างเล็กที่เรียกสติได้เร็วกว่าเธอทำหน้านิ่งก่อนก้าวไปนั่งยังเก้าอี้ของฝ่ายจัดซื้อข้างปรียานุชตัวแทนของฝ่ายการเงิน

มาด้วยเหรอเนี่ย...ให้ตายเถอะ!

สาวหน้าคมทำหน้าเบื่อโลกสุดขีด หลังเห็นใบหน้าสวยของคนรักเก่าเป็นครั้งที่สองของวันแถมตอนนี้ยังนั่งประจันหน้าห่างแค่โต๊ะคั่นอีกต่างหาก

รู้งี้ให้คนอื่นมาแทนก็ดี

“สวัสดีค่ะดา” ปรียานุชทักทายอีกฝ่าย

“สวัสดีค่ะพี่นุช” เธอหันไปทักตอบสาวเพรียว

“งานยุ่งเหรอคะ สีหน้าไม่ดีเลย?” อีกคนถาม ทั้งที่พอเดาได้ว่าเกิดจากอะไร

“เปล่าค่ะ” ดารินปฏิเสธเสียงนิ่งๆ ไม่คิดขยายความว่าสาเหตุมาจากผู้หญิงสวยที่นั่งเก้าอี้ตรงข้าม ซึ่งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบมาตั้งแต่คืนวันที่เมามายประกอบกับมาเจอกันตอนสายแบบไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ จนถึงตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

คนบ้า! ทำไมต้องมาปรากฏตัวให้เห็นด้วยนะ

เผลอแจกค้อนวงโตให้ติชิลาที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารราวกับไม่รู้จักใครในห้องนี้เป็นพิเศษ

หึหึ ท่าทางจะยังแค้นไม่หาย

ปรียานุชนึกขำในใจ กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของดาริน หลังเห็นหน้าคนรักเก่าเธอตั้งใจว่า เย็นนี้ต้องตะครุบเพื่อนซี้มาสอบถามให้รู้เรื่องว่ามาทำอะไรที่บริษัทแห่งนี้ แถมยังมีข่าวลือว่าเป็นแฟนกับทินกรอีกต่างหากซึ่งเป็นเรื่องที่สาวดุไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด อมพระประธานมาพูดก็ไม่เชื่อ

...เรื่องบางอย่างเปลี่ยนกันง่ายๆ ที่ไหน

ไม่นาน ผู้ชายวัยสามสิบกว่าๆ ก้าวเข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝ่ายขายข้างรองประธานฯยิ้มร่าดูเป็นมิตรกว่าทุกคน

“สวัสดีครับทุกคน” ไชยยันต์กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองกวาดสายตามองไปทั่วๆ ห้อง หยุดจ้องที่ติชิลาอย่างสนเท่ห์ แล้วพูดชมออกนอกหน้ากับผู้จัดการอาวุโส“ว้าว! ใครกันครับคุณปรีชา...สวยซะด้วย?”

“อ๋อ ผู้ช่วยผมครับ คุณเต” ปรีชาตอบคำถามของอีกฝ่าย

“สวัสดีค่ะ” ติชิลาทักทายหนุ่มจอมเจ้าชู้

“สวัสดีครับ ผมไชยยันต์หัวหน้าฝ่ายขายยินดีที่ได้รู้จักอย่างมากนะครับ”

“เช่นกันค่ะ” ตอบตามมารยาทส่งยิ้มน้อยๆ ให้เขา ปรายตาเห็นอดีตคนรักทำหน้างอเง้ากว่าเดิมจึงเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัย

ไม่พอใจอะไรอีก?

ติชิลานึกฉงนสนเท่ห์

เจ้าชู้ประตูนรกเลยหมอนี่!

ดารินนึกหมั่นไส้หัวหน้าฝ่ายขายจอมขี้หลี ที่ชอบแจกขนมจีบไปทั่วทุกฝ่ายที่มีอิสตรีสวยขนาดเธอยังเคยโดนหลายหนตอนเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ แต่อาศัยที่มีกันชนดีก็เลยรอดตัวไป

ชักสนุกแล้วสิ หึหึ

ปรียานุชนึกขำ กับสถานการณ์ที่คลุมเครือพิกลของสองสาวในห้องนี้คงมีแต่เธอที่รู้ตื้นลึกหนาบางดีที่สุดนึกอยากลุ้นให้ลมหวนนำคู่รักกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ...สองสาวไม่ทะเลาะหรือฟัดกันตายไปข้างหนึ่งเสียก่อน

“ผมคงมีปัญหา แวะไปปรึกษาคุณปรีชาบ่อยๆ แล้วสิ”หัวหน้าฝ่ายขายหันไปพูดกับผู้จัดการสูงวัยแบบขำๆ

นิสัยเก่ากำเริบอีกแล้ว

ปรีชาส่ายหัวอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย

“ผมว่าคุณไชยยันต์ควรปรึกษาคุณทินดีกว่านะครับ”ชายสูงวัยโยนกลองไปหารองประธานฯ หนุ่ม

คุณทินเกี่ยวอะไรด้วย?

ไชยยันต์ทำหน้าสงสัย มองผู้ชายสองคนสลับไปมาก่อนอดที่จะถามออกมาไม่ได้

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“ว่าไงครับคุณทิน?” ปรีชาโบ้ยให้ชายหนุ่มตอบ

พี่ชายเบนสายตามองน้องสาวแวบหนึ่งแล้วตอบคำถามนั้นชนิดที่ทำให้หลายคนที่ได้ยินสะอึกไม่น้อย

“อ๋อ เตเป็นคนสำคัญของผมครับ” ทินกรยอมรับเสียงราบเรียบซึ่งเป็นอะไรที่ชวนคิดมากไม่น้อย

โห! คนรักคุณทินเหรอเนี่ย...รสนิยมไม่ธรรมดาเลย

หัวหน้าฝ่ายขายตีความแบบนั้น ซึ่งเข้าใจไม่ต่างจากหลายคนที่ได้ยินชัดเต็มสองหู

ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?

ปรียานุชทำหน้าสับสนงวยงง ด้วยรู้รสนิยมของเพื่อนสนิทเป็นอย่างดีว่า...ติชิลาไม่เสพผู้ชายเป็นอาหารแน่แต่การที่ทินกรเอ่ยออกมาแบบนี้ จะแปลเป็นอย่างอื่นก็คงไม่ได้

คนสำคัญ!

ดารินอึ้งไปหลายวินาที เม้มริมฝีปากแน่น ลำคอแห้งผากหัวใจที่ไม่สมประกอบร้าวรานหนักกว่าเดิมจนแทบหาชิ้นดีไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลรินย้อนกลับไปในทรวงอกเจ็บจุกจนพูดไม่ออก

“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” ไชยยันต์ยอมยกธงขาวยอมแพ้แบบลูกผู้ชายไม่คิดจะตอแยกับผู้หญิงของเจ้านาย เป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่านักเขายังอยากทำงานที่นี่ต่อไปนานๆ

...ได้แต่แอบเสียดายสาวงามอย่างสุดซึ้ง

เราเจอกันช้าเกินไป

“ขอบคุณครับคุณไชยยันต์” ทินกรยิ้มน้อยๆพอใจที่ทำให้จอมเจ้าชู้หยุดวุ่นวายกับติชิลาได้

ทุกการสนทนาหยุดลง เมื่อทรงพลประธานก้าวเข้าไปยังหัวโต๊ะผู้บริหารสูงสุดกวาดตามองผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ลุกขึ้นยืนให้เกียรติอย่างพร้อมเพรียงโดยมีปองรัตน์เลขาฯ สาวใหญ่วัยสี่สิบเศษตามเข้ามาด้วย ทำหน้าที่บันทึกการประชุม

“เชิญนั่งครับ” เขานั่งลงพร้อมเชื้อเชิญคนที่เหลือเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อย ประธานบริษัทหยุดมองที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง“คนของฝ่ายผลิตยังไม่มาอีกเหรอ?”

“ยังครับ” ปรีชาตอบขึ้น

“ขอโทษครับที่มาช้า” เสียงทุ้มต่ำกล่าวขึ้นจากคนที่เพิ่งมาถึงเป็นคนสุดท้ายอย่างกระหืดกระหอบ...กิตติคุณ

“เชิญ” ทรงพลกล่าวสั้นๆ

ชายหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆ ก้มหัวต่ำก้าวไปยังเก้าอี้ว่างที่เหลืออยู่ แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างระมัดระวัง

กิตติคุณเพิ่งรู้ว่าตนต้องมาประชุมแทนเผด็จ หัวหน้าฝ่ายผลิตที่ชอบโยนงานมาให้ในช่วงนาทีสุดท้ายเขายกมือปาดเหงื่อ นึกโล่งใจที่มาทันก่อนเริ่มการประชุม

เกือบไปแล้วสิ

“แล้วเผด็จไม่ว่างเหรอ?” ทรงพลถามขึ้นหลังไม่เห็นหัวหน้าฝ่ายผลิตเป็นเวลานาน ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นน้องชายคนโปรดของภรรยาที่แวะไปคฤหาสน์บ่อยๆ ยามที่เขาไม่อยู่บ้าน

...บ่งบอกชัดว่าเผด็จเจตนาหลบหน้าเขา

“คุณเผด็จกำลังคุมผลิตสินค้าล็อตสุดท้ายอยู่ครับต้องให้เสร็จคืนนี้ครับ” ชายหนุ่มตอบไม่เต็มเสียง

“อืม” คนฟังผงกหัวรับทราบ ไม่คิดจะซักไซ้ไล่เรียงด้วยรู้ว่าอีกคนตอบไม่ตรงความจริงนักก่อนเข้าเรื่องที่จะประชุมกันทันที “เพื่อไม่ให้เสียเวลาให้ฝ่ายผลิตชี้แจงก่อนเลยแล้วกัน”

หา!

กิตติคุณทำท่าตกใจมาก เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่นั่งอยู่ในห้องปรับอากาศอุณหภูมิ ๒๖ องศาเซลเซียส

“เอ่อ ครับ” เขารับคำเสียงแผ่ว ก่อนอธิบายผลการดำเนินงานในตารางที่อยู่ในแฟ้มที่แจกจ่ายให้ผู้ร่วมประชุมซึ่งเขาเป็นคนทำเองกับมือ “เปิดเอกสารหน้า ๑๐ ครับไตรมาสที่ผ่านมาฝ่ายผลิตสามารถผลิตได้...”

ทุกคนในห้องเงียบกริบตั้งใจฟัง พลางอ่านเอกสารประกอบตามไปด้วยและมีโอกาสให้ผู้ฟังซักถามข้อสงสัย หลังจากผู้นำเสนอกล่าวจบ ซึ่งเป็นวิธี Brain Storming ที่เกือบทุกบริษัทใหญ่ใช้กัน

ผลิตมากขึ้นกว่าไตรมาสก่อนแต่ทำไมกำไรถึงลดล่ะ?

ติชิลาครุ่นคิดอย่างสงสัย หลังเปรียบเทียบข้อมูลในตารางอย่างละเอียดหลายอย่างชวนเคลือบแคลงมากขึ้นเรื่อยๆ พลันเหลือบไปเห็นค่าใช้จ่ายที่กระโดดเพิ่มขึ้นหลายรายการโดยเฉพาะค่าแรงล่วงเวลาหรือค่าโอที ทั้งที่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มกำลังคนเลย

นี่เขาจ้างคนทำงานนอกเวลากันทั้งวันทั้งคืนหรือไง?

สาวสวยเชื่อว่าพี่ชายต่างแม่ของหล่อนเองคงติดใจสงสัยเรื่องนี้เช่นกันหลังปรายตาเห็นทินกรขมวดคิ้วแทบเป็นปมในจังหวะที่คนของฝ่ายผลิตเอ่ยถึงหัวข้อนี้พอดี

เกือบสิบนาที กิตติคุณกล่าวจบการนำเสนอที่แสนจะขลุกขลักไม่ชวนฟังของตนลงแล้วเปิดโอกาสให้ผู้ฟังสอบถามตามธรรมเนียมปฏิบัติ

“เอ่อ ท่านใดมีข้อซักถามไหมครับ?”

อย่ามีคนถามเลยนะ ผมไม่อยากโกหกโดยไม่จำเป็น

นึกภาวนาในใจ ไม่อยากตอบสิ่งที่ขัดกับความรู้สึก และสามัญสำนึกเขาเป็นแค่ลูกน้องมีหน้าที่ทำตามบัญชาของเผด็จเท่านั้น อีกฝ่ายบอกซ้ายบอกขวา กิตติคุณจำใจต้องก้มหน้าก้มตาทำโดยไม่กล้ามีปากเสียงแม้แต่น้อย

สองปีก่อน กิตติคุณเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านฟาสต์ฟู้ด ครอบครัวของเขามีฐานะยากจนต้องหาเช้ากินค่ำไร้ซึ่งอนาคต หากแต่ความช่วยเหลือของเผด็จเสนองานที่นี่ให้ ชายหนุ่มจึงไต่เต้าจากพนักงานธรรมดาได้รับความไว้วางใจจนเลื่อนมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายผลิต เวลานี้เขามีรายได้สูงกว่าที่เคยฝันเอาไว้ลิบลับ

...บุญคุณจึงเป็นคำที่ค้ำคอของเขาเอาไว้

ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่า เผด็จไม่ใช่คนดีเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายก็ทำให้พนักงานในฝ่ายผลิตได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า อันหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวทุกคนพลอยสบายไปด้วยมีโอกาสได้ใช้ของดีๆ ได้ส่งลูกเรียนสูงๆ บางคนซื้อบ้านซื้อรถใหม่ ซึ่งทำให้เขาอยู่ในภาวะเงินอุดปากจนพูดไม่ออกเพราะเป็นหนึ่งในผู้รับประโยชน์เช่นกัน

“ฝ่ายผลิตผลิตมากขึ้น แทนที่ต้นทุนต่อหน่วยจะถูกลง ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขนาดนี้เลยเหรอครับ?”ทินกรเปิดประเด็นขึ้นกลางที่ประชุม

เอาแล้วสิ!

กิตติคุณเผลอเลียริมฝีปากที่แห้งผากนึกคำตอบที่โดนเผด็จสอนสั่งไว้เพื่อมาตอบ

“เอ่อ คือกำลังคนของเราไม่พอครับก็เลยต้องใช้วิธีทำล่วงเวลาซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ก็เพิ่มขึ้นตามชั่วโมงการทำงานส่วนค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่เพิ่มมาจากการสั่งวัตถุดิบมาเพิ่มทีหลังสั่งจำนวนน้อยต้นทุนก็ต้องแพงขึ้นกว่าเดิมครับ”

“รบกวนคุณกิตติคุณส่งข้อมูลการผลิตแบบละเอียดมาให้ภายในอาทิตย์นี้ด้วยนะครับ ผมอยากศึกษาเพิ่มเติม ขอย้อนหลังไปสักหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นก็ดี”รองประธานฯ หนุ่มกล่าวเสียงเรียบน่ายำเกรง

ทินกรสงสัยงบที่ฝ่ายผลิตชี้แจ้งไม่น้อยคราวนี้ดูมีพิรุธจนเห็นได้ชัดเจน เป็นไปได้ยังไงที่พนักงานระดับล่างจะมีเงินเดือนบวกโอทีเฉลี่ยสูงเกือบเท่าระดับหัวหน้าฝ่าย

กล้ามากเลยนะ..โกงกันซึ่งหน้า

กิตติคุณรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ใบหน้าซีดเผือด เกือบเท่าสีกระดาษที่โดนรองประธานฯจับผิด รีบลนลานรับคำอย่างเร็ว

“ครับ ผมจะรีบไปจัดการมาให้”

เก็บความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลยใครเห็นก็รู้หมดว่าโกหก แสดงว่าฝ่ายนี้มีปัญหาจริงๆ สินะ

ติชิลานึกบ่นในใจกับภาษากายของกิตติคุณที่ดูใสซื่อเกินกว่าจะปกปิดความจริงเอาไว้ ไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงขึ้นมายังตำแหน่งสูงแบบนี้ได้จนทำให้หล่อนพลอยนึกสงสัยว่า เผด็จเป็นคนแบบไหน?

ตกลงหัวหน้าของหมอนี่ฉลาดหรือโง่กันแน่? ถึงได้เลือกใช้คนแบบนี้

‘การมีลูกน้องโง่เขลาอันตรายเสียยิ่งกว่ามีศัตรูเก่งฉกาจเสียอีก’...เป็นคำเตือนสติที่ยังคงใช้ได้ดีจากวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก

“มีใครจะถามอะไรฝ่ายผลิตอีกไหม?” ทรงพลถามหลังเสียเวลาไปพอสมควรกับการนำเสนอของฝ่ายแรก เมื่อไม่มีใครพูดอะไร เขาจึงพูดต่อ “เชิญฝ่ายจัดซื้อครับ”

“เอกสารประกอบค่ะ รบกวนส่งต่อด้วยนะคะ” ดารินส่งกระดาษหนึ่งปึกที่เตรียมมาต่างหากชุดละห้าแผ่นส่งวนไปยังผู้ร่วมประชุมทุกคน ปรียานุชหยิบเก็บไว้ชุดหนึ่ง ก่อนส่งต่อให้ไชยยันต์ ซึ่งเขาก็ส่งต่อไปให้คนที่เหลือ

“ดูที่หน้า ๒๑ ในแฟ้มก่อนนะคะ” หญิงสาวเริ่มอธิบายตามตารางในแฟ้มก่อนเพิ่มเติมอ้างอิงไปยังกระดาษอีกชุดซึ่งเธอให้ข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ตกหล่น เรียกว่าไม่เปิดช่องให้ใครสงสัยได้เลย

ทำงานละเอียดมาก...เยี่ยมจริงๆ

ติชิลาอดที่จะชมเชยอดีตคนรักในใจไม่ได้ หลังอ่านข้อมูลที่เธอนำเสนอนอกจากจะเข้าใจง่ายแล้ว ยังบ่งบอกถึงความรู้จริงในสิ่งที่พูดไม่มั่วเหมือนกิตติคุณ

จากนั้นทรงพลให้ฝ่ายขายนำเสนอ ซึ่งไชยยันต์ทำได้ดีเกินคาดกว่าเป้าหมายที่วางไว้ตามด้วยฝ่ายการเงินโดยปรียานุชเป็นคนสุดท้าย จากนั้นประธานฯ กล่าวก่อนปิดการประชุมที่ใช้เวลานานเกือบสองชั่วโมง

“ขอบคุณพวกคุณทุกคน ที่ทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่เสมอมาแต่งบสองไตรมาสของบริษัทมีแนวโน้มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ผมอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันปรับยอดประมาณการไตรมาสหน้าใหม่ ลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นสักห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์รบกวนส่งภายในสองอาทิตย์ด้วยนะครับ” ทรงพลกล่าวเสียงจริงจัง นี่ไม่ใช่ประโยคขอร้อง...แต่คือประโยคคำสั่ง

ผู้ร่วมฟังเกือบทุกคนอึ้งไป กับคำบัญชาของนายใหญ่

ง่ายซะที่ไหน

ดารินนึกบ่นในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมาดังๆ เกรงจะโดนพักร้อนพักงานฐานขัดคำสั่งเจ้านาย

ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้เลย ดุเหมือนกันนะเนี่ย

ติชิลาทำหน้าแปลกใจอาจเพราะไม่สนิทกับพ่อมากพอ จึงมีอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

“มีอะไรสงสัยไหมครับ?” ทรงพลกวาดตามองลูกน้องทีละคน

“ไม่ครับ” ไชยยันต์ส่ายหน้า แม้จะหนักใจกับคำสั่งแต่เขาเชื่อมั่นในตัวเองเสมอว่า...ขอเพียงตั้งใจจริง อะไรก็เป็นไปได้

“ผมขอปิดการประชุมเพียงแค่นี้ ขอบคุณครับ” นายใหญ่บอกทิ้งท้ายอย่างสุภาพก่อนลุกออกจากเก้าอี้ โดยมีปองรัตน์เลขาฯ ของเขารีบตามออกไป

ผู้ร่วมประชุมหลายคนเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่มาถึงนาทีสุดท้ายแล้วเป็นไชยยันต์ที่เอ่ยปากขึ้นคนแรก

“ผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน มีงานค้างอยู่ครับ”หัวหน้าฝ่ายขายหันมาหลิ่วตาแบบเจ้าชู้ให้ติชิลา “ไว้ค่อยคุยกันนะครับคุณเต”

“ค่ะ” หล่อนยิ้มมุมปากให้อีกฝ่าย

หนุ่มเจ้าชู้ออกจากห้องไปคนแรก ตามด้วยกิตติคุณก้มหน้าเดินงุดๆออกไปโดยไม่พูดไม่จา

“ท่าทางคงจะงานยุ่งหน่อยนะครับแบบนี้” ปรีชาเปรยติดตลกขึ้นแบบไม่ได้เจาะจงว่าคุยกับใคร

“ไม่หน่อยมั้งคะคุณอา นี่มันงานหินชัดๆ”ปรียานุชค้านคำพูดของอีกฝ่าย พร้อมทำหน้าเหนื่อยๆ

“หินไม่หิน อีกสองอาทิตย์ก็น่าจะรู้ครับ”ผู้จัดการสูงวัยพูดอย่างอารมณ์ดี

ทินกรหัวเราะหึหึในลำคอเบาๆ

ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการเงินหันขวับไปจ้องหน้ารองประธานฯ หนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์นักรู้สึกเหมือนโดนหัวเราะเยาะ

“ฉันพูดอะไรผิดเหรอคะคุณทิน?”

“ไม่ครับ

“แล้วคุณทินขำอะไรคะ?”

“ผมแค่ขำคุณนุชครับ”

เธอหรี่ตาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งอย่างเอาเรื่อง

“เรื่อง?”

“ผมได้ยินคุณบ่นทีไร สุดท้ายคุณนุชก็ทำได้ทุกทีผมก็เลยไม่รู้ว่าคุณจะบ่นไปทำไม”

ตกลงนั่นชมหรือว่า?

ปรียานุชไม่เข้าใจคำหมายที่เขาพยายามจะสื่อนักว่าต้องการจะบอกอะไรกันแน่

“ขืนทำไม่ได้ก็เสียชื่อสิ”

“ผมเชื่อว่าคุณนุชทำได้” ชายหนุ่มยกยิ้มให้หญิงสาว ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหันไปเรียกน้องสาวที่กำลังสนทนากับปรีชา “เต”

เจ้าของชื่อเงยมองคนเรียกแทบจะทันที

“คะ?”

“ก่อนกลับบ้านไปหาพี่ที่ห้องด้วยนะ มีอะไรจะคุยด้วย”

“ได้ค่ะ” ติชิลารับปากเบาๆ

“ขอตัวครับ” ทินกรพูดแล้วออกจากห้องนั้นไป

หวานอะไรกันจะขนาดนั้นเรียกชื่อเล่นอีกต่างหาก เชอะ!

ดารินนึกหมั่นไส้อดีตคนรักเก่า ที่ดูจะสนิทสนมกับรองประธานฯ หนุ่มเหลือเกินจนแทบจะเชื่อสนิทใจว่า สองคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน

“พรุ่งนี้เช้าคุณเตแวะไปดูห้องทำงานด้วยนะครับผมสั่งให้เด็กไปทำความสะอาดแล้วล่ะ เย็นนี้ก็คงเรียบร้อย”ปรีชากล่าวกับผู้ช่วยคนใหม่ของตน

“ขอบคุณค่ะคุณปรีชา”

“เรียกคุณอาก็ได้ครับ ทุกคนเรียกผมแบบนี้”บิดาของดารินพูดอย่างเป็นกันเอง

หล่อนปรายตามองไปยังดารินเหมือนถามว่า มีปัญหาอะไรไหม?

เธอคนนั้นนั่งกอดอก ถลึงตาเขียวปั๊ดให้

มองทำไม!

“ค่ะคุณอา” ติชิลารับคำอย่างว่าง่ายไม่รังเกียจที่จะเรียกเขาแบบนั้น ทั้งที่ตามจริงหล่อนต้องเรียกอีกฝ่ายสนิทสนมกว่านี้แต่เกรงจะได้ลูกปืนเป็นของแถมจึงสงบปากคำไว้

จริงๆ เตต้องเรียกคุณพ่อต่างหากนะคะ

“ถ้าคุณเตสงสัยเอกสารของฝ่ายจัดซื้อ ถามดารินได้นะครับ”เขาเจตนาให้สองสาวสนิทสนมกัน เพื่อประโยชน์ในอนาคต โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าคู่นี้เคยเป็นอะไรกันมาก่อน

ทำไมต้องเปิดทางให้แบบนั้นด้วยคะพ่อ

สาวร่างเล็กนึกหวั่นเกรงไม่อยากให้คนรักเก่าเข้ามาสนิทชิดเชื้อเกินความจำเป็น...กลัวใจตัวเองเหลือเกิน

หล่อนซ่อนยิ้มในหน้าปรายตามองไปทางเธอที่จ้องเขม็งมาจนตาแทบถลน ก่อนหันกลับไปพูดกับชายอาวุโส

“ค่ะคุณอา”

“งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” ปรีชาลุกขึ้นยืน หมายออกไปจากห้องประชุมแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหมุนตัวกลับมามองลูกสาว “ถ้าเจอวัลลภอย่าลืมชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะพ่ออยากเจอ”

“ได้ค่ะพ่อ” ดารินรับคำเช่นปกติ แต่เดาไม่ออกว่าบิดามีธุระอะไรกับเพื่อนชายของตน

ผู้จัดการอาวุโสพยักหน้า แล้วออกจากห้องไปอีกคน

“ไปนะคะพี่นุช” สาวร่างเล็กเอ่ยขึ้น คว้าเอกสารแล้วลุกออกไปไม่อยากอยู่กับตัวอันตรายกับหัวใจสองต่อสอง เธอยังไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย

วัลลภ...ใคร?

ติชิลาขมวดคิ้วแทบเป็นปม หลังได้ยินชื่อชายหนุ่มที่ปรีชาอยากเจอตัวโดยหวังว่าเขาจะไม่ใช่คนพิเศษของดาริน

ปรียานุชซ่อนยิ้มในหน้ากับความรักสามเส้าสี่เส้า ที่ชวนติดตามกว่าในละครเสียอีก

ชักเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นยังไงต่อไปนะอยากรู้จริงๆ หึหึ

เจ็บ

เดือนผ่านปีผ่านยังจำ

น้ำคำพรอดพร่ำบอกรัก

สาบานชั่วฟ้าแน่นหนัก

เจ็บนักหลงรมคนลวง.

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ

หนังสือจองได้ถึง 21 ธันวาคม 60 นะคะ รายละเอียดการจองอยู่ที่ลิงค์ 'สินค้า' ค่ะ ส่วน Ebook น่าจะคลอดได้เร็วๆ นี้ค่ะ

นาง

OoXoO




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2560
0 comments
Last Update : 3 ธันวาคม 2560 16:02:08 น.
Counter : 752 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com