|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขั้นตอนการฝึก
การฝึกแบบ A: เลื่อน break-fast ไปเวลาอาหารกลางวัน
หากคุณชินกับการกินอาหารเช้ามาทั้งชีวิต ให้เริ่มช่วง Adjustment จากการฝึกแบบ A นี้ หากคุณเป็นคนที่ไม่กินอาหารเช้า หรือสามารถงดอาหารเช้า และเครื่องดื่มที่มีแคลอรีไปจนถึงเที่ยงวันได้ โดยที่ไม่มีปัญหา ก็ให้ข้ามไปฝึกแบบ B ได้เลย การฝึกแบบ A คือการค่อยๆ เลื่อนการกินอาหารเช้าจากเวลาเดิมออกไป 30 นาที เมื่อทำได้สองวันติดต่อกันแล้วจึงเลื่อนออกไปอีก 30 นาทีจนถึงเวลาอาหารกลางวัน หากวันนี้ยังทำไม่ได้ ก็ให้พยายามทำใหม่ในวันพรุ่งนี้โดยใช้เวลา break-fast เดิมของวันนี้ พยายามจนกว่าจะทำได้สองวันติดต่อกัน
ในการฝึกแบบ A นี้คุณยังกินอาหารกลางวัน และอาหารเย็นได้ตามเวลาปกติ แต่จะไม่มีอาหารเช้า เพราะตอนนี้อาหารเช้า (breakfast) ตามปกติของคุณจะถูกแทนที่ด้วย break-fast ของ Fast-5 และให้คุณแทนที่อาหารเช้าที่เคยกินด้วย break-fast ที่ง่ายต่อการกินและการพกพาเช่น นมกล่อง แซนด์วิช ขนมปัง กล้วย ฯลฯ เพื่อที่คุณจะได้กินตามเวลาที่กำหนดได้อย่างสะดวก และหลังจากตื่นนอนจนถึง break-fast ให้ดื่มได้แค่น้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีเช่น กาแฟดำ ชาเปล่า ฯลฯ เท่านั้น
ตัวอย่าง: หากปกติคุณกินอาหารเช้าตอน 7.00 และกินอาหารเที่ยงตอน 12.00 ก็จะได้ตามนี้
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 7.30 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 7.30 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 8.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 8.00
วันที่ 17 กิน break-fast ตอน 11.30 วันที่ 18 กิน break-fast ตอน 11.30
การฝึกแบบ B: เลื่อน break-fast ไป 17.00
เมื่อคุณฝึกแบบ A สำเร็จ หรือสามารถงดอาหารเช้า และเครื่องดื่มที่มีแคลอรีไปจนถึงเที่ยงวันได้โดยที่ไม่มีปัญหา ก็ถึงเวลาของการฝึกแบบ B ด้วยการค่อยๆ เลื่อนอาหารกลางวันจากเวลาเดิมออกไป 30 นาที เมื่อทำได้สองวันติดต่อกันแล้ว จึงเลื่อนออกไปอีก 30 นาทีจนถึง eating window ที่เวลา 17.00 หากวันนี้ยังทำไม่ได้ ก็ให้พยายามทำใหม่ในวันพรุ่งนี้โดยใช้เวลา break-fast เดิมของวันนี้ พยายามจนกว่าจะทำได้สองวันติดต่อกัน
ในการฝึกแบบ B นี้คุณจะไม่มีอาหารเช้า และไม่มีอาหารกลางวัน เพราะตอนนี้อาหารกลางวันตามปกติของคุณจะถูกแทนที่ด้วย break-fast เช่นเดียวกับการฝึกแบบ A แต่คุณยังกินอาหารเย็นตามปกติ และต้องไม่ลืมด้วยว่า หลังจากตื่นนอนจนถึง break-fast ให้ดื่มได้แค่น้ำเปล่า และเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีเช่น กาแฟดำ ชาเปล่า ฯลฯ รวมทั้งควรงดอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่มีแคลอรีทุกชนิดที่เคยกิน หรือดื่มระหว่างมื้ออาหารให้หมด เหลือไว้แต่อาหารมื้อหลักคือ break-fast และอาหารเย็นเท่านั้น เมื่อเลื่อน break-fast จนถึง 16.30 ในวันสุดท้าย รุ่งขึ้นอีกวันคุณก็จะไม่มี อาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็นอีกต่อไป เพราะต่อไปนี้ คุณจะกินอาหารแค่ช่วงเดียวของวันใน eating window จำนวน 5 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 17.00-22.00
ตัวอย่าง: หากปกติคุณกินอาหารกลางวันตอน 12.00 ก็จะได้ตามนี้
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 12.30 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 12.30 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 13.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 13.00
วันที่ 17 กิน break-fast ตอน 16.30 วันที่ 18 กิน break-fast ตอน 16.30
พอถึงวันที่ 19 คุณจึงกินอาหารเพียงแค่ช่วงเดียวของวัน จำนวน 5 ชั่วโมงใน eating window ที่ 17.00-22.00
วันที่ 1-18 คุณยังกินอาหารเย็นตามเวลาปกติที่เคยกิน แต่อาจจะกินมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้หิวมากเกินไปในวันรุ่งขึ้น แต่ควรงดของกินเล่น เครื่องดื่มที่มีแคลอรี ระหว่าง break-fast และอาหารเย็นให้หมด รวมทั้งดื่มได้แค่น้ำเปล่า และเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี ตั้งแต่หลังอาหารเย็นถึงเข้านอน และตั้งแต่ตื่นนอนจนถึง break-fast
ขยายเวลา
ถ้าการฝึกงดอาหารของคุณพัฒนาดีขึ้น สามารถงดได้นานขึ้น หรือคุณสามารถเลื่อนการกินอาหาร จากเวลาปกติได้เกิน 30 นาทีโดยไม่มีปัญหา คุณก็สามารถขยายเวลาการเลื่อนออกไปเป็น 1 ชั่วโมง ทั้งในการฝึกแบบ A และแบบ B แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องฟังร่างกายของคุณเองด้วยว่าทำได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ต้องฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน
ตัวอย่างการขยายเวลา: การฝึกแบบ A หากปกติคุณกินอาหารเช้าตอน 7.00 และกินอาหารเที่ยงตอน 12.00 ก็จะได้ตามนี้
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 8.00 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 8.00 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 9.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 9.00
วันที่ 7 กิน break-fast ตอน 11.00 วันที่ 8 กิน break-fast ตอน 11.00
ตัวอย่างการขยายเวลา: การฝึกแบบ B หากปกติคุณกินอาหารกลางวันตอน 12.00 ก็จะได้ตามนี้
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 13.00 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 13.00 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 14.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 14.00
วันที่ 7 กิน break-fast ตอน 16.00 วันที่ 8 กิน break-fast ตอน 16.00
หรือเป็นแบบผสมก็จะได้ตามนี้
แบบ A
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 7.30 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 7.30 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 8.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 8.00
วันที่ 17 กิน break-fast ตอน 11.30 วันที่ 18 กิน break-fast ตอน 11.30
แบบ B
วันที่ 1 กิน break-fast ตอน 13.00 วันที่ 2 กิน break-fast ตอน 13.00 วันที่ 3 กิน break-fast ตอน 14.00 วันที่ 4 กิน break-fast ตอน 14.00
วันที่ 7 กิน break-fast ตอน 16.00 วันที่ 8 กิน break-fast ตอน 16.00
ใช้เวลาเท่าไหร่
ในการฝึกทั้งแบบ A และแบบ B หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้าคุณใช้การเลื่อนเวลาอาหาร 30 นาที คุณจะใช้เวลาในช่วง Adjustment ทั้งสิ้น 36 วัน ถ้าคุณใช้การเลื่อนเวลาอาหาร 1 ชั่วโมง คุณจะใช้เวลา 16 วัน ถ้าใช้แบบผสม คุณจะใช้เวลา 26 วัน
ในการฝึกแบบ B หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้าคุณใช้การเลื่อนเวลาอาหาร 30 นาที คุณจะใช้เวลา 18 วัน ถ้าคุณใช้การเลื่อนเวลาอาหาร 1 ชั่วโมง คุณจะใช้เวลา 8 วัน
Create Date : 31 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2550 21:59:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 336 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ทำอาหาร ทำขนม อ่านนิยาย คือชีวิตของนู๋ :D
เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อวบๆ คนนึง ที่มีชีวิตธรรมดาไม่หวือหวา มีคนรัก มีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา จริงใจ รักเพื่อน รักแรงโกรธแรง หุหุ
ถ้าใครจะมาเป็นเพื่อนกันก็แอดเมล์มาคุยกันนะคะ เมล์อยู่ใน Profile เค้าล่ะ
ชอบอ่านหนังสือ ชอบทำขนม (ถึงแม้บางเวลาจะขี้เกียจ) ตอนนี้กำลังบ้าเห่อเรื่องจิลเวอรี่มั่กๆ ชอบทำอาหารมากถึงมากที่สุด แต่ไม่ชอบถ่ายรูปตอนทำอาหาร ชอบถ่ายรูปตอนทำขนมมากก่า เอิ้กๆๆ
ความใฝ่ฝันในชีวิตขอไม่มาก แค่ได้ไปเที่ยวแบบอิสระ ใช้ชีวิตอิสระ มีเพื่อนดีๆ แค่นี้ก็พอใจแล้ว (ไม่มากเลยเนอะ 555+ )
|
|
|
|
|
|
|