นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

วิวาห์อารมณ์5

ตอนที่คนรักของเปรม

ดารกานอนลืมตาโพลงกระสับกระส่ายนอนไม่หลับแม้จะดึกดื่นมากแล้วสุดท้ายผุดลุกแล้วก็นอนลงไปใหม่จะโทษว่าแปลกที่ก็ไม่น่าใช่ เมื่อคืนยังนอนหลับได้อยู่เลย แต่คงเป็นเพราะพี่เปรม คน คน นี้ต่างหากที่ทำให้ดารกา เป็นดาวค้างฟ้าข่มตาไม่ลงเอาเสียเลย
จวบจนค่อนรุ่ง หญิงสาวได้รู้สึกตัวว่าได้นอนเมื่อต้องตื่นเสียแล้ว
อากาศในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ดารกาลุกขึ้นมาจากที่นอน เธอเก็บพับผ้าและขึงปูผ้าปูที่นอนนุ่มอย่างดี จากนั้นจึงไปอาบน้ำชำระกาย ก่อนลงจากเรือนหายไป
หมอกลงจัดในเช้าวันนี้ ละไอหมอกจับเสื้อผ้าสาวซึ่งนั่งเล่นที่ต้นไทรทอดตานิ่งลงไปในลำคลองกว้าง ดารกาอยากจะซึมซับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันวานไว้ในความทรงจำ
เสียงเศษกิ่งไม้ ดังกอบ แกลบ ดารการีบหันไปมองตามสัญชาตญาณ สาองหนุ่มสาว ต่างชะงักงันไปเป็นครู่ อย่างไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะมาเจอกันที่ใต้ต้นไทรใหญ่ริมน้ำ เวลาฟ้าสางเช่นนี้
ดารกาทำใจให้ความความตื่นเต้น คงเหลือความยินดีที่ซ่อนไว้ไม่มิด เพราะผ่านความรู้สึกจากหัวใจมาทางดวงตาฟ้องเปรมจนสิ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เปรม”
“มาทำอะไรถึงที่นี่คุณแดง” เขาถามเสียงเข้ม ต้นไทรใกล้ริมน้ำอยู่สุดที่ดินของเขา
“พี่เปรมละคะมาทำอะไรที่นี่”
เปรมอึ้งไป เขามักจะมาที่นี่ทุกครั้งที่มาเยี่ยมบ้าน เพราะนึกถึงครั้งเยาว์วัย ที่นี่คือที่เล่นค่อนข้างลับตาคน เป็นที่ ที่ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในโลกส่วนตัว และครั้งหนึ่งเคยเป็นบันทึกความทรงจำของเขากับเด็กหญิงช่างประจบคนหนึ่งที่เขารักอย่างน้องสาวไม่เคยเปลี่ยน เขาเองที่แกล้งพี่เลี้ยงของดารกา จึงมักแอบพาเธอหลบมาอยู่บ่อย ๆ
“ที่นี่หมอกจับชายคลองสวย” เขาเลี่ยงเหตุไปทางอื่น
“จะยืนคุยอย่างนี้หรือคะ นั่งสิคะ”
เขาเลือกที่นั่งซอกหนึ่งของโคนไทรมีรากขนาดใหญ่คล้ายเส้นแบ่งกั้นเขาและหญิงสาวดารกาพิงศีรษะกับส่วนหนึ่งของต้นไทรแหงนมองนกหลากหลายชนิดส่งเสียงร้องและมีบ้างมาจิกกินลูกไทรสุกแดง
เปรมตามขึ้นไปบ้าง หากเมื่อเขาละสายตาจึงรู้ว่าดารกาจับตามองนิ่งมาที่เขา เขาอดประหม่าไปเสียไม่ได้ จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อดารกาเธอเป็นสาวสวยอย่างไม่มีที่ติ แก้มเนียนใสไร้ตำหนิด่างดำ ใครบ้างไม่อยากสัมผัส ยังดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวดำเป็นแพหนา ริมฝีปากที่ยิ้มเยื้อนในทีนั้นทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
แม้หัวใจหวั่นไหวไปไม่น้อย แต่วาจากับเอ่ยต่อว่าอีกฝ่าย
“คงเที่ยวจับตามองใคร ๆ มามากแล้วกระมังคุณแดง”
ดารกาถอนสายตาเลื่อนไปมองผิวน้ำเป็นละลอกน้อย ๆ ก่อนเอ่ยโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“พี่เปรมพูดเหมือนตำหนิแดง”
“คุณโตเป็นสาวแล้ว มีคุณพ่อเป็นคุณหลวง ฐานะทางสังคมอยู่ระดับหน้าแต่คุณไม่ระวังกิริยา”
“แดงบอกแล้วไงคะ แดงจะไม่โกหกต่อหน้าพี่เปรม”
“โกหกอะไร”
“แดงรักพี่เปรมค่ะ” เธอสารภาพออกไปด้วยความจริงใจ
“แล้วทำไมแดงจะต้องปกปิดความรักนั้นด้วยล่ะค่ะ”
“คุณแดง ทำไมจึงเป็น โธ่นี่คุณหลวงเลี้ยงลูกคุณมาด้วยวิธีไหนกัน”
“จะว่าแดงไร้ยางอายที่บอกรักผู้ชายหรือคะ”
“พี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนเขาเป็นเช่นคุณแดง”
“เกลียดแดงหรือคะ”
“พี่ไม่มีเหตุผลจะเกลียดคุณแดง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เปรมก็รักแดง”
“พี่รักคุณเช่นน้องสาว”
ดารกายิ้มรับคำพูดของเปรมด้วยความสดใส ทำให้ชายหนุ่มไม่เข้าใจเธอเอาเสียเลย หญิงสาวกล่าวกลบเกลื่อนเพื่อเบนเบนประเด็นคำพูดเพื่อให้เปรมรู้สึกสับสน ไม่ต้องการให้เขารู้ว่า ที่จริงดารกาคนนี้ รักเขาอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีรักที่แสนรักให้กับชายหนุ่มมาตลอด
“เหมือนเมื่อก่อนเลย พี่เปรมบอกรักเหมือนน้อง แดงดีใจที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ ะแดงรักพี่เปรมค่ะ”
ดารกาเสแสร้งแกล้งตีสีหน้าให้ดูร่าเริงอย่างเปรมเป็นอึ้งไปในทันที
ให้ตายเถอะ เปรมอยากเอากำปั้นชกตัวเองเสียนัก ที่แท้แล้วเธออยากจะพูดอะไรกันแน่
เธอเอ่ยออกบ่อยไม่ใช่ไม่เคยเอ่ยประโยคนี้เสียเมื่อไหร่?
เขาต่างหากน่าไม่อายที่ไปเข้าใจเธอในทางชู้สาว ชายหนุ่มครุ่นคิดไปในทางที่ไม่ให้อีกฝ่ายเสื่อมเสีย แต่เปรมไม่รู้ว่า เขาเข้าใจไม่ผิดหรอก หากดารกากล่าวกลบเกลื่อนไปเสียเอง
“กลับกันเถอะค่ะ คุณพ่อคงจะกลับไปเช้าวันนี้เลย พี่เปรมก็จะกลับวันนี้ไม่ใช่หรือคะ”
“พี่ลางานมาได้เท่านี้เอง ไม่เช่นนั้นคงอยู่ได้อีก”เปรมกล่าวเรียบเรื่อย ระแวดระวังไม่ให้หญิงสาวเข้าใจเขาคลาดเคลื่อน
แม้นเห็นสองหนุ่มสาวเดินเคียงกันมา จึงสะกิดบอกคุณเลื่อนซึ่งยืนที่ริมห้องพัก คุณเลื่อนไม่ได้ว่ากล่าวประการใด เพราะไม่เห็นว่าเปรมมีที่น่ารังเกียจตรงไหน ฐานะการงานที่มีอนาคต อายุเพียงแค่นี้แต่ข้ามขั้นได้ร้อยโทแล้ว บ่งบอกว่าผู้ใหญ่โปรดปราณ
“คุณหนูเป็นสาวเป็นนางแล้วนะคะคุณผู้หญิง หัวเราะฟันขาว ๆ กับผู้ชายเขาจะดูถูกเอาได้”
“เห็นจะไม่เป็นมากหรอกแม้น พ่อเปรมไม่ใช่ใครไหนอื่น”
“เป็นอย่างนั้นไป”
แม่วาดก็เห็นสองหนุ่มสาวพากันขึ้นบันไดมาด้วยกัน ท่านเห็นว่าเหมาะสม
เมื่อลูกชายเข้าห้องพักส่วนตัวนางเดินตามไปปิดห้องสนทนาตามลำพัง แต่ดารกาแอบเห็น จึงเหลียวซ้ายแลขวา มองดูว่าจะมีใครเห็นการกระทำของตนหรือไม่ เมื่อหนทางปลอดดารกายิ้มในสีหน้ากับตัวเองแล้วจึงย่องมาฟังสองแม่ลุกคุยกัน
“ไปไหนกันมา”
“นั่งเล่นที่ต้นไทรครับแม่”
“ชอบคุณหนูมั้ยล่ะเปรม”
เขานิ่งงันไปขณะหนึ่งจึงกล่าวยิ้ม ๆ
“แม่ถามแปลกแต่เช้าเชียว มีอะไรหรือครับ”
“แม่เห็นเปรมกับคุณหนูแดงสนิทสนมกันมาก เออ ถ้าชอบแม่จะพูดกับคุณเลื่อนให้แม่ดุท่าทีท่านแล้ว เห็นจะไม่ขัดแน่”
“เขาเป็นครอบครัวคุณหลวงนะครับ”
“เชื่อแม่เถอะถ้าเขาขัดขวางล่ะก็ เมื่อวานลูกกับคุณหนูไม่ได้แจวเรือไปด้วยกันแน่ ว่าไงตกลงมั้ย อายุลูกก็ไม่น้อย คุณหนูก็เรียนจบปีนี้แล้ว”
“ไม่หรอกครับแม่ ผมไม่ได้รักคุณแดง”
“อ้าวแม่เห็นสนิทกัน”
“ผมมีคนรักอยู่แล้วครับแม่”
ร่างอรชรนิ่งงันอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ สมบุญเดินมาที่เรือนของเปรม เห็นดารกายืนแนบหูฟังความในเรือนจึงทัก เสียงดังลอดไปถึงในห้อง
“คุณหนูมายืนทำอะไรเจ้าคะ”
ดารกาสะดุ้งโหยงเปลี่ยนท่าที ก้าวห่างออกมาจากฝาเรือนนิดหนึ่ง ปั้นสีหน้าจืดเจื่อนด้วยความผิดหวัง ให้เป็นปกติ ก่อนเอ่ยกับสมบุญว่า
“ฉันเพิ่งมาถึง ว่าจะมาตามแม่วาดจ้ะ เห็นเขาว่ามาเรือนพี่เปรม ไม่รู้ว่าอยู่มั้ยจ๊ะพี่บุญ”
แม่วาดและเปรมสบตากันอย่างตะลึงไป ทั้งสองได้แต่หวังดารกาจะไม่ได้ยิน การปฏิเสธของเปรม และหวังที่สุดคือ เปรมสารภาพออกมาว่า มีคนรักอยู่แล้ว
แม่วาดรีบออกมาหาดารกา หญิงสาวทำทีเป็นทักอย่างคนพึ่งมาถึง
“แม่วาดอยู่ที่นี่จริงๆเสียด้วยสิคะ แม่วาดขาแดงจะมาเชิญไปทานข้าวค่ะ”
“ค่ะไปค่ะ พ่อเปรมไปทานกันเสียพร้อม ๆ กันเถอะลูก”
“ผมจะตามไปครับ คุณแม่ไปก่อนเถอะครับ”ชายหนุ่มกล่าวพลางข้ามธรณีประตูออกมา เปรมมองตามหลังสองหญิงต่างวัยซึ่งเดินเคียงกันไปแล้ว ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์เรียกคนสนิทเข้าไปกระซิบถามทันที
“พี่บุญเห็นคุณแดงมานานหรือยัง”
“เห็นเธอยืนตั้งนานจนบุญมาทักนั่นละค่ะคุณเปรม”
เธอคงได้ยินเต็มสองหู ที่เขาว่าไม่ได้รัก…
ชายหนุ่มครุ่นคิดนิ่งสนิท รู้สึกคล้ายดั่งน้ำร้อนรินรดมือให้ปวดแสบชอบกล ทั้งที่ตนเองบอกอย่างหนักแน่นกับใจ และกับแม่ผู้ให้กำเนิด เขามีคนรักอยู่แล้ว!!

คนบ้านหลวงพานิชขนของลงเรือ ดารกากราบลากำนันปริกและแม่วาด เธอสวมกอดแม่วาดประจบประแจง แม่วาดรักใคร่เอ็นดูดารกามากเสียจนแกล้งทำเป็นลืมคำพูดของลูกชายที่ว่า เขามีคนรักอยู่แล้ว
“แดงรักแม่วาดจังเลยค่ะ รักที่นี่ด้วยนะคะ นี่ถ้าแดงทำนาเป็น แดงจะเอาข้าวมาขึ้นที่ท่าข้าว พ่อกำนันปริก”
“โถขืนว่าไป มือนุ่ม ๆ จะเสียหมด”
“แม่วาดขา ไปเที่ยวที่บ้านบ้างนะคะ แดงมารบกวนตั้งสองครั้งแล้ว”
“ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมค่ะคุณหนู”
“แม้แม่วาดจะรับปากแดงอย่างนี้ แต่แดงรู้สึกว่าคงรอแม่วาดถึงผมขาวแน่เลย”
“ช่างว่าจริงคุณ” แม่วาดกอดอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะคลายกอดกันไป ดารกากล่าวลาเปรมเป็นคนสุดท้าย
“แดงกลับแล้วนะคะพี่เปรม”
“โชคดีครับคุณแดง”
“แดงไม่มีโชคหรอกค่ะพี่เปรม แดงไม่โชคดีเหมือนกับใครคนนั้น”
เธอทิ้งถ่อยคำที่เปรมฟังดูแปลกไว้ให้กับเขาได้ขบคิด เธอจากไปแล้วพร้อมครอบครัว
“คุณแดงคงชอบลูกเข้าแล้วละเปรม”
ชายหนุ่มยืนนิ่ง ไม่ตอบมารดาว่ากระไร แต่คำพูดของหญิงสาวทุกคำกลับดังย้อนสลับกันไปมาอยู่ในสมอง…เธอไม่โชคดีเหมือนใครคนนั้น!
เธอไม่โชคดีเหมือนใครคนนั้น...ทำไมพูดอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้รักเธอหรือ เพราะพี่ไม่ได้รักเธอหรือน้องแดง!

ดารกานั่งนิ่ง สีหน้าหม่นหมองอยู่บนเรือ คุณเลื่อนและแม้นถามหญิงสาวด้วยความห่อวงใย แต่ดารกาฝืนยิ้มทั้งที่เจ็บในดวงใจเหลือประมาณ
หญิงสาวหวนคิดคำตอบที่ให้ไว้กับเปรม เธอไม่โชคดี และความโชคดีของเธอนั้นหมดไปตั้งแต่สงครามบูรพาจบลง

หลายเดือนผ่านพ้นจนสิ้นเทอมสุดท้ายแห่งการศึกษา
นักเรียนมัธยมปลายที่ได้รับการคัดเลือกให้แสดงที่โรงละครต่างตื่นเต้นกันทุกคน เพราะผู้ปกครองพากันมาชมบุตรหลานกันถ้วนหน้า ที่สำคัญ บางคนที่มีคู่รักเป็นนักเรียนนายร้อย หรือนายร้อย ซึ่งมีสถานที่เรียนใกล้กัน ต่างตื่นเต้นเป็นสองเท่า เพราะพวกเขารับปากว่าจะมาดูคนรัก หรือคนรู้จักแสดงอำลา อาลัยงานจบการศึกษาในวันนี่
เสียงพูดคุยกันดังจอแจในห้องประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งจัดเก้าอี้ไว้ให้นั่งชมการแสดงชุดต่างๆของนักเรียน ตั้งแต่ชั้นเด็กจนถึงชั้นโต
“ลูกสาวใครเป็นคนรำฉุยฉายเบญจกายล่ะ”
“ลูกสาวหลวงราช น้องสาวผู้ช่วยรัฐมนตรี”
“คุณหนูแดงใช่มั้ย ชื่อจริงเขาเรียกอะไรนะ ได้ยินแต่เรียกหนูแดง เลยไม่ค่อยรู้”
“ชื่อดารกา แปลว่าดวงดาว เขาสวยสมชื่อทีเดียว อีกหน่อยหัวบันไดบ้านไม่แห้งหรอก พี่ชายเป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีล่ะสิ คงจะสวยมากสินะ”
คู่สนทนาพยักหน้ารับหงึกๆ ทั้งที่เคยเห็นอยู่ในชุดนักเรียน ยังเห็นว่าสวยมาก หากเป็นสาวสังคมพวกนางคิดไกลไปว่า อย่าไปตกบ่วงผ้าขาวม้าสีใดๆเข้าเลย นางเสียดายความสาวความสวยอย่างบริสุทธิ์ของดารกายิ่งนัก!
หลังม่านละคร ชุลมุนกันในเรื่องการแต่งหน้า แต่งการ และยังวุ่นวายเรื่องคนรักว่าจะมาดูจริงตามคำที่รับปากหรือไม่
สุดา ราตรี สวมชุดนางละคร แล้วพากันแอบมองดูผู้ปกครองของตน
“ดูนั่น” ราตรีชี้มือไปทางหนึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ดูเด่นกว่าชายใด ราตรีดีใจราวกับว่าเขาคนนั้นเป็นคนรักของตัวเอง รีบเอ่ยกับเพื่อนโดยไม่ยอมละสายตาไปจากชายในชุดลำลองเสื้อเชิ๊ตสีขาวพับปลายแขนสองทบ กางเกงทรงสุภาพตามสมัยนิยมคนนั้น
“ตามชิดสมัยมาเร็ว คนรักของเธออุตส่าห์มาดูเธอด้วยนะ”
ราตรีรีบไปตามชิดสมัยซึ่งกำลังแต่งตัวอยู่กับดารกา ไปถึงตัวชิดสมัยแล้ว ไม่พูดว่าอะไร แต่ฉวยฉุดข้อมือชิดสมัยจนแทบตกเก้าอี้ ขณะที่ปากเร่งให้อีกฝ่ายตามไปโดยเร็ว
“เร็วเธอไปดูทีใครมาอยู่เกือบแถวหน้าเพื่อดูเธอรำ”
“ราตรี เธอหนักมือไปแล้วนะ รู้อยู่ว่าชิดสมัยเป็นโรคหัวใจ เดี๋ยวได้ช็อกกันพอดี”สุดาห้าม เธอไม่พูดเกินจริงไปสักนิด เพราะชิดสมัย ทำทาหอบเพราะหายใจไม่ทัน
ราตรีรีบหายามาให้อีกฝ่ายดม ซึ่งเธอสามคนมักพกไว้ดมกันเป็นประจำ ชิดสมัยนั้นต้องการมากกว่าใคร ส่วนสองสาวติดตามเพื่อนและมีไว้แก้ไขยามฉุกเฉินเพราะเป็นเพื่อนรักกัน
ชิดสมัยถามเพื่อนสาวทั้งสองเพราะเห็นความกระตือรือร้นมากของทั้งสอง
“ใครกันสุดา”
“ร้อยโทคู่รักของเธอน่ะสิ”
ท่าทางของสามสาวทำให้ดารการู้สึกอยากรู้เป็นอันมาก แต่เธอไม่ใช่เพื่อนที่ทั้งสามนับเป็นเพื่อนสนิท เพราะว่า ดารกาเคยสร้างวีรกรรมกลั่นแกล้ง อย่างวายร้ายกับทั้งสามมาแต่เด็ก ดังนั้นจึงถูกีดกันไม่ให้เข้ากลุ่ม แต่ไม่กล้าขนาดไม่พูดกับอีกฝ่ายดารกา ได้ข่าวมานานว่าชิดสมัยมีนายทหารเป็นคู่รัก จึงรีบไปดูเพราะ และลือกันว่ารูปงามกว่าพระเอกหนังทุกคน
ดารกาทอดสายตาลงไปมองแถวนั่งของผู้ปกครองและคนในครอบครัวของนักเรียนปีสุดท้าย หญิงสาวเห็นชายหนุ่มสองคนแต่งกายสุภาพ มานั่งแถวที่สองซึ่งใกล้เวที
เสียงจอแจจากการที่ ชิดสมัยถูกเพื่อนล้อเลียนกันยกใหญ่ ดารกาเห็นชัดแก่สายตาว่าหนึ่งในสองชายหนุ่มนั้นคือพี่เปรมของเธอ หญิงสาวใจหายวะวับ หากยังทำใจให้เคลือบแคลงด้วยการชี้มือไปยังชายอีกคนที่นั่งใกล้เปรม แต่กายคล้ายกัน ดารกาชี้ไปที่ชายร่างสันทัด ย้อนถามเพื่อนไม่สนิทว่า
“คนนั้นหรือสุดา”
“พี่เปรมจ้ะแดง พี่เปรมเป็นคู่รักของฉันเอง”ชิดสมัย เป็นคนปฎิเสธดารกา ว่าไม่ใช่นเรศ แต่เป็นคนที่ทำให้
หญิงสาวร่างบอบบางมีกิริยาเก้อเขิน หากก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ ดารกาเผลอจับผ้าม่านจนแน่นพยุงกายไว้ไม่ให้ล้ม เธอปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกใครสักคนเอาน้ำร้อนกรอกปาก
คนรักของเปรมคือนางสาวขี้โรคอย่างชิดสมัยนี่หรือ!
ดารกาครุ่นคิดอย่างหมดเรี่ยวแรงเสียดื้อ ทุกคนไม่สนใจสภาพอกไหม้ไส้ขมของดารกา เพราะมัวแต่ตื่นเต้นไปกับชิดสมัย ดารกาต้องพึ่งตัวเองด้วยการพยุงกายไม่ให้ล้ม กลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ครูสาวใหญ่ดุเบา ๆ ให้บรรดานักเรียนรักษากิริยา และสำทับประโยคท้ายว่า
“เอ้า....ชิดสมัย สุดา ราตรี เตรียมตัวออกรำถวายพรกันได้แล้วนะไหว้ครูบาอาจารย์ให้ดีก่อนล่ะ”
“ค่ะครู” ทั้งสามรับคำ ชิดสมัยหน้าระรื่นกว่าใคร
หากตัวเอกที่จะรำฉุยฉายตอนเบญจกายแปลง กลับนั่งรอเวลาด้วยใบหน้าเผือดขาวราวกลีบดอกไม้ใกล้หล่นจากต้นกระนั้น!!
รักของพี่เปรมของเธอกับชิดสมัยเริ่มตั้งแต่เมื่อใดกัน เขาคบหากันได้เช่นไร หรือเพราะโรงเรียนที่เธอศึกษาอยู่นี้ใกล้กันกับโรงเรียนนายร้อย!!!
เจ็บจริงที่โดนทิ้งเพราะเขาไม่รัก แต่ให้เจ็บยิ่งกว่านั้นหลายเท่านัก เพราะดารกามีรักที่ไม่อาจลืม...หญิงสาว ค้อนทรวงอกด้วยสองมือ อย่างเปล่งเสียงร่ำไห้ออกมาให้ดังลั่นหอประชุม แต่เธอกลับต้องเก็บกดมันไว้ภายใน
เธอไม่เคยมีสายตาให้ใคร ไม่เคยแม้แต่คิดจะรวมกลุ่มกับพวกของชิดสมัย...ดารกามีความฝัน มีโลกส่วนตัว มีความสุขกับวันวานเพียงลำพัง เพื่อนร่วมชั้นเห็นว่าเธอร้ายเหลือ เพราะหากใครมาแกล้งให้ลูกสาวผู้ดีมีเงินคนนี้ได้ตกใจ บุคลนั้นหรือคนกลุ่มนั้นต้องได้รับผลสองเท่า ทั้งแกล้งคืน หรือตบเอาคืน...ดารการ้ายอย่างที่เพื่อนไม่อยากคบ และเธอไม่ชอบคบกับใคร
แต่วันนี้เองที่ดารกาคิดว่าเธอพลาดช่องว่างที่สำคัญสำหรับชีวิตไป...ถ้าเธอมีวันนั้น วันที่พี่เปรมของเธอจะรู้จักกับชิดสมัย...ดารกาเชื่อว่าเธอมีปัญญาเขี่ยสาวขี้โรคอย่างชิดสมัยไม่ให้เข้าใกล้พี่เปรมของเธอ...แต่วันนั้นมันผ่านมาแล้ว ผ่านมาจนถึงนาทีนี้ นาทีที่ได้รู้ คนรักของพี่เปรมที่ออกปากกับแม่วาดคือชิดสมัย ลูกสาวช่างตัดเสื้อผู้เป็นแม่หม้ายสามีทิ้งนั้นเอง!!
นเรศกระทุ้งสีข้างของเพื่อนเมื่อชิดสมัยออกรำ ถวายพรพร้อมเพื่อน ๆ เปรมยิ้มในสีหน้าหากมิได้ตื่นเต้นประการใด เขาปรบมือให้เมื่อการร่ายรำจบลง
“ต่อไปเป็นการรำฉุยฉายเบญจกาย ผู้แสดงนางสาวดารกา ราชพานิช นักเรียนดีเด่นชั้นมอแปด”
เพียงได้ยินชื่อ เปรมสะท้านใจอย่างประหลาด ชายหนุ่มไม่รู้มาก่อนว่าเธอศึกษาอยู่โรงเรียนสตรีแห่งนี้
ชุดละครทรงเครื่องสีแดงปักเลื่อมสีทองงดงาม ขับผิวขาวชมพูนวลที่ต้องแสงไฟให้ยิ่งงามจับตามอง หลวงราชและคุณเลื่อนภูมิใจนักหนาเมื่อได้ยินคำชมรอบด้าน
“โอ้โห” นเรศอุทาน พลางปรบมือส่งเสียงดังจนผู้ปกครองคนที่นั่งข้าง ๆ พากันชายตามองหนุ่มรูปงามทั้งสองด้วยความประหลาดใจ ว่าตื่นเต้นอะไรกันนักหนา
เปรมไม่ได้แสดงตัวเข้าไปทักทายด้วยไม่อยากตอบคำถาม ‘มาดูใคร’ เกี่ยวข้องเป็นผู้ปกครองนักเรียนคนไหน นเรศแปลกใจที่เปรมรีบกลับไม่ยอมอยู่ทักทายชิดสมัยหลังงานเลิก
สาว ๆ เพื่อนของชิดสมัยรวมทั้งดารกาต่างมองหาเปรมเป็นตาเดียว สุดาสรุปเมื่อหาชายหนุ่มไม่เจอ
“เขาคงกลับไปแล้วล่ะ”
“นี่เจอหน้าเธอจะต้องหยิกเขานะชิดสมัย เพราะเขาไม่ยอมอยู่แสดงความยินดีชิดสมัยอดน้อยใจเสียไม่ได้
“วันหยุดนี้เธอไปว่าเขาถึงบ้านเลยชิดสมัย”ราตรียุ
“ฉันจะไปเป็นเพื่อน”สุดาสนับสนุน
“ฉันต้องไปถามเขาแน่ทำไมจึงทำอย่างนี้”
ชิดสมัยฮึดสู้ด้วยแรงยุยงของเพื่อนรักทั้งสอง ที่เธอวางใจว่า ทั้งสุดา และราตรีหวังดีอย่างจริงใจ ส่วนดารกาได้แต่นิ่งฟัง พลางครุ่นคิดไปตามคำพูดของสองสาวนักเรียนรุ่นเดียวกัน ที่มักจะมีเรื่องต่อล้อต่อเถียงกับดารกาเป็นประจำ และดารกาไม่เคยยอมลงให้ ดังนั้นการเข้ามาร่วมในกลุ่มของหญิงสาวลูกคนมีเงิน จึงไม่เป็นที่ไว้ใจของสุดาและราตรีเอาเสียเลย
บ้านพักของเปรมเป็นเรือนไม้ยกพื้นทาสีฟ้า ตั้งอยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยา ด้านหลังของบ้านมีศาลาท่าน้ำยื่นลงไป เปรมมักมานั่งกินลมชมวิวที่ศาลาท่าน้ำเสมอ หากว่ามีโอกาส
วันนี้นเรศมาเที่ยวเล่นบ้านริมน้ำของเพื่อนสนิท เปรมในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวสีขี้ม้า เช่นเดียวกับนเรศ ชายหนุ่มผู้มาเยือนนั่งอ่านหนังสือ อยู่ชั้นบน ส่วนเปรมช้อนลูกน้ำลงบ่อปลาทองซึ่งเขาเลี้ยงไว้ดูเล่น
ทางด้านชิดสมัย แต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงติดกัน ลายดอกไม้ คล้ายกับเพื่อนสาวทั้งสองคน ราวกับว่า ทั้งสามแต่งกายออกมาจากร้านขายผ้าที่เดียวกัน
เมื่อมาพบหน้าต่างชื่นชมความเหมือนกันด้วยเสียงสดใส สุดาเอ่ยว่า
“พวกเรารีบไปกันเถอะ รถนายเลิศกำลังมาแล้ว”
เวลาเดียวกันนั้นเอง ดารกาลงจากรถยุโรป โบกมือทักทายสามสาว ซึ่งต่างพากันแปลกใจในการมาของอีกฝ่ายจนพากันซุบซิบว่า
“เขาจะไปไหนนั่น ดูสิ แต่งตัวเสียสะดุดตาเชียว”
“ผ้านั้นต้องสั่งซื้อมาจากเมืองนอกแน่ๆเลย เพราะพี่สะใภ้ยัยแดงเขาชอบหรูหราทำตัวเปิ๊ดสะก๊าด”(ทันสมัยเกินหน้าคนอื่น หรือเปรี้ยวเข็ดฟัน)
“ฉันดูชอบกลอยู่นะที่ยัยแดงมาที่นี่ แต่หวังว่าเขาจะไม่คิดไปกับพวกเรา”ราตรีตอบคู่หู
ดารกาทักชิดสมัยเป็นอันดับแรก
“แต่งตัวสวยเชียวไหม”
“ไหมไม่สวยเท่าแดงหรอก แต่งสีบาดตา ดูเด่นเชียว จะไปไหนหรือแดง”
“แดงขอตามไหมไปเที่ยวด้วยคนนะแดงว่าง ให้แดงไปได้มั้ยล่ะ”ยังไม่ทันที่ชิดสมัยจะตอบว่าประการใด ดารกาสั่งคนขับรถให้ถอยกลับไปทันที เป็นการบีบทางให้ชิดสมัยเลือกที่จะให้เธอไปกับกลุ่มของชิดสมัย
ราตรีอดต่อว่าดารกาไม่ได้
“แหมยังไม่ทันตอบเลย ด่วนให้รถกลับ อย่างนี้ไหมก็ต้องจำยอมอย่างเสียไม่ได้ล่ะแดง”
“อ้าว แดงไม่คิดนี่ว่าไหมจะหวงกระทั่งแดงจะไปเที่ยวด้วย ถ้าไม่ให้ไป แดงจะเดินกลับก็ได้”
ชิดสมัยรีบทักท้วงดารกาทันทีอย่างคนมีน้ำใจ
“แดงเดี๋ยวสิ ไหมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แดงจะไปเที่ยวกับไหมก็ไปสิ”
“แต่ต้องให้รู้ว่าวันนี้ไหมเป็นนางเอก”ราตรีขัดกลางป้อง ดารกายิ้มเยื้อนราวกับเย้ยให้แม่สื่อตัวเอ้อย่างราตรีและสุดา ก่อนที่ดารกาจะฉวยแขนชิดสมัยคล้องเดินไปขึ้นรถเมล์ของนายเลิศทันที
สุดาและราตรีได้แต่มองค้อนดารกาด้วยความไม่พอใจ เพราะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่นัก
(รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว เป็นรถโดยสารประจำทางสายแรกของไทย เมื่อประมาณ พ.ศ. 2453 รถเมล์นายเลิศมีลักษณะเฉพาะคือ ทาสีขาวทั้งคัน มีตราประจำรถเป็นรูปขนมกง นายเลิศเป็นผู้ออกแบบตัวถังรถเมล์ด้วยตัวเอง โดยเขียนแบบด้วยชอล์กบนพื้นปูน ให้ช่างไม้ชาวเซี่ยงไฮ้เป็นผู้ต่อ โดยใช้เครื่องยนต์ที่สั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษ นายเลิศมีนโยบายในการเดินรถว่า "สุภาพ ซื่อสัตย์ ประหยัด ทันใจ เอากำไรแต่น้อย บริการผู้มีรายได้น้อย" [2]รถเมล์สายแรกของนายเลิศ วิ่งจากประตูน้ำไปสี่พระยา เมื่อกิจการเจริญก้าวหน้าจึงขยายออกไปจนเกือบทั่วกรุงเทพมหานคร คนทั่วไปเรียกรถของท่านว่า "รถเมล์ขาว" ตามสีของรถ ต่อมานายเลิศได้ริเริ่มบริการเรือเมล์ที่ชาวบ้านเรียก "เรือขาว" รับส่งผู้โดยสารตามคลองแสนแสบ ผ่านหนองจอก มีนบุรี แล้วมาสุดทางที่ประตูน้ำ เชื่อมโยงกับเส้นทางของรถเมล์ขาว กิจการนี้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วไป และสร้างชื่อเสียงให้ท่านมากกิจการรถเมล์นายเลิศ ดำเนินการมานานถึง 70 ปี ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในกรุงเทพฯ ถึง 36 สาย มีรถประมาณ 700 คัน มีพนักงาน 3,500 คน นับเป็นบริษัทรถเมล์ที่ใหญ่ที่สุด แต่ได้เลิกกิจการลงในปี พ.ศ. 2520 [2] เมื่อรัฐบาลมีนโยบายรวมกิจการรถเมล์ทุกสายในกรุงเทพมหานครมาอยู่ในความดูแลของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
สามสาวลงจากรถประจำทางสีขาวแล้วจึงเดินต่อไปที่ท่าเรือ เพื่อข้ามฟากไปยังบ้านพักของเปรม ซึ่งอยู่ริมฝั่งเจ้าพระยาแต่ทางเข้าเป็นทางถนนเลียบ
เมื่อสามสาวขึ้นจากท่าเรือแล้วจึงเดินลัดเลาะไปยังจุดหมายปลายทาง คือบ้านของชายหนุ่ม กระทั่งมาถึงแล้ว ได้แต่ส่งเสียงกันราวกับเสียงนกแตกรัง เพราะไม่กล้าเข้าไป
เสียงจอแจของบรรดาสาวดังอยู่หน้าประตูรั้ว ซึ่งคำนวณได้ว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสามคน ทำให้สองหนุ่มหันไปมองตามเสียง
นเรศเปิดยิ้มกว้างเอ่ยกับเพื่อน
“ไม่เหงาแล้วเราสาว ๆ มาเต็มบ้านเลยเพื่อน”นเรศเอ่ยพลางลุกจากเก้าอี้รีบลงมาหาเจ้าของบ้าน
หลังจากนั้นสองหนุ่มพากันมาเปิดประตูรั้วรับสาว ๆ ทุกคนแต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงคล้ายกันต่างกันที่สีสัน หากเด็กสาวปล่อยผมยาวเคลียบ่า สวมชุดสีตองอ่อนไม่เหมือนใคร เธอจับจ้องมองไปที่เปรมเพียงคนเดียว และดารกาทำนิ่งเฉยไม่ทักทาย ทำราวกับว่าไม่รู้จักอีกฝ่ายกระนั้น
สุดาใจกล้าเปิดปากเอ่ยกับเปรมก่อนว่า
“สวัสดีค่ะพี่เปรม ชิดสมัยมีเรื่องจะพูด”
ราตรีรับช่วงต่อจากสุดาด้วยการกระแซะชิดสมัยหญิงสาวรูปร่างบอบบาง คนรักของเปรมมีอาการประหม่า จึงตะกุกตะกักบอกชายหนุ่มอย่างเกรงใจ
“วัน วัน วัน”
“วันอะไรล่ะไหม”ชายหนุ่มย้อนถามด้วยท่าทีเรียบง่าย แต่นัยน์ตาแฝงรอยขัน ที่หญิงคนรักมีท่าทีเกรงใจ และแฝงความกลัวอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
ชิดสมัยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง แล้วจึงกลั้นใจชวนเปรมออกมาว่า
“วันนี้ไหมจะชวนไปตลาดค่ะ”
สุดาและราตรีย่นจมูกเข้าหากัน เพราะต่างตั้งใจกันมาว่าจะให้ชิดสมัยชวนเปรมไปดูหนังตามลำพัง ส่วนพวกเธอจะแยกไปต่างหาก การตกลงนี้ ดารกาเพียงรับฟังไม่ได้เอ่ยว่าอะไร สุดายังแปลกใจที่วันนี้ดารกามารวมกลุ่มกับพวกเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแม้สนิท แต่ไม่สนมขนาดรวมตัวไปไหนมาไหนด้วย
นเรศสนใจหญิงสาวชุดตองอ่อนมากเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นพอรู้จักอยู่ก่อนแล้ว นายทหารหนุ่มหันไปมองดารกา เอ่ยชวน
“เข้าบ้านมากันก่อนเถอะครับคุณสาว ๆ เอ่อคุณคนนี้ชื่ออะไรครับ”ประโยคท้ายถามอย่างอดใจไม่ไหว
“ดารกาค่ะชื่อเล่นว่าแดง”หญิงสาวตอบ แฝงรอยหวาน
“ผมชื่อนเรศครับแล้วผู้ชายตัวโตคนนั้นคุณคงรู้จัก”
“พอทราบมาบ้างว่าเป็นคู่รักของชิดสมัย”ครานี้ดารกาจงใจพูดเสียงหนัก เป็นการแดกดัน มากกว่าจะชื่นชม
“ตายแล้ว”ชิดสมัยอุทานใบหน้าสวยแดงจัดด้วยความเขินอาย
เปรมไม่ตอบว่าอะไร แต่หมุนกายเข้าภายใน ชิดสมัยรีบเกลื่อนอาย ด้วยการทวงถามคนรักว่า
“พี่เปรมว่าอย่างไรคะเรื่องไปตลาดน้ำ”
“ตกลงครับพี่จะพาไป” เขาหันมากล่าว “พี่ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
นเรศจึงได้คิดว่าควรเปลี่ยนชุดให้ดูดีกว่านี้ แต่บ้านไกลมาก จึงต้องยืมเสื้อผ้าของเปรมใส่ไปก่อน




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2554
0 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2554 7:52:42 น.
Counter : 555 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.