เวลาเนิบช้าที่หล่มสัก

เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนเช่นทุกปี ปลายทางหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ออกเดินทางวันอาทิตย์หกโมงเย็นถึงบ้านกลางดึกของวันเดียวกัน ผมลาพักร้อนวันจันทร์(เป็นการลาที่พัก ร้อน จริงๆ) ได้พักผ่อนหนึ่งวันก่อนเทศกาลสาดน้ำจะเริ่มต้น เมื่อก่อนนี้ตอนผมยังเด็ก การสาดน้ำของที่บ้านจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12แล้ว เดี๋ยวนี้คนเล่นน้ำแถวบ้านเริ่มลดลง(อย่างเห็นได้ชัด) อาจเพราะประชากรวัยรุ่นที่เข้ามาทำงานหรือเรียนต่อที่อื่น ต่างก็ไปร่วมสาดน้ำกันตามจังหวัดใหญ่ที่มีการจัดงานยิ่งใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ตรอกข้าวสาร ถนนสีลม คงเหลือแต่กลุ่มเด็กๆ เป็นส่วนใหญ่ที่ยังสนุกกับการสาดน้ำที่บ้านเกิดตัวเอง

ผมนั่งมองนาฬิกา นั่งมองเด็กๆเตรียมอุปกรณ์ ถังน้ำ และอาวุธในการสร้างความเปียก ผมรู้สึกราวกับเวลารอบตัวผม ที่บ้านเกิดของผม เดินเนิบช้าลงเรื่อยๆ ราวกับเทียบเวลาคนละมาตรฐาน ทุกสิ่งทุกอย่างดูค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน สวนทางกับสภาพอากาศของวันนั้น เหมือนกับเด็กๆและผู้คนแถวนั้น มีเวลาทั้งวันให้เตรียมการ แต่ทุกคนล้วนมีความสุขกับการเตรียมการ ผมนั่งมองพลางเก็บภาพไปเรื่อยและคิดไปว่า หากตอนนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพเวลาจะผ่านไปเร็วแค่ไหน ต้องรีบร้อนเพียงใด

ตอนยังเด็ก ผมสนุกกับการเตรียมการเหล่านี้และตื่นเต้นทุกครั้งที่สงกรานต์ใกล้เข้ามา เป็นเทศกาลที่ผมชอบมากที่สุด และสนุกที่สุด กับการได้สาดน้ำใส่ผู้คนที่เราไม่รู้จัก ใส่เพื่อนๆที่ผ่านไปมา นัยเพื่อดับร้อนจากอากาศของเดือนเมษา ทุกวันนี้เหมือนกับว่าการได้แค่นั่งมองจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่า แต่ก็ยังเป็นเทศกาลที่ผมชอบและเฝ้ารอมากที่สุดอยู่ดี เพียงแต่เหตุในการชอบและเฝ้ารอได้เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นความสุขจากการได้กลับบ้าน ความสุขจากการได้พักผ่อนนานนานจากหน้าที่การงาน และความสุขจากการได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวของผม

หลังจากมหาสงกรานต์ผ่านไป วันที่14ก็จะมีการรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ของแถวบ้านผม เป็นคุณป้า คุณย่า คุณยาย ของใครหลายคนที่เราเป็นเหมือนญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนบ้านกัน ก็จะรวมตัวกันในช่วงบ่ายเพื่อแสดงความรัก ความเคารพ ต่อท่าน ขอพรและทักทายกับท่าน ทุกคนล้วนมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บางคนไม่ได้กลับบ้านมานานหลายปี พอกลับมาทีบ้างก็จำกันเกือบไม่ได้ พอเสร็จจากพิธีการ เด็กๆและพวกผมก็แยกย้ายกันไปสนุกกับการสาดน้ำกันต่อ ผมเล่นอยู่ได้ไม่นาน ก็กลับไปนั่งที่เดิม เพื่อนั่งมอง นั่งคิดถึงอะไรไปเรื่อยเปื่อย อย่างน้อยก็เป็นอีกปีที่ยังมีคนเล่นสงกรานต์ที่บ้านของเรากันอยู่ ถึงแม้จะลดน้อยและไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มอยู่ดี

ถึงแม้ว่าเวลาที่หล่มสักจะเนิบช้าเพียงใด สุดท้ายการสิ้นสุดวันแห่งการพักผ่อนก็มาถึงรวดเร็วในความรู้สึกของผมอยู่ดี ผมออกเดินทางจากบ้านในคืนวันที่14 ปลางทางเมืองหลวงแห่งความวุ่นวายและเวลาที่เดินเร็วจนเราตามแทบไม่ทัน ผมมาถึงกรุงเทพในเช้าวันที่15 พักอีกวันแล้วไปทำงานอีกหนึ่งศุกร์ ก่อนจะเสาร์อาทิตย์อีกครั้ง เทศกาลแห่งความสุขที่ผมรอคอยก็กำลังเคลื่อนไปอีกครั้งตามการทำหน้าที่ของเวลา ไม่รู้ว่าในปีต่อไป ผมจะรู้สึกถึงความเนิบช้าของเวลาที่บ้านเกิดแบบนี้อีกหรือเปล่า ตราบเท่าที่ทุกสิ่งยังเป็นเหมือนเช่นทุกปี สิ่งนี้ยังคงเป็นเสน่ห์ให้เด็กต่างจังหวัดอย่างผม รู้สึกโหยหาการกลับไปสู่อ้อมกอดของบ้านเกิด ปีหน้าผมจะพาคนรักไปสัมผัสความเนิบช้าของเวลาที่หล่มสักและเสน่ห์ของละอองน้ำที่นั่นสักครั้ง เผื่อบางที เธอ อาจจะประทับใจ - แล้วคุณล่ะ ไปสัมผัสความเนิบช้าที่ไหนมากันบ้างหรือเปล่า -
Create Date : 17 เมษายน 2553 |
|
17 comments |
Last Update : 17 เมษายน 2553 1:06:22 น. |
Counter : 1525 Pageviews. |
|
 |
|
ถ้าอยู่กรุงเทพฯนานๆ เวลาไป ตจว ทีนึงก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเลยว่าชีวิตในเมืองกรุงก็เหมือนระเบิดเวลาดีๆนี่เอง
นานทีปีหนทำชีวิตให้เป็นแบบนาฬิกาทรายบ้าง ค่อยๆไหล ค่อยๆเดิน
ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปค่อยๆไหล ค่อยๆเดินด้วยเนี่ยยิ่งเวิร์ค