St Etienne อ่านว่า แซ้ง-เต-เตียน
พอฉันสอบเสร็จก็เริ่มจะชีพจรลงเท้าอีกครั้ง ด้วยความสบายอกสบายใจที่หมดภาระการสอบภาษาไปหนึ่งเปลาะ ที่เหลือก็เหลือสมัครมหาวิทยาลัยเพื่อจะเรียนต่อในปีหน้า และก็สืบเสาะหาโรงเรียนภาษาที่จะเรียนต่อในปีหน้าเช่นกัน แล้วขบวนการการหาโรงเรียนภาษาของฉันเนี่ย ก็เกิดอยากจะเรื่องมากขึ้นมาสักหน่อย แบ่บอยากจะไปดูด้วยตัวเอง ดูสภาพเมือง สภาพอากาศ สภาพโรงเรียนแล้วค่อยมาตัดสินใจ ว่าง่าย ๆ ว่าหาเรื่องเที่ยวอย่างนั้นเถอะ...เพราะฉะนั้น ขบวนการเที่ยว ๆ ๆ ๆ ของฉันจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้วด้วยประการฉะนี้
เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ฉันจึงเริ่มต้นประเดิมด้วยเมืองในแคว้น Rhône-Alpes เมืองหนึ่งที่ชื่อว่า St Etienne (อ่านว่าแซ้ง-เต-เตียน)
เนื่องด้วยฉันมีเพื่อนเกาหลีคนหนึ่งที่เคยเรียนด้วยกันที่ Vichy เมื่อช่วงระหว่างหน้าร้อน แต่พอถึงปลายเดือนกันยายนต่างคนต่างก็แยกย้ายไปตามเมืองต่าง ๆ หมด เหลือฉันกับเพื่อนอีกเพียงไม่กี่คนเหงาเดียวดายอยู่เมืองเล็ก ๆ ลำพัง...ก็เลยได้โอกาสไปเยี่ยมเยียนเพื่อนตามเมืองต่าง ๆ ทั้งหาที่เรียนที่ใหม่ ได้ไปดูเมือง ได้เจอเพื่อนแล้วก็ยังได้ที่พักฟรี ๆ อีกต่างหาก ฮ่า ๆ
ก่อนจะไปถึงเมือง St Etienne รถไฟไปจอดพักเปลี่ยนรถที่เมือง Roanne ก่อน ฉันมีเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมงตอนเช้าตรู่ ก็เลยถือโอกาสสำรวจเมือง Roanne ไปด้วย...และโชคดีว่าเช้าวันนั้นฟ้าสวยมาก ก็เลยได้ภาพสวย ๆ ของเมือง Roanne มาเป็นตัวแถมอีกต่างหาก แล้วก็วางแผนกับตัวเองว่าวันหลังจะเอาจักรยานขึ้นรถไฟมาปั่นเล่นเมือง Roanne ดู เพราะท่าทางก็เป็นเมืองที่น่ารักเมืองหนึ่งเหมือนกัน
พอมาถึง St Etienne ปรากฎเพื่อนสาวฉันตื่นสาย ฉันเลยโดนปล่อยลอยแพให้ตะเกียกตะกายหาทางเข้าไปในเมืองเอง แต่ฉันคาดเดาได้อยู่แล้วด้วยความสนิทกันดี ก็เลยไม่ได้ขุ่นเคืองใจอะไร แต่ความขุ่นเคืองใจมันเกิดขึ้นเพราะอย่างอื่นต่างหาก...
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 ตุลาคม) มีการนัดชุมนุมประท้วงเป็นครั้งที่ 3 ของสหพันธ์แรงงานฝรั่งเศส เรื่องการต่อต้านการยืดเวลาเกษียณอายุของข้าราชการจาก 60 ปีเป็น 62 ปี ครั้งแรกและครั้งที่สองเมื่อวันที่ 7 กันยายน และ 27 กันยายนตามลำดับ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเพราะคนออกมาประท้วงกันล้นหลาม แต่กลับไม่ได้ประสบความสำเร็จทางการเจรจากับปธน.ซาโกซี่เท่าไหร่ เพราะก็ยังยืนกรานจะปรับโครงสร้างการเกษียณอายุราชการใหม่อยู่ดี
ประเทศฝรั่งเศสขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งการประท้วง เอะอะอะไรก็ประท้วง ๆ ๆ ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศที่สวัสดิการดีอันดับต้น ๆ ของโลก เช่น มีวันลา 5 สัปดาห์ต่อปี(สูงที่สุดของโลก) และทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น ประเทศอื่น ๆ เพื่อนบ้านจึงขนานนามให้ประเทศฝรั่งเศสเลยว่า การประท้วงเป็นกีฬาประจำชาติซึ่งฉันก็เห็นจริงด้วย เวลามีการประท้วง มักจะเป็นเหล่าข้าราชการนั่นแหละที่นัดกันหยุดงานและออกมาเดินตามถนน เรียกว่าหาข้ออ้างในการอู้งานอย่างถูกกฎหมายนั่นเอง และองค์กรที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือการรถไฟ เนื่องจากส่งผลกระทบกับประชาชนมากที่สุด ดีที่ฉันยังมาแค่ St Etienne เมืองไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เมื่อรถรางหยุดทำงาน ยังพอมีรถบัสมาเสริม ถ้าเป็นเมืองใหญ่อย่างปารีสหรือลียง คงจะงงงวยไปไหนไม่ถูกเลยทีเดียว...
และนอกจากจะมีรถบัสแล่นแล้ว ยังมีรถเสริมมาแทนรถราง พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่การรถไฟอยู่ประจำทุกป้ายรถรางคอยแนะนำเหล่าประชาชนตาดำ ๆ ว่าควรจะไปไหนอย่างไรดี ก็เลยนับว่าเป็นโชคดีของฉันอีกอย่างหนึ่งในการที่ถูกเพื่อนสาวปล่อยเกาะ ที่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ให้ถามทางอยู่ตลอด จนคลำทางไปจนถึงที่นัดหมายกันได้ด้วยดี
ที่หน้า Hôtel de Ville หรือศาลาว่าการจังหวัด เป็นที่ที่นักประท้วงมารวมตัวกัน และก็เป็นที่ที่คู่หนุ่มสาวมาแต่งงานกันทุกวันเสาร์ด้วยเช่นกัน เหมือนวันเสาร์อย่างวันนี้ ก็ยังมีคู่หนุ่มสาวมาแต่งงานกันตามปกติ แม้ว่าถัดไปตรงหน้าลานจะมีการประท้วงเสียงดังโหวกเหวกโวยวายก็ตาม
St Etienne อยู่ในแคว้น Rhône-Alpes ซึ่งมี Lyon เป็นเมืองหลวงของแคว้น St Etienne เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของฝรั่งเศส จากสถิติแล้วใหญ่เป็นอันดับที่ 11 เลยทีเดียว มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 200,000 คน เคยมีชื่อเรื่องการผลิตริบบิ้นและเชือกในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ต่อมากลายเป็นเมืองทำเหมืองแร่ และในปัจจุบันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโรงงานทำจักรยาน นอกจากอุตสาหกรรมและโรงงานแล้ว เมื่อพูดถึงเมือง St Etienne คนทั่วไปจะนึกถึงทีมฟุตบอลที่ดังด้วยเช่นกัน
โดยสรุปแล้ว เมือง St Etienne จึงเป็นเมืองที่เรียกว่า 'ไม่ค่อยมีอะไร' ก็ได้ คือ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ไม่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ถูกบันทึกไว้ ไม่มีความโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่มหาวิทยาลัยและก็โรงงาน กับตึกอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่อาศัยเท่านั้นเองตามที่พบเห็นได้ทั่วไป นอกจากนั้นก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร และการบริการสาธารณะอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่อยู่อาศัยเท่านั้น และคนที่อยู่อาศัยส่วนมากจะเป็นคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนอาหรับและคนผิวสี หาคนฝรั่งเศสแท้ ๆ ได้น้อยมากที่เมืองนี้ เพราะฉะนั้นจึงส่งผลให้ St Etienne เป็นเมืองที่ค่าครองชีพต่ำมากเมืองหนึ่งในฝรั่งเศส
แต่วันที่ฉันไปถึง เป็นวันที่อากาศดีมากกกกกกวันหนึ่ง เรียกได้ว่าหาได้น้อยในช่วงเดือนกันยา-ตุลาแบบนี้ที่จะเจอแดดใส ๆ ฟ้าสวย ๆ เมฆขาว ๆ และยังคงมีลมเย็น ๆ อย่างเช่นวันนี้ เมืองที่เห็นว่าเป็นเมืองธรรมดา ไม่มีอะไร ก็รู้สึกสวยและน่าอยู่ขึ้นมาทันใด ยิ่งเป็นช่วงต้นไม้กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีอย่างนี้ด้วยแล้ว บรรยากาศรอบข้างน่าเดินเล่นและดื่มดำ่ไปหมดจริง ๆ
เหนืออื่นใดแล้ว เป็นเพราะการได้มาเจอเพื่อนเก่าด้วยมากกว่า เพื่อนเกาหลีของฉันคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งสมัยที่อยู่ Vichy ด้วยกัน คุยกันถูกคอ รู้เรื่อง ชอบไปเตร็ดเตร่เฮฮาเหมือนกัน แล้วก็ชอบผลัดกันทำอาหารให้อีกฝ่ายชม(ต้องชมเท่านั้นนะ!) ที่สำคัญ เราชอบแก้ไขแกรมม่าเวลาพูดฝรั่งเศสกันไปกันมาด้วย ก็เลยยิ่งทำให้สนิทกันเป็นพิเศษ
หลังจากทักทายกันเรียบร้อย เอะอะโวยวายตามประสา ก็ชวนกันไปนั่งจิบกาแฟยามสาย (ตามสไตล์ฝรั่งเศส) ในร้านกาแฟแถว ๆ นั้น กินกาแฟไป กินขนมปังไป คุยเรื่องราวเก่า ๆ เล่าแลกเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ ๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและความเป็นไป สอบถามความฝันในวันข้างหน้าว่ายังเหมือนเดิมดีอยู่ไหม ถามถึงความเป็นอยู่ของคนที่รู้จัก เกาะเกี่ยวกันด้วยความทรงจำดี ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งของอดีต และรู้สึกดีที่ยังหัวเราะกันได้เหมือนเดิมกับเรื่องเดิม ๆ
จากนั้นก็ชวนกันไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารไทยบุฟเฟ่ต์ คุยสนุกสนานเฮฮากันต่อตามประสาสาว ๆ
หลังจากซัดบุฟเฟ่ต์อร่อยถูกปากเข้าไปกันแล้ว ก็ได้เวลาทำกิจกรรมแบบผู้หญิง ๆ เพื่อนสาวสองคนไม่ได้เจอกันนาน จะทำอะไรไปเสียไม่ได้ นอกจาก ชอปปิ้งงงงง อากาศดี ๆ ฟ้าสวย ๆ ก็เดินเล่นในเมืองกันเพลิดเพลินสบายใจกันไปเลยทีเดียว แถมยังใช้จ่ายกันไปคนละไม่ใช่น้อย อ้างว่าต้องซื้อเสื้อซื้อรองเท้าเตรียมพร้อมหน้าหนาวเอาไว้ สุดท้ายแล้วก็มาบ่นกันไปพลัดกันชื่นชมของที่ซื้อมากันไป ว่าถึงจะจนแต่ก็อุ่นและสวย!!
ตกเย็นก็ไปนอนพักในหอพักมหาวิทยาลัยของเพื่อนสาวฉัน เลยได้เห็นชีวิตนักศึกษามหาลัยส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน ว่าจ่ายค่าห้องถูกแสนถูก แต่ห้องก็เล็กแสนเล็ก บางห้องก็มีห้องน้ำในตัว บางห้องก็เป็นห้องน้ำรวม ส่วนห้องครัวจะเป็นห้องครัวรวม ต้องมาใช้ด้วยกันในชั้นซึ่งแต่ละชั้นจะมีแค่ห้องครัวเดียว ฉันเห็นแล้วรู้สึกถึงความไม่สะดวกสบายทันที แต่เพื่อนเล่าว่า อยู่ไปสักพักก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมยังมีข้อดี ได้เพื่อนใหม่ง่าย ๆ หลายคนด้วย
มื้อเย็นก็ได้เจอเพื่อนที่มาจาก Vichy อีก 2-3 คน เป็นเกาหลีเหมือนกัน ก็เลยเป็นมื้อค่ำสไตล์เกาหลีไป และฝีมือเพื่อนฉันก็อร่อยไม่เปลี่ยน
ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้ทำอะไรกันมาก เพราะออกแนวเหนื่อยกับการเดินชอปปิ้งและกินกันอย่างเต็มที่เมื่อวันก่อน แต่ว่า(โชคดีที่)ร้านค้าต่าง ๆ ในฝรั่งเศสจะปิดวันอาทิตย์กันหมด เลยตัดสินใจทำแซนวิชเล็ก ๆ ไปปิคนิคกันในสวน คุยกันไปเฮฮาเบา ๆ (เพราะไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่) วันนี้ลมออกจะแรงสักหน่อย คนก็ไม่ค่อยเยอะมากมายเหมือนวันเสาร์ ความคึกคักก็เบาบางลงไปเหมือนกัน เลยเดินเล่นกันไปกันมา เตะใบไม้กรอบ ๆ กับใบปลิวโฆษณาของหมู่นักประท้วงเมื่อวานที่ยังไม่มีคนเก็บ แล้วก็รอให้ถึงเวลารถไฟของฉันที่จะกลับ Vichy
นับเป็นวันหยุดเบา ๆ ที่ดีอีกครั้งหนึ่ง เมือง St Etienne ที่อ่านว่า แซ้ง-เต-เตียน ถึงจะเป็นเมืองธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่ได้น่าอยู่สักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ความสำคัญคือการได้มาเจอเพื่อนสนิท ได้ใช้เวลาด้วยกัน หัวเราะ พูดคุย แบ่งปันเรื่องราวใชีวิตเหมือนเก่า ได้รู้ว่ายังมีคนที่รู้สึกเหมือนเรา คิดเหมือนกันกับเรา และยังคิดถึงความทรงจำดี ๆ เก่า ๆ เหมือน ๆ กัน ยังไม่ลืมกัน ยังรักกันและยังยอมรับกันอยู่เสมอ
แต่ในวันนึง ต่างคนต่างก็ต้องมีทางของตัวเอง เดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก เจอสิ่งใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ สร้างเรื่องราวใหม่กับคนใหม่ วันนึงที่ได้กลับมาเจอกัน สอบถามเรื่องราวความเป็นไปกันอีก และได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างดำเนินชีวิตต่อไปอย่างดี นี่แหละ...ความเป็นเพื่อน
ฉันนั่งรถไฟจากเพื่อนสาวมา แลกคำขอบคุณกันที่ฉันไปหาและเขามาดูแลฉัน แล้วก็สรุปกับตัวเองได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหน ความสำคัญมันอยู่ที่คนทั้งนั้น แม้เมืองจะสวยยังไง แต่ไม่มีใครและอยู่คนเดียว ก็ชื่นชมความสวยงามไม่ได้เต็มที่อยู่ดี และแม้เมืองจะไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แต่ได้เดินเล่นในเมือง ชอปปิ้ง นั่งร้านกาแฟกับเพื่อนสนิทที่ถูกใจ เมืองที่ไม่มีอะไรก็มีสวยและมีความทรงจำขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะอยู่ที่เมืองไหนก็ไม่สำคัญ สำคัญที่อยู่กับใคร ฉันจดลงไปในไดอารี่ตัวเอง
แล้วเมื่อไหร่จะได้มาเจอกันอีกนะ? หวังว่าอะไร ๆ คงไม่เปลี่ยนไป...
Au revoir St Etienne (อ่านว่า โอ-เรอ-วัว แซ้ง-เต-เตียน)
Create Date : 05 ตุลาคม 2553 |
|
17 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 18:30:02 น. |
Counter : 1801 Pageviews. |
|
|
|
อ้อ -- แล้วก็ชื่อทีมฟุตบอลด้วยครับ
เมื่อก่อนก็ได้ดูข่าวบอลจากลีกเอิงเหมือนกัน
เป็นเมืองที่สวยนะครับ
พี่ก๋าคิดว่าเค้ามีใบไม้เปลี่ยนสีด้วยใช้มั้ยครับ
ยังไงก็ขอจองใบเมเปิ้ลนะครับ 555
ปล.1 พี่ก๋าไปพักก่อนครับ ตอนนี้ไม่สบาย ติดหวัดจากหมิงหมิง
ปล.2 ถ้าน้องปอยมีที่พักที่แน่อน
พี่ก๋ารบกวนขอที่อยู่ด้วยได้ไหมครับ จะส่งโปสการ์ดไปให้ครับ