space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
space
space
10 กุมภาพันธ์ 2564
space
space
space

เมื่อไหร่ Tesla จะเข้ามาขายในเมืองไทย

คำตอบที่เป็นจริงที่สุดสำหรับปี 2564 คือ ไม่มีใครรู้ นอกจาก Elon Musk แต่ความเป็นไปได้มีดังนี้

เข้ามาปีนี้ (2564) โอกาสร้อยละ 5
เข้ามาปีหน้า (2565) โอกาสร้อยละ 10-20
เข้าภายใน 3 ปี โอกาสร้อยละ 30-50
เข้ามาภายใน 5 ปี โอกาสร้อยละ 50-75
เข้ามาภายใน 10 ปี โอกาสร้อยละ 99.99%  นอกจากเทสล่าล่มสลาย

จะรอไหมล่ะคับ

ไม่ใช่เค้าไม่อยากขายหรอก  ประเด็นคือตอนนี้เค้าไม่มีปัญญาผลิตให้ทันขายด้วยปัญหาหลัก 2 เรื่อง คือ 1) จำนวนโรงงานผลิต ตอนนี้มีเปิดแล้วมีแค่ 3 โรง คือ Fremont California, USA และ Gigafactory ที่ Nevada, USA (ผลิตแบตเตอรี่เป็นส่วนใหญ่) อันสุดท้ายคือ Gigafactory Shanghai 

ส่วนที่กำลังสร้างอยู่ได้แก่ Gigafactory Berlin, Germany และ Gigafactory ที่ Texas

นอกเหนือจากโรงงานมีน้อยแล้ว ปัญหาต่อไปคือ Battery constraint ในปัจจุบัน Tesla ยังไม่สามารถเร่งผลิต battery ได้ทันกับความทะเยอทะยานของตัวที่ต้องการจะผลิตรถยนต์ รถบรรทุก รถปิคอัพ รถ roadster Tesla wall จะเห็นว่า อะไร ๆ ที่โม้ ๆ ไว้ว่าจะผลิตก็ล้วนแล้วแต่ดีเลย์กันไปแทบทั้งสิ้น

เอาเป็นว่าที่โตโยต้าพูดไว้ว่า EV ไม่ใช่คำตอบ มีความเป็นจริงอยู่ (แค่นิดเดียว) ณ เวลาปัจจุบัน แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้  ความจริง ณ ปี 2564/2021 คือ กำลังการผลิต Lithium battery ทั่วทั้งโลกยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการการผลิต EV ป้อนตลาดทั้งหมดได้

ดังนั้นไม่ใช่เทสล่าไม่อยากมาขายที่อื่น เค้าอยากมา อยากขายใจจะขาด แต่ทุกวันนี้เค้ายังป้อนตลาดกลุ่มแรก อเมริกา ยุโรป จีน (แค่จีนอย่างเดียวก็อ้วกแตกแล้ว) ไม่ทัน แค่เราสั่งตอนนี้ก็ต้องรอคิว สำหรับ Model 3 ถ้าไม่เลือกรถที่เค้ามีอยู่แล้วใน inventory ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น standard range หรือหากเป็นรุ่น Performance ก็จะเจอแต่พวกขับไปแล้ว 3000 ไมล์ (สงสัย test drive) หรือเป็นรถที่ผลิตมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน สังเกตจากล้อ เป็นล้อรุ่นเก่า 20" Gray Performance Wheels) สรุปว่าถ้ารอสั่งผลิต ในเมกาต้องรถ 5-8 สัปดาห์  ถ้าสั่งผ่านทาง UK รอถึง พ.ค. (4-5 เดือน) กว่าจะขึ้นเรือมาไทยอีก สงสัยจะเดือนมิ.ย.  แปลว่า ผลิตป้อนตลาดไม่ทัน  ต้องการโรงงานเพิ่ม ต้องการแบตเตอรี่เพิ่ม

เทสล่าไม่ดำเนินธุรกิจขายรถยนต์ผ่านดีลเลอร์เหมือนรถยนต์ค่ายอื่น เค้าจะขายเอง รวบหมดกินเบ็ดเสร็จ (คล้าย ๆ แอ๊ปเปิ้ลนั่นแหละ) ถ้าเค้ายอมขายผ่านดีลเล่อร์ ป่านนี้คนไทยมีเทสล่าขับแบบ official ไปนานแระ

รู้ได้ไงว่าเค้าอยากขาย ก็ลองดูจากนโยบายการขยายตลาด  เค้ามีการขยายตลาดออกไปเรื่อย ๆ ตามข่าว เช่น ตอนนี้ TelAviv Israel ก็มี official Tesla ขายแล้ว  Singapore ที่เคยไปเปิดแล้วปิดไป ตอนนี้ก็มีข่าวว่าจะไปเปิดขายอีกแล้ว (ต่อให้คนสิงคโปร์ GDP สูงกว่าคนไทย) แต่เรารับประกันว่าถ้าเทสล่ามาเปิดเมืองไทย น่าจะขายได้หลายคันกว่าที่สิงคโปร์ เพราะประเทศนั้นเค้ามีคนแค่ 5 ล้านคนเอง ขายสักห้าหมื่นคันก็ไม่มีที่จะพอจอดแล้ว คนสิงคโปร์เองเค้าก็ไม่ค่อยใช้รถกันเท่าไหร่  

ทำไมเทสล่าถึงรอไม่มาขายเมืองไทยซะที  จะเดาว่าเรื่องการเจรจาภาษีกับรัฐบาลและการดำเนินการเรื่องเครือข่าย supercharger น่าจะเป็นเรื่องหลัก  ความที่เทสล่าไม่ได้ขายรถเพียงอย่างเดียว ทุกตลาดที่เค้าไปลุย เค้าจะติดตั้ง supercharger ดูตัวอย่างที่เมืองจีนเป็นต้น ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ เล่นไม่ยาก ติดแค่ 20 อัน ก็ทั่วประเทศแล้ว แต่สำหรับเมืองไทย แค่ติดให้ครบ 76 จังหวัดก็อ่วมแล้ว  แต่เค้าแสดงความสนใจตลาดอินเดีย (ทำนองเดียวกับที่ไปจีน)  คือ ที่ไหนที่รัฐให้ความสนใจกับ EV เช่นที่จีน คนเยอะ คนมีกำลังซื้อ (จีนตอนนี้นี่ กำลังซื้อเยอะมาก เศรษฐกิจน่าจะดีกว่าเมกาแระ ถ้าไม่โดน Mr. Trump block ไว้ คงรุ่งกว่านี้อีก ตบหน้าคนด่าคอมมิวนิสต์ไม่เวิ๊ค)

ดังนั้นถ้ารัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุน EV ชัดเจน มีการงด ยกเว้นภาษีนำเข้ารถไฟฟ้า มีการให้ incentive ประชาชนในการซื้อรถ EV และติดตั้ง wall charger มีการสนับสนุนให้ภาคเอกชนรายย่อยและครัวเรือนลงทุนเรื่องพลังงานหมุนเวียน  เค้าก็จะสนใจเข้ามาลงทุน เพราะเค้าคงไม่ได้จะมาขายของอย่างเดียว ต้องมา service ต้องมาติดตั้งเครื่องข่าย supercharger ในขณะเดียวกัน นอกจากเค้าจะได้ revenue จากการขายของแล้ว ถ้ามีสิ่งตอบแทนหรือแรงดึงดูดอื่น ๆ ให้เค้าก็จะมา

เป็นต้นว่า ทำไมไปเปิดโรงงานที่ Berlin, Germany  ทำไม Elon Musk ไม่ไปเปิดประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เช่น  Austra, France, Italy หรือประเทศอื่น ๆ ในยุโรปตะวันออก เช่น Czech, Poland, Croatia, etc ซึ่งค่าแรงน่าจะถูกกว่า

Tesla ต้องการล้วงลูกอะไรบางอย่างที่ Germany  สิ่งที่ Tesla ยังไม่สามารถ ไม่มีปัญญา เรื่องของ quality, premium car production สิ่งที่ Porsche, Audi, Mercedez, BMW, Volkswagen, etc  อะไรบางอย่างที่ Elon Musk อยากได้ที่เยอรมัน ต้องไปลงทุนตั้งโรงงานที่นี่ ที่อื่นไม่เอา ต้องการอยู่ในศูนย์กลางของแหล่งผลิตรถยนต์แบรนด์พรีเมี่ยมระดับโลก อย่างน้อยมันก็ต้องเรียนรู้อะไรบ้างล่ะ

ที่เมืองจีน น่าจะเป็นเรื่องตลาด (ขายรถได้เยอะ) แบตเตอรี่ (Lithium Iron Phosphate) และ แรงงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องเทคโนโลยี่นี่ จีนขึ้นชื่อเรื่องก๊อปอยู่แล้ว งานนี้น่าจะเป็นกลับกัน คือจีนน่าจะฝ่ายล้วงลูกเทสล่ามากกว่าเทสล่าจะไปได้เทคโนโลยีอะไรจากจีน  ดูตัวอย่างจากแอ๊ปเปิ้ล ไม่กี่ปีหลังไปเปิดโรงงานที่เมืองจีน หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นปรากฎการณ์ Huawei, Xiaomi, etc ออกมา งานนี้ Elon Musk คงจะมั่นใจว่า software full-self driving จะไม่ถูกจีนล้วงลูกไปเด้วก็ต้องคอยดู

สำหรับตลาด SEA ก็ขอแสดงความเสียใจกับชาวไทยด้วย หลังจากที่ Elon Musk มาตอนที่หมูป่าติดถ้ำ นอกจากไม่ได้ความประทับใจกลับไปแล้ว ยังถูกฟ้องร้องอีกเรื่องความปากหมาที่ไปว่าฝรั่งอีกคน ซึ่งคนไทยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเท่าไหร่  สรุปว่ารัฐบาลไทยยังอยากสนับสนุนโรงงานและธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปที่ลงทุนไปเยอะที่ Easten seaboard ก็เลยไม่มีนโยบายที่ชัดเจนสำหรับ EV รวมทั้งประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิต Lithium, Nickel หรือแร่ธาตุที่จำเป็น ล่าสุด เราก็เลยได้ยินข่าวที่ทั้ง Tesla และ CATL (บริษัทผู้ผลิตลิเธียมแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน) เค้าไปเซ็นสัญญาตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่อินโดนิเซียเรียบร้อย หลังจากรัฐบาลอินโดเค้าออกกฎหมายเพื่อที่จะจำกัดการส่งออกแร่ Nickel (ฉลาดมาก ดึงให้คนอื่นเค้าไปตั้งโรงงานในประเทศตัวเอง)

ดังนั้น เมื่อถึงวันที่เทสล่าจะขยายตลาดมาแถวภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เค้าอาจจะเร่ิมโดยการนำรถยนต์นำเข้า (จากจีน โรงงานใกล้สุด) เข้ามาก่อน  แต่ถ้าเมื่อไหร่ยอดขายมันเยอะมาก มันก็จะคุ้มทุนกว่าที่จะเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แถวนี้ ดูจากสถิติโรงงานผลิตรถยนต์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในระยะหลัง ๆ  โอกาสที่เค้าจะไปเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ที่เดียวกันกับหรือใกล้ ๆ กันกับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง และนั่นไม่ใช่ประเทศไทย ขนาดเชฟโรเล็ตเปิดแล้วยังต้องปิดตัวลง ในไม่ช้าเราอาจจะสังเกตเห็นปรากฎการณ์เชฟโรเล็ตเกิดขึ้นกับโรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้ออื่น ๆ ในประเทศไทยเรื่อย ๆ ดังนั้นโอกาสความเป็นไปได้ที่เทสล่าจะมาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยก็เกือบ ๆ เท่ากับ 0

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่เข้ามาขายรถยนต์เค้าในประเทศไทยเรา

เอาเป็นว่าไม่มีใครรู้ว่าเทสล่าจะเข้ามาขายรถยนต์ในไทยเมื่อไหร่ ความคาดการณ์เป็นไปตามความเห็นส่วนตัวและจากการติดตามข่าวสารและสถานการณ์รอบโลก  ถ้ายอดขายยังพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นนขาขึ้นของตัว S การผลิตแบตเตอรี่และเทคโนโลยีรีไซเคิลได้รับการพัฒนาดีขึ้น คาดว่าโอกาสมาขายภายใน 5 ปี ค่อนข้างสูง ส่วนใครที่หวังว่าถ้าเทสล่าเข้ามาขายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการแล้ว จะได้ซื้อรถเทสล่าในราคาที่ขายในเมกา (ประมาณ 1.5-1.6 ล้าน) ก็ต้องขอคาดเดาว่าไม่น่าจะได้  เพราะอะไร?  ก็ต้องดูว่าเค้าวางรถเค้าไว้เกรดเดียวกับรถอะไร แล้วราคามันอยู่ตรงไหนเมื่อเทียบกับตลาดแต่ละแห่ง บังเอิญว่ารถระดับนี้น่าจะเทียบเคียงกับ Mercedes, BMW ซึ่งราคาก็พอฟัดพอเหวี่ยงกันในตลาดเมกา แต่ทำไมรถ Mercedes, BMW บ้านเราไม่อยู่แถว ๆ 1.5-1.6 ล้านบ้างล่ะ ทั้ง ๆ ที่ผลิตเองในประเทศไทย 

ราคามันคงเป็นไปตามคลาสล่ะมัง  ถ้า Mercedes, BMW ลงมาแถว ๆ 1.5 -1.6 ล้าน แล้ว Honda Accord, Toyota Camry จะขายออกไหม  ถ้าเทสล่าโมเดล 3 มาเหลือ 1.5-1.6 ล้านจริง  Mercedes/BMW/Toyota/Honda จะขายออกไหม ถ้าเค้าเอาเข้าจากจีนและไม่เสียภาษีแพงเหมือนที่ MG ทำได้ เค้าก็คงขายราคานั้นได้อยู่แต่ก็ได้กำไรน้อยลง ถามว่าเค้าจำเป็นต้องขายราคานั้นไหม เทียบกับการขายราคาที่มันควรจะอยู่เมื่อเทียบกับรถในท้องตลาดแล้วเอาส่วนกำไรไปลงทุนทำศูนย์ซ่อมบำรุง วางเครือข่าย supercharger ทั่วไทยไม่ดีกว่าเหรอ  ดังนั้นโดยส่วนตัวไม่คิดว่าราคาที่ Tesla เข้าเมืองไทยจะเริ่มที่ 1.X ล้าน  อย่างน้อย ก็น่าจะเริ่มที่ 2  ยังไงยังไงก็จะถูกกว่าซื้อผ่านเกรย์ซึ่งนำเข้าจากอังกฤษหรือฮ่องกงแน่นอนเพราะเรื่องภาษี

เมื่อเร็ว ๆ นี้มิตรรักคนใกล้ชิดมากระซิบว่าน้อง ๆ Tesla เค้านำรถจากเมืองจีนมาขายสิงคโปร์ (อีกแล้วนะ เคยมีโชว์รูมมาก่อนแล้วปิดไป) ราคา 1 ล้านต้น ๆ เอง ด้วยความสงสัย ไม่ใช่สงสัยว่าเค้ามาขายสิงคโปร์ (อีกแระ) แต่สงสัยเรื่องราคา ก็เลยลองเค้าไปเช็คดู ณ วันที่เช็ค (Feb 14, 2021) เค้าเอามาขายสองรุ่นคือ standard range plus ราคาเขียนไว้ว่า SGD 77,990 และ performance ราคา SGD 94,990 เราทึกทักว่าเป็น made in China เพียงเพราะในรูปที่แปะให้ดูว่าห้องโดยสารภายในตรงประตูมีลายไม้โปะซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นลักษณะเฉพาะของ Model 3 made in China เท่านั้น แต่โดย logistic แล้วก็ค่อนข้าง make sense ที่สุดเพราะระยะทางใกล้ที่สุด  ถ้าไม่อ่านให้ละเอียดก็จะขึ้นว่าจริง อู้หู ราคาแค่ 1.76 ล้านบาท (SR) กับ 2.14 ล้านบาท (PF) พี่ไทยฝันหวาน นึกว่ามาเมืองไทยก็คงจะราคานี้


 


โถ ๆ พี่ไม่อ่านให้ละเอียด พี่ไม่ลองทำท่าจะซื้อดูล่ะคับ ลองคลิ๊กไปเรื่อย ๆ เหมือนพี่จะเช็คเอาท์แล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้น

สุดท้ายตอนจะเช็คเอาท์ (ขออนุญาตเอาเฉพาะ PF มาให้ดูนะคับ) ราคาพี่ก็จะกลายเป็น SGD 154,815 (THB 3.49) ขึ้นมาทันที หมายความว่าวันนี้พี่จ่ายเท่านี้ก่อน แล้วเด้วพี่ไปขอคืนจากรัฐบาลอีกที ซึ่งถ้ารัฐบาลสิงคโปร์ไม่โกหก ควรจะได้คืน SGD 45,000 (1 ล้านบาทเศษๆ) ซึ่งรัฐบาลเค้าเพิ่งออกกฎหมายมาให้ incentive คืนให้กับผู้ซื้อพาหนะพลังงานสะอาดเริ่มต้นวันนี้และอีก 3 ปีไปข้างหน้า ลองหลับตานึกภาพลุงตู่ออกกฎหมายแบบนี้มา ให้คนไทยซื้อรถไฟฟ้าราคา 3 ล้านบาท แล้วเด้วรัฐคืนให้ 1 ล้านบาท  นึกภาพออกมะ  ถ้านึกไม่ออก ก็นั่นแหละ คือโอกาสของท่านที่เทสล่าจะเข้ามาเมืองไทยตราบใดที่ลุงตู่หรือรัฐบาลไหน ๆ ที่ขึ้นมา ยังไม่มีนโยบายเยี่ยงนี้ ลองดูปากท้องประชาชนคนทั้งประเทศ นึกภาพออกมะว่าถ้ารัฐบาลบอกจะให้เงินสนับสนุนคนซื้อรถไฟฟ้า อะไรจะเกิดขึ้น 



อันนี้แสดงให้เห็นชัดว่าไม่ใช่เทสล่าไม่อยากมาขาย เค้าอยากมาขายแต่ไม่ใช่ขายแล้วไม่ได้อะไร เค้าต้องได้กำไร ยิ่งเยอะยิ่งดี  หมายความว่าเค้าก็คงจะฟัน 3+ ล้านบาทจากท่านสำหรับ Model 3 รุ่น top แต่ท่านไปเอาคืนจากรัฐบาลของท่านเอง จะได้กี่พัน กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้านก็เรื่องของท่านกับรัฐบาลท่าน ทำไมเค้าจำเป็นจะต้องขายถูกในเมื่อการที่เค้าจะเข้ามาขาย เค้าก็จะต้องลงทุนพอสมควร ใครเป็นพ่อค้าขายของก็เอากำไรทั้งนั้น อันนี้ไม่ใช่บริษัทเพื่อการกุศล เค้าจะฟันกำไรเอาไปพัฒนาเทคโนโลยี ไปขุดลิเธียม ไปรีไซเคิล ไปพัฒนาแบตเตอรี่ มอเตอร์ ไปสมทบทุนสร้างจรวดไปดาวอังคาร ขุดอุโมงค์รอบโลก เข้าใจมั้ยคับ  คือความหวังอีกอันนึง ถ้าเทสล่ายอมเปลี่ยนนโยบายว่ามีดีลเลอร์ขายให้ เค้าอาจจะเข้ามาเร็วขึ้นเพราะไม่ต้องคิดมากเรื่องลงทุนว่าคุ้มไม่คุ้ม หรืออีกกรณีนึงก็คือการแข่งขันสูงมาก ทนแรงกดดันจากแบรนด์เมืองจีนไม่ไหวและต้องการเข้ามายึดฐานลูกค้าไว้ก่อน

สิ่งหนึ่งที่พอจะใช้เป็นตัวติดตามได้คือระยะเวลาที่เค้าให้รอได้รถ ท่านลองดูจำนวนยอดที่เค้าผลิตได้ กับยอดขาย ปีที่ผ่านมาเทสล่าขายไปได้ ประมาณ 5 แสนคัน ซึ่งต่อให้ Model 3 กลายเป็นรถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกตอนนี้ แต่ยอดรวมมันยังห่างจากยอดขายรถ ICE (Internal Combustion Engine) อีกเยอะ ถ้าเมื่อไหร่เค้ามีปัญญาผลิตได้มากขึ้นแล้วสต็อคเค้าเริ่มล้น เค้าก็อาจจะพยายามมองหาเป้าหมายกลุ่มตลาดใหม่ในการขายเพิ่มขึ้น เราก็ไม่มีทางรู้ว่าสต็อคเค้าล้นเมื่อไหร่ แต่เราจะแอบดูได้จากระยะเวลาที่ต้องรอเวลาสั่งผลิต เป็นต้นว่า ตอนนี้ที่สิงคโปร์ จะใช้เวลารอประมาณ 3-4 เดือน เมื่อไหร่ที่อันนี้สั้นลงเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเมื่อนั้นแหละ ถึงเวลาที่เค้าอาจจะหันมาพิจารณาประเทศ GDP อันดับ 25 อย่างบ้านเรา

สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้ก็คือบริษัทผู้นำเข้าอิสระทั้งหลายอาจจะหันไปนำเข้าจากสิงคโปร์แทน เพราะระยะทางใกล้กว่า ขนทางบกอาจจะได้ถ้ายอมจ่ายภาษีมาเลย์อีกต่อ เวลามีปัญหาก็อาจจะขนกลับไปซ่อมง่ายกว่าส่งกลับไปอังกฤษหรือฮ่องกง แต่ไม่แน่ใจว่าจะเหลือกำไรให้เกรย์รึเปล่า เพราะต้นทุน 3.1 ล้าน เจอภาษีลุงตู่ เข้าไปก็อ่วมแล้ว

รอได้ก็รอคับ  รอไม่ไหว แบบว่า ธารน้ำแข็งมันถล่มแล้ว อากาศมันปรวนแปร วิปริตมากแล้ว น้ำท่วม สลับแล้งมากพอแล้ว หนาวจัดสลับร้อนจัดพอแล้ว ปะการังขาวซีดตายหมดแล้ว ฝุ่น PM 2.5 มันเลวร้ายพอแล้ว  ลูกเต้าก็ไม่มี ปัจจัยด้านทรัพย์ไม่มีปัญหา เบื่อขับรถใช้น้ำมันแล้ว 

ก็ไม่ต้องรอ จัดเลยคับ เด้วบล็อกหน้าจะมาเขียนเล่าต่อว่าทำไมถึงตัดสินใจจองรถเทสล่าในปี 2021 ได้




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2564
0 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2564 10:47:00 น.
Counter : 5326 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space