space
space
space
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
9 ธันวาคม 2564
space
space
space

เมื่อไหร่ Tesla จะเข้ามาขายในเมืองไทย #2
ในบรรดาบล็อกทั้งหลายที่เขียนไป หัวข้อนี้เป็นอันที่มีคนอ่านมากที่สุด อันอื่นไม่ค่อยมีคนสนใจ เมื่อตอนต้นปี (เดือน กพ.) เคยเขียนบล็อกนี้ไปแล้วทีนึง ตอนนี้มาไตรมาสสุดท้าย ก็ต้องขอตอบได้เลยว่าโอกาสเทสล่าจะเข้ามาขายเมืองไทยปีนี้คงเหลือ 0 แล้วล่ะ เหลืออีกไม่กี่วัน งั้นจะขอเดาของปีหน้าว่า

โอกาสเข้ามาขายปี 2565 = 1%
โอกาสเข้ามาขายปี 2566 = 10%
โอกาสเข้ามาขายภายใน 3 ปี = 50%
โอกาสเข้ามาขายภายใน 5 ปี = 75%

ที่ต้องเรียนแจ้งเป็นตัวเลขของความน่าจะเป็นก็เพราะกฎของโลกมนุษย์นี้คือ 1.ร่างกายของทุกคนจะต้องเสื่อม เจ็บป่วยและตาย  2. เราไม่รู้อนาคต  ก็เลยได้แต่เดา

ทำไมตัวเลขความน่าจะเป็นมันทรุดลงอีกล่ะฮะ

เดิมทีเมื่อเดือนกุมภาฯ 64 เราเดาไว้ว่า
เข้ามาปีนี้ (2564) โอกาสร้อยละ 5 ซึ่งอันนี้ผิดถนัดตอนนี้เดือนสุดท้ายของปี คงมาไม่ทันแล้วล่ะ
เดิมทีเราเดาว่าปีหน้า 2565 โอกาสร้อยละ 10-20  ตอนนี้ขอเปลี่ยนใจเดาว่าเหลือแค่ 1%

เพราะอะไร

แต่เดิมที่ให้ตัวเลขไว้เยอะก็เพราะเดาว่าโรงงานเปิดเพิ่มอีกสองโรงที่ Giga Berlin และ Giga Texas ถึงตอนนั้น รถที่ผลิตได้ประมาณเดือนละ 60,000 คันที่จีนจะส่งไปที่ไหน ก็คิดว่าคงจะเริ่มมาเปิดตลาดเมืองไทยนี่แหละ ก็ขายภูมิภาค southeast asia สิฮะ ตอนนี้ GDP ประเทศไทยไม่ได้จนขนาดนั้นนะ มาเลย์ อินโด นี่ก็พอฟัดพอเหวี่ยง น่าจะดึงดูดได้

แต่...สิ่งที่เรามาเรียนรู้และสังเกตพบช่วงปลายปีก็คือ

1. เทสล่าแอบขึ้นราคารถมาเรื่อย ๆ ขึ้นทีละนิดบ้าง ขึ้นทีละพรวดเดียว (Model S -plaid พรวดเดียว $5000) เลย ลงโทษคนซื้อชักช้า แล้วเค้าก็อ้างเหตุผลว่า เค้ามีปัญหาเรื่อง parts/chip shortage, minerals/battery constrains  แต่เหตุผลที่แท้จริงก็น่าจะเป็นว่า ก็กรูอยากได้กำไรเพิ่มขึ้น พวกเอ็งอยากได้รถกันนัก กรูก็ขอขึ้นราคา ไม่ซื้อก็อย่าซื้อ ไม่ง้อไง... มาถึงตอนนี้ ล่าสุดก็มีข่าวว่าขอปิดรับออร์เดอร์ Model S, X สำหรับลูกค้านอกเมกาไปก่อน เรียกว่าไม่ง้อจริง ๆ

ช่ายฮะ ตอนนี้ Tesla ชักทำหยิ่ง รู้ว่ารถตัวเองมี demand สูง คิวจองยาวขึ้นเรื่อย ๆ พ่อค้าก็ย่อมเป็นพ่อค้า จะเรียกว่าฉวยโอกาส ก็ต้องถามว่าแล้วมีพ่อค้าไหนไม่ทำ ไม่ซื้อชั้นก็ไม่ง้อ ไปซื้อเจ้าอื่นสิ (ตัวเลือกดี ๆ มันยังมีไม่เยอะมาก ต้องรอค่ายรถเยอรมันหรือค่ายจีนปั้มรถออกมาแข่งมากกว่านี้)

จากเดิมเรามีบล็อกนึงที่เขียนไว้เมื่อต้นปีเหมือนกันคือเรื่องสำรวจราคา Tesla model 3 ของแต่ละประเทศ ตอนนู้นเรามีตารางที่เปรียบเทียบราคา tesla model 3 ตอนต้นปี


มาถึงตอนนี้ก็เลยอัพเดตตารางโดยเพิ่มราคาเดือน ธ.ค.​ ปีนี้เข้าไปอีกบรรทัด จะเห็นว่าราคาก็เพิ่มมาเรื่อย ๆ ถ้าเปรียบเทียบราคาเดือน ธ.ค. กับราคาตอนต้นปี (มีจดไว้แค่เดือน ก.พ.) จะเห็นว่ามีเพิ่มตั้งแต่ 7% (US M3 PF) ถึง 22% (US M3 SR+) หรือพูดง่าย ๆ ก็คือราคาที่เพิ่มมีตั้งแต่ $3,900 ถึง $8,500 ซึ่งทั้งสองสถิติเป็นของเมกา ประหลาดว่าที่ UK ก็เห็นปรากฎการณ์ราคาเพิ่ม แต่ไม่แรงเท่าที่เมกา ทั้ง ๆ ที่เมกามีโรงงานอยู่ในประเทศ กลายเป็นว่ารถที่นำเข้าไปจากจีน (ตอนต้นปีรถขายที่อังกฤษหรือยุโรปยังมีรถจากเมกาส่งไปบ้าง ตอนหลัง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นรถที่ผลิตจากจีน) ประกอบกับตัวเลขผลผลิตก็จะพบว่า Giga Shanghai สามารถผลิตรถได้มากกว่า Fremont factory ในเมกามาก

ทำไม Tesla ถึงขึ้นราคา M3 SR+ (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อมาเรียกว่า M3 RWD) ค่อนข้างเยอะ ตอนแรก ตอนต้นปี เราเห็นเค้าขึ้นราคาเฉพาะ Performance หลังจากนั้นก็เพิ่มกันทุกรุ่น มาเรื่อย ๆ พอมาจนถึงปลายปี round up แล้วกลับกลายเป็น M3 SR+ หรือ RWD (rear wheel drive) ขึ้นราคาเยอะสุด เท่าที่ทราบมา คิดว่าน่าจะเป็นจาก 2 เรื่องได้แก่ เรื่องแบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) กับเรื่อง Biden incentive

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วที่เทสล่าเร่ิมใช้ LFP ในเทสล่า M3 SR+ โดยผลิตที่ Giga Shanghai แล้วส่งไปที่ยุโรป โดยลดราคาถูกลงประมาณ $1000 (ก่อนจะแอบทยอยขึ้นราคาทีหลัง) ในช่วงแรก ๆ ก็เหมือนมีกระแสต่อต้าน ไม่ชอบ มีรายงานพฤติกรรมแปลก ๆ ในเรื่องของการรายงาน % แบตเตอรี่ เรื่องของ cold weather (LFP ไม่ชอบ subzero/freezing temp อย่างแรง) ทั้ง ๆ ที่ในแง่ของคุณสมบัติของแบตเตอรี่ สำหรับเราคิดว่า LFP ดีกว่า ปลอดภัยกว่า (โอกาสเกิดไฟลุกน้อยกว่ามาก ๆ หรือไม่มี  cycle ก็ได้นานกว่า พูดง่าย ๆ ก็คือเสื่อมน้อยกว่า NCA) เหลือแต่ปัญหาเรื่อง energy density ซึ่งน้อยกว่า NCA ทำให้รถแบบพวก Long range/performance ยังไม่สามารถยัด LFP ลงไปได้

LFP เร่ิมแรกโดย 123systems ซึ่งเป็นบริษัทอยู่ในเมกา มีการจดสิทธิบัตรไว้ แต่ไม่ทราบว่ายังไงตอนนี้แบต LFP ผลิตในประเทศจีนเยอะที่สุด ที่เมกาทางเทสล่ายังไม่เริ่มผลิตแบต LFP และไม่มีเจ้าไหนกล้าเปิดโรงงานผลิต เนื่องจากปัญหาสิทธิบัตรซึ่งกำลังจะหมดเร็ว ๆ นี้

เดิมที M3 SR+ ในเมกาก็ใช้แบต Panasonic (NCA) เช่นเดียวกับในรุ่น LR และ PF แต่หลังจากที่เทสล่าเริ่มใช้ LFP ใน SR+ ไปได้ระยะหนึ่งตอนนี้เค้าเปลี่ยนมาใช้ LFP ทุกคัน รวมถึงรถที่ผลิตขายในเมกาด้วย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มผลิต LFP เอง คิดว่าคงจะนำเข้า LFP ของ CATL ทั้งก้อนแพ็คจากจีนแล้วนำมาประกอบผลิตในเมกาที่โรงาน Fremont และตัวเลขที่ขึ้นราคาโหดถึง $8,500 ส่วนหนึ่งก็สะท้อนมาจากค่าใช้จ่ายในการนำเข้าแบตเตอรี่

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคา SR+ หรือ RWD ขึ้นไปขนาดนั้นก็อาจจะเป็นเพราะ demand ซึ่ง demand นี้ก็เป็นผลพวงจากการที่รัฐบาล Biden มาออกร่างกฎหมายต่ออายุการจ่าย incentive สำหรับผู้ซื้อรถ EV (เดิมเคยมีแล้วหมดอายุไปตอนรัฐบาล Trump) 

นอกจากนี้ตอนช่วงต้นเดือน มีข่าวออกมาว่ามีคนไปสปอตเห็น made in China Model 3 อยู่ที่ใกล้ ๆ Fremont california ซึ่งอันนี้ไม่แน่ใจว่าเหตุใด อาจจะเป็นรถที่ Tesla นำเอาเข้ามาเองเพื่อเอามาทดสอบหรือมาทำอะไรบางอย่างที่ระดับโรงงาน (เอามาสอนคนอเมริกันที่โรงงานให้ประกอบรถให้ดี ๆ เหมือนคนจีนรึเปล่าไม่แน่ใจ) หรืออาจจะเป็นไปได้ที่มีการเอารถจากจีนเข้ามาทั้งคันเพื่อเอามาขาย เนื่องจาก Fremont factory ผลิตไม่ทัน

2. โรงงานก็ยังไม่เปิด ทำท่าจะเปิด แต่ก็ยังไม่เห็นเร่ิม mass production ที่ Giga Berlin นี่มีงานเปิดตัวไปเรียบร้อย มีข่าวว่ามีเรื่อง giga press มาลง นานา สารพัด แต่จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีข่าวว่าเริ่มปั้มรถล็อตแรกกันรึยัง ส่วนโรงงาน Giga Texas นี่ยังตามหลังที่ Berlin เข้าใจว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมเปิดตัวและคงเปิดไม่ทันภายในปีนี้ มีแต่คนแอบบินโดรนถ่ายรูป ถ่ายคลิปมาให้ดู ก็ส่วนใหญยังเห็นเป็นอาคารและพื้นที่ที่กำลังก่อสร้าง ยังไม่เสร็จซะที  

    สิ่งที่เราเรียนรู้ทีหลังก็คือ ต่อให้โรงงานเปิดและเร่ิมมีกระบวนการผลิตแล้ว เค้าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อยเกือบ 2 ปี กว่าจะได้ full production อย่างจริงจัง ดูตัวอย่าง giga Shanghai เป็นต้น เร่ิมผลิตรถจริง ๆ ปลายปี 2019 ถึงป่านนี้ ผ่านไปเกือบ 2 ปี เพิ่งจะเร่งกำลังผลิตได้เต็มศักยภาพ สิ่งที่เราก็ยังไม่รู้ก็คือแบตเตอรี่ 4680 แบบใหม่ที่เทสล่าโม้นักหนาว่าจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิตและสามารถทำเป็น structural battery pack ได้ จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่มี mass production เลย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรนักหนา  ถ้าแบตรุ่นใหม่ 4680 ซึ่งใช้ Chemistry คล้าย ๆ ในรูปแบบเดิมยังมีปัญหาขนาดนี้ แล้วแบตที่ฝันหวานกันไว้อย่าง solid state battery จะใช้เวลาขนาดไหน ดู ๆ ไปแล้วกว่าจะได้เห็น commercial mass production of solid state batttery for car นี่คงอีกพักใหญ่ ๆ เลย (เดาว่าเกิน 10 ปี) 203x นู่น...

    สรุปว่าต่อให้เปิดโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง แต่ทั้ง 2 ที่ยังไม่ได้ full production level ก็อาจจะยังไม่สามารถผลิตรถป้อนตลาดได้ตามที่คาด คงต้องรออีก 1-2 ปีกว่าทั้งสองโรงงานจะเร่งศักยภาพ และหวังว่าปัญหาเรื่อง chip shortage และ battery constraints จะดีขึ้นซึ่งโอกาสจะยิ่งค่อนข้างน้อยในเมื่อตลาดทั้งโลกกำลังมีความต้องการรถ EV สูงขึ้นมาก มาก มาก

3. ตลาดรถ EV กำลังเป็น S curve ขาขึ้น อันนี้ชัดเจนและน่าจะโหมกระพือ S ขาขึ้นด้วยนโยบาย incentive ของแต่ละประเทศ  ทางตลาดยุโรปประเทศนอร์เวย์กลายเป็นประเทศแรกที่ตอบรับการใช้ EV ดีที่สุด จะว่าไป ไม่ใช่เฉพาะตลาดยุโรป เรียกว่าเอาทั้งโลกนี้เลย นอร์เวย์นี่แหละ ทางรัฐบาลมีการสนับสนุนการใช้ EV อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างระบบการชาร์จ การออกกฎหมายเอื้อต่อรถ EV ภาษีและต่าง ๆ นานาจนกระทั่งตอนนี้ รถที่ขายใหม่ในนอร์เวย์เกินครึ่งจะเป็นรถ EV และภายในอีกไม่กี่ปี ก็น่าจะเหลือรถ ICE น้อยมาก ๆ ที่น่าประหลาดใจมากกว่า ก็คือ นอร์เวย์เป็นประเทศที่รายได้สำคัญมาจากการขุดเจาะบ่อน้ำมันเพื่อส่งออก ประหลาดดีแท้ ตัวเองขุด fossil fuels เอามาขายคนอื่นเอาเงินไปซื้อ EV มาใช้ในประเทศ ฟังแล้วงง ๆ

     เมกาก็น่าจะเป็นประเทศที่ค่อนข้างล้าหลังในเรื่อง EV adoption เมื่อเทียบกับประเทศเจริญแล้วอื่น ๆ (อย่าเอามาเทียบกับพี่ไทยเรา ถึงเมกาจะช้ายังไงก็ยังดีกว่าพี่ไทยแลนด์หลายขุมอยู่ดี) โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของทรัมป์ มาถึงตอนนี้ ก็เพิ่งจะมาออกกม.ใหม่ที่รัฐจะจ่ายชดเชยให้คนซื้อรถ EV เป็นเงินสูงสูดถึง $7500 (มีเงื่อนไข) แค่เนี้ย ก็น่าจะทำให้รถ EV ทั้งหลายแหล่ น่าจะขายดิบขายดีมาก

     ก็ถือว่าเทสล่ามาทัน ถูกทาง ทันเวลาพอดี ตอนนี้ทางบริษัทผู้ผลิตรถชั้นนำทั้งหลายก็หันมาเร่งผลิตรถ EV กันใหญ่ เทสล่าเองเป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่บริษัทที่ทำเฉพาะรถ EV ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังคาดการณ์ว่าภายใน 5-10 ปี จีนน่าจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำเรื่องการผลิตรถ EV ในทำนองเดียวกับที่ญี่ปุ่นทำกับรถ ICE เมื่อ 20-30 ปีก่อน จากเดิมที่แบรนด์รถญี่ปุ่นไม่มีใครรู้จัก แพร๊บเดียว พี่โต พี่ฮอน นิสสัน ซูบารุ มาสด้า ฯลฯ ก็มาจนถึงป่านนี้ เรื่อง EV นี่ทางญี่ปุ่นก็ถือว่ายึกยักชักช้าที่สุด เรียกว่าถ้าไม่ถูกบังคับจริง ๆ ก็คงไม่พยายามเข็นเอารถ EV ออกมา หลาย ๆ คนก็คาดการณ์กันไว้ว่าภายใน 10-20 ปี พี่โตอาจจะเป็นเหมือนโกดัก คือกว่าจะขยับก็คงไม่ทันคนอื่นไปมากมายซวย ๆ เข้าอาจจะเจ๊งไปเลย คนหันไปซื้อรถจีนกันหมด

    ความที่เทสล่าไม่เหมือนบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่ค่ายอื่น ๆ เพราะไม่เคยผลิตรถ ICE มาก่อน เป็นผู้ผลิต EV โดยแท้จริง ในบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถ EV ล้วน ๆ ทั้งหลาย ก้อคงจะไม่มีใครจะใหญ่เท่า เก่าแก่เท่าเทสล่าและไม่มีใครจะมีโรงงานหรือกำลังผลิตเทียบเท่าเทสล่าได้ (อันนี้ไม่นับพวก VW, GM, Ford, etc ที่เป็นผู้ผลิต ICE มาก่อน เอาเฉพาะบริษัทผลิต EV แท้ ๆ) ถ้าดูบริษัทผู้ผลิต EV ตอนนี้ เบอร์ 1 ก็คือเทสล่า มูลค่า market cap 1 ล้านล้าน USD (trillions) ตามมาแบบห่าง (มาก) คือ Rivian (มูลค่า 101.5 billion USD) เบอร์สามเป็น Lucid motors (71.94 billions USD) จะเห็นว่าสามบริษัท EV ชั้นนำ ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทในเมกา โดยเบอร์ 1 ทิ้งห่างเบอร์ 2 และ 3 ในทุก ๆ เรื่อง  ส่วนเบอร์ 4 ได้แก่ Nio (52.75 billion USD) เบอร์ 5 คือ XPeng จอมก๊อป (40.36 billions USD) สองบริษัทหลังเป็นของจีน และถ้าไล่ไปต่อ ๆ ก็จะมีอีกหลาย ๆ บริษัทที่อยู่ในจีนและยังไม่เป็นที่รู้จักกันในระดับโลกเนื่องจากทำตลาดขายเฉพาะในจีนหรือเพิ่งจะเริ่มออกมา เช่น BYD  บางบริษัทมีชื่อในลิสต์เป็นบริษัทฝรั่งในเมกา แต่ยังไม่เคยเข็นรถ EV ออกมาขายคันแรกเลย  หรือแม้แต่เบอร์ 2 (Rivian) และเบอร์ 3 (Lucid) ที่มี market cap ขนาดนี้ เพิ่งจะมีการส่งมอบรถ EV รุ่นแรก คันแรก ใครกล้าเสี่ยงก็รับไป

   มันก็ไม่แปลกที่ทำไมเทสล่าจึงจะขายดี มีมาก่อน ล้มลุกคลุกคลานมาก่อน มี know how ที่ดีกว่าเจ้าอื่น และเราก็เห็นว่าต่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ ICE บริษัทใหญ่ หันมาผลิต EV ยังไง ก็ยังไม่สามารถสู้คุณสมบัติของ Tesla ได้ ในแง่ของ EV (ไม่นับเรื่องคุณภาพการประกอบ ความพิถีพิถัน ความหรูหราดูภูมิฐาน) 

   เอาเป็นว่าต่อให้เทสล่าเปิดโรงงาน Giga Texas เพิ่มขึ้นอีก 1 โรง ซึ่งกว่าจะถึง full production อาจจะใช้เวลาอีก 1-2 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้น อนาคตจะขึ้นกับความสำเร็จในการ mass produce 4680 battery ด้วย รวมถึงยังมีรถอีกอย่างน้อยสามรุ่นที่เปิดตัวไปแล้วแต่ก็ยังไม่คลอด ดูเหมือนจะรอแบตเตอรี่ 4680 เหมือนกัน ได้แก่ updated Roadster, Cybertruck และ Tesla semi  ดังนั้นคาดว่า ภายในอีก 1-2 ปี จะต้องมีการเปิดตัวโรงงานแห่งที่ 3 ในเมกาแน่นอน
  
   เรื่องของเมกา ช่างมัน เทสล่าคงไม่อยากจะเอารถลงเรือชิปไปขายทั่วโลก ค่าขนส่งคงจะบั่นทอนกำไรที่จะได้พอควร ทุกวันนี้ที่ต้องขนรถจากจีนมายุโรปก็สาหัสพอควร  เค้าถึงไปลงทุนเปิดโรงงานที่ Giga Berlin ซึ่งน่าจะเร่ิมเปิดสายการผลิตได้ภายในปีนี้ แต่ก็เหมือนที่อื่น ๆ ที่ผ่านมา กว่าจะได้ full production ก็น่าจะอีก 1-2 ปี  บังเอิญว่าส่วนแบ่งของทางยุโรปอาจจะรุนแรงกว่าสำหรับเทสล่าในเมกา เนื่องจากเยอรมันเองประเทศเดียวก็คงจะไม่ยอมให้อุตสาหกรรมรถยนต์ตัวเองถดถอย ต่อให้ประชากรโดยรวมของ EU รวมกับ UK จะมากกว่าเมกาประเทศเดียว  มันก็ไม่แน่ว่าเทสล่าในยุโรปจะขายดีเหมือนที่ขายได้ในเมกา อย่าลืมว่า VW, Mercedes, BMW, Porsche, Audi, etc ก็ต้องมาเฉือนเค๊กไปบ้าง รวมถึงค่ายรถยนต์จากจีน จากเกาหลี รวมถึงพี่โต พี่ฮอน ที่อาจจะเพิ่มเริ่มตื่นตัว เราไม่แน่ใจว่าเทสล่าจะเล็งเปิดโรงงานในยุโรปแห่งที่สองหรือไม่ ถ้าจะเปิดจริง ก็คงจะไม่เปิดในประเทศที่ค่าแรงสูงแบบในเยอรมันอีก น่าจะไปทางยุโรปตะวันออก หรือที่อื่น ๆ ไปเลย

   จบข่าวโรงงานใหม่สองโรง ป้อนตลาดในพื้นที่ ยังไม่แน่ใจจะเพียงพอหรือเปล่า จะ full production อีกอย่างเร็ว 1 ปี อย่างปานกลางคือ 2 ปี ระหว่างนี้ ขาดเหลือก็ต้องอาศัยกำลังผลิตจากโรงงานใหญ่เดิมที่กำลังการผลิตเต็มสูบแล้วก็คือ Fremont factory และ Giga Shanghai แล้วมันจะมีรถเหลือมาขายไทยแลนด์หรือเปล่าล่ะ
  
    ก่อนจะมาเมืองไทย ผมคิดว่าถ้า Giga Berlin ขึ้นแล้ว รถจากจีนก็ยังไปยุโรปอยู่จนกว่า Giga Berlin จะได้ full production ระหว่างนี้ เทสล่าจะเปิดตลาดใหม่ที่ใด

   ถ้าติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิด ก็จะพบว่าอินเดีย เป็นประเทศที่เทสล่าจ้องจะเข้าไปลงทุนทำตลาดมาก โดยมีการจดทะเบียนเปิดบริษัทกันไปตั้งแต่ต้นปี 2021 และมีการขึ้นทะเบียนรุ่นรถที่จะจัดจำหน่ายโดยเริ่มจาก 3-4 รุ่น ตอนนี้มีถึง 7 varients ผ่านไปจะครบปีก็ยังไม่เห็นจะเอาเข้ามาขายจริงจัง ทางรัฐบาลอินเดียรู้ดีว่าทางเทสล่าสนใจจะขายของหรือทำตลาดในอินเดีย แต่คงจะมีการต่อรองอะไรกันจิปาถะ ซึ่งอาจจะยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ อยากจะเดาว่าทางรัฐบาลอินเดียคงอยากให้เทสล่ามาเปิดโรงงาน เทสล่าเองก็อาจจะสนใจแต่อาจจะติดขัดปัญหาเรื่อง mineral resources หรือ ownership/partner สัดส่วนระหว่างคนอินเดียกับทางเทสล่า (คิดว่าทางเทสล่าคงอยากจะได้ full ownership อย่างที่รัฐบาลจีนยอมให้ที่ Giga Shanghai เทสล่าคงไม่อยากเอา joint venture แต่รัฐบาลคุณโมดี้อาจจะไม่ยอม) ยึกยักไปมา ผ่านไป 1 ปีเต็ม ก็ยังไม่ขายซะที ขนาดจะนำรถเข้ามาจากจีนมาขายก็ยังต่อรองกันเรื่องภาษีไม่ได้

    บทเรียนครั้งนี้สำหรับไทยจะแปลว่าอะไร ไทยแลนด์คงจะไม่มีอะไรดึงดูดให้ Tesla มาตั้งโรงงาน ณ ตอนนี้ ค่าแรงไม่ได้ถูกที่สุดในภูมิภาค  GDP ไม่ได้เยอะมากมาย (คนรวย รวย คนจน จนมาก) เราปลูกข้าว แต่เราไม่ขุดแร่ เราเพิ่งจะเริ่มเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมโรงแรก สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดก็คือถ้าเทสล่าจะมาขายเมืองไทยจริง เราควรจะได้ข่าวการจดทะเบียนเปิดบริษัท Tesla motors Thailand อย่างเป็นทางการ เพราะเทสล่าไม่ขายผ่าน dealer ถ้าจดจริง ก็ต้องเป็นข่าว ทุกคนก็จะรู้ อย่าว่าแต่คนไทย เศรษฐีลาว พม่า เขมร เวียดนามก็รออยู่   แต่จดทะเบียนขึ้นบริษัทแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่าจะเข้ามาขาย ต้องดูกรณีศึกษาของอินเดีย จะครบ 1 ปีผ่านไปก็ยังไม่มีวี่แวว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับรัฐบาลลุงตู่แล้วล่ะว่าจะเจรจาภาษีอย่างไร จะต่อรองเค้าอย่างไร ให้เค้ารู้สึกสนใจจะเข้ามาทำตลาด หรือเรื่องการเมืองจะเข้ามาพัวพันจนมีแต่ MG, GWM, BYD, Nio, Xpeng, Xiaomi, Huawei, etc

    ช่วงนี้ (ปลายปีละ) ก็มีข่าวกระแสโหมโรงอย่างหนักว่าทางรัฐบาลไทยจะมีการประชุมครม.เร็ว ๆ นี้เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีรถ EV และมีการให้ incentive เหมือนที่ฝรั่งทำ ถ้าได้ยินมาไม่ผิด รถที่ราคาไม่ถึง 2 ล้าน อาจจะฟลุ๊ค ๆ ได้เงินสนับสนุนถึง 4 แสนบาท  เห็นตัวเลขแล้วก็ตกกะใจ ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจ แต่สงสัยว่าเมิงรวยมาจากไหนฟระ ขนาดตังค์จะซื้อวัคซีนยังกระมิดกระเมี้ยน แต่ตอนนี้บอกว่ามีเป็นหมื่นล้านจะทุ่มในด้านนี้เพื่อให้ไทยยังสามารถต่อยอดด้านเศรษฐกิจเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ในระดับภูมิภาค  ก็เอาใจช่วยและอยากให้คนไทยทุก ๆ คนเลิกใช้รถ ICE  สำหรับเราเองก็เป็นที่น่าเสียดายคงจะไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ในด้านนี้ หรืออาจจะเล็งซื้อคันที่สองต่อไป อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เราก็แอบเห็นรถเมล์สาธารณะหลาย ๆ สาย เร่ิมกลายเป็นรถ EV กันมากขึ้น เห็นแล้วก็รู้สึกดีใจ ไม่น่าเชื่อว่าระบบรถสาธารณะจะแปลงร่างมา green ได้ก่อนรถยนต์ส่วนบุคคล แปลว่ามนุษย์ส่วนใหญ่นั้น จะไม่ยอมลงทุนควักตังค์ส่วนตัวเพื่อสิ่งแวดล้อมเชียวเหรอ? ถ้าไม่มีตังค์ ไม่มี incentive มาล่อ ...  

   ถ้ารัฐบาลเอาจริงเรื่องนี้ incentive แรงจริง วางโครงสร้างดี การเอื้อภาษีชิ้นส่วนองค์ประกอบ รวมถึงเน้นการลงทุน การขุดแร่ การผลิตแบตเตอรี่ ประชาชนให้ความสนใจจริง น่าจะเกิดได้นะคับ ปีหน้า แม้จะโอกาสแค่ 1% แต่ถ้ากระแสมันแรง มีเหรอพ่อค้าจะไม่อยากขายของ โอกาสมันถึงไม่เคยจะ 0% ยังมีความหวังเสมอ ใครที่พอไหว ก็จัดไปไม่ต้องรอ อย่างน้อยก็ภูมิใจที่ว่าเรา green ได้ด้วยสำนึกจาก inner ของเราเองไม่ต้องรอให้มี incentive มาผลักดัน green ด้วยมโนสำนึกของมนุษย์คนหนึ่ง


Create Date : 09 ธันวาคม 2564
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2565 20:19:34 น. 0 comments
Counter : 1230 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space