แผนผังอันนี้เราตัดแปะมาจากคู่มือ service manual ของ Tesla model 3 รุ่น 2018-2019 เค้าแยก wiring diagram กันระหว่างรถพวงมาลัยขวา (RHD) กับรถพวงมาลัยซ้าย (LHD) ก็จะเห็นว่าไฟออกจากแบตก้อนเล็ก 12V (รวมทั้งก้อนใหญ่ด้วย) เค้าจะวิ่งมาผ่านสิ่งที่เรียกว่า Body Controller Front ก่อน หรือที่เราเคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้ ว่า VC (Vehicle Control) front นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แผง คือ VC left, VC right ของ Model S/X รุ่นใหม่ดูเหมือนจะมีอีกแผงอยู่ด้านหลังด้วย แต่จะเห็นว่าไม่มีสายไฟวิ่งตรงเข้าไปในรถโดยไม่ผ่าน VC front อันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะ tap ไฟ 12V ใด ๆ ก็ตามภายในห้องผู้โดยสาร รับรองได้ว่าจะเป็นสายไฟที่ผ่านจาก controller ตัวนี้มาแล้วทั้งนั้น
ในบรรดาคลิปยูทูปทั้งหลายที่เราดู ๆ เกี่ยวกับ tesla ก็มีคุณ Ingineerix หรือคุณ Phil Sodow คนนี้นี่แหละที่เราถือว่าเค้าอธิบายอะไรต่าง ๆ อย่างผู้รู้จริง หลังจากแอบไปสืบก็ทราบมาว่าเค้าเป็นวิศวกรคนหนึ่งในเมกาที่เชี่ยวชาญในด้านการม็อดรถ EV โดยเฉพาะ tesla มีประวัติการกู้ซากประกอบหรือซ่อมรถ tesla จากชิ้นส่วนรถที่ totaled แล้ว (แทงศูนย์) มาเกินสิบปี คนนี้เค้าก็มาอธิบายเรื่องแผง VC front ในคลิปวิดิโอนี้ และอธิบายทั้งหมดเกี่ยวกับวงจร low voltage circuit (12V) ทั้ง VC front, left, right ในคลิปวิดิโอนี้ ดูแล้วก็ได้แต่ซึ้งใจ ประทับใจในความล้ำเลิศของเทสล่า แต่ก็หวาดเสียวจะทำเจ๊ง ถ้าไป tap ไฟมั่วซั่ว
รูปซ้ายมือบนจะสังเกตุเห็นว่าด้านหลังแบตเตอรี่ 12V จะมีกล่องที่ฝาครอบด้านขวาเค้าเป็นโลหะ ซึ่งกล่องดังกล่าวมีแผงวงจร VC front (รูปด้านขวา) อยู่ข้างใน ถ้าสังเกตสายไฟขั้ว + ออกจากแบตแล้วเค้าก็จะเลี้ยวตรงไปเข้าแผงนี้ก่อนเลย หลังจากแผงนี้ถึงจะมีสายวิ่งออกไปต่อซึ่งมีทั้งที่ไป VC left และ VC right ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่ากล่องนี้/แผงวรจรนี้ก็ทำตัวเปรียบเสมือนเป็น fuse box ในรถทั่ว ๆ ไป เพียงแต่อันนี้เค้าไม่ให้ user เข้าไปยุ่งอะไร ข้อดีก็คือสะดวกสบายดี เค้าตัดไฟให้ถ้าไฟเกิน คืนไฟมาให้เมื่อถึงเวลาหรือทดสอบแล้วว่าผ่าน ไม่ต้องไปเปลี่ยนฟิวส์ ไม่ลำบาก มีข้อความขึ้นเตือนถ้ามีปัญหา ข้อเสียคือ เวลาแผงมันเจ๊ง ค่าซ่อมเปลี่ยนแผงทีก็หลายตังค์อยู่ (ได้ยินว่าประมาณ $1400)
คุณ Phil Sodow เค้าก็คงโดนคนถามเยอะแยะว่าจะ tap ไฟ 12V ได้จากตรงไหนบ้าง พวกฝรั่งนี่เค้าก็ mod (modify) -พี่ไทยเรียก โม เค้าก็ม็อดกันเยอะแยะ อย่างบ้า ๆ เราก้อเห็นติดตั้ง air suspension ใส่ปืนกลใน frunk ก็ยังเห็น ติดเครื่องเสียงแหลกไฟมหาศาลก็มี คุณ Phil เค้าเคยแนะนำวิธี tap ไฟ 12V แบบ switched 12V ภายในห้องผู้โดยสารไว้ 2 clips (clip แรกคลิ๊กนี่clip ที่ 2 คลิ๊กที่นี่) แต่บังเอิญว่าคลิปมันเก่าตั้ง 3 ปีแล้ว ของเค้าเป็นพวงมาลัยซ้ายและน่าจะเป็น Model 3 ยุคแรก ๆ แถว ๆ 2018 แล้ว Tesla เค้าก็ปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ทุกปี มาถึงปีรถเรา 2021 มันก็หาไอ้สิ่งที่เค้าเคยแนะนำไม่เจอซะแล้ว มันไม่มีให้ tap
ในเมื่อสิ่งที่คุณ Phil แนะนำมันไม่มีในรถเรา จุดที่เราคิดว่าจะ tap switched 12V ได้อย่างถูกกฎหมายที่สุดก็น่าจะเป็นตรงที่เสียบจุดบุหรี่นั่นแหละ เพราะจุดนี้ tesla ยอมให้ผู้ใช้งานเสียบนู่นนี่ และน่าจะยอมปล่อยกระแสไฟตรง 12V มาได้ไม่ต่ำกว่า 10A เราก็คิดว่าเราจะ tap จากตรงนี้ ก็พยาย๊าม พยายามหาสายไฟที่จะวิ่งไปตรงกลางคอนโซลจากด้านหน้า ปรากฎเธอก็ซ่อนไว้ได้มิดชิดมาก มีการห่อ tesa tape พันเหนียวแน่น หลบซ่อน จนเราไม่มีปัญญาหาเจอ ในเมื่อหาตรงต้นตอไม่เจอ สุดท้ายเราก็จำใจต้องรื้อ center console ด้านบน (ไม่ต้องรื้อทั้งหมด แค่พอให้เกี่ยวสายไฟที่มายังที่เต้าเสียบที่จุดบุหรี่ได้) ซึ่งวิดิโอเกี่ยวกับการรื้อ center console เพื่อ tap สายไฟตรงนี้มีให้ดูหลายอัน การรื้อก็ไม่ยากจนเกินไป แค่มีสกรูหลายตัวแค่นั้นเองแล้วก็ระมัดระวังหน่อย (ถ้ารื้อประตู 4 บานได้ ฮะ ๆ อินิมันของกล้วย ๆ เลยนะฮ๊าบ เหงื่อตกเล็ก ๆ ไม่มาก ไม่มาก)
แล้วจะเอา switched 12V ไปทำไม ในเมื่อตอนต้นบล็อกบอก Hansshow auto present door handle ขอ permanent 12V DC power เราลืมเล่าไปว่าในรถเรายังมีอุปกรณ์ Air Wick essential mist diffuser อันนึงซึ่งตกทอดมาจากรถเก่า (สโนว์ - Mercedes C350e) อุปกรณ์นี้จริงๆ แล้วเค้าใช้ไฟจาก AA battery 3 ก้อนหรือ 4.5V แต่เราก็ไปดัดแปลงใช้ไฟตรง DC จ่ายเข้าอุปกรณ์ ซึ่งเดิมเราเคยเสียบสายเอาไฟตรงออกจาก USB type A ซึ่งจ่ายไฟ 5V ในรถสโนว์ บังเอิญว่าเต้าเสียบ USB ในรถ tesla มันเจือกเป็น USB-C ทั้งหมด แล้วก็ USB-C นี่เค้ามีความซับซ้อนมาก ไม่ได้จ่ายไฟออกมาเป๊ะ ๆ 5V ตรงไปตรงมาเหมือน USB-A เค้าจะต้องมีการเจรจาระหว่างอุปกรณ์ที่มาขอต่อกับต้นทาง ถ้าคุยถูกคอกันเค้าถึงจะจ่ายไฟ และสามารถจ่ายไฟได้หลาย voltages ได้หลาย amps เป็นความมหัศจรรย์น่าทึ่งของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้อุปกรณ์ Air Wick ของเรา ซึ่งไม่สามารถต่อรองค่าไฟอะไรได้ ก็เลยไม่สามารถรับไฟอะไรจากเต้า USB C ของรถ tesla ได้ จำเป็นที่เราจะต้องหาไฟ 4.5V ให้เค้า ไม่งั้นก็ต้องมานั่งเปลี่ยนถ่าน AA 3 ก้อนอยู่เรื่อย ๆ ไอ้เรื่องเปลี่ยนถ่านก็เรื่องนึง แต่เรื่องความเปลืองก็อีกเรื่องนึง ถ้าเราใช้ถ่าน AA เราก็ต้องนั่งปิดเปิดเครื่องทุกครั้งเวลาขึ้นรถลงรถ สมัยก่อนมันรับไฟแบบ switched ตามรถอยู่แล้ว เราไม่ต้องปิด ไม่ต้องเปิด มันทำเองตามสภาพรถ active/inactive น้ำหอมขวดนึงอยู่ได้เกือบปี พอมาเป็น Tesla ก็เลยต้องเดือดร้อนหาไฟ 4.5 จ่าย วิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ คือเสียบ Cigarrett plug to USB-A ให้เค้า แต่ใครอยากจะมาเสียบปลั๊กนั่นตลอดเวลา เต้าเสียบมันอยู่ใน console ปิดฝา ฝาก็ทับสายไฟตลอดเวลา แถมเวลาจะต้องเสียบเต้าใช้ไฟ 12V สูบลมทีก็ต้องถอดเข้าถอดออก สุดท้ายก็ต้องหาทาง tap switched 12V (เราเอาไป buck down to 4.5V ทีหลังได้) ให้อยู่ดีนั่นแหละ