space
space
space
 
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
31 มกราคม 2564
space
space
space

ลาก่อน Porsche Taycan เราคงไม่มีวาสนา

ก็เฉลยไปแล้วตามชื่อ group blog 

กว่าจะตัดสินใจได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยต้องขอเล่านิดนึง

ท้าวความไปเมื่อก่อนโควิด-19 จะมา  ชีวิตมีความยุ่งพอควรในเรื่องการงาน รายได้กำลังเฟื่องฟู มีผู้คนต่างชาติเข้ามาตอนต้นปี 2563 หรือ 2020 ซึ่งต่อมาจากปลายปี 2562 กำลังเป็นกราฟขาขึ้น ตอนนั้นเรามั่นใจว่าน่าจะได้ถอยรถ

Porsche Taycan เนื่องจากเป็นรถที่คุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ  อันนี้ซีเรียสขนาดไปดูตัวจริงตั้งแต่ตอนที่ AAS เค้ายืมรถมาจากต่างประเทศมาโชว์ที่งานมอเตอร์โชว์ เป็นรถพวงมาลัยซ้าย ไม่ให้ขับให้ลูบ ๆ คลำ ๆ ดู ถ่ายรูปคู่มาด้วย  มันเป็นรถที่หล่อมาก ๆ ยิ่งเป็น Porsche แล้วไม่ต้องพูดถึง ยิ่งมี media hypes จากเรื่อง spec เรื่องที่ Taycan สามารถเอาชนะสถิติของ tesla model S ที่ Nürburgring ได้ เรื่อง 800V...  ตอนนั้นคิดว่าจัดได้ ถึงกับขั้นไปนั่งเลือกเสปค พิมพ์ใส่กระดาษออกมา ตอนนั้นจริง ๆ ก็แอบไปดู Tesla model 3 ที่ Spyder ด้วย ตอนนั้นเค้าให้ test drive ด้วยนะ แต่จิตใจมันฝังอยู่กับ Taycan ก็เลยเมิน Tesla ไปซะยังงั้น

หลังจากนั้นโควิดก็มา และทุกอย่างก็ค่อย ๆ พังทลาย เหมือนฝันสลาย พอทำบัญชีตอนจบปลายปี 2563 ก็พบว่ารายได้ลดลง นี่เป็นปีแรกที่รายได้ลดลง  อยากจะบ่น แต่พอเหลียวมองรอบ ๆ ตัว ก็คิดว่าอย่าบ่นซะดีกว่า ถึงรายได้เราลดลง แต่ยังมีคนเดือดร้อนกว่าเราอีกเยอะ ก็แค่อดขับ Taycan แค่นั้นเอง

ปัญหาที่สำคัญของ Taycan ก็คือ คนขับของเราเค้าไม่คิดว่าเค้าจะมีความสุขกับการเป็นเจ้าของ Porsche เค้ากังวลว่าจะต้องมีคนหมั่นไส้ อิจฉา ถ้าซื้อมา คงจะเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข  ส่วนเจ๊โป่ง คุณนายรุ่นพี่ที่ทำงานซึ่งบ้านนางมีแต่ Macan, Panemara (สามี) นางก็เชียร์ใหญ่เลย บอกว่าถ้าเธอขับแล้วจะมีความสุขมากเลยนะ  

บังเอิญเราไม่ได้เป็นคนขับ ตอนนั้นคิดอยู่แต่ว่าถ้าเสปคเอา Taycan มา เราต้องเพิ่มจอด้านคนนั่ง (ที่เรานั่งอยู่) จะได้กดนู่นนี่นั่นได้  แต่คนขับเราเค้าไม่ปลื้ม เค้าไม่ชอบ high profile เค้าชอบอะไรง่าย ๆ ไม่อยากเป็นที่สะดุดตา ไม่อยากถูกหมั่นไส้ เค้าอยากเบลนด์อิน  เค้าคิดไปถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในระยะยาว เท่าที่เราทราบมา Porsche กับ Audi นี่บริษัทเดียวกัน อะไหล่บางตัวหน้าตาเหมือนกัน แต่ถ้าปิดป้ายว่าเป็น Porsche ปุ๊บนี่ราคาจะต้องกระโดดขึ้นไปหลาย ๆ ทีเดียว รุ่นพี่อีกคนนึงที่อยู่คนละแผนกซึ่งมี Porsche 2 คันเหมือนกัน (Cayenne คันนึง รถสปอร์ตคันเล็ก ๆ สีเหลืองอีกคัน จำไม่ได้รุ่นอะไร) พี่เค้าไม่ได้ซื้อกับ AAS เหมือนเจ๊โป่ง พี่เค้าซื้อเกรย์ บอกเรามาว่า อย่าเลือกช่วงล่างถุงลมเป็นใช้ได้ละ

จะเลือกได้ไง Taycan มา air suspension ภาคบังคับ จะอย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากวันที่ไปดูตัวจริง ถึงวันนี้มีให้ดูที่พารากอน รูปหล่อเหมือนเดิม ห้ามสบตาด้วย จิตใจหวั่นไหว จองวันนี้ (ห้าแสน) ได้รถอีก 9 เดือน พอตอนจบปีทาง Porsche เค้าสรุปว่าปีที่ผ่านมาเค้าขาย Taycan ไปได้ 20,000 คัน(ยอดรวมทั่วโลกนะจ้ะ ของพี่ไทยดูเหมือนจะขายได้ไม่ถึง 100 คัน แต่ยอดจองเยอะกว่านี้ น่าจะเป็นพวกยังไม่ได้รถ หรือจองไว้แล้วเจ๊งเปลี่ยนใจ AAS เค้าบอกเค้าคืนเงินให้นะ ถ้าไม่เอา เอาไปกอดไว้ตั้ง 9 เดือน) ยอด 2 หมื่น ดูเหมือนจะขายได้เยอะ เห็นว่าทำท่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของยอดขาย Porsche ทั้งหมด แต่เค้าก็จะยังจะออกตัวถูกว่า 4s อีก คือจะเป็น Taycan ที่มีแต่ rear motor (คันที่เอาไปดริฟต์ทำสถิติกินเนสน่ะ ช่างหาวิธี PR เก๊ง เก่ง) แล้วก็แบต 78 kWh ราคาเมืองไทยเริ่มที่ 6 ล้านนิด ๆ ถ้าเป็น 4S เริ่มที่ 7.1 ล้าน 

ข้อดีของ Porsche ก็คือ highly customizable สามารถเลือกได้ทุกกระเบียด ตามใจลูกค้าทุกรูปแบบ มี options ยุบยับเต็มไปหมด ไม่มีนโยบายทำรถตลาด ไม่ต้องการ streamline production อยากเลือกอะไร จัดไป ปัญหาคือ ราคามันพองขึ้นมาเรื่อย ๆ เติมไปเติมมา จะปาเข้าไป 8 ล้านกว่า ๆ ของบางอย่างกลายเป็นของภาคบังคับสำหรับ AAS เช่น Porsche Electric sport sound เราไม่ได้อยากได้ แต่ AAS ก็บังคับมา เอาออกไม่ได้ เอาออกเค้าก็คงไม่คืนตังค์ให้ มันอยู่ในราคา 7.1 ล้านที่แจ้งแล้ว 

ปัญหาที่กลัวอีกอย่างคือรถมันเตี้ย จำได้ว่าตอนใช้น้องเล็ก (Lexus CT 200h) ซึ่งค่อนข้างเตี้ยกว่าสโนว์ (Mercedes C350e) พอควร มันชอบไปขูดอะไรมาใต้ท้องรถ ความเตี้ยของ Taycan ก็สะดวกดีตอนล้างรถ แต่เวลาจะผ่านเนินหลังเต่า คงต้องระวังมาก  อีกอันที่ดูไม่ค่อยน่าปลื้มคือเค้าใช้ไฟค่อนข้างเปลือง ถ้าจัดเราก็จะเอาแบตเพิ่มเป็น 93.4 kWh (ล็อกไว้ ใช้จริงได้แค่ 83.7 kWh) แต่เค้าวิ่งได้ไม่ไกลเท่าไหร่ (เรตไว้ 389-464 กิโล ใช้งานจริงเค้าให้ x 0.7  เอา 4 ร้อยโล x 0.7 = 280 km  น้อยกว่า MG ZS EV อีก) สมัย Porsche เป็นรถใช้น้ำมัน เค้าก็ไม่เคยเป็นรถ eco อยู่แล้วไม่ใช่ concept เค้า ไม่ใช่โตโยต้าแน่นอน

เอาเถอะจะซื้อรถราคาแพงกว่าบ้าน มันก็ทำใจยาก เก็บไว้ให้คนที่เค้ามีบ้านแพงกว่ารถซื้อไป ไปจอดที่ไหนคงมีแต่คนมองเพราะรถมันหล่อจริง มองอย่างเดียวไม่เป็นไร บางทีเค้าอาจจะอยากทดสอบสีตัวถังอะไรเงี้ย sentry mode ก็ไม่มี

นอกจาก Taycan รถในฝันแล้ว เราก็ไปแอบดู Jaguar I-Pace มา จริง ๆ ดูสองรอบแระ เคยไปทดลองขับแล้วด้วยครั้งแรก ครั้งที่สองเราโทรไป เค้าขับมาให้ทดลองถึงที่เลย Jaguare I-Pace ราคาในประเทศไทยขายแพงมาก โดยรีวิวแล้วฝรั่งเค้าให้เรตติ้งดีกว่า Audi e-tron ราคาตปท.ก็ถูกกว่า แต่พอเข้ามาในไทย กลับแพงกว่าซะงั้น ที่สำคัญคือบริษัทผู้นำเข้า อายุน้อย กลัวจะอยู่ไม่นาน จริง ๆ แล้ว บริษัท Meister Technik ที่นำ Audi เข้ามาก็ไม่ได้อายุเก่าแก่เท่าไหร่ แต่เค้ามีตระกูลใหญ่เป็นชื่อหนุนหลังอยู่ ก็ยังดูน่าอุ่นใจกว่า  พอจะจัด Jaguar ราคา 6 ล้าน (เค้าเร่ิมต้น 5.5 แต่ไอ้ของที่เราจะเอามันกลายเป็น 6 กว่า ๆ) มันมีความรู้สึกว่าเพิ่มอีกนิดก็สอยรถในฝัน Taycan ได้แล้ว  อีกประการบริษัท Tata motor ของอินเดียที่เค้าไปเทคโอเว่อร์ Jaguar/Land rover มาจากอังกฤษ เค้าไม่ผลิต Jaguar เอง ประหลาดดี รถ Jaguar I-pace ผลิตในเมือง Graz ประเทศออสเตรียโดยโรงงานผลิตรถยนต์รับจ้าง (outsource) มีอย่างนี้ด้วย  สรุปว่าถ้าจะเอา Jaguar - Audi e-tron ถูกกว่า    Jaguar จะประหยัดไฟกว่า e-tron (แบต 90 kWh เรตให้ 470 km, ระยะจริง - x 0.7 = 329 km)

ไปดูไปลองขับ Audi e-tron sport back อีตองธรรมดาไม่สนมันดูแก่ไปหน่อย e-tron sportback คันใหญ่มาก สำหรับผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ สองคน  ที่ดีคือจอหลังพวงมาลัย ใหญ่ตระการตา ชอบใจที่เอาแผนที่นำทิศทางขึ้นมาได้ คนขับแฮปปี้ เวลาถอยหลัง เค้ามีกล้อง simulation 3 มิติ สามารถถอยหลังได้อย่างมั่นใจ ดีกว่า surround camera เจ๋งดี ลูกเล่นประตูดูดได้ก้อเจ๋งดี แต่ความที่ประตูเค้าหนัก การจะปิดเบาๆ เพื่อให้มันดูดมันก้อไม่ง่าย ออกแรงนิดนึงมันก้อปิดได้สนิทแระ ไม่ต้องดูดเดิดอะไรหรอก ไฟ matrix LED ก้อได้เล่นเฉพาะกลางคืนแล้วมันก้อเป็นประโยชน์กับผู้ขับขี่คนอื่นมากกว่า

ที่ไม่เจ๋ง คือ รถมันแหลกไฟ มาอีกแระ แบต 95 kWh เรตไว้ 463 km ในชีวิตจริงได้ 324 km เยอะกว่าเม้งกวงนิดเดียว ก็อีกหล่ะ พวกเดียวกับ Porsche บริษัทเดียวกันนิ  จะเห็นว่าชาวเยอรมัน ทำรถยนต์ได้ดี เป็นรถหรูภายในดูดีมีราคา ช่วงล่างดี เบรกดี ทุกอย่างดีหมด แต่พอมาทำรถไฟฟ้า ทำไม่ได้ efficiency ซะเลย แต่ก็อย่างว่านะ ทั้ง Audi ทั้ง Porsche เค้าไม่เคยออกตัวเป็น ecoCar ตั้งแต่เป็นรถน้ำมัน 

ปัญหาใหญ่ของ e-tron คือ ที่เสียบชาร์จอยู่ด้านหน้าด้านคนขับ ในตปท. เราจะสามารถเพิ่ม port อีกด้านได้ แต่สำหรับทริมที่จัดมาในเมืองไทยราคา 5.2 ล้านเป็นดีลพิเศษที่บ. Meister ไปตกลงกับทางนู้นมา เลือกอะไรไม่ได้เลยนอกจากสีรถ กับสีเบาะ บังเอิญที่คอนโดเราตำแหน่งหย่อนสายลงมาจากเพดานมันไม่เอื้อกับรถที่มีที่เสียบอยู่ด้านขวามือและด้านหน้า กรณีน้องสโนว์ของเรามันอยู่ด้านขวาเหมือนกันแต่อยู่ท้ายรถ ก็โอเค  นี่คนขับรถถึงกับลองจอดรถแบบเอาหน้าเค้า  เค้าบอกไม่เวิ้คเลย เข้าก็ยาก ออกก็ถอยออกมุมเมิมไม่ให้ ปัญหาเหมือนเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายก็บ่นเรื่องคันใหญ่ หลังคาสูง ล้างรถลำบาก  อีกอย่าง cruise control ที่มาเป็นแบบโง่ ๆ ไม่ใช่ adaptive cruise control ถ้าเทียบกับ auto-pilot ของ Tesla แล้วก็ไกลกันลิบ ได้ความหรู ได้ความโง่ ได้ความเปลืองไฟ ราคาโอเค  ข้อดีอีกอย่างของ e-tron ก็คือราคาประกันรถไม่แพง ประมาณปีละ 89,000 ซึ่งรถไฟฟ้าคันอื่นระดับนี้จะ 6 หลักกันทั้งนั้น พอถามก็ได้คำตอบว่า อ๋อ ก็ประกันกับเชื่อแป้ง  จัดไฟแนนซ์ก็ K-bank  เรียกว่าธุรกิจในครอบครัวจริง ๆ 

กลับมานั่งซ้อมถอยรถ (เอาหน้าเข้า) เวลาออกถอยออก กันสองสามที คิดกับหลายตลบ ดูยูทูปกันจนตาเล็ด ประทับใจกับระบบ matrix LED headlight (แต่ไม่มีลูกเล่นยิงเป็นตัวหนังสือแปรอักษรหรอกนะคับ) ไป ๆ มา ๆ ก็บอกลาพี่แป้ง K-bank และก็ตระกูลนี้ ขอซื้อแต่หุ้น Kbank ละกันคับ ทำใจเสียดายอยู่ แต่คนขับเค้าไม่ชอบ ปัญหาเล็ก ๆ อีกประการของ Audi e-tron ก็คือ Wall connector ที่แถมมา เค้าไม่ได้ให้ของ Audi มาแต่ให้ของ Schneider และบริการติดตั้งให้ด้วย  แบรนด์ Schneider ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเราเป็นพิเศษที่บ้านก็ใช้ Solar inverter off-grid ของยี่ห้อนี้อยู่ ถึงจะเคลมประกันมาประมาณ 3-4 ครั้ง แต่ก็ยังใช้ได้โอเคอยู่จนถึงปัจจุบัน ปัญหาอย่างเดียวของมันคือรุ่นของ wall connector ที่ให้มาสำหรับไฟ 3 เฟสเท่านั้น บังเอิญว่าที่บ้าน (คอนโด) เป็นไฟ 1เฟส จ้า ถ้าได้มาก็คงต้องไปติดที่บ้านปะป๊าไม่ได้ติดที่คอนโด ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้น สู้ Tesla wall connector ไม่ได้ ของ tesla เค้าเครื่องเดียวกัน จะต่อไฟ 1 เฟส หรือ 3 เฟสก็ได้หมด แถมเดินสายเข้าไปไม่ต้องใช้สาย neutral ก็ยังได้ (ต่อ live กับ earth เฉย ๆ) สรุปว่า Audi E-tron ไม่มีอะไรส่งเสริมการให้เราเป็นเจ้าของ นอกจากโชว์รูมกับศูนย์บริการที่กำลังตอกเสาเข็มอยู่ตรงราชพฤกษ์ซึ่งใกล้บ้านดี แค่นั้นเอง ถ้าจะเอาจริง คงต้องยกหูโทรศัพท์โทรหาคนในครอบครัวที่พอรู้จัก มันก็จะรู้สึกไม่ค่อยดีมากเล็กน้อย เลยพักไว้ก่อน

จู่ ๆ น้องที่ทำงานก็มากระซิบว่าพี่ ๆ Lexus เค้ามี EV แล้วนะ เราก็รีบขุดคุ้ยข้อมูล อ๊ะ มีโฆษณาจริง ๆ นึกว่าผลิตขายเฉพาะที่เมืองจีน  พอดูสเปกแล้วก็กลืนน้ำลาย ความที่โตโยต้าเค้าเป็นรถประหยัดน้ำมัน พอเป็นรถไฟฟ้าเค้าก็ไม่เห็นจะอยากทำให้มันแรง  ที่ดูมั่นใจมากคือกล้ารับประกันแบตเตอรี่ 1 ล้านกิโล (ของเมืองไทยให้แค่ 10 ปี) เอาเป็นว่ามั่นใจว่าใช้ยังไงๆ ก็ไม่เสื่อม (เงื่อนไขประกันส่วนใหญ่หมายถึงเสื่อมไม่ถึง 70%)  เรื่องนั้นเราเลิกกังวลไปนานแล้วเพราะข้อมูลมันยืนยันแบบนั้น เรื่องราคาก็โอเค (3.49 ล้านบาท) ที่ไม่โอเคน่าจะเป็นขนาดแบต เค้าใส่มาให้แค่ 54.35 อ้างว่าขับได้ถึง 300-360 กม. (เอาเข้าจริงคงเหลือแค่ 210-250 กม.) เกิด range anxiety อย่างแรง เจ็บปวดกว่าคือ DC charger ใช้หัว Chademo ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ที่เจ็บปวดรุนแรงคืออัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลาช้าที่สุดในบรรดารถที่แอบไปดูมาคือ 7.5 วินาที อันนี้ช้ากว่าน้องสโนว์เราตอนนี้ซะอีก คือที่โม้ว่าโตโยต้ามีแอบทำ solid state battery มีเทคโนโลยี EV ซ่อนไว้  เห็นเสปค Lexus UX300e แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พอโทรไปที่โชว์รูม คำตอบคือยังไม่มีรถ ที่เอาเข้ามาโชว์ที่งานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาส่งคืนตปท.ไปแระ ต้องรอเดือนเม.ย.ถึงจะมีรถเข้ามาให้ชม อันนี้เลยปิ๋วไปซะงั้น

ส่วน MG ZS EV, FOMM-one, Hyundai Ioniq, Kona, Nissan Leaf (ต่อให้ลดราคาลงมาแล้ว), MINI Cooper SE, Kia Soul, BMW i3 นี่คนที่บ้านเค้าไม่เห็นสนใจเลย ชวนไปดู MG ตั้งหลายทีเค้าก็ไม่สน

สำหรับ Tesla ก็เคยไปลองขับมาแล้วที่ Spyder ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอยากได้เท่าไหร่เพราะใจมันอยู่ที่ Taycan มากกว่า แต่หลังจากพิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจพัง รายได้ปีที่ผ่านมาลดลง 10% ก็เลยต้องทำใจตัดใจจาก Taycan    อีกอย่างเราสองคนก็รู้สึกกังวลกับการซื้อรถเกรย์ ไม่เคยซื้อรถเกรย์มาก่อน ไม่มั่นใจกับหลังขาย เรารู้สึกว่าราคาในเมืองไทยมันแพงเกินเหตุ อยู่ที่เมการาคาเพิ่งจะ 53,490 USD มาเมืองไทยกลายเป็น 4 ล้านได้ไงฟระ รถก็ดูไม่หรูเท่ากับสโนว์ที่เราขับอยู่ 

เด้วขอเขียนอีกบล็อกเรื่องเทสล่าละกันนะคับ มันจะยาว ตอนพยายามรบกับตัวเองในจิตใจระหว่างอารมณ์ (ความอยากได้) กับเหตุผลที่ไม่ควรจะซื้อ มันเกือบ ๆ จะเพลี่ยงพล้ำกันหลายที เพราะถ้าจะเบ่งพลังซื้อจริง ๆ มันก็คงซื้อได้อะนะ คนไม่มีลูก ไม่มีภาระผูกพัน มันไม่มีข้อบังคับถือเป็นรางวัลชีวิตได้ จุดหักอันเดียวที่ทำให้ตัดสินใจได้ก็คือ เรามีความคิดว่าเราไม่ควรจะซื้อรถแพงกว่าราคาบ้าน (หรือคอนโด) ที่เราอาศัยอยู่ ถ้าคนที่เค้ามีปัญญามีฐานะซื้อคฤหาสน์หลายสิบล้านอยู่ ก็สมฐานะให้เค้าถอย Porsche ไปช่างเค้า แต่เราอยู่แค่คอนโด ราคาไม่แพง เราจะไปซื้อรถแพงกว่าบ้านเรือนอาศัยเราทำไมในเมื่อบ้านและที่ดิน ราคามันไม่ลง มีแต่จะเพิ่ม ส่วนรถยนต์ รถ EV เมื่อซื้อมาแล้ว ราคามีแต่จะตกลงไปเรื่อย ๆ (depreciation) เมื่อคิดได้ดังนี้ก็เลยตัดใจซะ 

ช่วงสัปดาห์ก่อนบอกลา Taycan ไปวางเงินจอง Tesla ยังพยายามแหย่คนขับที่บ้านทุกวัน ว่า Taycan เวลาจะนอนก็เป่าหูว่า Taycan Taycan Taycan... ท่องซ้ำ ๆ พยายามล้างสมอง แต่มันไม่สำเร็จ  เค้าให้วาง 5 แสนเหมือนกัน ตอนนี้มันต้นปีเดือน ม.ค. ถ้าเอา Taycan จะได้เดือน กันยา  ถ้าเทสล่าจะได้เดือน พ.ค. 

สรุปว่า เค้าไปโทรติดต่อของเค้าเอง แล้วก็วางเงินจอง Tesla model 3  Performance ไป ทางบริษัทนำเข้าแจ้งว่าน่าจะ พ.ค. หรือไม่ก็มิ.ย. อาจจะเลยไปถึง ก.ค. .... รอไป นั่งสโนว์ไปก่อนนะ
 




 

Create Date : 31 มกราคม 2564
0 comments
Last Update : 14 มกราคม 2565 23:06:36 น.
Counter : 4287 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space