Tesla model 3
Solar cell and battery
Printer
เรื่องของตู้เย็น
Mercedes C350e
Xiaomi Door Lock
<<
สิงหาคม 2565
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
4 สิงหาคม 2565
อบโอโซนในรถ ในบ้าน ทำเองก็ได้จ้า
Unable to DC Fast Charge -OK to AC charge
Tesla supercharger มันดียังไง
เมื่อไหร่เทสลาจะลดราคาในประเทศไทย?
สั่งจองเทสลา ทำอย่างไร เลือกยังไง คำแนะนำจากผู้ใช้ Tesla M3P มาก่อน
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ กับ Tesla model 3 Performance
Sikagard on (under) Tesla Model 3 Performance พ่นแดมป์เก็บเสียง กันสนิม
ประสบการณ์ใช้งานครบ 1 ปีสำหรับ Tesla model 3 Performance (1-year old Tesla M3P user's experience)
ค่าซ่อมบำรุงปีแรกของ Tesla M3 - 1284 บาท ! (1-year maintenance for Tesla model 3)
ล้างแอร์ เปลี่ยน cabin air filter สำหรับ tesla model 3 รักษากลิ่นเหม็นอับ
อบโอโซนในรถ ในบ้าน ทำเองก็ได้จ้า
ขัดสนิม ทาสีกันสนิม สลับยาง เปลี่ยน skid plate -The rust in Tesla model 3
Tick Tick Boom, the pyrofuse was blown
Premium connectivity หมดแล้ว แล้วไงล่ะ?
Switched 12V or Continuous 12V DC supply in Tesla model 3 จะไป tap ตรงไหน
Tesla จะมาประเทศไทยแล้วจ้า (ข่าวลือนะพี่ แต่ก็มีมูล)
The micro SD card in Tesla Model 3 มีไว้ทำอะไร
ประตูดูดได้ มือจับก็มีไฟและยื่นออกมาให้จับ (ถ้าหนูไม่หลับ)
พาน้องโบลต์ไปเที่ยวแหลมผักเบี้ย ใช้ supercharging ครั้งที่ 2
Hansshow V3 auto present door handle and soft close (V4) installation part II
Hansshow V3 auto present door handle and soft close (V4) installation part I
What's new in 2022 Tesla Model 3/Y
SIM card in Tesla model 3 เจอแล้วอยู่ตรงนี้
Tesla M3P vs Mercedes C350e
เมื่อไหร่ Tesla จะเข้ามาขายในเมืองไทย #3 อีกนานเรย....
สิ่งที่ท่านอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Tesla model 3
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าอยู่ไหนบ้าง DC supercharge อยู่ไหน
พาน้องโบลต์ไปเที่ยวทะเล
Software updates ของเทสล่า
Tesla ดีตรงไหน ทำไมขายดีนัก
ทำไม Ora good cat ขึ้นเขาไม่ได้
TeslaFi มีไว้ทำไม
เมื่อไหร่ Tesla จะเข้ามาขายในเมืองไทย #2
ข้อเสียของ Tesla model 3 ในเมืองไทยตอนนี้ (ปี 2564)
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเทสล่า และการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ประสบการณ์ใช้งาน Tesla model 3 Performance ขึ้นเดือนที่ 3
ไปกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ป้ายขาว
buying accessories for 2021 Tesla model 3 Performance
ประสบการณ์ใช้งาน Tesla model 3 Performance 1 เดือน
เตรียมตัวเป็นเจ้าของ Tesla ต้องดาวน์โหลดแอพอะไรบ้าง
Puddle light changes lead to cracked door window
Gen 3 Tesla wall connector vs JuiceBox 40
2021 Tesla Model 3 Performance delivery experience
สั่งล้อแม็กซ์นำเข้าต้องจ่ายภาษี 30% นะจ๊ะ
Uberturbine wheel replacement and the shipping logistics
UK Model 3 Performance 2021 Waiting Room
Installing Tesla wall connector
2021 Tesla model 3 PF UK delivery ยังไง ก็ May
ไปดูตัวจริง 2021 Tesla model 3 Performance ที่ AMG
เลือกสี เลือกเบาะ เลือกล้อ
สำรวจราคาขาย Tesla model 3 ในแต่ละประเทศ กุมภาพันธ์ 2564
ซื้อ Tesla ในเมืองไทย ปี 2021
เมื่อไหร่ Tesla จะเข้ามาขายในเมืองไทย
ลาก่อน Porsche Taycan เราคงไม่มีวาสนา
อบโอโซนในรถ ในบ้าน ทำเองก็ได้จ้า
โอโซนคือะไร หลาย ๆ คน อาจจะคิดว่าโอโซนคืออากาศบริสุทธิ์ ปรากฎว่าผิดถนัด เพราะจริง ๆ แล้วการสูดดมโอโซนเข้าไปปริมาณเข้มข้นจะทำอันตรายต่อเยื่อบุทางหายใจ ในทำนองเดียวกับที่โอโซนเข้มข้นสูงก็จะสามารถจะทำลายจุลินทรีย์ เชื้อรา และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
โอโซนก็คือ O
3
หรือการรวมตัวกันของก๊าซ oxygen จำนวน 3 โมเลกุล ซึ่งการเกาะกันสามนี้จะไม่คงที่ คือเค้าจะอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายเค้าก็จะสลายออกไป เหลือ O
2
ธรรมดา (oxygen สองตัว) อีกตัวที่หลุดออกมาก็จะไปจับคู่กัน ก็กลายเป็นก๊าซ oxygen ธรรมด๊า ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นในที่ที่มีปริมาณโอโซนสูง สุดท้ายโอโซนแตกตัวก็จะกลายเป็นบริเวณที่มีความเข้มข้น oxygen สูง ก่อนที่จะเจือจางไปในที่สุด
แล้วทำไมคนทั่วไปถึงเข้าใจว่าโอโซนคืออากาศบริสุทธิ์ น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากโอโซนสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ตามประวัติศาสตร์ คนที่สังเกตได้ครั้งแรก ๆ เค้าสังเกตว่าเวลาฝนตก มีฟ้าแลบ เกิดโอโซนขึ้นโดยโอโซนจะมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะของเค้า (เราจะอธิบายว่ามันจะคล้าย ๆ คลอรีน ฉุน ๆ กลิ่นคาว ๆ เหมือนที่ทะเล บอกไม่ถูก ต้องเคยดมสักครั้ง แล้วก็จะรู้ว่ากลิ่นอย่างนี้คือกลิ่นโอโซน) ตามปกติตอนถูกผลิตออกมาใหม่ ๆ โอโซนเค้าก็อยู่ในสถานะก๊าซ เหมือน oxygen นั่นแหละ และก็เหมือน oxygen ตรงที่ถ้าเราทำให้เค้าเย็นลงมาก ๆ เค้าก็จะสามารถควบแน่นกลายเป็นสถานะของเหลวสีฟ้า ๆ ได้ บนผืนโลกปริมาณก๊าซโอโซนจะมีมากสุดที่ชั้นของผิวโลกชั้นที่สองที่เรียกว่า strastosphere (มี 5 ชั้น จำได้บ่) ขโมยรูปบนเน็ตของคนอื่นมาแปะให้ดูข้างล่าง สรุปว่า ozone layer ก็คือชั้นบรรยากาศที่ช่วยปกป้องโลกจากอันตรายของแสง UV และมันก็ย้อนกลับมาเรื่องสิ่งแวดล้อมเรื่องเดิม เรื่องก๊าซเรือนกระจก ทำไมพวกเราถึงต้องช่วยกันลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง ก็เรื่องก๊าซเรือนกระจกที่พวกเราผลิตกันขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศนี้แหละ ทำให้โลกถูกปิ้งจากดวงอาทิตย์แล้วก็เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เหมือนดังที่เห็นในปัจจุบัน
แต่สำหรับวันนี้เราจะไม่พูดเรื่องนั้นกัน เราจะมาพูดเรื่องการนำเอาโอโซนมาใช้เพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อทำความสะอาด เพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้อง ในพื้นที่ที่สามารถปิดกั้นได้ การที่เราสามารถนำเอาโอโซนมาอบฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นได้ร่วมกับการได้กลิ่นเหมือนโอโซนเวลาไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ทะเล ผสมผเสกันทำให้คนส่วนหนึ่งเข้าใจว่าโอโซนเป็นของดี เป็นอากาศบริสุทธิ์ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วโอโซนเป็นพิษต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทำให้เกิดการ oxidized ทำอันตรายต่อเยื่อบุทางหายใจ และอากาศตามชายทะเลที่พวกเราไปสูดดมกันที่มีกลิ่นเหมือนโอโซน กลิ่นนั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่กลิ่นโอโซนแต่เป็นกลิ่นผสมผสานกันของ dimethyl sulfides และ halogenated seaweed metabolites
ทีนี้เราเชื่อว่าโอโซนที่มีความเข้มข้นสูง ๆ มันก็คงจะสามารถทำลายจุลินทรีย์ เชื้อรากระจอก ๆ ที่ยังไม่สร้างสปอร์ได้ เพราะมัน toxic ต่อ cells ดังที่ได้กล่าว แม้แต่ oxygen เอง ที่ปกติเราเปิดทุก ๆ วันในเวลาทำงาน ขนาด oxygen ในปริมาณความเข้มข้นสูง ๆ ก็ยังแสดงความเป็นพิษ ถ้าใช้เวลานาน ๆ ก็มีผลต่อเนื้อเยื่อปอด ในเด็กคลอดก่อนกำหนด บางทีก็ทำให้เด็กตาบอดไปเลย การเปิดเครื่องผลิตโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคเราเข้าใจได้ แต่เรื่องการอบโอโซนเพื่อขจัดกลิ่นเนี่ยสิเราสงสัยว่ามันกำจัดกลิ่นได้ยังไง เพราะปกติการจะขจัดกลิ่นให้ออกไปจากห้อง จากรถ หรือจากพื้นผิววัสดุอะไรต่าง ๆ ได้ เราก็ต้องรอให้กลิ่นนั้น ๆ มันจางไปเอง หรือเอาผงถ่าน activated charcoal มาดูดซับ หรือเอาสารเคมีพวกที่มีศักยภาพในการดึงดูด เช่น cyclodextrin มาดึงออกไป แต่เอาโอโซนดับกลิ่นนี่มันช่างน่าสงสัย เพราะโดยกลไกการทำงาน มันไม่เห็นจะทำอะไรได้ที่เป็นการดับกลิ่น
น้องโบลต์ของเรา ตอนมาใหม่ ๆ ก็มีกลิ่นรถใหม่ พอใช้ไปใช้ไป ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝน ลุยน้ำรอระบายของกทม.ตามโอกาส อายุกำลังจะครบปี จริง ๆ เร่ิม ๆ ตั้งแต่ตอนประมาณเดือนที่ 8-9 แล้ว คนขับเราก็เร่ิมบ่นว่ามีกลิ่น เค้าก็อยากจะเอาไปอบโอโซน สมัยก่อนน้องเล็ก (Lexus CT250h) ก็เป็นอีกคันที่เคยมีกลิ่นอับ (กลิ่นเหม็นเปรี้ยวเลยแหละ) หลังจากตอนปี 2554 ที่เคยต้องลุยน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย (สูงระดับป้ายทะเบียนรถ จำได้เพราะมีเศษขยะ สาหร่าย พลาสติกมาติดบนทะเบียนรถ ต้องมานั่งแกะออก) น้องเล็กเค้าก็มีความเตี้ยติดดิน คล้าย ๆ น้องโบลต์เรานี่แหละ ของโบลต์นี่เราสองคนระวังกันมาก ไม่เอาไปลุยน้ำอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนน้องสโนว์ (Mercedes C350e) นี่เป็นเด็กดีในด้านนี้ นอกจากนางจะสูงกว่าทั้งสองคันที่กล่าวมา นางยังขี้โกงด้วยการมี air suspension หลาย ๆ ที พอจะลุยซอยที่มีน้ำขัง ขนาดน้ำยังไม่สูงเท่าไหร่ เราก็กดยกรถขึ้น 1 นิ้วได้ แค่ปลายนิ้ว สโนว์เลยไม่เคยมีกลิ่นอะไร เหลือแต่กลิ่นประจำตัวของเค้าเวลารถเก่าและแก่ตัวลง มันจะเหมือนกับเป็นกลิ่นเบาะหนังวัวรึเปล่าก็ไม่ทราบ
น้องโบลต์นี่ไม่มีหนังวัวเยอะแยะ (เข้าใจว่าหนังที่หุ้มเบาะที่นั่งเป็น vegan ทั้งหมด) แต่หนังหุ้มพวงมาลัยนี่ไม่แน่ อาจจะหนังสัตว์ แต่รถเนี่ย พอใช้ไปสักระยะนึงมันก็จะมีกลิ่น musty, stuffy, mushy อับ ๆ แบบบอกไม่ถูก กลิ่นอับ ๆ อย่างเนี้ย แอร์ที่บ้านก็เป็น เฉพาะแอร์แบบ split type ที่บ้านเราเวลาจะปิดแอร์ จะเปลี่ยนเป็นโหมดพัดลมเฉย ๆ สักพักนึง แล้วค่อยปิด เข้าใจตรงส่วนคอยล์เย็นหรือที่เรียกว่า evaporator มันมักจะมีน้ำเกาะ แล้วบางทีมันก็ชื้น อะไรประมาณเนี้ย เป็นที่มาของกลิ่น ในรถก็เช่นกัน ทีนี้แอร์บ้านนี่เราล้างเองได้ ตามช่างมาล้างได้ เอาแผ่นกรองออกมาล้างน้ำได้ แต่แอร์รถเนี่ย มันยากกว่านั้น (เด้วจะลงมือล้างและเปลี่ยนไส้กรองอากาศวันเสาร์นี้แหละ) แต่ตอนนี้พูดเรื่องอบโอโซนก่อน
สมัยก่อนพอจะอบโอโซนก็ต้องเอาไปเข้าศูนย์บริการ เค้าก็จัดการให้ ค่าบริการเราก็ไม่ทราบ เพราะเค้าก็มักจะเหมา ๆ รวมไปกับค่าบริการอื่น ๆ เท่าที่เช็คดูออนไลน์ ก็มีเจ้าบีควิกที่เค้าโพสต์ว่าไว้ค่าบริการอบโอโซนครั้งละ 1,990 บาท อันนี้คือรวมกับค่าล้างแอร์ด้วย
เรื่องเสียตังค์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องเสียเวลาเนี่ยสิ การจะต้องเอารถไปทำโน่นนี่มันไม่ใช่สะดวกสำหรับเราสองคน โดยเฉพาะถ้าต้องเอารถไปทิ้งไว้ ถ้ามันไม่บ่อย หรือมันทำไปด้วยกันได้เลยกับอย่างอื่นมันก็จะดี แต่ถ้าต้องไปทำนู่นที ทำนี่ทีมันก็น่าเบื่อเหมือนกัน
ในเมื่อคนที่บ้านเราเค้าบ่นมาก เวลาขึ้นรถมาเค้าก็จะต้องเปิดพัดลมแอร์แรงๆ บางทีก็ชอบเปิดหน้าต่างก่อน เราก็เร่ิมรำคาญ บางทีเราก็จะเอาแอพมาเปิดแล้วสั่งเปิดแอร์สัก 3-5 นาทีก่อนลงมาจากห้อง(บนคอนโด) เพื่อให้เข้ารถมาแล้วมันไม่มีกลิ่น แต่บางทีรถมันหลับอยู่ก็สั่งอะไรไม่ได้ สุดท้ายเราก็เลยลองค้นดูว่าเราจะสามารถทำเครื่องผลิตโอโซนแบบ DIY ได้ไหม ปรากฎว่าได้ด้วยแฮะ ราคาก็ไม่แพง ถูกกว่าราคาข้างต้นอีกเยอะมาก
ปรากฎว่าวิธีทำให้เกิดโอโซนขึ้นมาง่ายนิดเดียว เนื่องจากวัตถุดิบของโอโซนก็คืออากาศที่พวกเราหายใจกัน มันมี oxygen อยู่แล้ว 21% เค้าก็แค่ทำฟ้าแลบ (แบบเล็ก) ผ่านกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปในชั้นตะแกรง ในแผ่น ceramic wafer ในโครงโลหะอะไรต่าง ๆ ที่อากาศสามารถไหลผ่านได้ มันก็บังเกิดเป็นโอโซนขึ้นมา แล้วเราก็เอาพัดลมเป่าโอโซนนั้นออกมา แค่เนี้ย เราก็ไปค้นหาเครื่องผลิตโอโซน ซึ่งก็มีขายเต็มเลยทั้งช็อปปี้ ลาซาด้าและอื่น ๆ ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเปลือย ๆ โล่ง ๆ โจ้ง ๆ ดูน่ากลัวพิลึก กับแบบใส่กล่อง มีทั้งแบบกล่องเหล็ก กล่องไม่เหล็ก แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีอันไหนสวยถูกใจ หรือเสปคไหนที่ปิ๊ง
เดิมทีเราก็จะเอาไปใช้แค่ในรถ ก็มองหาเครื่องผลิตโอโซนแบบที่ใช้ไฟ 12V จะได้เสียบช่องที่จุดบุหรี่ได้เลย เอ แต่ทีนี้ถ้าเกิดจะใช้ในบ้านขึ้นมา มันก็จะลำบากนะ เพราะไฟบ้านใช้ไฟ AC 230V นึกไปนึกมาก็คิดไม่ตก ครั้นจะซื้อแบบไฟบ้าน AC 230V เวลาใช้ในรถก็จะลำบากนิดนึงต้องลากสายไฟไป ต้องปิดประตูงับสายไฟ หลังจากเลือกไปเลือกมาก็ไปเห็นอุปกรณ์แบบเปลือย ๆ ที่เค้ามีขาย ราคาก็ถู๊กถูก ก็เลยว่าสอยแบบเปลือย ๆ มาเนี่ยแหละเด้วจะมาประกอบเองโดยรอบแรกเราก็สอยแบบ 12V มาก่อน
รูปเครื่องผลิตโอโซนที่ถอยมาจาก aliexpress -ด้านซ้ายมือคือที่สั่งมาอันแรกเป็นแบบ 12V 10 gm (สูงสุดสำหรับแบบไฟ DC 12V) ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะเอามาใส่กล่องประกอบเอง ก็เลยสั่งแบบใช้งานได้เลย คือมีพัดลม มีปลั๊กเสียบช่องเสียบบุหรี่มาให้เรียบร้อย ก็เลยราคาสูงหน่อย $23.80 หลังจากมีไอเดียจะเอาลงกล่องและอยากได้ระบบไฟบ้าน อันที่สองก็เลยสอยแบบเปลือย ๆ มาเลย เฉพาะตัวผลิตโอโซนจริง ๆ ซึ่งสำหรับแบบไฟบ้าน 60 gm นี่คือสูงสุดสำหรับเวเฟอร์ 2 แผ่น ราคา $17.75 คิดเป็น USD/gm แล้วก็ถือว่าถูกมาก ถ้าอยากได้แรงกว่านี้ ก็ต้องเอามาวางเรียงขนานกันไปแล้วพัดลมเป่าผ่านทุกตัวออกมา แต่แค่ตัวเล็กแบบ 12V 10gm นี่เปิดทีก็ฉุนโอโซนจะแย่ ปิดจมูกแทบไม่ทัน ถ้าเปิดตัว 60 กรัมนี่ ต้องรีบหนีออกจากห้องด่วนทันทีก่อนเยื่อบุถุงลมปอดจะ oxidized ตายหมด
ตามสภาพ สั่งของ Aliexpress ต้องทำใจว่า 2-3 เดือน กว่าจะมาถึง ปรากฎของชิ้นนี้มาถึงเร็วใช้ได้ ไม่ถึงเดือนดี ประมาณ 2 สัปดาห์ ของหลาย ๆ ชิ้นที่มาจากจีน อาจจะมีโพลต์ขายบน Shopee/Lazada เหมือนกันแต่ราคามักจะแพงกว่ามากบ้าง น้อยบ้าง แต่ที่น่าอุ่นใจก็คือมักจะได้ของภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าซื้อบน aliexpress ต้องลุ้นอย่างเดียวเลย โชคดีก็ได้ไวหน่อย โชคร้ายก็บางที 3 เดือน up
หลังจากได้ของมา เราก็ไม่รอช้า จัดไปเพราะคนขับรถเราบ่นมาก เค้าก็เป็นคนเอาไปต่อไฟ สั่งอบเอง บังเอิญว่าแบบเปลือย ๆ นี้เค้ายังไม่มี timer switch ผู้สั่งใช้งานก็ต้องจับเวลาเอาเอง พอครบเวลาเปิดประตูรถเข้าไป ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสูดสัมผัส Ozone เข้าไปบ้างเพราะมันยังฟุ้งอยู่ หลังจากอบรอบแรกไป กลิ่นก็ดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ แต่ผ่านไปอีกสัก 2-3 สัปดาห์มันก็กลับมาอีกรอบ คนขับรถเราเค้าก็เอาไปอบอีก เรียกว่าอบมันเกือบจะทุก 2 สัปดาห์ ไอ้เราก็เกิดวิตกจริตเรื่องยางเสื่อม คือ ozone เค้ามีข้อเสียคือถ้าปริมาณความเข้มข้นสูง ๆ เป็นเวลานาน ๆ ส่วนประกอบที่เป็นยางอาจจะเกิดอาการเสื่อม ละลาย
รูปซ้ายคือสภาพเครื่องตัวจริงที่เราไปต่อใช้งาน เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ใช้สายต่อช่องเสียบจุดบุหรี่ เพราะเอามาต่อกับแบต 12V ตัวจิ๋วที่เราประกอบเอง เค้าก็เดรนแบตใช้ได้ ตัวเล็กเนี้ยเปิดใช้งานสัก 15-30 นาที แบตก็เหลือเกือบครึ่งก้อน (เรามีก้อนใหญ่อีก) พอใช้งานจริง ขี้เกียจจับเวลาก็เลยต้องไปหา timer มาให้เค้า บังเอิญที่บ้านไปคุ้ยเอาอะไหล่เก่า ๆ เป็น mechanical spring timer switch สำหรับเตาไฟฟ้ามาประยุกต์ใช้ ก็ตั้งเวลาได้สะดวกขึ้น รูปด้านขวามือคือหลังจากเรายัดอุปกรณ์ลงไปในกล่อง กล่องนี้ก็สอยมาจากไดโสะ ราคาประมาณ 120 บาท ก็จัดพัดลมลงไปสองตัว ตัวนึงดูดลมเข้า อีกตัวนึงระบายลมออก ลมก็จะผ่านตัวทำโอโซนซึ่งมีให้เลือกทั้งสองระบบคือ 12V และ/หรือ 230V ไฟบ้าน
ความเรื่องมากของคนเยอะ ก็คือ grill สำหรับพัดลมก็ไม่อยากจะใช้แบบธรรมด๊า ธรรมดาที่เป็นตะแกรงเหล็กกลม ๆ มันไม่จ๊าบ ก็เลยต้องไปสอย custom made 3D printed fan gril มา มีคนทำขายราคาสูงหน่อยแต่ทำแล้วมีความเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นสูง รูปขวาแสดงให้ดูความยุ่งของสายไฟและอุปกรณ์ เดิมทีที่คิดว่าจะเอา dual system ก็เพียงเพราะ knob timer switch เรามันเป็น double pole คือสามารถตัดไฟได้สองสาย เค้าคงจะออกมาแบบมาให้ใช้ตัดไฟบ้านทั้ง L และ N แต่เราก็เอามาประยุกต์ ขานึงตัดไฟ 12V อีกขานึงตัดไฟ Live ของ AC 230V แต่ติดปัญหาที่พัดลมซึ่งทำงานด้วยระบบ DC 12V ก็เลยต้องจัด AC-DC mini-adapter และตัวรีเลย์ลงไปเพิ่มเพื่อให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์แบบ หลังจากไปใช้จริงก็ยังเจอปัญหาว่าเวลาบิดปุ่มตั้งเวลา ไฟก็จะเข้าแผ่นเวเฟอร์ผลิตโอโซนทันที บางทีปิดตู้ ปิดประตูวิ่งหนีไม่ทันเพราะมัวแต่เล็งบิดปุ่มว่าจะเอากี่นาที ตอนหลังก็เลยต้องมาจัดสวิทซ์กระดกเติมลงไปเป็นตัวตัดไฟเข้าเวเฟอร์ผลิตโอโซนซึ่งสวิทซ์นี้ก็เป็น double-pole อีก ก็เลยเหมือนเดิม ข้างนึงไว้ตัดไฟระบบ 12V อีกข้างไว้ตัดไฟ 230V
รูปซ้ายมือนี่พยายามถ่ายในที่มืด เพื่อให้เห็นแสงสีม่วงบนแผ่นเวเฟอร์ตอนที่เค้าผลิตโอโซนและก็ไฟรถสองแถวสีรุ้งบนพัดลม LED บังเอิญกล้องมันไวแสงก็เลยถ่ายแล้วดูสว่างไปหน่อย ตอนที่เค้าผลิตโอโซน ถ้าปิดไฟมืดหมดก็จะเห็นแสงฟ้าแลบแปร๊บ ๆ สีม่วง ๆ บนแผ่น แล้วก็เสียงซู่ซ่า ซู่ซ่า (ต้องลองดูในคลิปวิดิโอข้างล่าง) และที่สำคัญก็คือจะมีกลิ่นโอโซนฉุนจมูก ต้องรีบวิ่งหนี ด้านขวามือก็เป็นตอนผลงานเสร็จเรียบร้อยแปะป้าย ภูมิใจผลงาน
หลังจากอบในรถเสร็จ ก็เกิดอยากจะอบในบ้านบ้างไรบ้าง อบแอร์ที่บ้านอะไรประมาณเนี้ย สรุปว่าเลยต้องไปสอย ozone generator แบบที่ใช้ไฟ 230V ซึ่งหาได้ง่ายกว่าแบบ 12V อีก แล้วก็ไปหากล่องพลาสติกขำ ๆ หาพัดลมสวย ๆ แล้วก็ประกอบกันออกมาเป็นกล่องสำเร็จดังในรูป นอกจากพัดลม 3-D printing fan grill และ wafter ทำ Ozone ทั้งแบบ 12V และ 230V แล้ว และก็กล่องพลาสติกใบละ 120 บาทที่เอามาใส่ อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น timer (knob), relay, AC-DC adapter, switch, connectors, สายไฟต่าง ๆ นี่ใช้ของเก่าที่มีอยู่แล้วในบ้านทั้งสิ้น เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายประมาณ 2000 ไม่เกิน 3 พันบาท (ขี้โกงใช้ของเหลือ ๆ ในบ้านเยอะ) ก็ได้เครื่องอบโอโซนที่สามารถต่อไฟได้ทั้งสองระบบ ไฟ DC12V สำหรับใช้ในรถและ ไฟ 230V สำหรับใช้อบในบ้าน
ต่อข้อถามเรื่องว่าโอโซนมันดับกลิ่นได้อย่างไหร หลังจากลองอบไปอบมาหลายรอบ เราคิดเอาเองว่าการที่โอโซนดับกลิ่นได้ ก็คงอาศัยว่าตัวโอโซนเองเค้าเองในปริมาณสูง ๆ เค้าจะ displace กลิ่นเก่าออกไปโดยเฉพาะในชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก คือเค้าคงไม่ได้ไปทำลายกลิ่นไม่พึงประสงค์อันเดิม แต่คงจะอาศัยปริมาณที่เยอะกว่า ที่เข้มข้นไปแทรกตัวหรือเบียดที่เกาะในเนื้อพลาสติกหรืออะไรก็ตามที่เค้าแทรกซึมลงไปได้ในเนื้อวัสดุทำให้กลิ่นเดิมมันหายไป อันนี้สังเกตเอาจากภาชนะที่คนขับรถเราเค้าใส่ทุเรียน เนื่องจากเค้าชอบกินทุเรียน เรากินได้แต่ไม่ได้ชอบกินและไม่ชอบกลิ่นทุเรียนอบอวลในตู้เย็นด้วย ตอนหลังเราก็เลยไปถอยภาชนะ Foodsaver แบบที่มันสามารถดูด vacuum ปิดฝาสนิทไว้แนบแน่น เค้าก็ผนึกเอากลิ่นเกือบอยู่ (มันยังดมได้ ถ้าตั้งใจจะ sniff แบบหมานักสืบ) แต่ก็ดีกว่าใส่กล่องภาชนะธรรมดาเยอะ แต่พอเค้ากินเสร็จ กลิ่นทุเรียนมันก็ติดอยู่กับกล่องนั่นแหละ สมัยอดีตเราจะเอาไปเติมผงถ่าน activated charcoal ถึงไว้ 2-3 สัปดาห์ ตอนนี้ก็ไม่ต้องแระ เอาเข้าตู้และเปิดอบโอโซน แม่-งเลย ก็ได้ผลชะงัดอยู่ เพราะพอยกกล่องภาชนะขึ้นมาดม มันได้กลิ่นโอโซนจาง ๆ ทีนี้กลิ่นโอโซนจาง ๆ มันก็ค่อนข้าง neutral ให้ความรู้สึกเหมือนสูดอากาศบริสุทธิ์ ก็เลยรู้สึกไปเองว่ากลิ่นทุเรียนมันหมดไปแล้วแค่นั้น
ทีนี้ในรถนี่ ขอบอกได้เลยว่าถ้าไม่แก้ที่สาเหตุ อบโอโซนที กลิ่นก็ดีขึ้น พอสัก 2-3 อาทิตย์มันก็จะกลับมาใหม่ สรุปว่าเรื่องน้องโบลต์หรือ Tesla Model 3 มีกลิ่น ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ฝรั่งก็บ่น มีโพสต์ตามฟอรั่มให้อ่านเยอะแยะเลย เป็นวิดิโอยูทูปก็มี ไว้เราจะมาอัพเดตบล็อกเรื่องล้างแอร์เปลี่ยน filter อีกทีนึงนะคับ สำหรับบล็อกนี้ก็เอาแค่เรื่องอบโอโซนก่อน อยากจะเอาผลงานกล่องประดิษฐ์เอง dual-voltage Ozone generator มาอวดแค่นั้นเองคับ
https://www.tiktok.com/@gollygui/video/7135641295808122114?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7135630106605995522
Create Date : 04 สิงหาคม 2565
Last Update : 27 กันยายน 2565 18:06:48 น.
0 comments
Counter : 897 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
gollygui
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add gollygui's blog to your web]
Bloggang.com