space
space
space
<<
สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
4 สิงหาคม 2565
space
space
space

อบโอโซนในรถ ในบ้าน ทำเองก็ได้จ้า
โอโซนคือะไร หลาย ๆ คน อาจจะคิดว่าโอโซนคืออากาศบริสุทธิ์ ปรากฎว่าผิดถนัด เพราะจริง ๆ แล้วการสูดดมโอโซนเข้าไปปริมาณเข้มข้นจะทำอันตรายต่อเยื่อบุทางหายใจ ในทำนองเดียวกับที่โอโซนเข้มข้นสูงก็จะสามารถจะทำลายจุลินทรีย์ เชื้อรา และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้

โอโซนก็คือ O3 หรือการรวมตัวกันของก๊าซ oxygen จำนวน 3 โมเลกุล ซึ่งการเกาะกันสามนี้จะไม่คงที่ คือเค้าจะอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายเค้าก็จะสลายออกไป เหลือ O2 ธรรมดา (oxygen สองตัว) อีกตัวที่หลุดออกมาก็จะไปจับคู่กัน ก็กลายเป็นก๊าซ oxygen ธรรมด๊า ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นในที่ที่มีปริมาณโอโซนสูง สุดท้ายโอโซนแตกตัวก็จะกลายเป็นบริเวณที่มีความเข้มข้น oxygen สูง ก่อนที่จะเจือจางไปในที่สุด

แล้วทำไมคนทั่วไปถึงเข้าใจว่าโอโซนคืออากาศบริสุทธิ์  น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากโอโซนสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ตามประวัติศาสตร์ คนที่สังเกตได้ครั้งแรก ๆ เค้าสังเกตว่าเวลาฝนตก มีฟ้าแลบ เกิดโอโซนขึ้นโดยโอโซนจะมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะของเค้า (เราจะอธิบายว่ามันจะคล้าย ๆ คลอรีน ฉุน ๆ กลิ่นคาว ๆ เหมือนที่ทะเล บอกไม่ถูก ต้องเคยดมสักครั้ง แล้วก็จะรู้ว่ากลิ่นอย่างนี้คือกลิ่นโอโซน) ตามปกติตอนถูกผลิตออกมาใหม่ ๆ โอโซนเค้าก็อยู่ในสถานะก๊าซ เหมือน oxygen นั่นแหละ และก็เหมือน oxygen ตรงที่ถ้าเราทำให้เค้าเย็นลงมาก ๆ เค้าก็จะสามารถควบแน่นกลายเป็นสถานะของเหลวสีฟ้า ๆ ได้   บนผืนโลกปริมาณก๊าซโอโซนจะมีมากสุดที่ชั้นของผิวโลกชั้นที่สองที่เรียกว่า strastosphere (มี 5 ชั้น จำได้บ่) ขโมยรูปบนเน็ตของคนอื่นมาแปะให้ดูข้างล่าง  สรุปว่า ozone layer ก็คือชั้นบรรยากาศที่ช่วยปกป้องโลกจากอันตรายของแสง UV และมันก็ย้อนกลับมาเรื่องสิ่งแวดล้อมเรื่องเดิม เรื่องก๊าซเรือนกระจก ทำไมพวกเราถึงต้องช่วยกันลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง ก็เรื่องก๊าซเรือนกระจกที่พวกเราผลิตกันขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศนี้แหละ ทำให้โลกถูกปิ้งจากดวงอาทิตย์แล้วก็เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เหมือนดังที่เห็นในปัจจุบัน



แต่สำหรับวันนี้เราจะไม่พูดเรื่องนั้นกัน เราจะมาพูดเรื่องการนำเอาโอโซนมาใช้เพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อทำความสะอาด เพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้อง ในพื้นที่ที่สามารถปิดกั้นได้ การที่เราสามารถนำเอาโอโซนมาอบฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นได้ร่วมกับการได้กลิ่นเหมือนโอโซนเวลาไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ทะเล ผสมผเสกันทำให้คนส่วนหนึ่งเข้าใจว่าโอโซนเป็นของดี เป็นอากาศบริสุทธิ์ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วโอโซนเป็นพิษต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทำให้เกิดการ oxidized  ทำอันตรายต่อเยื่อบุทางหายใจ และอากาศตามชายทะเลที่พวกเราไปสูดดมกันที่มีกลิ่นเหมือนโอโซน กลิ่นนั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่กลิ่นโอโซนแต่เป็นกลิ่นผสมผสานกันของ dimethyl sulfides และ halogenated seaweed metabolites

ทีนี้เราเชื่อว่าโอโซนที่มีความเข้มข้นสูง ๆ มันก็คงจะสามารถทำลายจุลินทรีย์ เชื้อรากระจอก ๆ ที่ยังไม่สร้างสปอร์ได้ เพราะมัน toxic ต่อ cells ดังที่ได้กล่าว แม้แต่ oxygen เอง ที่ปกติเราเปิดทุก ๆ วันในเวลาทำงาน ขนาด oxygen ในปริมาณความเข้มข้นสูง ๆ ก็ยังแสดงความเป็นพิษ ถ้าใช้เวลานาน ๆ ก็มีผลต่อเนื้อเยื่อปอด ในเด็กคลอดก่อนกำหนด บางทีก็ทำให้เด็กตาบอดไปเลย การเปิดเครื่องผลิตโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคเราเข้าใจได้ แต่เรื่องการอบโอโซนเพื่อขจัดกลิ่นเนี่ยสิเราสงสัยว่ามันกำจัดกลิ่นได้ยังไง เพราะปกติการจะขจัดกลิ่นให้ออกไปจากห้อง จากรถ หรือจากพื้นผิววัสดุอะไรต่าง ๆ ได้ เราก็ต้องรอให้กลิ่นนั้น ๆ มันจางไปเอง หรือเอาผงถ่าน activated charcoal มาดูดซับ หรือเอาสารเคมีพวกที่มีศักยภาพในการดึงดูด เช่น cyclodextrin มาดึงออกไป แต่เอาโอโซนดับกลิ่นนี่มันช่างน่าสงสัย เพราะโดยกลไกการทำงาน มันไม่เห็นจะทำอะไรได้ที่เป็นการดับกลิ่น

น้องโบลต์ของเรา ตอนมาใหม่ ๆ ก็มีกลิ่นรถใหม่ พอใช้ไปใช้ไป ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝน ลุยน้ำรอระบายของกทม.ตามโอกาส อายุกำลังจะครบปี จริง ๆ เร่ิม ๆ ตั้งแต่ตอนประมาณเดือนที่ 8-9 แล้ว คนขับเราก็เร่ิมบ่นว่ามีกลิ่น เค้าก็อยากจะเอาไปอบโอโซน สมัยก่อนน้องเล็ก (Lexus CT250h) ก็เป็นอีกคันที่เคยมีกลิ่นอับ (กลิ่นเหม็นเปรี้ยวเลยแหละ) หลังจากตอนปี 2554 ที่เคยต้องลุยน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย (สูงระดับป้ายทะเบียนรถ จำได้เพราะมีเศษขยะ สาหร่าย พลาสติกมาติดบนทะเบียนรถ ต้องมานั่งแกะออก) น้องเล็กเค้าก็มีความเตี้ยติดดิน คล้าย ๆ น้องโบลต์เรานี่แหละ  ของโบลต์นี่เราสองคนระวังกันมาก ไม่เอาไปลุยน้ำอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนน้องสโนว์ (Mercedes C350e) นี่เป็นเด็กดีในด้านนี้ นอกจากนางจะสูงกว่าทั้งสองคันที่กล่าวมา นางยังขี้โกงด้วยการมี air suspension หลาย ๆ ที พอจะลุยซอยที่มีน้ำขัง ขนาดน้ำยังไม่สูงเท่าไหร่ เราก็กดยกรถขึ้น 1 นิ้วได้ แค่ปลายนิ้ว สโนว์เลยไม่เคยมีกลิ่นอะไร เหลือแต่กลิ่นประจำตัวของเค้าเวลารถเก่าและแก่ตัวลง มันจะเหมือนกับเป็นกลิ่นเบาะหนังวัวรึเปล่าก็ไม่ทราบ

น้องโบลต์นี่ไม่มีหนังวัวเยอะแยะ (เข้าใจว่าหนังที่หุ้มเบาะที่นั่งเป็น vegan ทั้งหมด) แต่หนังหุ้มพวงมาลัยนี่ไม่แน่ อาจจะหนังสัตว์ แต่รถเนี่ย พอใช้ไปสักระยะนึงมันก็จะมีกลิ่น musty, stuffy, mushy อับ ๆ แบบบอกไม่ถูก  กลิ่นอับ ๆ อย่างเนี้ย แอร์ที่บ้านก็เป็น เฉพาะแอร์แบบ split type ที่บ้านเราเวลาจะปิดแอร์ จะเปลี่ยนเป็นโหมดพัดลมเฉย ๆ สักพักนึง แล้วค่อยปิด เข้าใจตรงส่วนคอยล์เย็นหรือที่เรียกว่า evaporator มันมักจะมีน้ำเกาะ แล้วบางทีมันก็ชื้น อะไรประมาณเนี้ย เป็นที่มาของกลิ่น ในรถก็เช่นกัน ทีนี้แอร์บ้านนี่เราล้างเองได้ ตามช่างมาล้างได้ เอาแผ่นกรองออกมาล้างน้ำได้ แต่แอร์รถเนี่ย มันยากกว่านั้น (เด้วจะลงมือล้างและเปลี่ยนไส้กรองอากาศวันเสาร์นี้แหละ) แต่ตอนนี้พูดเรื่องอบโอโซนก่อน

สมัยก่อนพอจะอบโอโซนก็ต้องเอาไปเข้าศูนย์บริการ เค้าก็จัดการให้ ค่าบริการเราก็ไม่ทราบ เพราะเค้าก็มักจะเหมา ๆ รวมไปกับค่าบริการอื่น ๆ เท่าที่เช็คดูออนไลน์ ก็มีเจ้าบีควิกที่เค้าโพสต์ว่าไว้ค่าบริการอบโอโซนครั้งละ 1,990 บาท อันนี้คือรวมกับค่าล้างแอร์ด้วย

เรื่องเสียตังค์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องเสียเวลาเนี่ยสิ การจะต้องเอารถไปทำโน่นนี่มันไม่ใช่สะดวกสำหรับเราสองคน โดยเฉพาะถ้าต้องเอารถไปทิ้งไว้ ถ้ามันไม่บ่อย หรือมันทำไปด้วยกันได้เลยกับอย่างอื่นมันก็จะดี แต่ถ้าต้องไปทำนู่นที ทำนี่ทีมันก็น่าเบื่อเหมือนกัน

ในเมื่อคนที่บ้านเราเค้าบ่นมาก เวลาขึ้นรถมาเค้าก็จะต้องเปิดพัดลมแอร์แรงๆ บางทีก็ชอบเปิดหน้าต่างก่อน เราก็เร่ิมรำคาญ บางทีเราก็จะเอาแอพมาเปิดแล้วสั่งเปิดแอร์สัก 3-5 นาทีก่อนลงมาจากห้อง(บนคอนโด) เพื่อให้เข้ารถมาแล้วมันไม่มีกลิ่น แต่บางทีรถมันหลับอยู่ก็สั่งอะไรไม่ได้  สุดท้ายเราก็เลยลองค้นดูว่าเราจะสามารถทำเครื่องผลิตโอโซนแบบ DIY ได้ไหม ปรากฎว่าได้ด้วยแฮะ ราคาก็ไม่แพง ถูกกว่าราคาข้างต้นอีกเยอะมาก

ปรากฎว่าวิธีทำให้เกิดโอโซนขึ้นมาง่ายนิดเดียว เนื่องจากวัตถุดิบของโอโซนก็คืออากาศที่พวกเราหายใจกัน มันมี oxygen อยู่แล้ว 21% เค้าก็แค่ทำฟ้าแลบ (แบบเล็ก) ผ่านกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปในชั้นตะแกรง ในแผ่น ceramic wafer ในโครงโลหะอะไรต่าง ๆ ที่อากาศสามารถไหลผ่านได้ มันก็บังเกิดเป็นโอโซนขึ้นมา แล้วเราก็เอาพัดลมเป่าโอโซนนั้นออกมา แค่เนี้ย เราก็ไปค้นหาเครื่องผลิตโอโซน ซึ่งก็มีขายเต็มเลยทั้งช็อปปี้ ลาซาด้าและอื่น ๆ ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเปลือย ๆ โล่ง ๆ โจ้ง ๆ ดูน่ากลัวพิลึก กับแบบใส่กล่อง มีทั้งแบบกล่องเหล็ก กล่องไม่เหล็ก แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีอันไหนสวยถูกใจ หรือเสปคไหนที่ปิ๊ง

เดิมทีเราก็จะเอาไปใช้แค่ในรถ ก็มองหาเครื่องผลิตโอโซนแบบที่ใช้ไฟ 12V จะได้เสียบช่องที่จุดบุหรี่ได้เลย เอ แต่ทีนี้ถ้าเกิดจะใช้ในบ้านขึ้นมา มันก็จะลำบากนะ เพราะไฟบ้านใช้ไฟ AC 230V นึกไปนึกมาก็คิดไม่ตก ครั้นจะซื้อแบบไฟบ้าน AC 230V เวลาใช้ในรถก็จะลำบากนิดนึงต้องลากสายไฟไป ต้องปิดประตูงับสายไฟ หลังจากเลือกไปเลือกมาก็ไปเห็นอุปกรณ์แบบเปลือย ๆ ที่เค้ามีขาย ราคาก็ถู๊กถูก  ก็เลยว่าสอยแบบเปลือย ๆ มาเนี่ยแหละเด้วจะมาประกอบเองโดยรอบแรกเราก็สอยแบบ 12V มาก่อน 


 
รูปเครื่องผลิตโอโซนที่ถอยมาจาก aliexpress -ด้านซ้ายมือคือที่สั่งมาอันแรกเป็นแบบ 12V 10 gm (สูงสุดสำหรับแบบไฟ DC 12V) ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะเอามาใส่กล่องประกอบเอง ก็เลยสั่งแบบใช้งานได้เลย คือมีพัดลม มีปลั๊กเสียบช่องเสียบบุหรี่มาให้เรียบร้อย ก็เลยราคาสูงหน่อย $23.80  หลังจากมีไอเดียจะเอาลงกล่องและอยากได้ระบบไฟบ้าน อันที่สองก็เลยสอยแบบเปลือย ๆ มาเลย เฉพาะตัวผลิตโอโซนจริง ๆ ซึ่งสำหรับแบบไฟบ้าน 60 gm นี่คือสูงสุดสำหรับเวเฟอร์ 2 แผ่น ราคา $17.75 คิดเป็น USD/gm แล้วก็ถือว่าถูกมาก  ถ้าอยากได้แรงกว่านี้ ก็ต้องเอามาวางเรียงขนานกันไปแล้วพัดลมเป่าผ่านทุกตัวออกมา แต่แค่ตัวเล็กแบบ 12V 10gm นี่เปิดทีก็ฉุนโอโซนจะแย่ ปิดจมูกแทบไม่ทัน ถ้าเปิดตัว 60 กรัมนี่ ต้องรีบหนีออกจากห้องด่วนทันทีก่อนเยื่อบุถุงลมปอดจะ oxidized ตายหมด

ตามสภาพ สั่งของ Aliexpress ต้องทำใจว่า 2-3 เดือน กว่าจะมาถึง ปรากฎของชิ้นนี้มาถึงเร็วใช้ได้ ไม่ถึงเดือนดี ประมาณ 2 สัปดาห์ ของหลาย ๆ ชิ้นที่มาจากจีน อาจจะมีโพลต์ขายบน Shopee/Lazada เหมือนกันแต่ราคามักจะแพงกว่ามากบ้าง น้อยบ้าง แต่ที่น่าอุ่นใจก็คือมักจะได้ของภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าซื้อบน aliexpress ต้องลุ้นอย่างเดียวเลย โชคดีก็ได้ไวหน่อย โชคร้ายก็บางที 3 เดือน up

หลังจากได้ของมา เราก็ไม่รอช้า จัดไปเพราะคนขับรถเราบ่นมาก เค้าก็เป็นคนเอาไปต่อไฟ สั่งอบเอง บังเอิญว่าแบบเปลือย ๆ นี้เค้ายังไม่มี timer switch ผู้สั่งใช้งานก็ต้องจับเวลาเอาเอง พอครบเวลาเปิดประตูรถเข้าไป ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสูดสัมผัส Ozone เข้าไปบ้างเพราะมันยังฟุ้งอยู่  หลังจากอบรอบแรกไป กลิ่นก็ดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ แต่ผ่านไปอีกสัก 2-3 สัปดาห์มันก็กลับมาอีกรอบ คนขับรถเราเค้าก็เอาไปอบอีก เรียกว่าอบมันเกือบจะทุก 2 สัปดาห์  ไอ้เราก็เกิดวิตกจริตเรื่องยางเสื่อม คือ ozone เค้ามีข้อเสียคือถ้าปริมาณความเข้มข้นสูง ๆ เป็นเวลานาน ๆ ส่วนประกอบที่เป็นยางอาจจะเกิดอาการเสื่อม ละลาย

 
รูปซ้ายคือสภาพเครื่องตัวจริงที่เราไปต่อใช้งาน เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ใช้สายต่อช่องเสียบจุดบุหรี่ เพราะเอามาต่อกับแบต 12V ตัวจิ๋วที่เราประกอบเอง เค้าก็เดรนแบตใช้ได้ ตัวเล็กเนี้ยเปิดใช้งานสัก 15-30 นาที แบตก็เหลือเกือบครึ่งก้อน (เรามีก้อนใหญ่อีก) พอใช้งานจริง ขี้เกียจจับเวลาก็เลยต้องไปหา timer มาให้เค้า บังเอิญที่บ้านไปคุ้ยเอาอะไหล่เก่า ๆ เป็น mechanical spring timer switch สำหรับเตาไฟฟ้ามาประยุกต์ใช้ ก็ตั้งเวลาได้สะดวกขึ้น รูปด้านขวามือคือหลังจากเรายัดอุปกรณ์ลงไปในกล่อง กล่องนี้ก็สอยมาจากไดโสะ ราคาประมาณ​ 120 บาท ก็จัดพัดลมลงไปสองตัว ตัวนึงดูดลมเข้า อีกตัวนึงระบายลมออก ลมก็จะผ่านตัวทำโอโซนซึ่งมีให้เลือกทั้งสองระบบคือ 12V และ/หรือ 230V ไฟบ้าน 

 
ความเรื่องมากของคนเยอะ ก็คือ grill สำหรับพัดลมก็ไม่อยากจะใช้แบบธรรมด๊า ธรรมดาที่เป็นตะแกรงเหล็กกลม ๆ มันไม่จ๊าบ ก็เลยต้องไปสอย custom made 3D printed fan gril มา มีคนทำขายราคาสูงหน่อยแต่ทำแล้วมีความเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นสูง รูปขวาแสดงให้ดูความยุ่งของสายไฟและอุปกรณ์ เดิมทีที่คิดว่าจะเอา dual system ก็เพียงเพราะ knob timer switch เรามันเป็น double pole คือสามารถตัดไฟได้สองสาย เค้าคงจะออกมาแบบมาให้ใช้ตัดไฟบ้านทั้ง L และ N แต่เราก็เอามาประยุกต์ ขานึงตัดไฟ 12V อีกขานึงตัดไฟ Live ของ AC 230V แต่ติดปัญหาที่พัดลมซึ่งทำงานด้วยระบบ DC 12V ก็เลยต้องจัด AC-DC mini-adapter และตัวรีเลย์ลงไปเพิ่มเพื่อให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์แบบ หลังจากไปใช้จริงก็ยังเจอปัญหาว่าเวลาบิดปุ่มตั้งเวลา ไฟก็จะเข้าแผ่นเวเฟอร์ผลิตโอโซนทันที บางทีปิดตู้ ปิดประตูวิ่งหนีไม่ทันเพราะมัวแต่เล็งบิดปุ่มว่าจะเอากี่นาที ตอนหลังก็เลยต้องมาจัดสวิทซ์กระดกเติมลงไปเป็นตัวตัดไฟเข้าเวเฟอร์ผลิตโอโซนซึ่งสวิทซ์นี้ก็เป็น double-pole อีก ก็เลยเหมือนเดิม ข้างนึงไว้ตัดไฟระบบ 12V อีกข้างไว้ตัดไฟ 230V

 
รูปซ้ายมือนี่พยายามถ่ายในที่มืด เพื่อให้เห็นแสงสีม่วงบนแผ่นเวเฟอร์ตอนที่เค้าผลิตโอโซนและก็ไฟรถสองแถวสีรุ้งบนพัดลม LED บังเอิญกล้องมันไวแสงก็เลยถ่ายแล้วดูสว่างไปหน่อย ตอนที่เค้าผลิตโอโซน ถ้าปิดไฟมืดหมดก็จะเห็นแสงฟ้าแลบแปร๊บ ๆ สีม่วง ๆ บนแผ่น แล้วก็เสียงซู่ซ่า ซู่ซ่า (ต้องลองดูในคลิปวิดิโอข้างล่าง) และที่สำคัญก็คือจะมีกลิ่นโอโซนฉุนจมูก ต้องรีบวิ่งหนี  ด้านขวามือก็เป็นตอนผลงานเสร็จเรียบร้อยแปะป้าย ภูมิใจผลงาน


หลังจากอบในรถเสร็จ ก็เกิดอยากจะอบในบ้านบ้างไรบ้าง อบแอร์ที่บ้านอะไรประมาณเนี้ย สรุปว่าเลยต้องไปสอย ozone generator แบบที่ใช้ไฟ 230V ซึ่งหาได้ง่ายกว่าแบบ 12V อีก แล้วก็ไปหากล่องพลาสติกขำ ๆ หาพัดลมสวย ๆ แล้วก็ประกอบกันออกมาเป็นกล่องสำเร็จดังในรูป นอกจากพัดลม 3-D printing fan grill และ wafter ทำ Ozone ทั้งแบบ 12V และ 230V แล้ว และก็กล่องพลาสติกใบละ 120 บาทที่เอามาใส่ อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น timer (knob), relay, AC-DC adapter, switch, connectors, สายไฟต่าง ๆ นี่ใช้ของเก่าที่มีอยู่แล้วในบ้านทั้งสิ้น  เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายประมาณ 2000 ไม่เกิน 3 พันบาท (ขี้โกงใช้ของเหลือ ๆ ในบ้านเยอะ)  ก็ได้เครื่องอบโอโซนที่สามารถต่อไฟได้ทั้งสองระบบ ไฟ DC12V สำหรับใช้ในรถและ ไฟ 230V สำหรับใช้อบในบ้าน

ต่อข้อถามเรื่องว่าโอโซนมันดับกลิ่นได้อย่างไหร หลังจากลองอบไปอบมาหลายรอบ เราคิดเอาเองว่าการที่โอโซนดับกลิ่นได้ ก็คงอาศัยว่าตัวโอโซนเองเค้าเองในปริมาณสูง ๆ เค้าจะ displace กลิ่นเก่าออกไปโดยเฉพาะในชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก คือเค้าคงไม่ได้ไปทำลายกลิ่นไม่พึงประสงค์อันเดิม แต่คงจะอาศัยปริมาณที่เยอะกว่า ที่เข้มข้นไปแทรกตัวหรือเบียดที่เกาะในเนื้อพลาสติกหรืออะไรก็ตามที่เค้าแทรกซึมลงไปได้ในเนื้อวัสดุทำให้กลิ่นเดิมมันหายไป อันนี้สังเกตเอาจากภาชนะที่คนขับรถเราเค้าใส่ทุเรียน เนื่องจากเค้าชอบกินทุเรียน เรากินได้แต่ไม่ได้ชอบกินและไม่ชอบกลิ่นทุเรียนอบอวลในตู้เย็นด้วย ตอนหลังเราก็เลยไปถอยภาชนะ Foodsaver แบบที่มันสามารถดูด vacuum ปิดฝาสนิทไว้แนบแน่น เค้าก็ผนึกเอากลิ่นเกือบอยู่ (มันยังดมได้ ถ้าตั้งใจจะ sniff แบบหมานักสืบ) แต่ก็ดีกว่าใส่กล่องภาชนะธรรมดาเยอะ  แต่พอเค้ากินเสร็จ กลิ่นทุเรียนมันก็ติดอยู่กับกล่องนั่นแหละ สมัยอดีตเราจะเอาไปเติมผงถ่าน activated charcoal ถึงไว้ 2-3 สัปดาห์  ตอนนี้ก็ไม่ต้องแระ เอาเข้าตู้และเปิดอบโอโซน แม่-งเลย  ก็ได้ผลชะงัดอยู่ เพราะพอยกกล่องภาชนะขึ้นมาดม มันได้กลิ่นโอโซนจาง ๆ  ทีนี้กลิ่นโอโซนจาง ๆ มันก็ค่อนข้าง neutral ให้ความรู้สึกเหมือนสูดอากาศบริสุทธิ์ ก็เลยรู้สึกไปเองว่ากลิ่นทุเรียนมันหมดไปแล้วแค่นั้น

ทีนี้ในรถนี่ ขอบอกได้เลยว่าถ้าไม่แก้ที่สาเหตุ อบโอโซนที กลิ่นก็ดีขึ้น พอสัก 2-3 อาทิตย์มันก็จะกลับมาใหม่ สรุปว่าเรื่องน้องโบลต์หรือ Tesla Model 3 มีกลิ่น ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ฝรั่งก็บ่น มีโพสต์ตามฟอรั่มให้อ่านเยอะแยะเลย เป็นวิดิโอยูทูปก็มี ไว้เราจะมาอัพเดตบล็อกเรื่องล้างแอร์เปลี่ยน filter อีกทีนึงนะคับ สำหรับบล็อกนี้ก็เอาแค่เรื่องอบโอโซนก่อน อยากจะเอาผลงานกล่องประดิษฐ์เอง dual-voltage Ozone generator มาอวดแค่นั้นเองคับ

https://www.tiktok.com/@gollygui/video/7135641295808122114?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7135630106605995522



 


Create Date : 04 สิงหาคม 2565
Last Update : 27 กันยายน 2565 18:06:48 น. 0 comments
Counter : 897 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space