|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
Silk (ไหม) - "หากความรักเกิดในความฝัน..." (รีวิวนี้มีสปอยล์)
TBR Challenge 2008 เล่ม 3
(เวร ดันกด publish ทั้งๆ ที่จะกด draft แท้ๆ เลยเป็นภาระต้องเขียนให้จบเลย)
Alessandro Baricco เขียน Ann Goldstein แปล Canongate Books พิมพ์ Scottish Arts Council และ Italian Cultural Institute at Edinburgh สนับสนุน
มีคนกล่าวว่านวนิยายเรื่องนี้งามสง่าและนุ่มนวลราวกับไหม แต่เนื่องด้วย LMJ ยากจน เกิดมาไม่เคยสัมผัสไหม เลยไม่อาจบอกได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เท่าที่รู้คือในขณะที่หนังสือบางเล่ม นักเขียนบางคน ได้รับการยกย่องว่าเขียนน้อยแต่กินความมากนั้น คุณพี่บาริกโกแกสามารถเขียนได้โคตรๆๆๆๆๆๆๆๆ น้อยแต่กินความมาก แต่ละบทกินเนื้อที่แทบไม่เคยเกินสองหน้า และหลายครั้งก็มีเพียงหน้าเดียว และประกอบไปด้วยประโยคสั้นๆ สั้นๆ และสั้นๆ หรือบางครั้งก็เป็นเพียงคำเดียวด้วยซ้ำไป ถ้าจะบอกว่าเรื่องแต่งที่ดีต้องมีความหมายระหว่างบรรทัด เรื่องนี้ก็มีถึงขนาดความหมายระหว่างประโยค และระหว่างคำนั่นทีเดียว
1.
Although his father had imagined for him a brilliant future in the army, Hervé Joncour ended up earning his living in an unusual profession that, with singular irony, had a feature so sweet as to betray a vaguely feminine intonation.
For a living, Hervé Joncour bought and sold silkworms.
It was 1861. Flaubert was writing Salammbô electric light was still a hypothesis and Abraham Lincoln, on the other side of the ocean, was fighting a war whose end he would not see.
Hervé Joncour was thirty-two years old.
He bought and sold.
Silkworms.
ดังที่ได้อ่านแล้ว พระเอกของเราเป็นคนติดต่อซื้อไข่หนอนไหมจากต่างแดน เพราะหนอนไหมในยุโรปเกิดโรคระบาด ทำให้ไข่ฝ่อ ไม่ฟักเป็นตัว ตอนแรกก็ไปตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แต่โรคระบาดก็ยังขยายวงตามออกไป ปีหนึ่งเขาจึงต้องไปถึงญี่ปุ่น ดินแดนที่ "อยู่สุดขอบโลก" ดินแดนที่ "มองไม่เห็น" ที่นั่นเขาได้พบหญิงสาวนางหนึ่ง เจ้าหล่อนเป็นเมียน้อยของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่ลักลอบขายไข่หนอนไหมให้เขา แน่นอนว่าเพียงเห็นหน้าทั้งสองฝ่ายก็หลงใหลซึ่งกันและกัน แต่ว่าความสัมพันธ์นั้นก็ช่างประหลาดพิกล ทั้งสองเห็นหน้ากันเพียงสั้นๆ ไม่กี่ครั้ง ครั้งหนึ่งห่างกันเป็นปี ไม่เคยพูดกันเลย แต่สามารถจีบกันต่อหน้าผัวสาวเจ้าได้อย่างไม่กลัวตาย สถานการณ์ทั้งหมดมันออกมาดูเหนือจริงมากๆ
ต่อจากนี้สปอยล์ไอเดีย
ฝ่ายแอร์เว่นั้นมีเมียอยู่ที่ฝรั่งเศสแล้ว เธอชื่อเอแลน มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าสองคนนี้ชื่อคล้ายกันเหลือเกิน Hervé กับ Hélène ส่วนแม่สาวตะวันออกนั้นไม่มีชื่อ เธอไม่มีชื่อแต่เธอมีสีค่ะ ฉากแรกที่แอร์เว่เห็นเธอ เธอสวมเสื้อคลุมสีแดงหลวมกว้าง นอนหนุนตักผัวอยู่ เสื้อคลุมแผ่กระจายเต็มพื้น ตัดกับชุดสีดำของผัว และสีสันเรียบๆ ของห้องญี่ปุ่นอย่างมาก และอีกฉากหนึ่ง (ในอีกปีต่อมา) ที่แอร์เว่ทิ้งถุงมือฝากรักไว้ให้ ก็ทิ้งไว้กับเสื้อคลุมอีกตัวของเธอซึ่งเป็นสีส้ม คราวนี้ฉากเป็นริมทะเลสาบกลางฤดูหนาว
ในขณะที่เอแลนนั้นได้รับของขวัญจากญี่ปุ่นเป็นเสื้อคลุมไหมสีขาว ซึ่งเธอไม่เคยใส่ เพราะไหมนั้นบางใสเหมือน "ไม่มีอะไรเลย" และเด็กสาวที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาแทนตัวในคืนหนึ่งก็ใส่ชุดสีขาวเช่นกัน
เพราะฉะนั้นผู้หญิงสองคนนี้น่าจะเท่าๆ กัน และยิ่งกว่านั้น น่าจะเหมือนกันด้วย เพราะในตอนต้น ได้มีการกล่าวถึงเอแลนว่าเธอมีผมสีดำ และไม่ชอบเกล้าผม (ซึ่งผิดแฟชั่นสมัยนั้นมาก) ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็มีดวงตาที่ "did not have an Oriental shape" แอร์เว่ยังถึงกับไปถามคนอังกฤษที่มาส่งปืนเลยว่ารู้จักผู้หญิงที่น่าจะเป็นคนยุโรปที่อยู่ที่นี่ไหม
ดังนั้นเขารักใครกันแน่ เขามองหาอะไรกันแน่ ???
แต่นอกจากผู้หญิงสองคนนี้แล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่อาจจะเติมภาพประหลาดนี้ให้เต็มได้ หรืออาจจะยิ่งทำให้มันยุ่งเหยิงขึ้นไปอีกก็ไม่ทราบ มาดามบล็องช์เป็นแม่เล้าในเมืองใกล้ๆ แม้ชื่อจะเป็นฝรั่งเศส แต่ที่จริงเธอเป็นคนญี่ปุ่น เป็นคนแปลสารรักสองฉบับในเรื่องให้พระเอกฟัง ฉบับแรกมาจากผู้หญิงคนนั้น มีเพียงประโยคเดียวที่เขาเอาไปใช้เป็นคำโปรยในโปสเตอร์หนังนั่นแหละ "Come back, or I shall die." ซึ่งก็ทำให้แอร์เว่เป็นบ้าเป็นหลังไป จะทำให้ใครพินาศป่นปี้แค่ไหนไม่สนใจ จะไปหาเธอให้ได้ และอีกฉบับมาทางไปรษณีย์ เป็น letter sex ยืดยาว กินความเจ็ดหน้ากระดาษ และทำให้บทนั้นเป็นบทเดียวที่ยาวผิดปกติถึง 6 หน้า จดหมายฉบับนี้ไม่ระบุชื่อผู้รับ ไม่ลงชื่อผู้ส่ง มาถึงหลังการเดินทางครั้งสุดท้ายที่ทำให้แอร์เว่ไม่สามารถกลับไปญี่ปุ่นได้อีกแล้ว
ต่อจากนี้สปอลยล์เนื้อเรื่อง
แน่นอนว่าตอนแรกพระเอกและคนอ่านย่อมเข้าใจว่าจดหมายฉบับนี้มาจากผู้หญิงคนนั้น แต่ในตอนท้าย เมื่อเอแลนตายไป กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ความจริงเปิดเผยออกมาว่า ที่จริงเอแลนเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนั้นเอง และให้มาดามบล็องช์แปลเป็นญี่ปุ่น เธอเลือกที่จะฝังความทรงจำที่เป็นของเธอลงในหัวสามีในนามคนอื่น แทนที่จะฝากตัวตนของตัวเองไว้ หลอกให้เขาคิดถึงเธอโดยเข้าใจว่ากำลังคิดถึงอีกคนหนึ่ง เหมือนเธอจะชนะ แต่จริงหรือ
สุดท้ายแอร์เว่ก็ยังมีชีวิตอยู่กับสวนญี่ปุ่นมหึมาหลังบ้าน อยู่ริมทะเลสาบที่เลียนแบบฉากที่เขาทิ้งถุงมือไว้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี
แต่...
แต่อีกแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดทั้งปวงนั้นออกมาจากปากมาดามบล็องช์ทั้งสิ้น เนื้อความในจดหมายที่จริงจะเขียนว่าอย่างไรนั้น แอร์เว่จะรู้ได้หรือ คนอ่านจะรู้ได้หรือ หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าเอแลนเป็นคนเขียน ก็มีเธอเป็นคนบอกคนเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วเธอจะเป็นคนที่อยู่เหนือทุกคนทั้งหมดหรือเปล่าล่ะ แถมเธอยังเป็นแม่เล้าญี่ปุ่นที่คุมโสเภณีฝรั่งอีกด้วย มันน่าคิดมากๆ ใช่ไหมล่ะ
จบสปอยล์
LMJ ให้หนังสือแสนวิเศษเล่มนี้ห้าดาวค่ะ ***** ความยากประมาณ 2
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
27 comments |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 10:54:25 น. |
Counter : 1538 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: grappa 22 กุมภาพันธ์ 2551 22:54:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ahiruno007 IP: 58.9.22.36 22 กุมภาพันธ์ 2551 23:58:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ahiruno007 IP: 58.9.19.57 23 กุมภาพันธ์ 2551 13:04:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยาคูลท์ 24 กุมภาพันธ์ 2551 1:01:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: scarborough IP: 58.9.65.177 24 กุมภาพันธ์ 2551 1:32:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: BoOKend 24 กุมภาพันธ์ 2551 18:57:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: azzurrini 24 กุมภาพันธ์ 2551 23:54:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: hunjang 25 กุมภาพันธ์ 2551 8:10:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.120.251 25 กุมภาพันธ์ 2551 14:40:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Clear Ice 26 กุมภาพันธ์ 2551 10:36:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: หวัน (หวันยิหวา ) 28 กุมภาพันธ์ 2551 18:51:56 น. |
|
|
|
|
|
|
the grinning cheshire cat
|
|
|
|
|
|
เขียนยังไม่จบหรือเปล่านี่
ประโยคหาย