ครั้งหนึ่งแมวถูกยกขึ้นเป็นเทพเจ้า และบัดนี้มันก็ยังไม่ลืมเรื่องนั้น (หึหึ //เลียอุ้งเท้า)
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
22 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Silk (ไหม) - "หากความรักเกิดในความฝัน..." (รีวิวนี้มีสปอยล์)

TBR Challenge 2008 เล่ม 3

(เวร ดันกด publish ทั้งๆ ที่จะกด draft แท้ๆ เลยเป็นภาระต้องเขียนให้จบเลย)

Photobucket



Alessandro Baricco เขียน
Ann Goldstein แปล
Canongate Books พิมพ์
Scottish Arts Council และ Italian Cultural Institute at Edinburgh สนับสนุน

มีคนกล่าวว่านวนิยายเรื่องนี้งามสง่าและนุ่มนวลราวกับไหม แต่เนื่องด้วย LMJ ยากจน เกิดมาไม่เคยสัมผัสไหม เลยไม่อาจบอกได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เท่าที่รู้คือในขณะที่หนังสือบางเล่ม นักเขียนบางคน ได้รับการยกย่องว่าเขียนน้อยแต่กินความมากนั้น คุณพี่บาริกโกแกสามารถเขียนได้โคตรๆๆๆๆๆๆๆๆ น้อยแต่กินความมาก แต่ละบทกินเนื้อที่แทบไม่เคยเกินสองหน้า และหลายครั้งก็มีเพียงหน้าเดียว และประกอบไปด้วยประโยคสั้นๆ สั้นๆ และสั้นๆ หรือบางครั้งก็เป็นเพียงคำเดียวด้วยซ้ำไป ถ้าจะบอกว่าเรื่องแต่งที่ดีต้องมีความหมายระหว่างบรรทัด เรื่องนี้ก็มีถึงขนาดความหมายระหว่างประโยค และระหว่างคำนั่นทีเดียว

1.


Although his father had imagined for him a brilliant future in the army, Hervé Joncour ended up earning his living in an unusual profession that, with singular irony, had a feature so sweet as to betray a vaguely feminine intonation.

For a living, Hervé Joncour bought and sold silkworms.

It was 1861. Flaubert was writing Salammbô electric light was still a hypothesis and Abraham Lincoln, on the other side of the ocean, was fighting a war whose end he would not see.

Hervé Joncour was thirty-two years old.

He bought and sold.

Silkworms.


ดังที่ได้อ่านแล้ว พระเอกของเราเป็นคนติดต่อซื้อไข่หนอนไหมจากต่างแดน เพราะหนอนไหมในยุโรปเกิดโรคระบาด ทำให้ไข่ฝ่อ ไม่ฟักเป็นตัว ตอนแรกก็ไปตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แต่โรคระบาดก็ยังขยายวงตามออกไป ปีหนึ่งเขาจึงต้องไปถึงญี่ปุ่น ดินแดนที่ "อยู่สุดขอบโลก" ดินแดนที่ "มองไม่เห็น" ที่นั่นเขาได้พบหญิงสาวนางหนึ่ง เจ้าหล่อนเป็นเมียน้อยของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่ลักลอบขายไข่หนอนไหมให้เขา แน่นอนว่าเพียงเห็นหน้าทั้งสองฝ่ายก็หลงใหลซึ่งกันและกัน แต่ว่าความสัมพันธ์นั้นก็ช่างประหลาดพิกล ทั้งสองเห็นหน้ากันเพียงสั้นๆ ไม่กี่ครั้ง ครั้งหนึ่งห่างกันเป็นปี ไม่เคยพูดกันเลย แต่สามารถจีบกันต่อหน้าผัวสาวเจ้าได้อย่างไม่กลัวตาย สถานการณ์ทั้งหมดมันออกมาดูเหนือจริงมากๆ

ต่อจากนี้สปอยล์ไอเดีย








ฝ่ายแอร์เว่นั้นมีเมียอยู่ที่ฝรั่งเศสแล้ว เธอชื่อเอแลน มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าสองคนนี้ชื่อคล้ายกันเหลือเกิน Hervé กับ Hélène ส่วนแม่สาวตะวันออกนั้นไม่มีชื่อ เธอไม่มีชื่อแต่เธอมีสีค่ะ ฉากแรกที่แอร์เว่เห็นเธอ เธอสวมเสื้อคลุมสีแดงหลวมกว้าง นอนหนุนตักผัวอยู่ เสื้อคลุมแผ่กระจายเต็มพื้น ตัดกับชุดสีดำของผัว และสีสันเรียบๆ ของห้องญี่ปุ่นอย่างมาก และอีกฉากหนึ่ง (ในอีกปีต่อมา) ที่แอร์เว่ทิ้งถุงมือฝากรักไว้ให้ ก็ทิ้งไว้กับเสื้อคลุมอีกตัวของเธอซึ่งเป็นสีส้ม คราวนี้ฉากเป็นริมทะเลสาบกลางฤดูหนาว

ในขณะที่เอแลนนั้นได้รับของขวัญจากญี่ปุ่นเป็นเสื้อคลุมไหมสีขาว ซึ่งเธอไม่เคยใส่ เพราะไหมนั้นบางใสเหมือน "ไม่มีอะไรเลย" และเด็กสาวที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาแทนตัวในคืนหนึ่งก็ใส่ชุดสีขาวเช่นกัน

เพราะฉะนั้นผู้หญิงสองคนนี้น่าจะเท่าๆ กัน และยิ่งกว่านั้น น่าจะเหมือนกันด้วย เพราะในตอนต้น ได้มีการกล่าวถึงเอแลนว่าเธอมีผมสีดำ และไม่ชอบเกล้าผม (ซึ่งผิดแฟชั่นสมัยนั้นมาก) ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็มีดวงตาที่ "did not have an Oriental shape" แอร์เว่ยังถึงกับไปถามคนอังกฤษที่มาส่งปืนเลยว่ารู้จักผู้หญิงที่น่าจะเป็นคนยุโรปที่อยู่ที่นี่ไหม

ดังนั้นเขารักใครกันแน่ เขามองหาอะไรกันแน่ ???

แต่นอกจากผู้หญิงสองคนนี้แล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่อาจจะเติมภาพประหลาดนี้ให้เต็มได้ หรืออาจจะยิ่งทำให้มันยุ่งเหยิงขึ้นไปอีกก็ไม่ทราบ มาดามบล็องช์เป็นแม่เล้าในเมืองใกล้ๆ แม้ชื่อจะเป็นฝรั่งเศส แต่ที่จริงเธอเป็นคนญี่ปุ่น เป็นคนแปลสารรักสองฉบับในเรื่องให้พระเอกฟัง ฉบับแรกมาจากผู้หญิงคนนั้น มีเพียงประโยคเดียวที่เขาเอาไปใช้เป็นคำโปรยในโปสเตอร์หนังนั่นแหละ "Come back, or I shall die." ซึ่งก็ทำให้แอร์เว่เป็นบ้าเป็นหลังไป จะทำให้ใครพินาศป่นปี้แค่ไหนไม่สนใจ จะไปหาเธอให้ได้ และอีกฉบับมาทางไปรษณีย์ เป็น letter sex ยืดยาว กินความเจ็ดหน้ากระดาษ และทำให้บทนั้นเป็นบทเดียวที่ยาวผิดปกติถึง 6 หน้า จดหมายฉบับนี้ไม่ระบุชื่อผู้รับ ไม่ลงชื่อผู้ส่ง มาถึงหลังการเดินทางครั้งสุดท้ายที่ทำให้แอร์เว่ไม่สามารถกลับไปญี่ปุ่นได้อีกแล้ว

ต่อจากนี้สปอลยล์เนื้อเรื่อง










แน่นอนว่าตอนแรกพระเอกและคนอ่านย่อมเข้าใจว่าจดหมายฉบับนี้มาจากผู้หญิงคนนั้น แต่ในตอนท้าย เมื่อเอแลนตายไป กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ความจริงเปิดเผยออกมาว่า ที่จริงเอแลนเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนั้นเอง และให้มาดามบล็องช์แปลเป็นญี่ปุ่น เธอเลือกที่จะฝังความทรงจำที่เป็นของเธอลงในหัวสามีในนามคนอื่น แทนที่จะฝากตัวตนของตัวเองไว้ หลอกให้เขาคิดถึงเธอโดยเข้าใจว่ากำลังคิดถึงอีกคนหนึ่ง เหมือนเธอจะชนะ แต่จริงหรือ

สุดท้ายแอร์เว่ก็ยังมีชีวิตอยู่กับสวนญี่ปุ่นมหึมาหลังบ้าน อยู่ริมทะเลสาบที่เลียนแบบฉากที่เขาทิ้งถุงมือไว้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี

แต่...

แต่อีกแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดทั้งปวงนั้นออกมาจากปากมาดามบล็องช์ทั้งสิ้น เนื้อความในจดหมายที่จริงจะเขียนว่าอย่างไรนั้น แอร์เว่จะรู้ได้หรือ คนอ่านจะรู้ได้หรือ หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าเอแลนเป็นคนเขียน ก็มีเธอเป็นคนบอกคนเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วเธอจะเป็นคนที่อยู่เหนือทุกคนทั้งหมดหรือเปล่าล่ะ แถมเธอยังเป็นแม่เล้าญี่ปุ่นที่คุมโสเภณีฝรั่งอีกด้วย มันน่าคิดมากๆ ใช่ไหมล่ะ







จบสปอยล์

LMJ ให้หนังสือแสนวิเศษเล่มนี้ห้าดาวค่ะ *****
ความยากประมาณ 2


Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 10:54:25 น. 27 comments
Counter : 1527 Pageviews.

 
อ่ะ มีแซวๆ นะยะ
เขียนยังไม่จบหรือเปล่านี่
ประโยคหาย


โดย: grappa วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:54:46 น.  

 
บางครั้งมีอะไร แง้วววว กลับมาก่อนนนนนน


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:52:14 น.  

 
มารอดูด้วยว่ามี... อะไร



โดย: ahiruno007 IP: 58.9.22.36 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:58:52 น.  

 
.. มีอะไรหว่า ?? ..

อยู่ในลิส TBR เหมือนกัน แต่ ยังไม่ถึงคิวอ่านอะ


โดย: แม่มดพันปี วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:47:07 น.  

 
โปรดติดตามประโยคต่อไป...


โดย: แอบชอบ คห. ข้างล่าง วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:15:04 น.  

 
ให้ตั้ง 5 ดาว

สงสัยต้องลองหามาอ่านมั่งแล้วครับ
ขอข้ามสปอยล์เนื้อเรื่องไปก่อนละกัน


โดย: ahiruno007 IP: 58.9.19.57 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:04:13 น.  

 
เพิ่งอ่านจบเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ แล้วก็มา search หาใหญ่เลยว่าคนอื่นอ่านแล้วมี comment อะไรบ้าง ปรากฎว่าเจอแค่บล็อคนี้แหละค่ะที่ให้ comment ไว้ด้วย

เพราะส่วนตัวเองอ่านแล้วยังข้องใจอยู่นิดหน่อย ตรงที่ความเป็นตัวตนของเอแลน ว่าความจริงแล้วเธอน่าสงสาร หรือเธอร้ายกาจกันแน่

แต่เราว่าเธอน่าสงสารมากกว่า เพราะเธอรู้ว่าขณะสามีที่กอดเธออยู่นั้น เขาคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำให้ใจสามีกลับมาอยู่ที่เธอได้อีกแล้ว เลยตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับนั้น

ซึ่งแน่นอนว่าเราคนเป็นผู้หญิง เราต้องอยากให้คนรักคิดถึงเราอยู่แล้ว แต่เอแลนกลับตั้งใจเขียนจดหมายที่จะทำให้สามีเธอคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน

เธอต้องเจ็บปวดแน่ แต่ก็ตัดสินใจทำแบบนั้น

เราคิดอย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ?
ส่วนตัวเองอ่านหนังสือแนว Emotional มาน้อย ตีความอะไรลึกซึ้งไม่ค่อยเป็น แต่ก็ชอบในความรู้สึกซึมลึกหลังจากอ่านจบ แต่ยังแอบไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย

ป.ล.อ่านเป็นภาษาไทยค่ะ พอดีเมื่อวานไปร้านคิโนะคุนิยะมา ก็เลือกหนังสือภาษาอังกฤษมา 4 เล่ม(ฝึกอ่านค่ะ) จะจ่ายเงินแล้ว พอดีเดินผ่านหนังสือเล่มนี้พอดี มองแล้วรู้สึกดึงดูดอย่างไรไม่ทราบค่ะ ซื้อมาจนได้


โดย: Tenjo_Utena วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:11:44 น.  

 
อออ อ่านและเช่นกัน


โดย: แอบชอบ คห. ข้างล่าง วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:38:28 น.  

 
กรี๊ดดดด ชั้นเข้ามาอ่านทุกคำทำไมเนี่ย????

(ว่าแล้วก็วิ่งหัวกระเซิงออกจากบล็อกไป)


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:01:59 น.  

 
เหม่ กำลังง่วง พิมพ์ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วแฮะ

คนอ่านโวยวายกันใหญ่โตทีเดียวค่ะว่าหญิงนิรนามนั้นอันที่จริงจะต้องเป็นคนยุโรปแหงแซะ แต่ผกก.หนังเค้าตีความออกมาอีกอย่างนึงน่ะ เจ๊ชงชาเลยหมวยซะ แล้วบาริคโค่ก็รู้เห็นเป็นใจซะด้วยสิ - -"

เราชอบ twist ตรงคำว่า farewell ในจอมอ.จ๊ะ ไม่รู้ในหนังสือเป็นอย่างไร แต่เราชอบฉากสุดท้ายของหนังที่มีเสียงของเอแลนอ่านจดหมายฉบับนั้นด้วยตนเอง ในขณะที่ "Come back, or I shall die." พระเอกกลับไป...หมกมุ่นสารพัด แต่สุดท้ายก็ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของผู้หญิงคนนี้ เพราะ master ทางกายของเธอคือคนอื่น (แม้ว่าจะพระเอกคือชู้ื่ทางใจ จนขาดเธอขาดใจก็ตาม)

ในทางตรงกันข้าม เอแลนสวมตัวตนคนอื่นเพื่อให้พระเอกจดจำเธอในฐานะที่ไม่ใ่ช่ตัวเอง ทั้งเรียกพระเอกว่าเป็น "My master" คำนี้ พอหลุดออกจากปากของเอแลนแล้วกลับเป็น spiritual กลายๆ (ก็ sex คือพิธีกรรมการรวมเป็นหนึ่ง และถ้าหนังดัดแปลงมาให้เราเข้าใจถูก แอร์เว่ไม่ได้มีเซ็กส์กับหญิงนิรนามเลยแม้แต่ครั้งเดียว) แต่เธอให้เขาปล่อยวางและปล่อยไป (เพราะเธอปลุกผีชั้นขึ้นมาไม่ได้ดอก...)

เอแลนต้องการจะบอกลาในฐานะของผู้หญิงคนนั้น หรือในฐานะของตัวเธอเอง?

เรามองว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นขั้วตรงข้ามกันแหละ แต่ถูกหลอมออกมาจากเตาเดียวกัน (เรื่องนี้ัมัน explore จิตวิญญาณเพศหญิงผ่านมุมมองของผู้ชายนะคะนี่ เอิ๊ก) และสุดท้าย แอร์เว่ ฌองกูร์์ก็ไม่สามารถครอบครองพวกเธอได้สักคน


โดย: scarborough IP: 58.9.65.177 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:32:15 น.  

 
เฮ้ย..น่าอ่านมากมาย

เง่อ..มีแปลเป็นไทยมั้ย? (ถามงี้จะโดนด่ามั้ยเนี่ยตรู)


อ่า..ยากระดับสอง

จะอ่านไหวปะหว่า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:26:31 น.  

 
ตอบแทน จขบ ..

.. มี ฉบับแปลไทย ของ สนพ ผีเสื้อ ค่ะ


โดย: แม่มดพันปี วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:35:40 น.  

 
ตั้งใจจะซื้อฉบับไทยอยู่ค่ะ


โดย: BoOKend วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:57:01 น.  

 
โรคระบาดของหนอนไหม ประหลาดดีแท้ค่ะ

เข้ามาบอกว่าเค้า up blog (ระยะเวลา 1 ปี) แล้วนะตัวเอง

เดี๋ยวจะหาเวลาทำ list ของ TBR challenge บ้างค่ะ


โดย: azzurrini วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:54:45 น.  

 
^
^
คิดถึงคนนี้


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:13:35 น.  

 
อ่านแล้ว comment กันเยอะๆ นะคะ ^^ ชอบอ่านความเห็นของคนอื่น เราเองอ่านจบแล้วและได้แสดงความเห็นไว้สั้นๆ ด้านบน แต่คิดว่าอีกสักหน่อยจะเขียนลง Blog ของตัวเองบ้างค่ะ (ตอนนี้ Blog ของตัวเองไม่ค่อยจะมีอะไรนัก)

ถึง จขบ. แวะมาอ่านครั้งเดียวก็ติดใจเลยค่ะ (แอบ add friend list ไว้แล้วโดยไม่ได้ขออนุญาต 55) ชอบที่ จขบ. อ่านหนังสือภาษาอังกฤษค่ะ รู้สึกเป็นกำลังใจแก่คนกำลังหัดอ่านดี


โดย: Tenjo_Utena วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:20:42 น.  

 
ขอบคุณสำหรับพรเบื๊อกเดย์เด้อ ฮี่ๆๆ
ขอให้หายไวไว แล้วมากินแก้ตัวกันงานหน้านะ

=)


โดย: hunjang วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:10:09 น.  

 
อ๋อ..เล่มเดียวกันเหรอ?

เง่อ..จำได้หรอกว่าพี่กรัปป้าเคยรีวิว

แต่นึกว่าคนละไหม (จำชื่อคนเขียนไม่ได้ง่ะ)



อ่า..ถ้าภาษาอังกฤษอ่านไม่ยาก

ก็น่าลุ้นอยู่แหละ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:09:48 น.  

 
เป็นเรื่องของหมาก็ทำให้เจ้าหัวเราะกลิ้งได้เหมือนกันใช่มะ


แมวอาไร้..ไม่กลัวหมา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:33:37 น.  

 
อ่านจบคิดว่า ต้องเป็นมาดามแม่เล้าแหละ เธอนี่แหละ


โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.120.251 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:40:46 น.  

 
แต่หมาทั่วไป ต่อให้รุม

แมวพจจี๋ก็สู้ตายใช่ปะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:02:04 น.  

 
เรื่องนี้อ่านนานนนนมากกกกแล้วล่ะค่ะ จำได้ว่าอ่านจบแล้วอึ้งๆ หลอนๆ พิกล ฮา

ชอบที่ภาษาสวย สั้นๆ สื่อใจความได้มากมาย

อ่านจบแล้วไปหาอีกเล่มของเขามาอ่านค่ะ Ocean Sea เล่มนี้ก็ชอบเหมือนกัน ^^


โดย: Clear Ice วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:36:48 น.  

 
โรคจิตแล้วค่ะ ชอบเข้าบล็อคนี้มาหาอะไรอ่าน

หนังสือเจค็อบ คนทำขนมปังก็น่าสนใจ


โดย: Tenjo_Utena วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:36:54 น.  

 
แว้ก ตอบเร็วจนต๊กกะใจ แหะๆ บอกว่าเขียนดีแอบเขินเลยค่ะ ก็มั่วซั่วไปเรื่อยค่ะ ต้องฝึกอีกเยอะ เขียนไม่ค่อยเก่ง

ส่วนลิงค์เดี๋ยวตามไปอ่านนะคะ


โดย: Tenjo_Utena วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:55:01 น.  

 
อืม ถ้าเอามาอ่านมั่งคงใช้เวลาเป็นปีกว่าจะอ่านจบและเข้าใจ อิอิ


โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:48:10 น.  

 
หนังสือเรื่องนี้ เห็นมีทั้งคนชมและคนบ่นแฮะ คุณ LMJ ให้ตั้ง 5 ดาวเชียวเหรอ
แหม..อยากอ่านตรงส่วน spoil จังแฮะ... แต่...ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวต้องวิ่งหัวกระเซิงออกจากบล็อกไปแบบคุณยาคูลท์....


โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:51:56 น.  

 
คิดถึงเล่มนี้จัง
กลับไปอ่านอีกรอบดีกว่า


โดย: หมาป่าเปลี่ยวกลางทุ่ง วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:5:56:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the grinning cheshire cat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ปีศาจแมวอายุ 1,700 ปี บำเพ็ญตบะจนแปลงร่างเป็นคนได้ กำลังศึกษาวิถีชีวิตแบบมนุษย์ แต่รู้สึกว่ายากจัง เพราะยังคิดอะไรแบบแมวๆ อยู่เลย
Photobucket LMJ recommends


Photobucket
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)
Benjamin Hoff เขียน
มนต์สวรรค์ จินดาแสง แปล
มติชน พิมพ์

หนังสือ Tao (หรือ Dao) spin-off ที่ไม่งี่เง่า และคนเขียนรู้จริงจริงๆ ทั้งเรื่องเต๋าและเรื่องหมี

Photobucket
ฅ.คน ฉบับ 41 มี.ค. 52

เจ้าหญิงพอลล่า:
หัวใจเธอมันน่ากราบ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง:
ยังไงปลาทูก็เจ๋งกว่าโรงถลุงเหล็ก
สัมภาษณ์อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์:
ฉบับลำแต้ๆ

เมฆาสัญจร
เมฆาสัญจร (Cloud Atlas)
เดวิด มิทเชลล์ เขียน
จุฑามาศ แอนเนียน แปล
มติชน พิมพ์

เหนือคำบรรยาย (เพราะตัดสินใจเลือกคำบรรยายไม่ถูก ฮา)

ยูโทเปีย และ 1984
ยูทเปีย
เซอร์โธมัส มอร์ เขียน
สมบัติ จันทรวงศ์ แปล
1984
จอร์จ ออร์เวลล์ เขียน
รัศมี เผ่าเหลืองทอง
และ
อำนวยชัย ปฏิพัทธเผ่าพงษ์ แปล
สมมติ พิมพ์

หนังสือเปิดหูเปิดตาระดับตัวพ่อ แถมปกสวยระดับตัวแม่อีกต่างหาก โอ๊ว

เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
(The God of Small Things)
อรุณธตี รอย เขียน
สดใส แปล
โครงการสรรพสาส์น
ของสำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์

เรื่องเล่าโค-ตะ-ระอัศจรรย์จากอินเดีย

นายธนาคารเพื่อคนจน
นายธนาคารเพื่อคนจน
โมฮัมหมัด ยูนุส เขียน
สฤณี อาชวานันทกุล แปล
มติชน พิมพ์

อัตชีวประวัติฉบับกึ่งสุขกึ่งเศร้า บางครั้งก็เกือบเคล้าน้ำตา ของหนุ่มนักเรียนนอก กับธนาคารหลังคามุงหญ้า (บานประตูก็ไม่มี) ของเขาและลูกศิษย์ ที่หาญกล้าพุ่งชนทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงจนๆ จำนวนมากในบังคลาเทศยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้

(อันที่จริงเราควรจะแนะนำว่า นี่เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของนักเศรษฐศาสตร์ที่แก้ปัญหาความยากจนในบังคลาเทศจนได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2006 แต่ม่ายอ่ะ ทำงั้นแล้วจะได้อะไร คุณจะรู้เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งสนุกเป็นบ้าและ insightful ขนาดไหน กริๆ)



I'm reading




Potjy's currently-reading book recommendations, reviews, favorite quotes, book clubs, book trivia, book lists


100+ TBR 2010



2010 reading goal

Friends' blogs
[Add the grinning cheshire cat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.