สวัสดี ...วันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔
"เมื่อหยุดสะสมกรรม...ธรรมก็ค่อย...ค่อยเกิด"
ตามหลักของเศรษฐศาสตร์นั้น การสะสม เท่ากับ การเพิ่มขึ้น แต่ความหมายการสะสมในที่นี้กับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง... การสะสมในที่นี้ เท่ากับ การลด หรือการละ (ละกิเลส คือ ความอยากได้ อยากมีทั้งหลาย ทั้งปวง)
เรื่องกรรมนั้น จริง ๆ แล้วคุยกันได้...มันเกิดขึ้นตัวเรา ของเราทั้งหมด คือ เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ (อายตนะ ๖) เช่น ตาเห็นภาพแล้วเกิดยินดี เรียกว่า สุขเวทนา... ยินร้าย เรียกว่า ทุกข์เวทนา แต่เราหยุดสะสมทั้งยินดี และยินร้าย เราเฉย ๆ นี้ เรียกว่า อุเบกขาเวทนา หรือ ความวางเฉย เมื่อรู้แล้วก็...ละ เมื่อตาเห็นภาพก็ค่อย...ค่อย รับรู้ว่ายินดี-ยินร้าย แล้วก็วางเฉยแต่ไม่ใช่เฉยเมย
เมื่อใด ตา ของเราเห็นคนหนึ่งแล้วหมั่นใส้...ใจก็รับรู้ เมื่อใจรับรู้ อารมณ์ก็ไม่ดี อารมณ์หงุดหงิด มันก็เกิด กรรม ซึ่งเราเรียกว่า มโนกรรม เมื่อเรารู้แล้วไม่ละ...ก็เปรียบเสมือนหนึ่งว่าเป็นการสะสมกรรมเพิ่มไปอีก... แต่ถ้าเรารู้แล้วก็ละซะ...พิจารณาว่าสิ่งที่เกิดนี้มันเป็นธรรม...ธรรมดา เพราะว่าทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง เมื่อเกิด..ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา..แล้วสิ้นสุดลง.แล้วเกิดใหม่อีกครั้ง
ฉะนั้น วันพระนี้... ขอให้เธอทั้งหลายตื่นแต่เช้าทำจิตใจให้ผ่องใส ทำบุญตักบาตร ภาวนา (ทำสมาธิ) ตา เห็นน้อยลง...หูฟังเรื่องราวต่าง ๆ น้อยลง...จนถึงใจให้รับรู้น้อยลง... เมื่อ อายตนะทั้ง ๖ รับรู้น้อยลง...กระทบ การปรุงแต่งต่อสิ่งทั้งปวง ก็จะลดลงโดยธรรม..ธรรมชาติ แล้วน้อมกาย น้อมใจ อุเบกขาเวทนา หรือวางเฉย ยินดีก็รู้...ยินร้ายก็รู้...เมื่อรู้แล้วก็ละซะ...เพื่อว่า... หยุดสะสมกรรม...สักครู่...สักวัน หรือสัก....เท่าที่เธอพอจะทำได้...
นี่แหล่ะ "เมื่อรู้แล้ว...ก็ละ
|