น้ำมันมะพร้าว มีความแตกต่างจากน้ำมันอื่นๆ
น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น 100 %
คำกล่าว ของ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทยในหนังสือ กัลปพฤกษ์ฉบัยที่10 มค.2553
จากคำกล่าวที่ว่า"ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะตักน้ำมันเป็นช้อนๆใส่ปาก" ซึ่งเป็นคำกล่าวของ รศ.พรศรี ปฏิมานุเกษม คณะทันตแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ
ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ทำหน้าที่ทนายแก้ต่างให้น้ำมันมะพร้าว ดังนี้......
น้ำมันมะพร้าว มีความแตกต่างในคุณสมบัติของน้ำมันชนิดต่างๆ แบบขาวกับดำ กล่าวคือ น้ำมันที่ใช้บริโภคส่วนใหญ่ เป็นกรดไขมันขนาดยาว (long -chain fatty acids) ที่เคลื่นย้ายอย่างช้าๆในร่างกาย และไม่เปลี่ยนเป็นพลังงานที่ตับ แต่ไปสะสมในเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย ส่งผลทำให้เกิดความอ้วน ในขณะที่น้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันขนาดกลาง ที่เคลื่อนที่ได้เร็ว และไปเปลี่ยนพลังงานในตับ จนหมดสิ้น
ดั้งนั้น การกินน้ำมันมะพร้าว จะช่วยให้ผู้บริโภคผอมลง เพราะตัวของน้ำมันมะพร้าวเองไม่สะสมเป็นไขมัน แต่เปลี่ยนเป็นพลังงานจนหมด และยังช่วยกระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์ ทำงานดีขึ้น ช่วยเร่งปฏิกริยาเมตาบอริซึม จึงช่วยเปลี่ยน อาหารที่รับประทาน เข้าไปพร้อมกัน ไปเป็นพลังงาน อีกทั้งยังเกิดความร้อนสูงขึ้น(thermogenesis) จึงไปช่วย ดึงเอา ไขมันทีสะสม ไว้ไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน จนมีคำกล่าวว่า "Eat Fat-Look Thin" ฉะนั้น จึงสามารถกินน้ำมันมะพร้าวเป็นช้อนๆ ใส่ปากได้ โดยไม่ทำให้อ้วน แต่กลับทำให้แข็งแรง มีพลังงาน กระชุ่มกระชวย และยังช่วยลดความอ้วนได้ด้วย.
และ.........
ใช้ น้ำมันมะพร้าวมีความหนืดต่ำ จึงไม่รู้สึกว่าเป็นน้ำมันเมื่ออยู่ในปาก (คือที่เคลือบไอศกรีมแท่งทั่วไป ที่เราเห็นขาวๆนั้น) คำกล่าวของ ศาสตราจารย์ ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่การอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนังสือวิทยาศาสตร์การอาหารไขมันและน้ำมัน
*****ช่วยเผยแพร่ โดย กานดา แสนมณี ผู้แทนชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ (kandanalike)
| Create Date : 11 กรกฎาคม 2553 |
| Last Update : 23 กันยายน 2553 13:34:30 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 1615 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [