** ครั้งแรกกับการได้รู้จัก Blue - Ray **
.............เคยได้ยินถึงคำร่ำลือของบลูเรย์มานานแล้ว แต่วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสไปลูบๆคลำๆพร้อมทั้งได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บลูเรย์เป็นครั้งแรก เนื่องจากเดือนหน้าจะเริ่มมีเครื่องเล่นบลูเรย์ลงมาวางขายที่ทำงานแล้ว เห็นคนของพานาเค้าบอกว่า ข้างนอกเครื่องเล่นขายดีพอสมควรเลยทีเดียว ก็เลยจะเอามาลองตลาดดู เท่าที่ทราบก็คือ ข้างนอกอย่างพวกร้านบูมเบอแรง เขาขายเครื่องเล่นบลูเรย์ แค่ 16900 เท่านั้นเอง จากที่ศูนย์วางราคาไว้ประมาณสองหมื่น ส่วนที่ทำงานผมจะได้ประมาณหมื่นเจ็ดกว่าๆ แต่บวกลบคูณหารโปรโมชั่นที่ทางร้านมี ลูกค้าก็จะประหยัดกว่าซื้อข้างนอกได้พอสมควรแหละครับ เห็นคุณสมบัติและตัวสินค้าแล้ว ผมเชื่อเลยว่ามันจะต้องขายดีแน่นอน ติดอยู่อย่างเดียวก็คือ ไม่รู้ว่าลูกค้าจะเรื่องมาก สอบถามรายละเอียดยิบเลย หรือว่าซื้อง่ายๆกันก็ไม่รู้ ?
.............เครื่องเล่นบลูเรย์ ของพานา ที่กำลังจะเข้ามา หน้าตาก็คล้ายๆเครื่องเล่น vcr หรือวีดีโอเทปสมัยก่อนน่ะครับ อาจจะแตกต่างเรื่องขนาดนิดนึง ซึ่งจะดูใหญ่กว่าเครื่องเล่นดีวีดีพอสมควร เห็นเขาบอกว่า ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นอย่างพวกโซนี่นะ อ้วนยิ่งกว่านี้อีก ? แต่ความสามารถของมันอเนกอนันต์กว่า ดีวีดีเยอะมากเลยทีเดียว มีฟังก์ชั่นลูกเล่นอะไรต่อมิอะไรเพียบ ความโดดเด่นของมันก็คือ ให้ภาพคมชัดใสปิ๊ง กว่าดีวีดีมากพอสมควร แบบว่าเห็นความแตกต่างได้ ถ้าหากที่บ้านมีจอ LCD หรือ Plasma จอแบนใหญ่ๆ ถ้ามีเครื่องเล่นบลูเรย์ด้วย ก็จะให้ประสิทธิภาพของภาพและเสียงสมบูรณ์แบบ กว่ามีดีวีดีธรรมดา นอกจากเล่นแผ่นบลูเรย์แล้ว เครื่องเล่นบลูเรย์ ยังเล่นแผ่นดีวีดี และซีดี เอ็มพีสามได้หมด ( ยกเว้นแผ่น วีซีดี เล่นไม่ได้ ) แถมยังเล่นเอสดีการ์ดได้ด้วย เอาการ์ดรูปมาเปิดสไลด์โชว์ขึ้นจอทีวีได้ แถมยังเปิดซีดีเพลงไปพร้อมกันได้ เรียกว่าดูสไลด์พร้อมเสียงดนตรีที่เราเลือกมาได้สบายๆ
..............แม้แต่ดีวีดีธรรมดา ถ้ามาเล่นด้วยเครื่องเล่นบลูเรย์ ก็ให้ภาพที่คมชัดกว่าเล่นในเครื่องเล่นดีวีดีธรรมดา มันมีลูกเล่นในการเร่งความคมชัด และตัดแต่งเสียงอะไรอีกด้วย แล้วสาย HDMI ที่ต่อระหว่างบลูเรย์ กับจอ LCD ก็มีส่วนทำให้ภาพชัดขึ้นอีกด้วย เขาลองเปรียบเทียบให้ดู ระหว่างแผ่นดีวีดี และแผ่นบลูเรย์ รวมถึงลองใช้ HDMI กับ สาย AV ธรรมดา มันก็ให้ผลต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แถมแผ่นบลูเรย์ มีฟีเจอร์ที่เยอะกว่าดีวีดีเยอะเลยแหละ แต่อย่างว่า เทคโนโลยีมันยังใหม่อยู่ ตัวแผ่นหนังบลูเรย์ ยังแพงมาก แผ่นที่นำมาอัดบลูเรย์ก็ยังแพงอยู่ เครื่องบลูเรย์แบบบันทึกในตัวก็ยังไม่วางตลาด คาดว่าอนาคตสินค้าพวกนี้ราคาน่าจะลงเร็ว คงรอให้เครื่องเล่นมันถูกจนใกล้ๆดีวีดีน่ะแหละ ผมถึงจะตัดสินใจซื้อ เหมือนพวกดีวีดี เมื่อก่อนมันแพงมากผมก็ไม่ซื้อ รอจนมันถูกลงมาเหลือๆเท่าวีซีดีน่ะแหละผมถึงจะได้ซื้อเข้าบ้าน ทุกวันนี้ก็ยังมีดีวีดีอยู่แค่เครื่องเดียว ใช้มาสามปีได้แล้วมั้ง
...............ลักษณะของแผ่นบลูเรย์ ก็คล้ายแผ่นดีวีดีมากๆ แยกกันไม่ออกเลยถ้าเขาไม่เขียนคำว่าบลูเรย์เอาไว้ที่หน้าแผ่น ราคาแผ่นหนังบลูเรย์ได้ยินว่าตอนนี้ 700 - 2000 บาท ซึ่งแพงมาก ส่วนแผ่นบลูเรย์ ที่เอาไว้บันทึก เห็นว่าตกห้าร้อยถึงแปดร้อยโน่น ก็ยังแพงมากอยู่ ไปอบรมวันนี้ได้ความรู้มาเยอะ ได้รู้ว่าพวกกล้องวีดีโอ ฟูล ไฮเดฟ จริงๆแล้วไม่ต้องบันทึกลงบลูเรย์ก็ได้ เอามาอัดใส่ดีวีดีก็ได้เหมือนกัน เพียงแต่มันจะบรรจุได้น้อยกว่าปกติ เพราะมันจะกินพื้นที่ แผ่นบลูเรย์นี่มันบันทึกข้อมูลได้ถึง 25 - 50 GB เลยทีเดียว วีซีดี ดีวีดี บลูเรย์ มันก็คือสื่อบันทึกข้อมูลเหมือนๆกัน เพียงแต่จุได้ไม่เท่ากันนั่นเอง ! ผมเดาว่าอีกหน่อยน่าจะมีกล้องวีดีโอที่บันทึกลงบลูเรย์ได้โดยตรงแหง๋ๆเลย จริงๆถ้าเครื่องเล่นบลูเรย์ สามารถต่อตรงกับกล้องวีดีโอไฮเดฟได้ แล้วอัดข้อมูลลงแผ่นบลูเรย์หรือดีวีดีได้ทันที ผมว่าน่าจะน่าซื้อยิ่งขึ้น ! แต่อย่างว่าแหละ ด้วยความใหม่ของมัน ผมเชื่อว่าลูกค้ารวยๆทั้งหลายคงบ่ยั่นอยู่แล้ว ยิ่งราคาเครื่องเล่นไม่ถึงสองหมื่นแบบนี้ ผมว่ายอดขายน่าจะกระฉูดพอควรเลยแหละ
//www.pandagroup.pantown.com/
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2552 13:28:30 น. |
Counter : 830 Pageviews. |
|
|
|