Lovely at Samui & Mu Ko Angthong National Park part 2
วันที่สองที่ เกาะวัวตาหลับ ตื่นเช้ามา ก่อนลูกทริป ก้อเลยออกมาถ่ายรูปแสงแรกยามเช้า หน้าเกาะซะหน่อย
เช้าวันนี้พวกเราเจอ ค่างแว่นถิ่นใต้ ที่ทุกวันจะพากันลงมาหากินบริเวณใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้ดูอย่างใกล้ชิด
หลังจากทำธุระ กันเรียบร้อยแล้ว ผมได้เตรียมเรือหางยาว เพื่อออกเดินทางไป เที่ยวตามเกาะต่างๆ ของ หมู่เกาะอ่างทอง
ราคาสำหรับการเช่าเรือ
เวลา 08.00-12.00 น. ราคา 1500 บาท เวลา 13.00-17.00 น. ราคา 1500 บาท เวลา 09.00-16.00 น. ราคา 3000 บาท
ช่วงหน้าเทศกาล จะไม่รับการเช่าเรือนะครับ เนื่องจาก ทางอช. ต้องเตรียมไว้สำหรับการรับส่งนักท่องเที่ยวจากเรือใหญ่
หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว พร้อมเตรียมอาหารกลางวันด้วย พวกเราก้อออกเดินทางไปยัง เกาะท้ายเพลา ซึ่งตั้งอยู่ด้านเหนือ มีหาดทรายสวยงาม สามารถดำน้ำชมปะการังได้ และนักท่องเที่ยวนิยมมาพายคายัคเล่น ซึ่งบริการโดยบริษัททัวร์
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่ เคยไปดำน้ำ แถว สิมิลัน สุรินทร์ หลีเป๊ะ ก้ออย่าได้คาดหวังว่าจะเทียบได้นะครับ เอาเป็นว่าแบบสนุกสนานดีกว่า
หลังจากนั้น ออกเดินทางต่อมายัง เกาะสามเส้า ซึงเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีประติมากรรมของธรรมชาติสวยงามมากคือ สะพานหินธรรมชาติที่ยื่นโค้งออกไปในทะเล นอกจากนี้ยังมีปะการังสวยงามน่าชม
เรือคายัค จอดรอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ชอบมาเช่าพายเรือเล่น
เรือหางยาว จอดรอรับพวกผมอยู่ ว่าเมื่อไหรจะเคลื่อนพล
นั่งเล่น กินขนม หลับบ้าง สบายๆ ก้อลองเดินไปดู ฟอสซิลไม้ ที่อยู่บริเวณเกาะสามเส้าแห่งนี้ ระยะทางประมาณ 280 เมตร แต่ขอบอก ทางเต็มไปด้วยหินแหลมคมมากมาย ถ้าพลาดหกล้มคือเวอะเลย
รูปด้่านล่างคือ อ่าวที่อยู่บริเวณ ฟอสซิลไม้กลายเป็นหินครับ
หลังจากนั้น ก้อออกเดินทางมาดูพระอาิทิตย์ตกกัน ระหว่างทางเจอปลานกแก้วตัวใหญ่เมาน้ำ กัปตันเรือก้อเลยลงไปจับมา้เป็นอาหารซะ เพราะยังงั้ยถ้าปล่อยไว้ปลาก้อต้องตายอยู่ดี
เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงอ่าวตามง ที่สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ สิ่งแรกที่พวกเราทำก้อคือ ช่วยกันเก็บขยะต่างๆ ที่อยู่บนหาดทรายครับ
รุปนี้คือรองเท้าต่างข้างต่างคู่ที่พวกเราเก็บได้ ก้อเลยนำมาถ่ายเป็นที่ระลึก ก่อนนำไปทิ้งที่อุทยานแห่งชาติ
ชายหาดบริเวณนี้ สามารถเดินมาได้จากหน้าที่ทำการอุทยาน แต่ตอนขากลับจะมืดมาก ทำให้ไม่ปลอดภัยได้ แต่พวกผมใช้เรือหางยาวกัน ก้อเลยปลอดภัย
หลังจากนั้น เมื่อพระอาทิตย์หมดแสง พวกเราก้อเดินทางกลับเข้าที่พัก ที่อุทยานแห่งชาติ เตรียมทานอาหารเย็น อันแสนอร่อยของพวกเรา
มื้อเย็นวันนี้ ทานกันพุงกางไปเลย อิ่มกันถ้วนหน้า
เช้าวันที่สามบนเกาะ วันสุดท้ายของพวกเรา หลังทานอาหารเช้าแล้ว กิจกรรมแรกคือ การเดินขึ้นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเกาะวัวตาหลับ ระยะทางประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นทางลาดชัน ต้องจับเชือกตลอดการเดินเท้าครั้งนี้ ระยะทาง 150 เมตรสุดท้าย เป็นหน้าผา หินคมตลอด ต้องจับเชือกตลอดเลย
นักท่องเที่ยว สามารถนำน้ำดื่มขึ้นไปทานได้ แต่ต้องมัดจำค่าขวดๆละ 20 บาท เพื่อต้องการให้นักท่องเที่ยวนำกลับมาทิ้งด้านล่าง การเดินทางใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง
รูปนี้เป็นจุดชมวิวที่ ระยะทาง 150 เมตรจากด้านล่าง
อากาศวันนี้ร้อน แต่ฟ้าไม่แจ่มใสนัก สำหรับพวกเรานักถ่ายภาพ
เดินไป ก้อดื่มน้ำไป เป่าปากไป สงสัยผมจะแก่แล้ว และแล้วก้อมาถึงซะที ด้านบนของจุดชมวิว จะมีระเบียงให้ยืนชม แต่สามารถรองรับน้ำหนักได้แค่ 20 คน
จุดชมวิวทิวทัศน์ของเกาะวัวตาหลับ จุดหมายแห่งการเดินทางมาหมู่เกาะอ่างทองคือที่นี่ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยทีเดียว
การปีน ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรเนื่องจากมีความลาดชันและแหลมคมของหินปูนใน ช่วงสุดท้าย ระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่อาจจะใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง
จากจุดชมวิวทิวทัศน์สามารถ มองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะน้อยใหญ่ทอดตัวกระจายด้วยรูปทรงแบบเขาหินปูนที่ เห็นแล้วเหนื่อย คุ้มค่ากับการปีน
จริงๆ ยังมีจุดที่สูงกว่าอีก แต่เจ้าหน้าที่ห้ามปีนขึ้น เนื่องจากไม่ปลอดภัย
หลังจากดูดดื่มกับบรรยากาศ บนจุดชมวิวเรียบร้อยแล้ว พวกผมก้อต้องรีบลงมา เนื่องจากต้องออกเดินทางกลับแล้ว เดียวจะตกเรือซะ
ที่ทำการแห่งนี้ มีห้องน้ำมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาค้างคืน หรือมาเช้ากับเย็น
ช่วงเที่ยงวันนี้หน้าหาดเต็มไปด้วยเรือคายัคมากมาย
ก่อนจะอำลา เกาะวัวตาหลับ ก้อขอถ่ายรูปหมู่กันซะหน่อย เอ้า เฮ้..เฮ้
เมื่อเดินทางขึ้นเรือของไฮซี แล้ว พวกเราก้อทานอาหารกลางวันบนเรือกัน อร่อยไม่เบา หลังจากนั้นเรือก้อเล่นออกมายัง เกาะแม่เกาะ พวกเราจะดูทะเลในกันครับ
ทะเลใน เป็นทะเลสาบขนาดกว้าง 200 เมตร ยาว 250 เมตร อยู่ที่เกาะแม่เกาะ น้ำเป็นสีเขียวมรกตล้อมด้วยภูเขาหินปูน มีอุโมงค์ใต้น้ำ ต้องนั่งเรือจากเกาะวัวตาหลับประมาณ 15 นาที มีบันไดและทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวซึ่งมีหลายจุด
เมื่อได้เวลาอันสมควร แล้ว เรือก้อออกเดินทางกลับเข้าเกาะสมุย เรือใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง หลังจากนั้น พวกผมก้อต่อเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งไปดอนสักเลย เที่ยวที่จะทันคือ เที่ยว หกโมงเย็นนะครับ
ระหว่างทาง ได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย สุดแสนจะบรรยาย
หลังจากเรือถึงดอนสัก ก้อรีบบึ่งไปทานอาหารที่ ร้านในอ่าวซีฟูดส์ ที่อำเภอกาจนดิษฐ์ กัน เนื่องจากครัวจะปิด ลุกทริปบอก ทานอีกแล้วเหรอ
กลับถึงกรุงเทพฯ เช้าวันที่ 14 เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ
ใครอยากไปเที่ยวกับผม ลองติดต่อเข้ามานะครับ การจัดการแบบทัวร์ แต่เที่ยวแบบเพื่อน
Create Date : 18 เมษายน 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2553 6:40:23 น. |
Counter : 4283 Pageviews. |
|
|
|