กุมภาพันธ์ 2555

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
23
27
28
29
 
 
All Blog
ลาแล้วนะ...อาชีพราชการ (3)
เรื่องราวก่อนหน้า
ลาแล้วนะ...อาชีพราชการ [1] | [2]



เมื่อคิดจะขายปลาหมึก เราก็ต้องคิดแล้วว่าจะไปหาปลาหมึกแห้งที่ไหนมาขาย เพื่อนเสนอว่ามีลูกค้าที่สนิทกันอยู่ที่เพชรบุรี เขาชวนไปเที่ยวบ้านบ่อย ๆ ที่นั่นมีปลาหมึกเยอะ ถ้าเราไปบ้านเขา เขาจะพาไปซื้อ ผมตอบตกลง เอาไงเอากัน ลองดูสักตั้ง

เราเดินทางในเช้าวันเสาร์ โดยผมเลือกโดยสารรถไฟ เพราะปกติไม่เคยขึ้นรถไฟก็เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ซึ่งเราก็พบว่ารถไฟก็คือนรกบนรางดี ๆ นี่เอง

รถไฟฟรีขบวนนั้น สถานีปลายทางอยู่ที่ไหนผมก็จำไม่ได้ แต่มันแล่นผ่านเพชรบุรี ผู้โดยอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ผมต้องยืนจากหัวลำโพงไปถึงเพชรบุรี รถไฟออกจากสถานีตอนเช้าแล่นช้า ๆ ไปถึงเพชรบุรีตอนบ่ายแก่ ๆ เป็นเวลาอันยาวนานและทรมานมาก

คนที่เราไปพบเป็นพี่สาวใจดี มีลูกสาวตัวเล็ก ๆ น่ารัก สามีเธอทำงานอยู่กรุงเทพฯ เธอจึงขึ้นล่องเพชรบุรีกับกรุงเทพฯ บ่อย ๆ จนกระทั่งได้ไปเป็นลูกค้าของเพื่อน และคนหาสมาคมกันเรื่อยมา เธอพาเราไปซื้อปลาหมึกแห้งในตอนเย็น ผมผิดหวังเล็กน้อยเพราะคิดว่าเราจะไปซื้อกันที่ตลาดขายส่ง แต่ร้านที่ซื้อนั่นอยู่แถวเขาวัง น่าจะเป็นร้านที่ขายให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา แต่แม่ค้าใจดีลดราคาให้เราเยอะพอสมควรเมื่อรู้ว่าเราจะเอาไปขายต่อ จากนั้นเจ้าถิ่นก็พาเราไปซื้อขนมหวานพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เจ้าถิ่นบอกว่าขนมเจ้านี้อร่อย และทำส่งร้านค้าหลายร้านในเพชรบุรี หลังจากที่ได้ชิมแล้วต้องยอมรับว่าอร่อยและราคาถูกกว่าร้านค้าทั่วไปอยู่มาก เพราะเป็นราคาขายส่ง

เช้าวันอาทิตย์ ผมได้รับแจ้งข่าวร้ายเมื่อน้องโทรมาบอกว่าปู่เสียชีวิต จะสวดที่วัดเจ้าอาร์ม ชื่อวัดคุ้น ๆ แต่ผมนึกไม่ออกว่าอยู่ที่ไหน ลองโทรถามเพื่อนที่ทำงานจึงรู้ว่าอยู่แถวบางขุนนนท์ ทางเส้นที่จะไปตลิ่งชัน

จากที่มีแผนว่าจะไปดูปลาหมึกกันอีกที่หนึ่ง เราก็เลยต้องรีบกลับกรุงเทพฯ คราวนี้เราเปลี่ยนใจเดินทางกลับโดยรถทัวร์ ซึ่งพบว่ามันย่นระยะเวลาได้หลายชั่วโมงเมื่อเทียบกับการโดยสารรถไฟ นั่งรถทัวร์ชั่วโมงเศษก็ถึงปากซอยเข้าบ้านแล้ว

ตอนบ่ายผมออกจากบ้านงานศพปู่ ไปถึงได้สักพักรถตู้ของโรงพยาบาลศิริราชก็นำร่างของปู่มาที่วัด ปู่บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลไว้ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพ ทางโรงพยาบาลจะมารับร่างของปู่ไปใช้ประโยชน์ต่อไป

วันนั้นญาติพี่น้องมาร่วมพิธีศพของปู่กันมากมาย แต่แม่ผมอยู่ต่างจังหวัดไม่ได้มาด้วย ผมตั้งใจว่าวันที่แม่มางานศพ ผมก็จะมางานศพปู่อีกครั้งหนึ่ง

รุ่งขึ้นขึ้นน้องโทรมาบอกว่าแม่จะมางานศพปู่ในวันอังคาร ตอนแรกผมอยากจะชวนแฟนเก่าไปงานศพปู่ เพราะผมเคยพาเธอไปรู้จักกับครอบครัวของผมมาแล้ว แต่มันติดขัดตรงที่ว่าวันพุธจะมีการประกวด TO BE NUMBER ONE ซึ่งชุมชนที่ผมดูแลอยู่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนเขตไปประกวด แต่มีปัญหาอยู่ตรงที่น้อง ๆ ชมรม TO BE NUMBER ONE ทำไฟล์นำเสนอ (PowerPoint) ไม่เป็น จึงเดือดร้อนเจ้าหน้าที่ต้องไปช่วยทำให้ในเย็นวันอังคาร ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลานานมาก เพราะผมเองและเพื่อนที่ไปช่วยก็ไม่ได้เก่ง PowerPoint เลย

วันอังคารผมรู้สึกเครียด และหงุดหงิด เพราะใจอยากไปงานศพ เพื่อจะได้เจอหน้าแม่และน้อง ๆ รวมถึงญาติคนอื่น ๆ ด้วย ครอบครัวเรา 4 คน อยู่กัน 4 จังหวัด จึงไม่ค่อยได้พบหน้ากันบ่อยนัก และไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ญาติด้วย

บ่าย ๆ ของวันนั้นแฟนเก่าโทรศัพท์มาหาผม ถามว่าผมจะกลับบ้านกี่โมง ผมตอบไปว่ายังไม่รู้ เธอถามว่าเย็นเหรอ ผมตอบว่าใช่ เธอพยายามคาดคั้นเวลา ผมตอบว่าไม่รู้ น่าจะดึก ๆ เธอก็วางสายไป สักพักเธอก็ส่งข้อความมา

ข้อความที่ส่งมานั้นต่อว่าผมประมาณว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เธอต้องทำรายงานอะไรก็ไม่รู้น่าจะเกี่ยวกับการเรียนปริญญาโทของเธอนั่นแหละ แต่เธอมีปัญหาต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ จะขอมาใช้อินเตอร์ที่ห้องผม แต่ผิดหวังเพราะผมมันเห็นแก่ตัวเกินไป

โอ้ว...แม่จ้าวววว ผู้หญิงนี่อาร์ตตัวแม่ อย่างที่เขาว่าจริง ๆ แม่ง...ซักไซร้ถึงแต่เวลากลับบ้านแล้วกูจะรู้มั้ยว่าคุณหมายถึงจะขอมาใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้อง กูก็ปุถุชนคนธรรมดา จะไปเข้าใจความหมายเฉพาะตัวของคุณได้ยังไงวะ ต่อให้เอาอาจารย์ภาษาไทยกับอาจารย์จิตวิทยามาช่วยกันตีความก็คงตีความไม่ออกหรอก

อุ้ย...ขอโทษ วรรคที่แล้วรุนแรงไปหน่อย แต่อารมณ์ตอนนั้นก็ประมาณนี้แหละ เวลาต่อมาคิดย้อนกลับไปทีไร มันก็อารมณ์เดิมตลอดนะ อดคิดไม่ได้ว่าคนที่กู้เงินให้เธอยืมใช้เป็นแสนนี่น่ะเหรอคือคนเห็นแก่ตัว ผมยอมรับคำว่าเห็นแก่ตัวที่เธอกล่าวหาไม่ได้ ผมอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวสำหรับใครหลาย ๆ คนก็ได้ แต่มันต้องไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวสำหรับเธอสิ แค่วิเคราะห์คำพูดเธอไม่ถูกผมก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแล้วเหรอ

ข้อความที่เธอส่งมานั้นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบระหว่างเรา 2 คน และคิดถึงมันครั้งใด ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นการเปิดเกมศึกงี่เง่าสิ้นดี แต่ผมเองกลับตกหลุมพลางแห่งกลศึกนั้น เพราะผมไม่รู้ตัวว่าสงครามระหว่างเรา 2 คนได้เริ่มขึ้นแล้ว

ยังมีต่อ แล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ



เรื่องราวต่อจากนี้
ลาแล้วนะ...อาชีพราชการ [4]



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 7:12:32 น.
Counter : 6255 Pageviews.

10 comments
  
หวัดดี :)
โดย: ฝนโปรย วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:25:57 น.
  
โดย: new pek วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:30:17 น.
  
จะรอ่านนะคะ
โดย: แค่มี IP: 122.154.16.246 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:03:44 น.
  
เขียนได้น่าติดตาม มากกว่า หนังสือที่วางขายอีกค่ะ.....
โดย: usakhae_177 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:09:47 น.
  

ไม่ได้แวะมาหาซะนาน พอดีเห็นชื่อเรื่องตรงหน้าบล็อก อ้าว นายเอนี่นา

ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอน 1...อืม...มีหลายเรื่องราวในชีวิตคนเราที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์ ก็ขอให้สู้ต่อไป ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขอให้ใช้สติตั้งรับนะคะ

เรื่องการคบคน การไว้ใจ อันนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่ามิตรภาพจะหมดไปเมื่อไหร่ และใครเป็นคนที่เชื่อใจได้ ถือซะว่าเป็นบทเรียนละกันเนอะ แต่ก็ขอให้ได้คืนหมดนะ ถึงจะเลิกกันแล้ว แต่ถ้าทำสัญญาล่ะ สามารถรึเปล่า เอาใจช่วยนะคะ

เราก็เคยโดนโกงจากเพื่อนเหมือนกันและไม่คิดว่าเค้าจะกล้าตัดขาดความเป็นเพื่อนและหายไปกับสายลมเลย คิดละเศร้าและเสียดายความเป็นเพื่อนมากๆ

ส่วนงาน..มันก็แบบว่า..คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก แต่ละคนก็มีเหตุผลไปต่างๆ นานา ได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วก็ขอให้ทำสิ่งที่ทำอยู่และตั้งใจไว้อย่างสุดความสามารถเลยนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
โดย: uter วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:21:29 น.
  
มาชมครับ
โดย: esanbanna วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:57:58 น.
  
อะไรกันพี่เอ

จุดประเด็นต่อนอกเรื่องไปเยอะมาก
แล้วบอกว่า เธอคนนี้แหละีที่จะทำให้ชีวิตผมเจ็บปวดที่สุด

แล้วใคร

มีช้อย 2 คนนะ

อะไรกันนิ

เขียนไม่ต่อเนื่อง
ชี้ให้ติดตาม
รีบมาเขียนให้จบเลยนะ แหมๆๆ

โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:15:07 น.
  
แล้วอีกอย่าง ญ เป็นประเด็นเนี่ย

ญ นี่ก็แแลกจะมาขอใช้เน็ตที่ห้อง ก็น่าจะบอกตรงๆ ไปเลย
อ้อมไปอ้อมมาอยุ่ได้

แล้วมาด่ากัน สรุป Gu ผิดเรอะ

โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:16:20 น.
  
เอ้า สู้ๆๆค่ะ
โดย: kwan_3023 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:36:01 น.
  
เรื่องยาวแฮะ เล่าละเอียดดี อ่านแล้วค้างยาวเลย กว่าจะมาต่อดึกเลยแฮะ

จะรอจนจบไม่รู้อีกกี่ตอน เลยพักคอมเม้นท์ซักครั้งนึงก่อนนะคะ อิๆ

จะขอพูดในฐานะที่มีประสบการณ์มาก่อนว่า เข้าใจที่คุณเล่ามาทั้งหมด
เพราะฉันก้อผ่านมันมาแล้วเหมือนกัน

คนเราทำอะไรแล้ว ไม่มีความสุข ก้อไม่อยากจะทำเป็นธรรมดา
ก้อต้องอดทนจนถึงที่สุด หรือไม่ก้อมีทางไปใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ถึงจะตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเอง จริงไหมค่ะ

คุณยังไม่ได้ลาออก แต่คงใกล้แล้ว ขอให้ถามใจตัวเองให้แน่ใจว่า
ที่เราอยู่ เรามีความทุกข์มากจนทนไม่ไหวใช่หรือป่าว ถ้าใจตอบว่าใช่
ถามใจต่ออีกนิดว่า เราพร้อมจะออกมาหาประสบการ์ณชีวิตใหม่ๆใช่ไหม
พร้อมออกมาสู้อะไรๆที่เรายังไม่รู้อนาคต ยังไม่มีแผนที่ดีใช่ไหม
ถ้าใจคุณตอบว่าใช่ ก้อออกมาเถอะค่ะ
แล้วคุณจะรู้สึกถึงความโล่งโปร่งสบาย แต่นั่นคือระยะแรกๆเท่านั้น

แต่ถ้าที่ถามใจตัวเองแล้ว คำตอบยังลังเล หรือไม่ใช่ ก้อขอให้อดทนต่อไปอีก
สักพักก่อน เพื่อวานแผนอะไรที่ดีกว่านี้ก่อนค่อยตัดสินใจใหม่

อย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่น ที่ว่าเราว่าไม่มีความอดทน เพราะในภาวะของแต่ละคน
ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าคนๆนั้นเขาจะห่วงเรา หวังดีต่อเรา หรืออะไรก้อตาม
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเรา ความคิดของเรา คนอื่นช่วยอะไรเราไม่ได้มากนัก

เพียงแต่คิดและตัดสินใจให้ดี ถ้าวันหนึ่งเรารู้ว่าเราตัดสินใจผิด เราจะไม่เสียใจเลย
เพราะว่าวันนี้เราคิดว่า เราคิดดีที่สุดแล้ว
แล้วจะมาอ่านตอนต่อไปนะคะ
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:25:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

9A
Location :
ราชบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]



New Comments
Friends Blog
[Add 9A's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com