ควงน้องป๊อกแป๊กเที่ยวแม่กลอง (ตอนที่ 1)

เมื่อวันเสาร์ (10 กุมภาพันธ์ 2550) ผมหักไข้ไปเที่ยวมาครับ

ก่อนหน้านั้น 3 วัน ผมซื้อกล้องมาใหม่ เป็นกล้องคอมแพ็คธรรมดา ๆ รูปร่างอวบ ๆ ยี่ห้อฟูจิ รุ่น A 600 พอพรรคพวกที่ทำงานชวนไปเที่ยวผมจึงตอบตกลงทันที เพราะอยากไปลองกล้องตัวใหม่

กล้องโอลิมปัสตัวเก่าของผมใกล้เจ๊งเต็มที และผมก็ไม่อยากเอาไปซ่อม เพราะอยากได้ตัวใหม่มากกว่า ที่จริงผมเล็งไว้ที่กล้องฟูจิรุ่น S5600 หรือ A9600 แต่ใจนึงก็อยากได้กล้องตัวเล็กธรรมดา ๆ สักตัวไว้ติดกระเป๋าไปไหนมาไหน เพราะตัวเก่ามันหนัก เวลาจะเอาไปใช้ที ดูเป็นทางการมาก บางงานอย่างงานหนังสือฯ ผมอยากเอากล้องติดตัวไปด้วย แต่นึกถึงความหนักของหนังสือ+ความหนักของกล้องแล้วก็ท้อใจ

คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจคว้ากล้องป๊อกแป๊ก ฟูจิ A600 มาไว้ในครอบครอง พอซื้อมาแล้วจะทดลองก็ไม่รู้จะถ่ายอะไร เพราะวัน ๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน

จนพรรคพวกที่ทำงานชวนกันไปเที่ยวแม่กลองนี่แหละครับ เพราะฉะนั้นบล็อกนี้ผมคงต้องให้เป็นหน้าที่ของน้องป๊อกแป๊กได้โชว์ผลงาน เอารูปมาให้ดูกันเยอะ ๆ ตัวหนังสือน้อย ๆ (แต่ที่ผ่านมานี่ก็เกือบเยอะแล้วนะ)




เช้าวันเสาร์นัดขึ้นรถเวลา 7 โมงเช้า แต่เนื่องจากผมเห็นว่าผมอยู่ระหว่างทางผ่านจึงขอรอรถอยู่ระหว่างทางดีกว่า

เวลาผ่านไปครึ่งค่อนชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่ารถที่ผมรออยู่จะผ่านมา โชคดีที่ผมเอาหนังสือติดมาด้วยก็เลยยืนอ่านหนังสือรอไปพลาง ๆ

อ่านจนเบื่อ พี่คนที่เป็นโต้โผใหญ่โทรมาถาม

"มารอหรือยัง"
"รอตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้วพี่" ผมตอบ
"รอไปก่อนนะ รถมันติดมาก" เสียงพี่โต้โผใหญ่ดังเข้าหูซ้ายของผม
"ถึงไหนแล้วเนี่ย" ผมคาดคั้น
"ยังไม่ได้ออกเลย" พี่โต้โผใหญ่สารภาพ
"อ้าว ทำไมล่ะ" ผมงง ตอนนั้นมันเกือบจะ 8 โมงแล้ว
"รอวันดีอยู่" เพื่อนคนหนึ่งชื่อวันดียังไม่มา
"วันนี้ไม่ดีเหรอพี่ แล้วเราจะไปวันไหนกันดีล่ะ วันไหนถึงจะดี พรุ่งนี้เหรอ" ผมถาม ถ้าไม่ถามอย่างนี้เดี๋ยวคนจะรู้ว่าฉลาด
"กวนตี.." โต้โผใหญ่กล่าวชมเชยผมแล้ววางหูไป

ไม่รู้ว่าวันนั้นเป็นวันดีหรือเปล่า แต่ในที่สุดพวกเราซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 9 ชีวิต และคนขับอีก 1 คน ไปถึงแม่กลองจนได้

สถานที่แห่งแรกที่เป็นจุดหมายของเราคือวัดเพชรสมุทร ซึ่งผมก็เคยไปหลายครั้งแล้วล่ะครับ

เขียนมายาวแล้วไปดูรูปกันเหอะ ผลงานน้องป๊อกแป๊กฟูจิก็น่าพอใจดีอยู่ครับ แต่ฝีมือผมไม่ค่อยดีตามเคย



วัดเพชรสมุทร ไม่รู้จะถ่ายมุมไหนดี เพราะมีแต่สายไฟ










ไหว้พระกันก่อนนะครับ

พอแปะรูปแล้วถึงรู้ว่าลืมย่อรูปพระประธานในโบสถ์น่ะครับ

ไหว้พระเสร็จ ตอนที่เดินกลับก็เกิดไปสะดุดตาเข้ากับขนมกาลอจี๊ จึงแวะซื้อกินซะหน่อย ราคา 10 บาทเท่านั้นเองครับ เดินกลับมาที่รถแล้วเกิดอดรนทนไม่ได้ต้องเดินกลับไปขอเขาถ่ายรูปกาลอจี๊ซะหน่อย

คนอื่นเขางงกันนะที่ผมไม่เคยเห็นกาลอจี๊ ที่จริงผมเคยเห็นนะ แต่ที่ผมเห็นน่ะมันเป็นแผ่น ๆ ไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่นา


กาลอจี๊ก้อนใหญ่เผละ ๆ อยู่ในกะทะ เวลามีคนซื้อแม่ค้าก็จะเฉือนไปคลุกในงาผสมน้ำตาลทราย ราคา 10 บาทที่นี่ปริมาณพอ ๆ กับ 20 บาทที่กรุงเทพฯ

ที่วัดนี้ผมยังเครื่องไม่ร้อน ถ่ายรูปมาได้ไม่กี่รูป สถานที่ต่อไปจากนี้ผมกดอย่างมันมือเลยล่ะครับ แล้วจะทยอยเอามาให้ดูในบล็อกต่อไปนะครับ ไปเที่ยวมาวันเดียวแต่จะอัพได้ราว ๆ 150 บล็อกเลยล่ะ

ปล. จะว่าไปผมเริ่มหลงเสน่ห์น้องป๊อกแป๊กเสียแล้ว

วัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร

ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเมือง บริเวณถนนเพชรสมุทร เดิมชื่อ วัดศรีจำปา เป็นวัดที่สำคัญของจังหวัด ตามพงศาวดารฉบับราชหัตถเลขา ปี พ.ศ. 2307 พม่ายกทัพเข้ามาตีเมืองเพชรบุรี แต่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพมาช่วยรักษาเมืองไว้ได้ ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปา จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านแหลม” ตามชื่อบ้านเดิมของตนในเมืองเพชรและช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปา เรียกวัดนี้ใหม่ว่า “วัดบ้านแหลม”

ชาวบ้านแหลมนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง คราวหนึ่งได้ออกไปลากอวนในอ่าวแม่กลองพบพระพุทธรูปติดอวนขึ้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง อีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืน สำหรับพระพุทธรูปนั่งได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี สำหรับพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรสูงประมาณ 167 เซนติเมตร (แต่บาตรนั้นสูญหายไปในทะเล สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภานุพันธ์วงศ์วรเดชได้ถวายบาตรไว้ให้บาตรหนึ่งเป็นบาตรแก้วสีน้ำเงิน) นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกว่า “หลวงพ่อบ้านแหลม” มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วไป วัดบ้านแหลมเจริญขึ้นเป็นวัดใหญ่ เนื่องจากมีผู้คนมาทำบุญนมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมกันเรื่อยมา ต่อมาวัดนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” ภายในบริเวณวัดเพชรสมุทรยังมีพิพิธภัณฑ์สงฆ์ จัดแสดงพระพุทธรูป และพระเครื่องสมัยต่างๆ โบราณวัตถุเครื่องลายคราม และธรรมมาสน์บุษบกสมัยกรุงศรีอยุธยา ปกติไม่เปิดให้เข้าชม ต้องติดต่อเจ้าอาวาสก่อนล่วงหน้า

---

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550 Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2550 1:13:46 น. Counter : 2327 Pageviews.		30 comments
Share Tweet