Group Blog All Blog
|
เที่ยวแหลมร๊อกก้าและพระราชวังหลวงที่เมืองซินทราโปรตุเกส สวัสดีค่ะ กลับมาที่บล๊อกเที่ยวสเปน-โปรตุเกสกันนะคะ บล๊อกนี้จะพาไปเที่ยวชมแหลมร๊อกก้าและพระราชวังหลวงที่เมืองซินทราซึ่งอยู่ในประเทศโปรตุเกสค่ะ 18/5/2558 ภาคเช้าวันนี้คณะเราเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติซินทรา รถโค้ชวิ่งเลาะเหมือนขึ้นภูเขา ผ่านทั้งป่าเขียวขจี ที่ราบริมฝั่งและแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ถ้าดูในแผนที่จะเห็นว่าแหลมร๊อกก้า(Capo da Roca)เป็นจุดตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ด้านหน้ามองออกไปคือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ(North Atlantic Ocean) ถ้าเดินเรือเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆจากแหลมนี้ฝั่งตรงข้ามคืออเมริกา วันนั้นหมอกลงจัดมากๆค่ะ ลมแรงพัดเปิดกระโปรงสาวจีนเรียกรอยยิ้มจากหนุ่มๆแถวนั้น และอากาศเย็นทีเดียวเลยล่ะค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ ใครมีโอกาสไปเที่ยว ควรถ่ายรูปอยู่แค่ในบริเวณที่เค้าได้จัดไว้แล้วนะคะ เพราะเคยมีเหตุการณ์พ่อแม่ออกไปถ่ายเซลฟี่นอกรั้วกั้นและตกหน้าผาตายไปต่อหน้าลูกๆ
แหลมร๊อกก้าเป็นชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่บนหน้าผา สูงประมาณ 150 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ป้อมCabo da Rocaมีความสำคัญมาตั้งแต่ศตวรรษที่16ในด้านการป้องกันตามแนวชายฝั่งและการเดินเรือ ประภาคารบนแหลมนี้ยังคงใช้งานอยู่ถึงปัจจุบันค่ะ จากนั้นเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองซินทรา เมืองที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ(Parque Natural de Sintra-Cascais) เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พระราชวังหลวงแห่งเมืองซินทรา (The Sintra National Palace)มีสถาปัตยกรรมภายนอกตกแต่งสไตล์แบบกอธิคและมานูเอลไลน์(Manueline)อย่างเรียบง่าย ตั้งอยู่ในเขตลิสบอน เมืองซินทรา เป็นพระราชวังที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง
จากพระราชวังมองไปเมืองซินทรา พระราชวังหลวงThe Royal Palace Nacional da Vila Sintra ซึ่งเคยเป็นที่ประทับแห่งราชวงษ์ของโปรตุเกสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ภายในพระราชวังแต่ละห้องมีการออกแบบแตกต่างกันไป หลายห้องเกี่ยงข้องกับสัตว์ปีกอย่างห้องนี้ชื่อว่า Swan Hall พระราชวังแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวพันกับชนชั้นปกครองของโปรตุเกสตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ถึงปลายศตวรรษที่ 19 ประวัติศาสตร์ของพระราชวังแห่งนี้ยังเกี่ยวพันกับกษัตริย์ของมัวร์อีกด้วยดังนั้นการตกแต่งจึงมีลักษณะการผสมผสาน
บางห้องเพดานทำเหมือนท้องเรือ ในขณะที่บางห้องเพดานหรูหราวิจิตรมาก ห้องนกกางเขน (Magpies Room) ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบอย่างสวยงาม
มีโบสถ์เล็กๆอยู่ในพระราชวัง ห้องครัวของพระราชวังแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะมีปล่องไฟตรงกลางห้องสูงขึ้นไป 33 เมตรสองปล่องจนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ผนังปูด้วยกระเบื้องสีขาวสวยงาม
ด้านในพระราชวังยังมีห้องต่างๆที่สวยงาม อีกหลายห้องค่ะ สถาปัตยกรรมแบบโกธิคสไตล์มัวร์ ระหว่างทางที่จะไปเอาท์เล็ทเต็มไปด้วยไร่องุ่นและป่าต้นก๊อก ต้นก๊อกนี้เขาจะมีเปลือกหนา เขาก็จะกรีดและลอกเอาเปลือกไม้มาทำจุกก๊อกไวน์ค่ะ ถึงเมืองฟารู(Faro)ในตอนเย็นค่ะ เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของชาวมัวร์ พวกเราได้แวะช้อปปิ้งที่จัมโบ้อาท์เล็ท (Jumbo Outlet) ที่นี่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ให้ได้เพลิดเพลินค่ะ เข้าพักที่ Faro-Hotel Faro ริมอ่าวคาดิซ เมืองรีสอร์ทริมทะเลที่เป็นที่นิยมของนักเล่นเรือค่ะ ขอบคุณที่ร่วมติดตามมาด้วยกันนะคะ พบกันใหม่บล๊อกหน้า เร็วๆนี้ค่ะ สวัสดีค่ะ |
hellojaae
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เขียนบล๊อกเพราะอยากเขียน อยากแบ่งปัน ใช้วิธีจิ้มดีดจึงมีผิดๆถูกๆ (แม้จะพยายามตรวจทวนทุกครั้ง) เป็นบล๊อกอนุรักษ์รูปแบบเดิมๆคือเขียนไล่เรียงลงมา เพราะทำรูปแบบอื่นไม่เป็น 555 ยังเขียนต่อไปเพราะเห็นว่าก็ยังมีคนหลงๆเข้ามาอ่าน 555 สวัสดีและขอขอบคุณทุกคนค่ะ Friends Blog
Link |