เที่ยวหอเอนแห่งเมืองปิซ่าบ้านเกิดของกาลิเลโอ

วันที่สี่ กับ ทริป Italy-Swiss-France (Cairo)

หลังรับประทานอาหารเช้าของโรงแรม และ รสัสที่ไม่ลับตัวเดิม 6-7-8 ดังนั้นเมื่อถึงเวลา 8.00 พวกเราทั้งคณะก็พร้อมกันบนรถ วันนี้ช่วงเช้าทั้งวันใช้เวลาเดินทางจากโรม มาเมืองปิซ่า (Pisa)





รถบัสที่พวกเราใช้เดินทางต้องจอดไว้ที่ลานสำหรับจอดรถของนักท่องเที่ยว จากนั้นหัวหน้าทัวร์จะซื้อตั๋วและพาพวกเราโดยสารเจ้ารถคันนี้ไปกัน



บริเวณโดยรอบมีร้านขายของที่ระลึกเยอะมากค่ะ แต่ถ้าเป็นของก๊อปปี้จะขายโดยคนผิวดำเยอะมาก



ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวกัน ก็ทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารจีนที่นี่ก่อน ไม่ถึงกับอร่อยแต่เป็นร้านที่ทำเลดีสะดวกเพราะกินเสร็จก็ปล่อยให้ไปเดินเที่ยวกันได้ตามอัธยาศัยหลังจากนั้นก็นัดเวลามาเจอกันที่นี่ ใครอยากเข้าห้องน้ำก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน





ที่นี่นักท่องเที่ยวคงมากันจากทั่วทุกมุมโลกค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะมาก



แล้วเมื่ออิ่มกันแล้วพวกเราก็พร้อมลุย เดินเกาะกลุ่มกันไปก่อน กลังจากนั้นก็ตามอัธยาศัยจ้า

เมืองปิซ่า (Pisa) ถือว่าเป็นเพชรเอกของแคว้นทัสคานี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ในอดีตเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่มีชื่อเสียงที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ก็คือ หอระฆังตอร์เรเปนเด็นเต (Torre PendenteX ) หรือที่พวกเราเรียกว่า "หอเอนแห่งเมืองปิซ่า"

กัมโป เดย์ มีราโกลี Campo dei Miracoli "สนามมหัศจรรย์"



มหัศจรรย์ก็เพราะ สนามสีเขียวที่งดงามรองรับสถาปัตยกรรมที่น่ามหัศจรรย์สามสิ่งไว้ในที่เดียวกันค่ะ เริ่มด้วย

หอพิธีเจิมน้ำมนต์ (ซึ่งเป็นหอพิธีเจิมน้ำมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีด้วยค่ะ) มีหลังคาทรงโดมแบบโกธิก มีลวดลายอาหรับผสมผสาน เนื่องจากเมืองปิซ่าเคยเป็นเมืองท่า ซึ่งเคยทำมาค้าขายกับพวกแขกมัวร์









มหัศจรรย์ที่สอง คือ มหาวิหารดูโอโม มีสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์เช่นเดียวกันกับ หอเจิมน้ำมนต์ บานประตู 3บานหล่อด้วยสำริดแทนของเดิมที่ทำด้วยไม้















และมหัศจรรย์ที่สามคือ หอเอนแห่งเมืองปิซ่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ที่ใครๆทั่วโลกต่างก็รู้จัก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายคนฝันใฝ่ที่อยากจะมาเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง



หอระฆังนี้สร้างตั้งแต่ปี 1174 (แปดร้อยกว่าปีที่แล้วค่ะ) พอสร้างได้ถึงชั้นที่ 3 ก็เริ่มเอียงค่ะเลยหยุดสร้าง พอ100ปีผ่านมา (แบบว่าดวงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอะนะคะอะไรก็ห้ามไม่อยู่) ก็มีคนมาสร้างต่อจนครบ8ชั้น





ทำไมหอถึงเอน เอนเพราะว่าฐานรากลึกเพียง10ฟุตและข้างล่างเป็นดินอ่่อนค่ะ แต่ต่อมาทีมวิศวกรก็ได้แก้ไขและพยายามรักษาระดับความเอียงเอาไว้ไม่ให้ล้มลงมา

ซึ่งหอเอนแห่งเมืองปิซ่านี้เองที่ตามตำนานบอกว่า กาลิเลโอ ได้มาทำการทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก กาลิเลโอ กาลิเลอิ เกิดที่เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก



ได้เวลานัดหมาย พวกเราก็ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่เมืองเวนิส ระหว่างเดินทางก็รื่นรมย์กับวิวสองข้างทาง กับเครื่องดื่มและมันฝรั่งรสจัดเผ็ดอร่อย





มาถึง Move Hotel ก็มืดแล้ว รับประทานมื้อค่ำกับ สปาเก็ตตี้ และไก่อบ มีของหวานเป็นไอศกรีมด้วย มื้อนี้พวกเราดื่มไวน์กันเพื่อเรียกน้ำย่อยด้วย ไวน์อิตาลีที่นี่ไม่แพงเลย ขวดละ 10 ยูโร ดื่มกันไปสองขวด เลยคุยกันอย่างออกรสชาติ 555







ที่นี่เป็นโรงแรมเปิดใหม่ค่ะ อยู่ระหว่างทางของจุดหมายที่เราจะไปพรุ่งนี้ คืนนี้ขอนนอนเอาแรงก่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าเราจะได้ไป เวนิสกันแล้ว

ช่วงนี้บ้านเรายังผจญกับปัญหามหาอุทกภัย ซึ่งยังมองไม่ออกว่าเมื่อไหร่จะจบลงเสียที ขอเป็นกำลังให้กับทุกคนนะคะ บอกตัวเองให้อยู่ด้วยความมีสติเสมอ อย่าหวาดกลัวหรือหวาดหวั่นจนเกินไป อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วเราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่พรุ่งนี้เรายังมีโอกาสเสมอค่ะ ขอเพียงอย่าเพิ่งหมดแรงสู้หรือกำลังใจกันนะคะ สวัสดีและขอบคุณที่ร่วมติดตามบล๊อกนี้นะคะ

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2554 Last Update : 4 พฤศจิกายน 2554 19:16:22 น. Counter : 5493 Pageviews.		27 comments
Share Tweet