สวัสดีค่ะ

บล๊อกนี้เป็นการเที่ยววันที่ 4 ของทริป 15 วันในสวิสนี้นะคะ ใครอยากอ่านเรื่องเก่ากว่านี้สามารถไปกดด้านซ้ายมือของบล๊อกได้ค่ะ

(อิ อิ ลอกหัวของบล๊อกที่แล้วมาเด๊ะ)

วันที่ 1 - Zurich - Chur - St.Moritz

วันที่ 2 - St.Moritz - Tirano - Lugano

วันที่ 3 - Lugano - Verzasca River - Bellinzona - Interlaken

วันที่ 4 - Interlaken - Jungfrau - Interlaken

26/10/2558

เราค้างที่อินเทอลาเคน 2 คืนคือเมื่อคืนและคืนนี้อีกคืน ก่อนที่จะไปนอนแซร์แมทอีก2คืนและกลับมานอนที่นี่ที่เดิมอีก 4 คืน โดยตกลงว่าจะขอฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่อินเทอลาเคนนี้ก่อนกลับมาอีกรอบ

ยามเช้าทางเดินระหว่างที่พักไปสถานีอินเทอลาเคนเวสต์ น้ำสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋ว อากาศเย็นๆนิดๆ หมอกจางๆ ทำเอาเช้านี้เคลิ้มไปเลยค่ะ เราเลือกไปพิชิตยอดเขาจุงฟราววันนี้เพราะเช็คสภาพอากาศแล้วว่าวันนี้เหมาะมาก แต่ก่อนอื่นต้องไปเอากระเป๋าใหญ่ที่สถานีอินเทอลาเคนเวสต์ก่อน เราส่งกระเป๋าใหญ่มาจากซูริกตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้วแบกเป้ใบเดียวไปเที่ยวที่อื่นๆมาก่อน

เล่าเสริมอีกนิดว่าเราซื้อโวชเชอร์ไปจากเมืองไทย ค่าตั๋วขึ้นจุงฟราวนี้ราคาแพงที่สุด แพงกว่าทุกยอดเขาเลยค่ะ ตอนแรกว่าจะไม่มาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง เช็คราคาดีๆจะได้ราคาถูกไปจากเมืองไทยค่ะ

เราจะไม่เล่าลงรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางขึ้นยอดเขาจุงฟราวมากนะคะ หลักๆก็คือเราพักที่อินเทอลาเคนเวสต์ ดังนั้นก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปที่อินเทอลาเคนอีสต์ก่อน แล้วก็ไปลงที่สถานี Lauterbrunnen โดยที่สถานีนี้ล่ะค่ะเราเอาโวชเชอร์ไปแลกเป็นตั๋ว คนที่มีสวิสพาสก็จะใช้ได้สุดทางที่สถานีนี้ พูดง่ายๆเหนือสถานีนี้ขึ้นไปต้องซื้อตั๋วเพิ่ม

ลงที่สถานี Lauterbrunen แล้วก็ขึ้นรถไฟขบวนไปที่ Kleine Scheidegg ที่นี่เราต้องรีบเดินข้ามไปอีกฟากของชานชาลาให้เร็วที่สุด ความโกลาหลวุ่นวายจะบังเกิด ณ.สถานีนี้มากที่สุด ถ้าใครไม่อยากแย่งกับใครก็รอขบวนต่อไปค่ะ

เราว่าเราก็เร็วแล้วนะคะ แต่แพ้พี่ๆแขก ขึ้นมาบนรถเป็นอย่างภาพที่เห็น เราเลยเดินมายืนท้ายขบวนกะยืนตรงช่องว่างด้านหลัง เพราะยืนในรถมันอึดอัด  

กลับกลายเป็นโชคดี เจ้าหน้าที่รถไฟเดินมาเอาเบาะลงให้นั่ง

เลยได้ที่นั่งแบ่งกับสามีภรรยาฝรั่งอีกคู่หนึ่ง 

ปล.ถ้าหาที่นั่งได้ให้นั่งเถอะค่ะ

เพราะใช้เวลากว่าจะขึ้นไปถึงยอดเขานานพอเมื่อยล่ะค่ะ

รถไฟจะแวะจอดที่สถานีย่อยไอเกอร์วานและไอส์เมียร์ประมาณ 15 นาที

ให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูป แต่เราไม่ลง 

 ต้องบอกเลยค่ะว่านักท่องเที่ยวเยอะมากๆ โดยเฉพาะแขกกับจีน เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจริงๆ ใครๆก็อยากจะมาให้ถึง Top of Europe

อยากรู้ว่ายอดไหนเป็นยอดไหน ยอดไหนคือยอดเขาจุงเฟรามีป้ายบอกค่ะ 

แล้วมาดูของจริงซึ่งจากจุดนี้สามารถมองเห็นยอดเขาใกล้เคียงกับที่ป้ายบอก

มาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์จริงๆนะ ฮ่า ฮ่า 

วิวอีกฝั่งหนึ่งสวยไม่แพ้กัน 

ป้ามาเที่ยวยอดเขาจุงเฟราจริงๆนะ เอิ๊ก เอิ๊ก  

ธารน้ำแข็ง Aletsch เป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาใหญ่สุดของเทือกเขาแอลป์และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยค่ะ

 สถานีจุงฟราวเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป จุงฟราวยอร์ค(Junffraujaoch) ไม่ได้มีแต่วิวยอดเขาให้ดูนะคะ มีทั้งร้านอาหาร จุดชมวิวSphinxซึ่งมีระเบียงทางเดินให้ออกไปชมวิวกันแบบเต็มๆตา มี Ice Palace ร้านขายช็อกโกแลตและอื่นๆ ถ้าเดินให้ครบแบบชิลล์ก็อยู่กันได้ล่ะค่ะทั้งวัน

การก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ใช้ระยะเวลา 16 ปีมีประวัติอันยาวนาน โดยเริ่มเปิดมาตั้งแต่ปี 1912 อัยย่ะเป็นร้อยปีทีเดียวเชียว หุ หุ บ้านเรายังดูอีกยาวไกลนัก ร้อยปีที่แล้วเขาสร้างทางรถไฟขึ้นมาถึงยอดเขาจุงฟราวโอ้ว...

แผ่นป้ายชื่อจารึกไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง 

ขอชมกันชัดๆอีกสักรูป 

มีลานกว้างๆที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอยู่อีกด้านหนึ่งให้นักท่องเที่ยวออกไปถ่ายรูปและสัมผัสกับหิมะแบบเต็มๆ แต่ป้าเดินไปไม่ถึงค่ะ ลมแรงมากๆและพื้นก็ลื่นทีเดียว ต้องเกาะเชือกข้างๆกันเลยทีเดียว 

ขากลับเรากลับเส้นทางเดิมค่ะ แต่บางคนอาจจะเลือกไปทาง Grindewald ก็ได้เพื่อเปลี่ยนวิว หรือจะแวะเดินเที่ยวที่เมือง Lautrebrunnen แต่ลุงกับป้าเมื่อยแล้วขอกลับที่พักเลยค่ะ  

ระหว่างทางก็ชมวิวยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะให้ฉ่ำชื่นเต็มตาเต็มอิ่มกันให้เต็มที่

ขอบคุณที่ร่วมติดตามนะคะ

พบกันใหม่บล๊อกหน้าค่ะ

สวัสดีนะคะ