กับหญิงเรากวนใจ กับชายเรากวนตีน
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
9 มีนาคม 2554

ผจญภัยในญี่ปุ่นแบบหมาป่าโดดเดี่ยว วันที่12.5 -หุ่นยนต์ทำไอติม-

ตอนนี้แคธีเริ่มเข้าโหมดช็อปแล้ว พอออกจากถนนกบมาเจอร้านขนมญี่ปุ่นก็เข้าไปอีก

คราวนี้ซื้อของฝากให้โอโต้ซัง

แคธีเลือกของไปผมก็ชมร้านไปเรื่อยๆ และก็มาสะดุดเข้ากับของสองสิ่ง

สิ่งแรกเป็นของเรียบๆง่ายๆแต่เป็นของที่ผมชอบที่สุดในการไปญี่ปุ่นครั้งนี้เลยครับ

สิ่งนั้นคือ...














...เว้นให้ลุ้น












คือ...






ถุงกระดาษธรรมดาแต่ช่างคิดนี่แหละครับ



ส่วนสะดุดตาที่สองนั่นก็คืออออ



เครื่องหน้าตาแปลกๆในตู้กระจก...




พอแคธีซื้อของเสร็จก็เดินมาบอกผมว่ามันเป็นหุ่นยนต์ขายไอติม!

ซึ่งกระบวนการซื้อขายทั้งหมดตั้งแต่สั่งของ-จ่ายเงิน-ทอนเงิน ไปจนรับของนั้นไม่ต้องมีมนุษย์มาคอยควบคุมใดๆทั้งสิ้น

ผมฟังแล้วก็อยากเห็นสิ ไอติมน่ะไม่อยากกินแล้ว (ก็วันนี้ล่อไป2โคนแล้วนี่ แหะๆ)

ผมก็เลยยุให้แคธีซื้อกิน

และแคธีก็เชื่อคำยุของผมซะด้วย



ขั้นตอนการซื้อไอติมก็มีดังนี้ครับ

1 ดูตาราง(จากกระดาษด้านขวาในรูปที่มีสีเหลี่ยมสีฟ้า7อัน)ก่อนว่าวันนี้ทางร้านขายไอติมรสอะไร

2 หยอดเงินและรอรับเงินทอนจากตู้หยอดเหรียญด้านขวามือถัดไปอีก(ตู้อยู่นอกเฟรมครับ แหะๆ)

3 หุ่นยนต์ก็จะคว้าโคนเปล่าไปกดไอติม




4 แล้วนำไอติมมาเสียบบนแท่นที่หมุนได้




5 แท่นก็จะหมุนไอติมออกมาด้านนอก




6 สุดท้ายก็หยิบมาถือแล้วเอากระแทกปากซ้าาาาาา



...รสชาติธรรมดาครับ (แคธีแบ่งให้กิน อิอิ)



พอออกจากร้านไอติมหุ่นยนต์แล้วไม่รู้ว่าเพราะหมดมุกหรืออะไรมาดลใจให้แคธีเลือกที่จะเข้าห้าง

ไม่รู้เพราะเป็นห้างตามต่างจังหวัดรึเปล่าขนาดมันถึงได้เล็กกระจิ๋วหลิวเช่นนี้

(ถ้าจำไม่ผิดอาคารมี3ชั้น ชั้นใต้ดินเป็นร้านอาหารและร้านขนม

ชั้น1และชั้น2ขายสินค้าแฟชั่น โดยมีร้านหนังสือขนาดใหญ่มากแชร์พื้นที่ชั้น1ไปราว1ใน3

ทั้งห้างก็มีแค่เนี้ยล่ะครับ)

...แต่ห้างตามต่างจังหวัดที่บ้านเราก็ไม่เห็นเล็กนี่นา



แคธีเดินดูเสื้อผ้าจนทั่วห้างแล้วก็จบที่การลองเสื้อที่ร้านๆหนึ่ง

ถึงแม้จะลองแล้วไม่ซื้อแต่เสียงขอบคุณตามหลังตอนเราออกจากร้านยังฟังรื่นหูไม่ผิดกับคำทักทายตอนเราเข้าไปในร้านเลย

พนักงานญี่ปุ่นนี่ทำให้ผมอยากจะห่อกลับบ้านได้เสมอเลยนะ



ช่วงต่อไปเป็นเวลาของผมมั่ง ผมมุ่งหน้าไปสู่ร้าน muji

เนื่องจากอ่านเจอจากหนังสือนำเที่ยวเล่มนึงมาว่าร้านมูจิเนี่ยจะมีมุมสินค้าเจ๋งๆจากประเทศต่างๆอยู่

และสินค้าจากประเทศไทยที่มูจิเห็นว่าเจ๋งจนเลือกเข้ามาขายในร้านก็คือ...

น้ำจิ้มไก่แม่ประนอม!

ทำเอาผมอยากเห็นแม่ประนอมในร้านมูจิ

ผมก้มๆเงยๆเดินวนหาน้ำจิ้มแม่ประนอมอยู่2-3รอบก็ไม่เจอ ...สงสัยว่าสาขานี้จะไม่มี



รายการสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นรถกลับบ้านก็คือหาซื้อของไปทำเต้าส่วนให้โอโต้ซังและโอค่าซังลองกิน

เมื่อลงไปชั้นใต้ดินเพื่อจะหาซูเปอร์มาเกตผมก็ได้รู้ว่าห้างนี้เล็กเกินไปจนไม่มีซูเปอร์ฯ

แต่เรื่องแค่นี้หาทำให้ผมเลิกล้มความตั้งใจไม่!

ผมส่งแคธีผู้สื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ให้ไปถามเรื่องซูเปอร์จากคนแถวนั้นเอา



แล้วเราก็ได้เบาะแสจากคุณป้าคนนึงว่าจากห้างนี่เดินไป10นาทีจะถึงห้างจัสโก้

...ห้างที่เราอยู่ขณะนี้ห่างจากสถานีรถไฟราวๆ5นาที

ถ้าเดินไปจัสโก้อีก10นาที ตอนขากลับเราต้องเดิน15นาทีเพื่อมาสถานี

ก็ไกลอยู่นะแต่เพื่อทำของอร่อยให้โอโต้ซังและโอค่าซังได้กิน เรายอมเดินใช่มั้ยแคธี?

...ผมถามในใจและเดินนำไปลิ่วๆ



เมื่อมาถึงจัสโก้เราไม่มีเวลาไปสำรวจอย่างอื่นแล้วนอกจากมุ่งตรงไปที่ซูเปอร์อย่างเดียว

สิ่งแรกที่ผมมองหาสำหรับการทำเต้าส่วนคือกะทิ...

ผมและแคธีช่วยกันหาก็แล้ว แยกกันหาก็แล้วก็ยังหาไม่เจอจนเกือบ10นาทีผ่านไป

จนแคธีต้องไปถามคนญี่ปุ่นนั่นแหละถึงจะได้กะทิมาอยู่ในมือหนึ่งกระป๋อง

...ตอนหาผมก็มองหาแต่แบบกล่องซะด้วยสิ มิน่าถึงไม่เจอซักที



ด่านแรกเคลียร์ ด่านต่อไปที่ต้องหาก็คือถั่วเขียวซีก

...ซึ่งมันไม่มี (หรือหาไม่เจอก็ไม่รู้แต่เราไม่ได้ถามใครอีก)

*ขอเผาตัวเองซักดอกนะครับ แหะๆ

ตอนที่หาถั่วเขียวซีกเนี่ยผมดันใช้คำว่า dried green bean

ซึ่งหาให้ตายก็ไม่มีใครเค้าเอา green bean ไปอบ/ตากแห้งหรอกครับ

พอแคธีหยิบ green bean แบบสดขึ้นมาถามว่าใช่แบบนี้มั้ย

ไอ้ผมก็ดันโชว์โง่เพิ่มไปอีกว่าว่า green bean ที่ไทยมันเม็ดเล็กกว่านี้นะ!

พอกลับมาถึงไทยแล้วได้เข้าห้างผมรีบหยิบถั่วเขียวมาดูเลยว่าเค้าเรียกว่าอะไร

เค้าเรียกว่า mung bean ครับ เพล้งงงงงง

พอรู้ว่าถั่วเขียวคือ mung bean แล้วฉลาดล้ำโลกอย่างผมก็ระลึกได้ทันทีว่า...

green bean นั่นมันถั่วลันเตา(เว้ย)

พูดไปได้ว่า green bean ที่ไทยมันเม็ดเล็กกว่านี้นะ! อายโคตรๆ *



เมื่อหาถั่วเขียวไม่ได้ผมเลยแปลงสูตรโดยจะใช้ข้าวโพดแทน

ส่งภาษากับแคธีตั้งนานว่าไม่เอาข้าวโพดแห้งที่เอาไว้ทำป๊อปคอร์น

จะเอาข้าวโพดเม็ดแช่แข็งหรือไม่ก็ข้าวโพดกระป๋อง

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าซูเปอร์ญี่ปุ่นไม่มีทั้งสองอย่าง! (หรือไม่ก็มีแต่เราหาไม่เจอ อิอิ)

เราเลยต้องไปซื้อข้าวโพดฝักต้มซีลสูญญากาศอย่างดี(และแพง )แทน



ข้าวโพดต้ม5ฝัก กะทิ1กระป๋อง แคธีช่วยออกเงินมาส่วนนึงยังเหลือส่วนที่ผมต้องจ่ายอีกเกือบ900เยน

เมื่อรวมค่าขนมที่แคธีซื้อไปฝากโอโต้ซังและโอค่าซังอีก600เยน

ไหนจะค่าไอติม ค่าข้าวข้าว ค่ารถไฟที่ใช้ไปวันนี้อีก

ผมไม่กล้าคิดเป็นจำนวนเงินออกมากลัวอุณหภูมิในร่ายกายจะลดต่ำกว่า0องศา



ออกมาจากจัสโก้สิ่งที่เจอก็คือฟ้ามืดๆ(ทุ่มเศษแล้ว)และฝนปรอยๆ

แคธีขอตัวไปโทรบอกโอค่าซังว่าจะกลับถึงกี่โมง ให้มารับที่สถานีด้วย

ระหว่างที่แคธีโทรศัพท์อยู่ผมก็ไปเจอเข้ากับสิ่งที่กระตุ้นต่อมอยากลองขึ้นมาอีก

แฟนต้า(เฉยๆ)ซีโร่(โอ๊ะ!)รสไซเดอร์(โอ้!!!)

ควัก98เยนมาสนองนี้ดด่วน

ไม่รู้ว่าแคธีเคยกินแล้วหรือว่าที่แคนาดาก็มีขาย พอผมถามว่ากินมั้ยแคธีจึงปฏิเสธ

แล้วปล่อยให้ผมกินของไม่อร่อยอยู่คนเดียว...



อยากลองมากครับ ซื้อปุ๊บกินปั๊บ ลืมถ่ายตอนที่มีน้ำ แหะๆ
ป.ล. ไม่แน่ใจว่ารสไซเดอร์รึเปล่านะครับ แต่คุ้นๆว่าใช่




เดินมาจนถึงสถานีแบบเมื่อยๆและหิวนิดๆ แต่จะซื้ออะไรกินก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวตกรถไฟ

เลยเข้าไปซัดน้ำก๊อกในห้องน้ำสถานีประทังหิวไปก่อน เฮ่อ

สำหรับผมก็แค่เมื่อยและหิว แต่แคธีนั้นง่วงนอนจนพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว

พอขึ้นรถได้ ถามไถ่เวลาถึงสถานีปลายทางแล้วตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือ

ผมก็ปล่อยให้แคธีหลับไป แล้วผมก็หลับตาม 55



โอค่าซังมารับจากสถานีกลับถึงบ้านตอน21.30น. พออาบน้ำเสร็จก็นอนมันทั้งหิวๆนั่นแหละครับ ง่วงเหลือเกิน...



31502/558




 

Create Date : 09 มีนาคม 2554
7 comments
Last Update : 15 มีนาคม 2554 18:39:51 น.
Counter : 1426 Pageviews.

 

อ่านสนุกดีนะตอนนี้
ลุ้นๆ ว่าจะหาวัตถุดิบทำเต้าส่วนเจอหรือเปล่านะ 55+
แต่ก็เข้าใจดัดแปลงวัตถุดิบมาประยุกต์ใช้ดีนะ
เดี๋ยวเอาไว้รอดูขนมตอนหน้าดีกว่า ... ว่าแต่จะมีให้ดูมั๊ยล่า

 

โดย: sierra whiskey charlie 15 มีนาคม 2554 22:04:05 น.  

 

ตอนนี้จิตใจไม่ค่อยดีค่ะ เป็นห่วงคนที่ญี่ปุ่น จริงๆมีเรื่องอยากอัพมากมาย

 

โดย: เก่ง (keng_toshi ) 15 มีนาคม 2554 22:36:28 น.  

 

ขอบคุณค่าพี่คีย์สุดหล่อ(หล่อขึ้นมาทันใด ฮ่าๆ)

ตามมาเที่ยว..นี่ครึ่งทางรึยังคะเนี่ย
แผ่นดินไหวแล้วนะพี่คีย์
แล้วๆโอค่าซังกับโอโต้ซังปลอดภัยดีมั๊ยคะ

ดูข่าวแล้วหนักไม่เบา

 

โดย: ชะเอมหวาน 15 มีนาคม 2554 22:41:28 น.  

 

ถ้าเป็นคนไทยหน่อยไม่ได้นะ ลองแล้วไม่ซื้อเนี่ย .. ไล่ออกจากร้านแทบไม่ทัน ฮร่าๆ

 

โดย: akk IP: 203.158.4.226 16 มีนาคม 2554 11:34:39 น.  

 

อะไรกัน มีน้ำพริกแม่ประนอมในร้านมูจิบ้านเราด้วยเหรอ

เที่ยวญี่ปุ่นแบบหมาป่าที่ชอบกินไอติมนี่หนุกดีนะ

ว่าแต่ว่า...โชคดีจัง ที่คีย์ซังไม่ได้ไปญี่ปุ่นช่วงนี้

ไม่งั้นนะ คงหาร้านไอติมไม่ได้

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.194.124 17 มีนาคม 2554 12:59:39 น.  

 

แวะมาส่งข่าวค่ะ สบายดีมั้ยคะ ช่วงนี้ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือสารเคมีที่ระเบิด แต่ยังไงก็ยัง สู้ๆค่ะ

 

โดย: far_sexy1 18 มีนาคม 2554 19:38:35 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณคีย์ไม่ได้อยู่ญึ่ปุ่นใช่มั๊ยคะ
ว้าวมีน้ำจิ้มไก่ไทยด้วย ป็อปปูล่าไปทั่วเลย
เคธีนี่ว่านอนสอนง่ายจิงไรจิง อิอิ น่ารักจัง
เมื่อก่อนก็เรียก green bean แบบคุณคีย์ค่ะ
พอมาทำยำวุ้นเส้น ถึงบางอ้อ อ้าว mung bean หรอกหรือ
สุขสันต์ฺวันทำงานจ้า

 

โดย: CoffeeBake 18 มีนาคม 2554 21:37:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kirofsky
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บล็อกนี้ไม่ใช่บล็อกไร้สาระนะเพียงแต่...

แอบซ่อนสาระขนาดนาโนไว้ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

ถ้าผู้อ่านท่านใดต้องการสาระควรปฏิบัติตัวดังนี้

- อดทนต่อความไร้สาระที่เคลือบไว้หลายชั้นซะเหลือเกิน

- ทำสมองเบลอๆ (แบบที่ทำตาเบลอเวลาดูภาพสามมิติ) แล้วคุณอาจจะมองเห็นสาระที่แอบซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด

- ติดตั้งตะแกรงกรองสาระตาละเอียดที่สุดไว้ที่สมอง (ถ้าตะแกรงไม่ละเอียดจะไม่เหลือสาระติดตะแกรงนะเออ)

- ถ้าทำตามทุกข้อแล้วยังหาสาระไม่เจอก็ไม่ต้องแปลกใจ จากข้อมูลของสถาบันเอลิด้า ปารีสระบุว่ามีผู้อ่านบล็อกนี้เพียง0.000186%เท่านั้นที่หาสาระเจอ

..ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบครับ 555+
New Comments
[Add kirofsky's blog to your web]